Your Wishlist

ทะลุมิติเป็นแม่ใจโหดนักทำอาหาร (ตอนที่ 85 ลี่เฟิง ตอนพิเศษ 2)

Author: TealChair แปล

หลี่เหอฮว๋าทะลุมิติกลายเป็นหญิงสาวชาวบ้าน เจ้าของร่างเดิมเป็นหญิงร่างอ้วนที่สุดแสนจะเกียจคร้าน ทั้งยังจิตใจชั่วร้าย จู่ๆ ก็ต้องกลายเป็นคนที่ทุกคนเกลียดชัง เพื่อความอยู่รอดนางจะใช้ฝีมือทำอาหารที่ได้รับการสืบทอดมาจากชาติที่แล้วทำมาหาเลี้ยงตัวเอง พร้อมๆ กับแก้ไขความสัมพันธ์แม่ลูกให้พลิกฟื้นขึ้นมาให้จงได้

จำนวนตอน : 87 ตอนจบ (แปลแบ่งย่อยเป็น 153 ตอนจบ)

ตอนที่ 85 ลี่เฟิง ตอนพิเศษ 2

  • 11/01/2566

แม่หนูน้อยโหรวโหรวมักจะตามชูหลินออกไปวาดภาพข้างนอกอยู่เป็นประจำ โดยปกติชูหลินจะนั่งวาดภาพเงียบๆ ในขณะที่นางนั่งอยู่ด้านข้างบนเสื่อที่นำมาด้วยอย่างว่าง่าย พร้อมกับกินของว่างที่หลี่เหอฮว๋าเตรียมมาให้สำหรับสองพี่น้อง และรอจนชูหลินวาดภาพเสร็จแล้วนางถึงไปขอให้พี่ชายมาเล่นกับนาง

 

วันนี้ในขณะที่แม่หนูน้อยโหรวโหรวกำลังกินขนมพลางมองดูพี่ชายของนางวาดภาพตามปกติ จู่ๆ นางก็ได้ยินเสียงดังขึ้นไม่ไกลนัก มีเสียงร้องอย่างโหยหวนและเสียงร้องไห้อย่างเจ็บปวดดังขึ้นเป็นระยะ ทำให้นางซึ่งกำลังนั่งเบื่ออยู่พอดีเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นตามไปดู

 

โหรวโหรวมองไปยังชูหลินที่กำลังจดจ่ออยู่กับการวาดภาพแล้วลังเลใจเล็กน้อย พี่ชายบอกนางว่าอย่าวิ่งไปมาในขณะที่เขาวาดภาพอยู่ หากว่านางเดินออกไปในเวลานี้เขาจะโมโหหรือไม่? แต่หากนางเรียกพี่ชายของตนก็จะเป็นการรบกวนเขาในขณะที่เขากำลังวาดรูปอยู่ พี่ชายไม่ชอบให้ใครไปรบกวนเป็นที่สุด

 

แม่หนูน้อยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และตัดสินใจว่าจะไปแอบดูเงียบๆ เสร็จแล้วก็รีบกลับมา พี่ชายของนางคงไม่ทันรู้ตัว โหรวโหรวเดินตามหาที่มาของเสียงและพบว่ามีเด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งกำลังต่อสู้กันในถ้ำบนภูเขา เสียงเมื่อครู่นี้ดังมาจากที่นี่และคนที่ส่งเสียงร้องก็คือพวกเด็กผู้ชายเหล่านี้ที่บาดเจ็บอยู่

 

โหรวโหรวตระหนักว่านี่ไม่ใช่การต่อสู้แบบกลุ่ม แต่เป็นเด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งเข้าไปรุมเด็กผู้ชายหนึ่งคนที่ยืนอยู่กลางวงล้อม เด็กผู้ชายที่อยู่ตรงกลางต่อสู้กับเด็กเหล่านี้เพียงลำพังคนเดียว ทว่าเขาแข็งแกร่งยิ่งนัก มิได้เสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย กลับกันเขาจัดการกับกลุ่มของเด็กชายที่เข้าไปรุมล้อมเขาจนเด็กพวกนั้นต้องร้องออกมาเสียงดัง

 

เมื่อเห็นดังนั้น โหรวโหรวถึงกับอ้าปากกว้างจนน้ำลายเกือบจะหกออกมา ดวงตานางจ้องเขม็งไปยังเด็กผู้ชายที่ถูกล้อมกรอบผู้นั้น

 

พี่ชายตัวน้อยผู้นี้ช่างทรงพลังนัก ดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่านางมากทีเดียว

 

ในฐานะคนชอบฝึกยุทธ สิ่งที่เห็นตอนนี้สามารถดึงดูดแม่หนูน้อยโหรวโหรวได้อย่างจัง หัวใจของนางรู้สึกตื่นเต้น นางอยากรู้จริงๆ ว่านางต้องใช้สักกี่กระบวนท่าจึงจะสามารถต่อสู้กับพี่ชายตัวน้อยผู้นี้ได้

 

ด้วยความคาดหวังในใจเช่นนี้ โหรวโหรวจึงปีนขึ้นไปแอบดูอยู่บนต้นไม้ รอจนกระทั่งสุดท้ายกลุ่มของพวกเด็กผู้ชายถูกจัดการจนล้มลงไปกองกับพื้นและวิ่งหนีไปอย่างน่าสมเพชแล้ว นางจึงก้าวเท้าออกมาและตรงเข้าไปหาพี่ชายตัวน้อยที่เพิ่งถูกล้อมกรอบ

 

“พี่ชาย ท่านสุดยอดมากเลย~”

 

ลี่เฟิงกำลังก้มหน้าจัดเสื้อผ้าของตนเองด้วยสีหน้าเรียบเฉย เมื่อได้ยินเสียงนุ่มนวลน่ารักดังขึ้นทางด้านหน้าเขาจึงเงยหน้าขึ้นมองและเห็นแม่หนูน้อยที่อ่อนหวานน่ารักเฉกเช่นเดียวกับเสียงของนาง แม่หนูน้อยกำลังกะพริบตาปริบพร้อมกับมองเขาอย่างชื่นชม

 

ลี่เฟิงไม่รู้จักเด็กหญิงที่เหมือนเทพธิดาตัวน้อยผู้นี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ส่งเสียงตอบโต้แต่ก้มลงหยิบตะกร้าที่พลิกคว่ำอยู่และเก็บสมุนไพรที่หกเกลื่อนกลาดใส่ลงไปในตะกร้า จากนั้นก็เดินอ้อมตัวโหรวโหรวไปอย่างเงียบๆ

 

โหรวโหรวไม่เคยเห็นพี่ชายตัวน้อยคนใดปฏิบัติต่อนางอย่างเฉยชาเช่นนี้มาก่อน ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าพี่ชายคนนี้ช่างองอาจนัก ไม่เสแสร้ง ไม่เหมือนกับพวกเด็กผู้ชายที่น่ารังเกียจเหล่านั้นเลย

 

โหรวโหรวกลอกตาก่อนจะก้าวเท้าเดินตามเขาไปพร้อมกับพยายามชวนเขาพูดคุย “พี่ชาย ข้ามีนามว่าโหรวโหรว ท่านมีนามว่ากระไรหรือ?”

 

หลังจากถามไปแล้ว โหรวโหรวก็ไม่ได้ยินคำตอบจากอีกฝ่าย นางจึงเกาหัวพลางคิดว่าพี่ชายคงไม่อยากบอกชื่อของเขากับนาง นางจึงเปลี่ยนไปถามคำถามอื่น “พี่ชาย ข้าเห็นการต่อสู้ของท่าน ท่านสามารถเอาชนะคนกลุ่มนั้นได้ด้วยลำพังคนเดียว ช่างน่าทึ่งนัก!"

 

คนผู้นี้ก้าวเท้าเดินต่อไปโดยมิได้สนใจโหรวโหรวแม้แต่น้อย เขาทำเพียงหยุดเก็บสมุนไพรในยามที่เห็นมันเท่านั้น

 

เห็นดังนั้นโหรวโหรวจึงสังเกตสมุนไพรที่อยู่ในตะกร้าของเขาอย่างใกล้ชิด จากนั้นจึงช่วยเก็บสมุนไพรแล้วใส่ลงในตะกร้าของลี่เฟิง ลี่เฟิงชะงักไปเมื่อเห็นเช่นนั้น เขาตวัดสายตามองโหรวโหรวก่อนที่จะเก็บสมุนไพรต่อไปโดยไม่กล่าวกระไร

 

เมื่อเห็นว่าพี่ชายตัวน้อยไม่ปฏิเสธ โหรวโหรวก็ดีใจมาก นางช่วยเขาเก็บสมุนไพรต่อพร้อมกับพูดคุยกับเขาไปด้วย “พี่ชาย ท่านมีอาจารย์หรือไม่? อาจารย์ของท่านเก่งกาจมากเลยใช่หรือไม่?”

 

“พี่ชาย อาจารย์ของข้าก็เก่งมากเช่นกัน อาจารย์สอนวิชายุทธให้ข้าทุกวัน แต่ข้าคงไม่เก่งเท่ากับท่าน”

 

“พี่ชาย บ้านท่านอยู่ที่ใด ข้าขอไปหาอาจารย์ของท่านได้หรือไม่?”

 

“พี่ชาย”

 

โหรวโหรวพูดคุยไปตลอดทางไม่หยุด แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ตอบกลับนางสักคำเดียว นางก็ยังคงพูดคุยอย่างร่าเริง ในเวลานี้หากพวกเด็กผู้ชายที่ชอบวิ่งไล่ตามนางมาเห็นเข้าแล้วละก็คงตาร้อนด้วยความอิจฉาเป็นแน่

 

ในตอนที่กำลังจะเดินลงเขา ในที่สุดลี่เฟิงก็หยุดเดินและพูดประโยคแรกกับโหรวโหรวที่ยังคงติดตามเขาว่า “อย่าตามข้ามา”

 

โหรวโหรวเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เมื่อคิดว่าพี่ชายผู้นี้หาใช่คนปัญญาอ่อน เขาเพียงแต่ไม่ชอบพูดเท่านั้นเอง คิกคิก ช่างเหมือนกับพี่ชายของนางเลย

 

เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะเดินจากไปจริงๆ โหรวโหรวก็รีบเอื้อมมือออกไปคว้ามุมเสื้อของเขาเพื่อจะถามเขาว่าเขาพอจะประลองยุทธกับนางได้หรือไม่ ทว่ามีเสียง“แคว๊ก--”ดังขึ้น ทำให้โหรวโหรวถึงกับตะลึงงันไป

 

ชุดของพี่ชายถูกนางทำขาดเสียแล้ว

 

โหรวโหรวมองไปยังเศษผ้าขาดที่อยู่ในมือของนาง ความรู้สึกอับอายและรู้สึกผิดพุ่งทะยานขึ้น ใบหน้าของนางแดงก่ำอย่างผิดปกติ นางมองลี่เฟิงอย่างไม่สบายใจพลางพูดเสียงอ่อยว่า “พี่ชาย ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ”

 

ลี่เฟิงเม้มปากเมื่อเห็นว่าชุดที่สมบูรณ์เพียงชุดเดียวของตนถูกทำลายไปเช่นนี้ก็ได้แต่ทอดถอนใจอย่างอับจนปัญญา ทว่าในใจมิได้คิดตำหนิโหรวโหรวเลยแม้แต่น้อย เพราะว่านี่เป็นชุดเก่าที่เขาสวมใส่มานานมากแล้ว เป็นเสื้อผ้าชุดเก่าของท่านพ่อที่มีรอยปะชุนเป็นหย่อมๆ เวลาซักทำความสะอาดต้องทำอย่างระมัดระวัง มิฉะนั้นจะเสียหายได้ง่าย จึงไม่แปลกที่ตอนนี้ชุดจะขาด

 

ลี่เฟิงอยากรีบกลับบ้านเพื่อไปจัดการกับสมุนไพรเหล่านี้และนำไปขายในเมืองเพื่อแลกเป็นเงิน เขาไม่ต้องการเสียเวลาอยู่ที่นี่จึงส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “ไม่เป็นไร เจ้ากลับไปได้แล้ว ไม่ต้องตามข้ามา” หลังกล่าวกับโหรวโหรวแล้วก็เดินออกไปทันที

 

โหรวโหรวรู้สึกไม่สบายใจ นางควรจ่ายค่าเสื้อผ้าที่เสียหายของผู้อื่น หากวันนี้จากไปนางคงไม่สามารถตามหาพี่ชายตัวน้อยผู้นี้เจออีกครั้ง และคงอดประลองฝีมือกับพี่ชาย อีกทั้งคงไม่อาจคืนเสื้อผ้าให้กับพี่ชายได้ หลังครุ่นคิดถึงเรื่องนี้แล้ว โหรวโหรวจึงตั้งใจว่าจะติดตามพี่ชายต่อไปเพื่อดูว่าพี่ชายอาศัยอยู่ที่ใด

 

โหรวโหรวเดินตามลี่เฟิงไปเงียบๆ กระทั่งมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่เชิงเขา และเห็นเขาเข้าไปในกระท่อมมุงหญ้าคาที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน

 

กระท่อมมุงหญ้าคามีสภาพที่ทรุดโทรมมาก หญ้าแห้งบางส่วนบนหลังคาปลิวว่อน ประตูหน้าบ้านผุพังราวกับว่ามันจะพังครืนลงมาได้ทุกขณะ

 

โหรวโหรวขมวดคิ้ว เมื่อเห็นว่าพี่ชายตัวน้อยไม่ได้ปิดประตูจึงเดินตามเข้าไปเงียบๆ ทว่าสิ่งที่นางเห็นคือสภาพที่เลวร้ายยิ่งกว่าจากที่เห็นภายนอกเสียอีก

 

ดูเหมือนพี่ชายตัวน้อยจะแร้นแค้นมากทีเดียว นางกลับทำให้เสื้อผ้าของเขาขาดเสียได้ ไม่ควรเลยจริงๆ

 

โหรวโหรวจ้องมองสภาพในห้องหลักอย่างเหม่อลอย เมื่อลี่เฟิงเดินออกมาจากห้องครัวและเห็นว่าแม่หนูน้อยยังคงเดินตามเขามาก็ขมวดคิ้ว เอ่ยน้ำเสียงขึงขังด้วยท่าทีน่ากลัวเล็กน้อย “เจ้าตามข้ามาต้องการอันใด?”

 

โหรวโหรวกะพริบตา มองไปยังแขนขวาที่เปิดเผยอยู่ครึ่งหนึ่งของลี่เฟิง นางไม่เอ่ยถึงเสื้อผ้า แต่พูดไปถึงอีกจุดประสงค์หนึ่งว่า “พี่ชาย ข้าคิดว่าท่านเก่งกาจยิ่งนัก ท่านจะประลองฝีมือกับข้าได้หรือไม่? มาเรียนรู้วิชายุทธซึ่งกันและกัน ดีหรือไม่?”

 

ลี่เฟิงขมวดคิ้วแน่นด้วยแววตาอดกลั้นอยู่บ้าง “ข้าไม่มีเวลาเล่นสนุกกับเจ้า เจ้ากลับไปได้แล้ว”

 

“โอ้” โหรวโหรวจับชายเสื้อของตนโดยไม่ได้คิดฝืนใจ พลางคิดว่าค่อยลองใหม่ในครั้งหน้าก็แล้วกัน นางหันไปมองชามที่ในมือของลี่เฟิง เมื่อพบว่ามันเป็นโจ๊กที่ใสราวกับน้ำก็เม้มริมฝีปากเน้นทันที

 

ยิ่งไปกว่านั้น โหรวโหรวยังพบว่าพี่ชายตัวน้อยผู้นี้ดูเหมือนจะอาศัยอยู่ลำพังคนเดียวในบ้าน นางไม่เห็นท่านพ่อท่านแม่ของเขาจึงถามว่า “พี่ชาย คนในครอบครัวของท่านไปอยู่ไหนหมด? ไฉนจึงไม่เห็นพวกเขาเลย? "

 

ลี่เฟิงนั่งลงที่โต๊ะแล้วดื่มโจ๊กเงียบๆ ตั้งแต่เช้ามาเขายังไม่ได้กินอะไรลงท้องจึงรู้สึกหิวจนไร้เรี่ยวแรงจะขับไล่โหรวโหรวออกไป ถึงอย่างไรในบ้านของเขาก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล นางก็แค่มองเท่านั้น ตราบใดที่ไม่รบกวนเขาก็พอ

 

ด้วยเหตุนี้ โหรวโหรวจึงนั่งลงอีกฝั่งของโต๊ะแล้วเฝ้ามองลี่เฟิงดื่มโจ๊ก

 

หลังจากลี่เฟิงดื่มโจ๊กเสร็จ โหรวโหรวก็เฝ้าดูลี่เฟิงไปล้างหม้อและถ้วยชาม ฝ่าฟืน จัดการกับสมุนไพร ตักน้ำและต้มน้ำร้อน เขาจัดการทำทั้งหมดนี้ด้วยลำพังคนเดียว

 

ในใจโหรวโหรวเริ่มสงสัยมากขึ้น พี่ชายตัวน้อยผู้นี้ยังเป็นเด็กอยู่เลย ไยเขาต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง? นี่เป็นเรื่องที่ยากลำบากไม่น้อย ไม่น่าแปลกใจเลยที่พี่ชายจะผ่ายผอมถึงเพียงนี้

 

โหรวโหรวมองลำแขนของลี่เฟิงซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่เท่าแขนของตนแล้วก็ให้รู้สึกเศร้าใจอยู่บ้าง นางตัดสินใจจะช่วยเขาทำงาน ทว่าลี่เฟิงเมินเฉยต่อนางและไม่สนใจราวกับมองไม่เห็นว่ามีคนคนหนึ่งอยู่ด้วย จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดินและฟ้าเริ่มมืด เขาถึงเอ่ยเตือนขึ้นมาเบาๆ ว่า “ค่ำแล้วเจ้ายังไม่กลับบ้าน ท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าไม่เป็นห่วงหรือ?”

 

คำว่า “ท่านพ่อท่านแม่” ทำให้โหรวโหรวสะดุ้งโหยงราวกับถูกสายฟ้าฟาด นางกระโดดพร้อมกับส่งเสียงร้อง “อ๊าก—จบสิ้นแล้ว จบสิ้นแล้ว ข้าลืมพี่ชายข้าไปเสียสนิท เขาจะต้องตามหาข้าเป็นแน่ คืนนี้ข้าจะต้องถูกท่านแม่ตีอีกแล้ว--”

 

โหรวโหรวรีบวิ่งออกไปที่ประตู ขณะที่วิ่งก็ตะโกนไปทางด้านหลัง “พี่ชาย แล้วเจอกันใหม่”

 

ลี่เฟิงมองตามแม่หนูน้อยตัวร้ายพลางส่ายหน้า จากนั้นจึงก้มหน้าทำเรื่องของตนเองต่อไป

 

ทว่าเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แม่หนูน้อยที่เพิ่งวิ่งออกไปได้วิ่งกลับเข้ามาอย่างไม่คาดคิด จากนั้นนางก็ยัดห่อของบางอย่างใส่ลงในอ้อมแขนของเขา “นี่ ให้ท่าน”

 

ก่อนที่ลี่เฟิงจะทันเห็นว่ามันคือสิ่งใด แม่หนูน้อยก็วิ่งออกไปอีกครั้งและหายลับตาไป

 

ลี่เฟิงมองห่อผ้าสีขาวสะอาดในอ้อมแขนของตน ชะงักไปชั่วครู่ เช็ดมือกับร่างกายของตนก่อนจะค่อยๆ เปิดห่อผ้าออก เผยให้เห็นขนมถั่วแดงสีสวยสามชิ้นอยู่ด้านใน

 

ลี่เฟิงมองดูขนมถั่วแดงอยู่นานก่อนที่จะค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองไปยังทิศทางที่เทพธิดาตัวน้อยวิ่งจากไป มุมปากของเขายกโค้งขึ้นเล็กน้อย

 

อีกด้านหนึ่งแม่หนูน้อยโหรวโหรวถูกท่านแม่ของนางเฆี่ยนตีอย่างโหดร้าย ร่างกายของนางราวกับดอกไม้ดอกเล็กๆ ที่บอบช้ำ ดูน่าสงสารยิ่งนัก

 

กระนั้นก็ตาม แม่หนูน้อยกำเนิดมาพร้อมกับพลังจิตใจอันแข็งแกร่ง แม้จะถูกตีอย่างน่าสงสาร ทว่าในวันรุ่งขึ้นนางก็กลับมาสบายดีอีกครั้ง นางรู้ว่านางไม่สมควรทำให้คนในครอบครัวต้องวิตกกังวล เมื่อวานนี้เป็นความผิดของนางโดยแท้ ดังนั้นนางจึงไปหาหลี่เหอฮว๋าแล้วพูดกับท่านแม่ของนางว่า “ท่านแม่ เมื่อวานนี้ข้าพบพี่ชายคนหนึ่งบนภูเขา เขาเก่งกาจยิ่งนัก สามารถต่อสู้เอาชนะเด็กผู้ชายหลายคนได้ ข้าอยากจะคุยกับเขา แต่สุดท้ายกลับไปทำลายเสื้อผ้าของเขาเข้า ท่านแม่ พี่ชายผู้นั้นดูยากไร้นัก ข้าอยากชดใช้เสื้อผ้าให้แก่เขา”

 

หลี่เหอฮว๋ารู้ว่าเมื่อวานนี้บุตรสาวไปเล่นกับเด็กผู้ชายมา แต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น นางจึงตอบตกลงโดยไม่คิดมาก ไปหาซื้อเสื้อผ้าตามคำอธิบายของบุตรสาวมาให้ทันที แล้วบอกให้โหรวโหรวนำไปชดใช้ผู้อื่น

 

โหรวโหรวดีใจมาก เมื่อนางไปที่ภูเขากับชูหลินเพื่อไปวาดภาพอีกครั้ง นางบอกชูหลินถึงตำแหน่งที่อยู่ที่แน่นอนและเมื่อชูหลินพยักหน้าตกลง นางก็วิ่งไปที่บ้านของลี่เฟิงอย่างมีความสุข

 

เพียงแต่ไม่มีผู้ใดอยู่ในบ้านและประตูก็ถูกปิดไว้ โหรวโหรวรออยู่เป็นเวลานาน เมื่อรู้สึกปวดขานางจึงนั่งรอที่ประตู นั่งรอจนเกือบหลับก่อนที่ผู้ที่นางรอได้กลับมาถึง

 

“พี่ชาย ท่านกลับมาแล้ว!” โหรวโหรวรีบลุกขึ้นยืน

 

ลี่เฟิงมองไปที่แม่หนูน้อยที่มาปรากฏตัวอีกครั้ง เขาเม้มปากพร้อมกับเปิดประตูเงียบๆ

 

โหรวโหรวไม่เกรงใจเดินตามลี่เฟิงเข้าไปในบ้าน วางห่อของลงบนโต๊ะแล้วเปิดออก หยิบเสื้อผ้าข้างในออกมาส่งให้ลี่เฟิง “พี่ชาย เสื้อผ้านี่ข้าชดใช้ให้ท่านที่ครั้งก่อนทำให้ชุดของท่านขาด”

 

ลี่เฟิงมองเสื้อผ้าที่อยู่ตรงหน้าพลางส่ายหน้า พูดด้วยน้ำเสียงสงบไม่แสดงอารมณ์ว่า “ข้าไม่ต้องการ เจ้าเอากลับไปเถิด” เสื้อผ้าของเขาเป็นของไร้ค่า

 

โหรวโหรวร้อนใจ “เหตุใดท่านถึงไม่ต้องการเล่า ข้าชดใช้ให้ท่าน ชดใช้ที่ทำเสื้อผ้าของท่านเสียหาย”

 

ลี่เฟิงไม่ตอบ หันหลังกลับไปที่ครัวเพื่อทำอาหาร

 

โหรวโหรวเกาศีรษะ ห่อของกลับตามเดิมแล้วตามเขาเข้าไปในครัว เมื่อพบว่าเขากำลังทำโจ๊กอีกครั้งก็เกิดความรู้สึกเศร้าใจขึ้นมาอีกครั้ง นางไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่นางแค่รู้สึกว่าพี่ชายตัวน้อยผู้นี้ทำให้นางรู้สึกอัดอั้นใจ นางอยากให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น

 

“พี่ชาย ท่านพ่อท่านแม่ของท่านอยู่ที่ใด เหตุใดต้องให้ท่านทำสิ่งเหล่านี้เองด้วย ท่านทำงานหนักนัก” ไฉนท่านพ่อท่านแม่ถึงไม่รักใคร่ทะนุถนอมพี่ชายเอาเสียเลย

 

ลี่เฟิงยังคงก่อไฟต่อไป และในตอนที่โหรวโหรวยอมรับว่าเขาเมินเฉยต่อนาง เขาก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่มีพ่อแม่” นายท่านที่รับเขามาเลี้ยงดูก็ได้จากไปแล้วเช่นกัน

 

โหรวโหรวอ้าปากค้างอย่างพูดไม่ออก ทว่าดวงตาของนางฉายความเจ็บปวด

 

หลังจากนั้นโหรวโหรวก็พูดคุยเรื่องน่าสนใจต่างๆ ที่เกิดขึ้นในร้านอาหารให้ลี่เฟิงฟัง ในขณะที่เล่าเรื่องไปนางก็หัวเราะไปด้วยโดยมิได้สนใจใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของลี่เฟิงเลยสักนิด

 

นางพูดไปจนถึงเวลาที่ตกลงไว้กับชูหลิน โหรวโหรวไม่กล้าชักช้า นางรีบลุกขึ้นและวิ่งออกไปข้างนอก “พี่ชาย ข้าต้องกลับบ้านแล้ว ครั้งหน้าข้าจะมาเล่นกับท่านใหม่” พูดแค่นั้นนางก็หายตัวไป

 

ลี่เฟิงชะงักและมองไปทางประตูอีกครั้งด้วยความรู้สึกสับสน

 

นับจากวันนั้นเป็นต้นมา โหรวโหรวได้กลายเป็นแขกประจำของบ้านลี่เฟิง บ่อยครั้งนางจะนำอาหารอร่อยๆ ที่หลี่เหอฮว๋าเป็นคนทำมาให้ลี่เฟิง เมื่อลี่เฟิงปฏิเสธ นางก็จะทำท่างอแงราวกับเด็กทารก สรุปได้ว่าลี่เฟิงก็ไม่อาจทำอะไรได้เลย

 

ทุกคนในครอบครัวต่างก็รู้ว่าโหรวโหรวจะออกไปพบกับพี่ชายตัวน้อยข้างนอก เขาเป็นเด็กกำพร้าที่น่าสงสารมาก โหรวโหรวชอบเขามากและจะไปหาเขาทุกๆ สองวัน

 

ในวันเทศกาลวันไหว้บะจ่าง* คนในครอบครัวกำลังดื่มชาหลังอาหารเย็น โหรวโหรวหยิบถุงกระดาษน้ำมันขึ้นมาหลายใบแล้วใส่อาหารพวกเนื้อ ผลไม้ และขนมเข้าไป

*ตรงกับวันที่ 5 เดือน 5 ตามปฏิทินจันทรคติ เป็นวันระลึกถึงชีหยวนผู้เป็นขุนนางผู้รักชาติที่มีคุณธรรม

 

จางหลินซื่อรู้สึกงุนงง “โหรวโหรว เจ้ากำลังทำอะไร?”

 

โหรวโหรวพูดว่า “ข้าจะห่อของอร่อยๆ ไปให้พี่ชายตัวน้อยของข้าผู้นั้น เขาไม่มีแม้แต่ครอบครัวที่รักใคร่เอ็นดูเขา ดังนั้นข้าต้องดูแลเขาให้มากหน่อย”

 

จางหลินซื่อตกตะลึง ในขณะที่คนอื่นๆ ในครอบครัวต่างก็หัวเราะไม่ออกร่ำไห้ไม่ได้

 

จางชิงซานรู้สึกขบขันจนหัวเราะเสียงดังพลางหยิกแก้มหลานสาวตัวน้อยของตน “โหรวโหรว ไฉนอาจึงรู้สึกว่าเจ้าได้เจอกับสามีเด็กอุปถัมภ์เลยเล่า?”

 

โหรวโหรวเงยหน้าขึ้น ถามด้วยความสงสัย “ท่านอา สามีเด็กอุปถัมภ์คืออะไรหรือเจ้าคะ?”

 

จางชิงซานอธิบายยิ้มๆ “สามีเด็กอุปถัมภ์ก็คือสามีตัวน้อยที่อาศัยอยู่กับเจ้ามาตั้งแต่เด็ก เขาจะเติบโตขึ้นมาในครอบครัวของเจ้า อาศัยอยู่ในบ้านของเจ้า รอจนพวกเจ้าเติบใหญ่ขึ้นเขาก็จะแต่งงานกับเจ้าโดยที่เจ้ายังอาศัยอยู่ในบ้านของตัวเองต่อไปได้”

 

จางหลินซื่อทุบหลังของจางชิงซาน “เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรกับโหรวโหรว! หาใช่เรื่องที่สมควรเลยนะ”

 

ภรรยาของจางชิงซานก็ตีเขาเช่นกัน “โหรวโหรวยังเด็กมาก อย่าพูดจาไร้สาระกับนาง”

 

จางชิงซานถูกทุบตีจนต้องร้องขอความเมตตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่าแววตาของแม่หนูน้อยกลับสว่างวาบขึ้น ใช่แล้ว หากพี่ชายลี่เฟิงเป็นสามีเด็กของนาง เขาก็จะสามารถกลับมาอยู่ที่บ้านกับนางและวันข้างหน้าท่านพ่อท่านแม่ก็จะรักเขาด้วยเช่นกันใช่หรือไม่? ท่านพ่อท่านแม่มิได้เคยพูดหรอกหรือว่าพวกท่านไม่เต็มใจให้นางแต่งออกไป? หากนางได้อยู่ที่บ้านตลอดไปคงเป็นเรื่องที่ดีมาก หากมีสามีเด็กในอนาคตนางจะได้ไม่ต้องแต่งออกไปและได้อยู่เคียงข้างท่านพ่อท่านแม่ไปตลอดชีวิตใช่หรือไม่?

 

ยิ่งคิดโหรวโหรวก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องยิ่งนัก นางประกบมือเข้าด้วยกันและตัดสินใจว่า นางต้องการให้พี่ลี่เฟิงเป็นสามีเด็กและเป็นสามีในอนาคตของนาง

 

“ท่านพ่อท่านแม่ ท่านย่า ท่านพี่ ท่านอา ท่านอาสะใภ้ ข้าไปก่อนละ! ข้าจะออกไปหาสามีเด็กของข้า!” แล้วแม่หนูน้อยวิ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

ทั้งครอบครัวมองตามหลังไปอย่างตะลึงงัน จากนั้นจางชิงซานก็ถูกทุบตีอีกครั้ง

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป