เมื่อกลับมาถึงบ้านหลี่เหอฮว๋าก็เทน้ำใส่ถังเก็บน้ำก่อนจะวางถังไม้ลง นางไม่อยากมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับคนอื่นอีกแล้ว ไว้รอเวลาที่ไม่มีใครตอนช่วงพลบค่ำนางค่อยกลับออกไปใหม่อีกครั้ง
เมื่อวานนี้ทำความสะอาดห้องครัวไปแล้ว วันนี้ทำความสะอาดบ้านดีกว่า ห้องนอนเจ้าของร่างเดิมยังกับคอกหมู หากมีทางเลือกนางไม่แม้แต่อยากจะเหยียบเข้าไปในห้องนั้น
ทันทีที่คิดนางก็ลงมือทำ หลี่เหอฮว๋าเทน้ำใส่อ่างแล้วหาผ้าขี้ริ้วมา จากนั้นก็เริ่มเช็ดถูสิ่งของต่างไปทีละห้อง ระหว่างที่เช็ดทำความสะอาดนางก็จัดวางสิ่งของต่างๆ ให้เป็นระเบียบไปด้วย ทิ้งของเลอะเทอะที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ออกไป หลังจากเช็ดทุกอย่างแล้วจึงหยิบไม้กวาดมากวาดพื้น
แม้ว่าบ้านหลังนี้จะไม่ใหญ่นัก แต่การทำความสะอาดก็ไม่ใช่เรื่องยาก นางรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและเต็มไปด้วยเหงื่อ ชุดที่ใส่เปียกชุ่มไปหมด นางถึงกับหายใจหอบไม่หยุด
ทว่าเมื่อได้เห็นบ้านที่สะอาดเอี่ยมอ่องแล้ว นางก็รู้สึกมีความสุขมาก
หลี่เหอฮว๋ารื้อผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนที่สกปรกอย่างมากบนเตียงออกมาทั้งหมด ใส่ลงไปในอ่างซักล้างขนาดใหญ่แล้วลากออกไปที่ลานบ้าน เทน้ำใส่ลงไปในอ่างแล้วแช่ทิ้งไว้ก่อนที่จะเอามาซัก
ในตอนที่กำลังจะไปหาไม้ซักผ้าหลี่เหอฮว๋าก็ได้ยินเสียงดังเอะอะทางด้านนอก ตามมาด้วยเสียงตะโกนว่า “หลี่เหอฮว๋า เจ้าออกมาเจอข้าเดี๋ยวนี้นะ!”
จากนั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่หลี่เหอฮว๋าจะต้องเดินออกไป คนกลุ่มใหญ่ได้เดินเข้ามาในลานบ้านแล้ว
หลี่เหอฮว๋าสังเกตเห็นผู้หญิงคนที่เจอที่บ่อน้ำอยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้นด้วย ยามนี้นางกำลังเช็ดน้ำตาของตัวเองอยู่
เห็นได้ชัดว่านี่คือการหาเรื่องเอาคืน เฮอะ ดูเหมือนตัวร้ายผู้นี้จะชิงฟ้องร้องก่อน
ทันทีที่ชายในวัย 20 ปีเข้ามาถึง เขาก็ชี้หน้าหลี่เหอฮว๋าพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ “หลี่เหอฮว๋าเจ้ากล้าดียังไงมาทำร้ายแม่ข้า? หรือเจ้าเบื่อชีวิตแล้ว!”
ชายอีกคนก็ตะโกนอย่างโมโหว่า “ถ้าพวกข้าไม่ได้รับคำอธิบายที่น่าพอใจในวันนี้เป็นได้เห็นดีกันแน่!”
หลี่เหอฮว๋าขมวดคิ้วก่อนจะสะบัดน้ำออกจากมือของตน “จะได้เห็นดีอะไร? ข้าไปทำอะไร? ช่วยอธิบายให้กระจ่างด้วย!”
ชายคนแรกสูดหายใจเสียงหนักก่อนจะด่าอย่างหยาบคายว่า “เจ้าเป็นบ้าอะไร? หญิงหน้าหนาไร้ยางอาย! เจ้าตีแม่ข้าแล้วยังจะมาถามพวกข้าอีกหรือว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“ฮึ!” หลี่เหอฮว๋าแค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา “ตาคู่ไหนของเจ้าที่เห็นว่าข้าตีแม่ของเจ้า? พวกเจ้าคนไหนเห็นด้วยตาของตัวเองบ้าง? ก้าวออกมาบอกข้าหน่อย”
คนที่ยืนอยู่รอบๆ ต่างหันมามองหน้ากันเนื่องจากไม่มีใครเห็นเหตุการณ์จริงๆ
อากัปกิริยาของหญิงผู้นั้นที่กำลังร้องไห้อยู่ก็ชะงักค้างไปด้วยเช่นกัน นางแอบประหลาดใจว่าเหตุใดวันนี้หลี่เหอฮว๋าถึงได้เฉลียวฉลาดขึ้น ก่อนหน้านี้นางเคยเป็นคนทื่อๆ ที่พร้อมจะพุ่งเข้าชนเสมอ เหตุใดวันนี้นางกลับนึกถึงเรื่องหาพยานขึ้นมาได้?
แต่ไม่ว่ายังไง วันนี้ตนจะไม่ยอมให้นางตัวดีรอดพ้นไปได้
หญิงผู้นั้นกลอกตาพลางจับแขนบุตรชายคนโตของตนไว้พร้อมกับร้องคร่ำครวญ “จู้จื่อ เจ้าต้องคืนความยุติธรรมให้แม่ของเจ้านะ หลี่เหอฮว๋าทุบตีข้าจริงๆ แล้วยังผลักข้าอย่างแรงด้วย กระดูกแก่ๆ ที่น่าสงสารอย่างข้าเกือบลุกขึ้นไม่ไหว ฮือฮือ...”
อู๋ต้าจู้ตบหลังมือมารดาของตนเบาๆ “ท่านแม่ไม่ต้องห่วง ข้าจะต้องทำให้นางมีคำอธิบายให้ท่านให้จงได้!” หลังพูดจบเขาก็หันหน้ามาจ้องหลี่เหอฮว๋า “นางตัวดี เจ้าจะไม่ยอมรับว่าทำร้ายผู้อื่นใช่หรือไม่! แม่ข้าบอกว่าเจ้าทำร้ายนาง เจ้าจะเถียงอย่างนั้นหรือ!”
หลี่เหอฮว๋าไม่กลัว “น่าขำ! แม่ของเจ้าพูดว่าข้าตีนาง ข้าก็ต้องตีนางอย่างนั้นหรือ? อย่างนั้นแม่ของเจ้าบาดเจ็บตรงที่ใดบ้าง? แสดงให้ทุกคนได้เห็นหน่อย?” นางไม่ได้ทำร้ายหญิงผู้นี้เลย อยากจะรู้นักว่าพูดได้อย่างไรนางทุบตีคน
หญิงผู้นั้นมีท่าทางที่ไม่ดีนัก นางร้องไห้พลางเช็ดน้ำตาไม่หยุด “เจ้าผลักข้าอย่างแรงจนข้าล้มลงบนพื้น เจ้าว่าข้าจะบาดเจ็บที่ใดเล่า? เจ้ายังจะต้องการให้ข้าเปิดให้ดูอีกหรือ? จิตใจของเจ้าทำด้วยอะไร!”
หลี่เหอฮว๋ารู้สึกว่าตนเองได้เปิดหูเปิดตายิ่งแล้ว นางเข้าใจแล้วว่าความไร้ยางอายเป็นอย่างไร ดี ในเมื่อไร้ยางอายเช่นนี้นางก็ยินดีต้อนรับ
หลี่เหอฮว๋าเหยียดมือที่มีรอยเลือดที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยแผลน่ากลัว “เอาล่ะ แล้วเรื่องที่เจ้าทำร้ายข้าเจ้าจะว่าอย่างไร? เจ้าทำให้มือทั้งสองข้างของข้าได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่? เช่นนั้นมาคุยกันให้รู้เรื่อง”
พอเห็นมือของหลี่เหอฮว๋า หญิงผู้นั้นก็หรี่ตาลง อึดใจต่อมานางก็ตอบโต้เสียงดังลั่น “เจ้ามันไร้สาระ ข้าไปทำร้ายเจ้าเมื่อไหร่กัน! เจ้าทำตัวเอง!”
หลี่เหอฮว๋าหัวเราะออกมาก่อนจะย้อนคำที่อู๋ต้าจู้เพิ่งกล่าว “เจ้าจะไม่ยอมรับว่าทำร้ายผู้อื่นใช่หรือไม่! ข้าบอกว่าเจ้าทำร้ายข้า เจ้าจะเถียงอย่างนั้นหรือ!”
“เจ้า!” คนในบ้านสกุลอู๋ต่างสะอึกกับคำพูดของหลี่เหอฮว๋า
ถึงตอนนี้กลุ่มคนที่มาดูเรื่องตื่นเต้นก็ตะโกนขึ้นมา “เถียซานมาแล้ว”
จากนั้นฝูงคนก็ขยับเปิดทางให้ชายผู้หนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาจากด้านนอก
พอหลี่เหอฮว๋าเหลือบสายตาไปมองผู้ที่กำลังเดินเข้ามาก็อดที่จะรู้สึกใจเต้นไม่ได้ ช่าง‘man’*อะไรอย่างนี้! กะด้วยสายตาแล้วน่าจะสูงอย่างต่ำ 1.80 เมตร รูปร่างสูงสง่าแข็งแกร่ง คิ้วดาบ ดวงตาเป็นประกายดุจดวงดารา ผิวสีแทนช่วยส่งเสริมความงามแห่งบุรุษเพศให้กับเขา
*ต้นฉบับใช้คำภาษาอังกฤษว่า ‘man’
ไม่คิดเลยว่าในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ยังมีบุรุษที่น่าทึ่งเช่นนี้อาศัยอยู่ด้วย
ที่จริงแล้วหลี่เหอฮว๋าเป็นคนที่มีนิสัยเฉพาะอย่างหนึ่งซึ่งทุกคนที่รู้จักนางจะรู้ดีว่านางเป็นคนที่มีมาตรฐานสูงในเรื่องรูปร่างหน้าตา เรียกได้ว่าเป็นสมาชิกตัวเป้งของสมาคมผู้ชื่นชอบคนหน้าตาดี ไม่ใช่ว่านางจะถูกล่อลวงหรืออะไร แต่สำหรับคนที่หน้าตาดีแล้วนางจะรู้สึกรักเอ็นดูพวกเขาเป็นพิเศษ อยากจะจ้องมองพวกเขาอยู่อย่างนั้นอย่างห้ามใจไม่ได้
เพื่อนของนางบ่นว่านางในเรื่องนี้มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว
ยามที่เห็นคนผู้นี้เดินเข้ามา หลี่เหอฮว๋าจึงจับจ้องมองเขาโดยไม่รู้ตัว กระทั่งได้ยินเสียงของหญิงผู้นั้นที่ส่งเสียง ‘อ๊า’ ออกมานางถึงได้สติ
“เถียซาน ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว เจ้าต้องให้คำอธิบายกับข้ามานะ หลี่เหอฮว๋าผู้นี้รังแกผู้อื่นเกินไปแล้ว ทำร้ายลูกสาวข้าเช่นนั้นยังไม่พอ ตอนนี้ยังมาทำร้ายหญิงชราอย่างข้าอีก เจ้าจะปล่อยเอาไว้เฉยๆ ไม่ได้นะ”
หลี่เหอฮว๋ายังไม่มีเวลาได้ใคร่ครวญถึงสิ่งที่หญิงผู้นี้พูด นางจับใจความได้เพียงแค่เศษเสี้ยวเดียวว่า ชายผู้นี้คือเถียซาน! หญิงผู้นี้เคยพูดว่านางมีสามีชื่อเถียซาน เป็นเขาหรือ? ไม่จริง ผู้ชายเช่นนี้จะมาแต่งงานกับผู้หญิงอย่างเจ้าของร่างเดิมได้อย่างไรกัน? ช่างไม่คู่ควรกันเอาเสียเลย
ในขณะที่หลี่เหอฮว๋ากำลังคิดอย่างเหม่อลอยอยู่นั้น จางเถียซานก็หันมามองนาง พอเห็นว่าท่าทางของนางดูราวไม่ใส่ใจไยดีกับสิ่งใด เขาก็กำหมัดแน่นพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ อย่างสะกดกลั้นโทสะในใจ จากนั้นก็กล่าวว่า “อาสะใภ้ ข้าต้องขอโทษท่านด้วยในเรื่องนี้ ข้าจะสั่งสอนนางเอง ท่านต้องการค่าชดเชยสักเท่าใด? บอกข้ามาเถิด ข้าจะชดใช้ให้ท่าน”
คำพูดนี้ทำให้คิ้วของหญิงผู้นั้นเลิกสูงขึ้น นางส่งสายตามองไปที่หลี่เหอฮว๋าอย่างภาคภูมิใจ แล้วหันไปกล่าวกับจางเถียซานด้วยท่าทางจริงจังว่า “อาสะใภ้คนนี้เห็นเจ้าเติบใหญ่ขึ้นมา ยังจะเอาเงินจากเจ้าได้อีกหรือ? อาสะใภ้แค่อยากจะบอกว่าหญิงผู้นี้ไม่มีค่าอะไรเลยจริงๆ ไม่รู้จะลากเจ้าให้ต้องตกต่ำลงไปด้วยถึงไหน เจ้าควรเลิกกับนางเสียแต่ตอนนี้ อย่าเก็บมารร้ายเช่นนี้ไว้”
จางเถียซานไม่ได้ตอบกลับคำพูดของหญิงผู้นั้น แต่กล่าวว่า “อาสะใภ้ เรื่องที่สมควรจะชดเชยย่อมจะต้องชดเชย นี่ขอรับ 50 อีแปะพอหรือไม่?”
หญิงผู้นั้นมองเงินที่ส่งมาให้แล้วแสดงอาการลังเลเล็กน้อย ทว่าอู๋ต้าจู้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ดันเงินกลับไป “เถียซาน พวกเราเติบโตมาด้วยกัน พวกข้าจะเอาเงินจากเจ้าได้อย่างไร ที่พวกข้ามาที่นี่ก็แค่ต้องการคำขอโทษ หญิงในบ้านเจ้าผู้นี้ทำเกินไปจริงๆ เจ้าเอาเงินกลับไปเถิด ถ้ายังให้อีกข้าจะถือว่าเจ้าไม่นับว่าข้าเป็นพี่น้องกับเจ้า”
เมื่อเห็นอู๋ต้าจู้ยืนกรานเช่นนั้น จางเถียซานก็ไม่ดึงดันต่อ เขาเก็บเงินกลับก่อนที่จะหันไปมองหลี่เหอฮว๋าด้วยสายตาเชือดเฉือดพลางเอ่ยปากอย่างเย็นชาและเคร่งขรึม “ขอโทษอาสะใภ้เดี๋ยวนี้!”
ความประทับใจที่หลี่เหอฮว๋ามีต่อจางเถียซานหดหายไปทันทีจากคำพูดประโยคนั้น ไม่ใช่ว่าชายผู้นี้คือสามีของเจ้าของร่างเดิมหรอกหรือ? เวลานี้กลับตัดสินว่านางเป็นคนผิดโดยที่ไม่ไต่ถามอะไรเลย มาถึงก็บอกให้นางกล่าวคำขอโทษ มีสามีเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ?
ดูเหมือนว่าสามีเจ้าของร่างเดิมจะไม่ชอบนางอย่างมาก
แต่ว่านางไม่ได้ทำอะไรผิด จะให้ขอโทษ นางทำไม่ได้
สีหน้าของหลี่เหอฮว๋าจึงเย็นชาขึ้นเช่นกัน นางมองจางเถียซานอย่างไม่กลัวเกรง “ข้าทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือเจ้าถึงต้องการให้ข้ากล่าวขอโทษ? นางบอกว่าข้าทำร้ายนาง ข้าก็ทำร้ายนางงั้นหรือ? เช่นนั้นทำไมนางไม่บอกบ้างว่านางทำให้มือข้าต้องได้รับบาดเจ็บอย่างนี้? มีคนที่ไม่รู้จักแยกแยะเช่นเจ้าด้วยหรือ!”
ก่อนที่จางเถียซานจะทันได้พูดอะไร หญิงผู้นั้นก็รีบเอ่ยออกมาว่า “เจ้ากำลังพูดจาไร้สาระอะไร บาดแผลของเจ้าไม่เกี่ยวกับข้า เจ้าใส่ร้ายข้า! เจ้าดูรูปร่างของตัวเองเสียก่อน แล้วดูรูปร่างข้าสิ”
ชาวบ้านรอบๆ หันไปมองดูรูปร่างของคนทั้งสองแล้วก็เห็นด้วยกับคำพูดของหญิงผู้นั้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่หลี่เหอฮว๋าเจ้าของร่างเดิมเคยก่อไว้ก่อนหน้านี้จึงทำให้ทุกคนเลือกที่จะเข้าข้างหญิงผู้นั้น
“หลี่เหอฮว๋าต้องใส่ร้ายแน่ นางเป็นคนไร้เหตุผล”
“ใช่ คนอย่างนางไม่ไปรังแกผู้อื่นได้ก็ดีแล้ว ใครจะกล้ามารังแกนางได้อีก?”
“หลี่เหอฮว๋าผู้นี้นับวันยิ่งเลวร้ายขึ้นทุกที...”
ได้ยินคำพูดของผู้คนโดยรอบแล้ว หลี่เหอฮว๋ารู้สึกว่าตนเองไร้สิ้นเรี่ยวแรง เจ้าของร่างเดิมเป็นคนชั่วร้ายจริงๆ ถึงได้ไม่มีใครเข้าข้างนางเลย ตอนนี้ไม่มีผู้ใดอยากจะฟังคำพูดของนาง แม้แต่สามีของเจ้าของร่างเดิมก็ตาม
สีหน้าของจางเถียซานแย่ขึ้นทุกขณะตอนที่ได้ยินคำพูดของชาวบ้านที่อยู่ยืนใกล้ๆ เมื่อเห็นหลี่เหอฮว๋าไม่ต้องการขอโทษ โทสะในใจของเขาก็ยิ่งลุกโชนขึ้น
หญิงผู้นี้ช่างสามารถทำเรื่องที่น่ารังเกียจได้มากมายจริงๆ เขาเสียใจนักที่หลงไปแต่งงานกับนางตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นท่านแม่ น้องชายและชูหลินคงไม่ต้องมีชีวิตที่น่าอนาถเช่นนี้
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนาง! หากทำได้เขาอยากจะบีบคอนางให้ตายไปจริงๆ แม้แต่ในเวลานี้นางก็ยังไม่รู้สึกสำนึก ยังคงสร้างเรื่องได้อีก หญิงเช่นนี้แค่มองก็รู้สึกขยะแขยงแล้ว
แต่ตอนนี้นางยังได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาอยู่ เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาถือว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว เขาไม่ต้องการสะสางปัญหาต่อหน้าคนภายนอก
จางเถียซานกล่าวขอโทษต่อคนบ้านอู๋อีกครั้ง “อาสะใภ้ ต้าจู้ ต้าจ้วง ข้าต้องขอโทษพวกท่านจริงๆ แล้วข้าจะสั่งสอนนางอีกที ต้องการจะให้ข้าชดเชยกับพวกท่านอย่างไรก็โปรดบอกมา ครั้งนี้ถือว่าเห็นแก่หน้าข้าเถิด”
อย่างไรอู๋ต้าจู้ก็เติบโตมากับจางเถียซาน พอเห็นเขาเอ่ยคำขอโทษมากมายจึงไม่อยากจะสร้างปัญหาให้กับเขาอีก อีกทั้งแม่ของเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมาย หนนี้เห็นแก่หน้าของพี่น้องผู้นี้ของตน เขาจึงตบไหล่จางเถียซานพลางกล่าวว่า “เถียซาน เรื่องครั้งนี้เห็นแก่หน้าของเจ้าช่างมันเถิด แต่ครั้งหน้าอย่าได้ทำอีก ไม่เช่นนั้นพวกข้าจะไม่เห็นแก่หน้าผู้ใดอีกแล้ว”
จางเถียซานตบไหล่เขากลับเป็นการขอบใจ
อู๋ต้าจู้กลับออกไปพร้อมกับคนในตระกูล เมื่อชาวบ้านที่มาดูเรื่องสนุกเห็นคนในตระกูลอู๋กลับออกไปแล้วก็ไม่คิดจะอยู่ต่อ พวกเขาพากันเดินตามหลังไป ไม่นานในลานบ้านก็เหลือเพียงหลี่เหอฮว๋าและจางเถียซานเท่านั้น
หลี่เหอฮว๋าไม่รู้จะเผชิญหน้ากับชายที่เป็นคนแปลกหน้าสำหรับนางผู้นี้อย่างไรดี นอกจากนี้ชายผู้นี้คิดว่านางเป็นผู้กระทำผิด นางจึงไม่อยากสนใจเขาเช่นกัน ด้วยเหตุนี้นางจึงหันหลังกลับเข้าไปในห้องเพื่อจะไปหาไม้ทุบผ้า
ทว่าทันทีที่เข้ามาในห้อง ชายที่อยู่ด้านหลังก็ตามเข้ามานั่งหลังตรงบนเก้าอี้แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หลี่เหอฮว๋า ไปเก็บข้าวของของเจ้าแล้วออกไปจากที่นี่เสียตั้งแต่วันนี้เลย บ้านข้าไม่สามารถแบกพระพุทธรูปองค์ใหญ่เช่นเจ้าไว้ได้*”
*เป็นคำพูดเชิงประชดใช้สำหรับปฏิเสธคนที่เย่อหยิ่งอวดดี เป็นการตำหนิ/ดูถูกอีกฝ่าย
ย่างก้าวของหลี่เหอฮว๋าชะงักงัน หัวใจของนางเย็นยะเยือกในชั่วพริบตา
คำพูดเหล่านั้นมีความหมายชัดเจนว่าต้องการหย่าขาดเจ้าของร่างเดิมหรือก็คือตัวนางในเวลานี้
เจ้าของร่างเดิมนะเจ้าของร่างเดิม ทำไมเจ้าต้องก่อเรื่องเช่นนี้ด้วยนะ? นางเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้เพียงสองวันเท่านั้น ทั้งถูกด่าทั้งถูกทำร้าย ตอนนี้เจ้าจากไปแล้ว แต่กลับเป็นข้าที่ถูกเจ้าทำร้ายอย่างแสนสาหัส ข้าคนนี้กลับต้องมาแบกหม้อดำ*ทั้งหมด
*หมายถึงต้องรับความผิดที่ตนเองไม่ได้ก่อ/กระทำ
ถ้าเป็นในยุคปัจจุบัน หลี่เหอฮว๋าคงจะพยักหน้าตอบตกลงแล้วจากไปโดยไม่เอ่ยอะไรอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้เป็นสามีของนางจริงๆ เสียหน่อย นางย่อมไม่ยินดีจะไปรับช่วงสามีของผู้อื่น แต่นี่ไม่ใช่ยุคปัจจุบัน นี่คือยุคโบราณ ยุคที่ไม่มีความเป็นธรรมต่อผู้หญิงอย่างถึงที่สุด หากนางถูกหย่า ไม่รู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร สุดท้ายแล้วนางยังไม่รู้เลยว่าเจ้าของร่างเดิมมีครอบครัวหรือไม่ นอกจากบ้านหลังนี้นางก็ไม่มีที่ไปอีกแล้ว ช่วงเวลาสั้นๆ แค่นี้นางจะไปหาที่ซุกหัวนอนได้ที่ไหน?
ฉะนั้นในตอนนี้นางจะหย่าไม่ได้เด็ดขาด อย่างน้อยต้องให้นางคิดหาหนทางหาเงินและมีบ้านเป็นของตัวเองให้ได้เสียก่อน