Your Wishlist

ทะลุมิติเป็นแม่ใจโหดนักทำอาหาร (ตอนที่ 2 หาเรื่อง)

Author: TealChair แปล

หลี่เหอฮว๋าทะลุมิติกลายเป็นหญิงสาวชาวบ้าน เจ้าของร่างเดิมเป็นหญิงร่างอ้วนที่สุดแสนจะเกียจคร้าน ทั้งยังจิตใจชั่วร้าย จู่ๆ ก็ต้องกลายเป็นคนที่ทุกคนเกลียดชัง เพื่อความอยู่รอดนางจะใช้ฝีมือทำอาหารที่ได้รับการสืบทอดมาจากชาติที่แล้วทำมาหาเลี้ยงตัวเอง พร้อมๆ กับแก้ไขความสัมพันธ์แม่ลูกให้พลิกฟื้นขึ้นมาให้จงได้

จำนวนตอน : 87 ตอนจบ (แปลแบ่งย่อยเป็น 153 ตอนจบ)

ตอนที่ 2 หาเรื่อง

  • 25/06/2565

หลังหิ้วน้ำครึ่งถังที่เหลือกลับมาถึงบ้าน หลี่เหอฮว๋าก็ทิ้งตัวลงนั่งหอบอยู่บนเก้าอี้ ขยับเขยื้อนตัวไม่ไหว

 

ร่างนี้อ้วนมากเกินไป และไม่เพียงแต่อ้วนเท่านั้นแต่ยังอ่อนแอเกินมาตรฐานคนอ้วนทั่วไปอีกต่างหาก แค่เคลื่อนไหวร่างกายเพียงเล็กน้อยก็หายใจแทบไม่ทันแล้ว เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย แค่มองก็รู้ว่าสาเหตุเกิดมาจากการกิน ความเกียจคร้านและการไม่เคยได้ออกกำลังกายเลยมาตลอดทั้งปี

 

เฮ้อ เธอโหยหาความรู้สึกตอนที่ตัวเองยังตัวเบาหวิวราวกับนกนางแอ่นเสียจริง

 

ไม่ได้ เธอจะต้องลดน้ำหนัก จากนี้ไปร่างนี้เป็นร่างกายของเธอแล้ว หากรูปร่างยังเป็นแบบนี้ เธอคงไม่มีหน้าจะออกจากบ้านไปไหนได้ ต่อให้ออกไปข้างนอกก็คงตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นซึ่งเธอคงทนรับไม่ได้แน่ ฉะนั้นเธอจะต้องลดน้ำหนักและกลับมามีหุ่นผอมเพรียวอีกครั้งให้ได้

 

หากต้องการจะลดน้ำหนักก็จะต้องผสมผสานระหว่างการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย เรื่องการควบคุมอาหารนั้นไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกกังวลอะไรเพราะในบ้านก็ไม่มีอะไรเหลือเลยนอกจากข้าวกล้องเท่านั้น อย่างไรก็เธอไม่สามารถกินได้มากเท่าที่ต้องการจะกินอยู่แล้ว ต่อให้อยากจะเพิ่มน้ำหนักก็ทำไม่ได้อยู่ดี

 

ส่วนเรื่องออกกำลังกายนั้น เธอสามารถเดินไปตักน้ำให้มากขึ้นในทุกๆ วัน ระยะทางจากบ้านไปบ่อน้ำไม่ใช่ระยะทางใกล้ๆ การเดินไปหิ้วน้ำมาสัก 10 ถังต่อวันเทียบได้กับการวิ่งสัก 1 ชั่วโมง นอกจากนี้เธอยังสามารถโยคะก่อนจะเข้านอนทุกวันเพื่อลดน้ำหนักอีกด้วย ปริมาณการออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจให้มาก การยืนหยัดในระยาวจะทำให้สามารถลดน้ำหนักได้

 

หลังคิดวางแผนวิธีลดน้ำหนักได้แล้วหลี่เหอฮว๋าก็รู้สึกสุขใจขึ้นมาเล็กน้อย ความรู้สึกตื่นเต้นภายในใจที่เกิดจากเป้าหมายเล็กๆ นี้ช่วยผ่อนคลายความรู้สึกว้าวุ่นใจกับเรื่องที่ยากจะอธิบายอย่างการทะลุมิติย้อนเวลามาอยู่ในยุคนี้ลงไปได้บ้าง

 

คนเราต้องมีเป้าหมายในชีวิต เรื่องที่มาอยู่ที่นี่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะกลับไปอีก ดังนั้นสิ่งที่ทำได้มีเพียงต้องใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะอาศัยอยู่ที่นี่ให้ได้และต้องทำทุกวันให้ดีที่สุดเพื่อจะได้มีชีวิตที่ดี ทำตัวเองให้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ อย่าได้ทรยศการได้มีชีวิตอีกครั้งของตนเอง

 

หลังปลุกปั่นให้กำลังใจตัวเองแล้ว หลี่เหอฮว๋าก็ลุกขึ้นยืนแล้วไปทำงาน!

 

เมื่อหิ้วถังมาถึงห้องครัว สิ่งแรกที่ทำคือเทน้ำลงไปในถังเก็บน้ำแล้วจึงเริ่มต้นขัดมัน

 

ถังเก็บน้ำสกปรกมาก แค่แกว่งน้ำในถังน้ำก็ขุ่นกลายเป็นสีดำแล้ว แต่แค่นี้ไม่สามารถทำให้มันสะอาดขึ้นมาได้ หลี่เหอฮว๋าทำได้เพียงพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกขยะแขยงแล้วลงมือขัดผนังด้านในและที่ก้นถัง กระทั่งน้ำในอ่างเปลี่ยนเป็นสีดำปี๋เธอจึงเทน้ำนั้นทิ้ง ก่อนจะตักน้ำสะอาดใส่ลงถังอีกครั้งแล้วขัดเป็นครั้งที่สอง ต้องขัดล้างถังอยู่ถึงสามรอบกว่าถังจะสะอาดได้

 

เมื่อทำความสะอาดถังเก็บน้ำเสร็จแล้ว หลี่เหอฮว๋าก็เดินไปที่หีบไม้ที่อยู่ในห้องเพื่อหาเสื้อผ้าเก่าๆ ที่ใช้การไม่ได้แล้วนำมาทำเป็นผ้าขี้ริ้ว เธอเอาผ้าจุ่มลงไปในน้ำสะอาด จากนั้นเธอก็เริ่มต้นทำความสะอาดห้องครัวทั้งหมดโดยเริ่มจากเตาไปจนถึงตู้ ไม่มีสิ่งใดรอดพ้นจากการทำความสะอาด

 

สำหรับเธอแล้วที่ไหนจะไม่สะอาดก็ได้แต่ห้องครัวจะต้องสะอาดสะอ้าน เมื่อใดก็ตามที่ห้องครัวสกปรกเธอจะรู้สึกอัดอั้นจนไม่มีแก่ใจอยากทำอาหารเอาเลย เรื่องนี้คงเป็นเรื่องปกติธรรมดาของทุกคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับอาหาร

 

เธอใช้น้ำที่หิ้วมาจนหมดแต่ห้องครัวก็ยังไม่สะอาด ไม่มีทางเลือกอื่น เธอกลับไปตักน้ำที่บ่อน้ำอีกครั้ง แล้วกลับมาทำความสะอาดต่อ เธอทำความสะอาดจนกระทั่งฟ้ามืดห้องครัวทั้งห้องถึงได้สะอาดหมดจด

 

หลังมองดูห้องครัวที่แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิงแล้ว หลี่เหอฮว๋าก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ รู้สึกถึงการบรรลุผลสำเร็จ เธอปรบมือก่อนจะเริ่มเตรียมอาหารเย็น

 

อันที่จริงก็ไม่มีอะไรให้เตรียม ก็แค่ซาวข้าว ตักน้ำใส่หม้อแล้วต้มเป็นโจ๊ก กินโจ๊กเป็นอาหารเย็น

 

เตาดินทำให้อาหารสุกอย่างรวดเร็ว แป๊บเดียวก็ต้มโจ๊กเสร็จ หลี่เหอฮว๋ากินโจ๊ก 2 ถ้วยอย่างรวดเร็วในห้องครัวพร้อมกับต้มน้ำร้อนไปด้วย จากนั้นจึงอาบน้ำด้วยน้ำร้อนก่อนจะลากสังขารที่เหน็ดเหนื่อยของตนขึ้นเตียงเพื่อพักผ่อน

 

ในห้องไม่มีแสงสว่าง มีเพียงแสงจันทร์อาบเข้ามาจากทางหน้าต่าง ดังนั้นภายในห้องจึงไม่มืดมิดจนเกินไปนัก

 

หลี่เหอฮว๋ามองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกับความคิดที่ล่องลอยไป

 

ในโลกปัจจุบันเธอได้ตายไปแล้ว ความทรงจำสุดท้ายคือรถบรรทุกขนาดยักษ์พุ่งเข้ามาหาเธอด้วยความเร็ว จากนั้นทุกอย่างก็กลายเป็นสีแดงฉาน เหตุการณ์นี้แม้แต่เทพเจ้าก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเธอไว้ได้ ด้วยเหตุนี้ดวงวิญญาณของเธอจึงมาอยู่ที่นี่ในร่างนี้

 

การต้องมาอยู่ที่นี่มีเพียงเรื่องเดียวที่เธอไม่สามารถตัดใจได้ นั่นคือครอบครัวของเธอ ไม่รู้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะรู้สึกเศร้าโศกเสียใจขนาดไหนเมื่อรู้ว่าเธอได้จากไปแล้ว ยังมีคุณปู่ที่รักหลานสาวตัวน้อยของท่านคนนี้ยิ่งนัก ไม่รู้ท่านจะทนรับความจริงที่เธอตายจากไปได้หรือไม่ โชคดีที่ยังมีพี่ชายของเธออยู่ พี่ชายเป็นคนที่เข้มแข็งและแข็งแกร่งมาก เขาจะต้องสามารถจัดการเรื่องในครอบครัวและดูแลคุณพ่อคุณแม่และคุณปู่ได้แน่ แต่พี่ก็คงเสียใจมากเช่นกัน อย่างไรเสียคนที่รักเธอมากที่สุดในครอบครัวก็คือพี่ชายของเธอ

 

ความตายของเธอสร้างความเจ็บปวดให้กับครอบครัว ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาเยียวยานานเท่าไหร่จึงจะบรรเทาลงได้

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว หลี่เหอฮว๋าก็น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ตอนที่ตระหนักว่าใบหน้าของตนเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา เธอก็รีบปาดน้ำตาออกไปทันที

 

อย่าร้องไห้ ต้องเข้มแข็งไว้ แม้จะต้องอยู่คนเดียวตามลำพังบนโลกที่แตกต่างใบนี้ เธอก็ต้องมีชีวิตที่ดีให้ได้ ต่อให้ครอบครัวของเธอไม่ได้รับรู้ แต่เธอก็ยังอยากให้พวกเขารู้สึกวางใจด้วยเช่นกัน

 

เมื่อบังคับตัวเองให้ปล่อยวางความรู้สึกเศร้าออกไปแล้ว เธอก็เริ่มคิดใคร่ครวญถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ เรื่องเดียวที่เธอรู้ในตอนนี้ก็คือเจ้าของร่างเดิมชื่อหลี่เหอฮว๋า ในครอบครัวยังมีสมาชิกคนอื่นอยู่ด้วย และดูเหมือนว่าเจ้าของร่างเดิมจะคนที่ไม่น่าชื่นชอบนัก นอกเหนือจากเรื่องพวกนี้แล้วเธอยังไม่รู้อะไรเลย

 

ฉะนั้นสิ่งที่เธอจะต้องทำต่อจากนี้คือสืบหาเรื่องของเจ้าของร่างเดิมให้ได้มากที่สุด อย่าเพิ่งเผยท่าทีอะไรออกไป แล้วค่อยดูว่าจะทำอย่างไรต่อไปในยามที่ตนสามารถตั้งหลักได้แล้ว

 

พอคิดได้เช่นนี้แล้วดวงตาก็ค่อยๆ หรี่เล็กลง สุดท้ายไม่รู้ว่าเธอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นท้องฟ้าก็สว่างโร่ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูงแล้ว น่าจะเป็นเวลาราว 9 หรือ 10 โมงเช้าได้แล้ว

 

หลี่เหอฮว๋ารีบลุกจากเตียงมาหวีผม จากนั้นก็ไปตักน้ำในห้องครัวมาล้างหน้า เสร็จแล้วจึงซาวข้าวทำโจ๊กเพื่อเติมท้องของตน

 

หลังฝืนกลืนโจ๊กข้าวกล้อง 2 ถ้วยจนหมด เธอก็ยกถังน้ำขึ้นมาเพื่อไปตักน้ำมาเพิ่ม เมื่อวานนี้เธอตักน้ำมาแค่พอใช้เท่านั้น วันนี้จึงต้องเติมน้ำในถังเพิ่มอีก

 

ทว่าเมื่อเดินออกมานอกบ้านพร้อมกับถังน้ำแล้ว เธอกลับรู้สึกเสียใจที่ตนเองออกมาตักน้ำในเวลานี้

 

ตอนที่ไปตักน้ำเมื่อคืนนี้เธอไม่ได้พบเจอผู้คนเลย ดังนั้นจึงไม่ได้เกิดรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ แต่ในยามเช้าเช่นนี้กลับได้เจอผู้คนในหมู่บ้านผ่านไปมา หลายคนกำลังนั่งคุยกันใต้ต้นไม้ใหญ่ เมื่อเห็นหลี่เหอฮว๋าเดินถือถังไม้มาตักน้ำ พวกเขาต่างจ้องมองไปที่หลี่เหอฮว๋า สายตาของพวกเขาฉายความดูถูก ประหลาดใจและความรังเกียจออกมา เธอรู้สึกราวกับมีหนามแหลมกำลังทิ่มแทงอยู่ด้านหลังจนรู้สึกอยากจะซ่อนตัวไปให้พ้นในทันที

 

สวรรค์ เจ้าของร่างเดิมเป็นใครกันแน่? ทำไมทุกคนจึงรังเกียจนางมากมายนัก แม้แต่พวกเด็กๆ ก็เกลียดชังนาง นางไปทำเรื่องอะไรไว้?

 

หลี่เหอฮว๋าแสร้งทำตัวสงบนิ่งเดินผ่านสายตาของทุกคนไป จนกระทั่งเดินมาถึงบ่อน้ำทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านที่ซึ่งมีคนอยู่ที่นั่นเพียงไม่กี่คนเธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก

 

อย่างไรก็ตามยังเร็วเกินไปที่จะโล่งอก นั่นเพราะที่บ่อน้ำมีหญิงคนหนึ่งกำลังมองมาที่เธอด้วยท่าทางรังเกียจและเหยียดหยาม

 

หญิงผู้นี้อายุราว 40-50 ปีรูปร่างผอมมาก นางสวมใส่เสื้อผ้าไม่กี่ชั้น ผิวหน้านางหย่อนคล้อยเล็กน้อย ดวงตาขาวที่มีมากเกินดูดุดัน ยามที่มองมาราวกับต้องการจะกัดกินเธอเข้าไป แค่มองก็รู้ว่านางเป็นคนไม่ควรเข้าไปมีเรื่องด้วย

 

หลี่เหอฮว๋าพอจะมองออกในเบื้องต้นว่าหญิงผู้นี้กับเจ้าของร่างเดิมคงจะมีความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่เป็นแน่

 

ในขณะที่ยังไม่รู้ว่าตนควรจะแสดงสีหน้ากับหญิงผู้นี้อย่างไรดี นางก็เอ่ยขึ้นมาก่อนว่า “อู๊ย วันนี้พระอาทิตย์คงจะขึ้นจากทิศตะวันตกแน่เชียว คนอย่างเจ้าถึงมาตักน้ำที่นี่ได้ กำลังแสดงให้ผู้ใดดูอยู่เล่า? เหอะ!”

 

นางแสดงท่าทางส่อเสียดออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน  หลี่เหอฮว๋าไม่รู้ว่าตนควรจะโต้กลับหรือเมินเฉยดี เห็นได้ชัดเลยว่าหญิงผู้นี้เต็มไปด้วยจิตคิดมุ่งร้ายต่อเจ้าของร่างเดิม เธอไม่รู้ว่าเจ้าของร่างเดิมได้ทำอะไรกับนางเอาไว้

 

หากเธอรีบร้อนพูดอะไรผิดออกไปจะก่อให้เกิดความระแวงสงสัยได้ ถึงอย่างไรคนผู้นี้ก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่อาจหลอกล่อแบบที่ทำกับพวกเด็กๆ ได้ เช่นนั้นก็ทำเป็นไม่ได้ยินแล้วไปตักน้ำของตัวเองก็แล้วกัน

 

หลี่เหอฮว๋าจึงทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของหญิงผู้นี้ เธอถือถังน้ำตรงไปที่บ่อ จับเชือกมาผูกกับถังไม้แล้วหย่อนถังน้ำลงไป

 

ท่าทีเมินเฉยไม่สนใจเช่นนี้ทำให้หญิงผู้นั้นรู้สึกราวถูกตบหน้า นางโมโหปรี๊ดขึ้นมาทันที และคำพูดนางก็ร้ายกาจยิ่งกว่าเก่า “เจ้าจะเสแสร้งไปทำไม! มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเจ้ามันตัวทุเรศขนาดไหน ไม่ใช่เห็นว่าเถียซานกำลังจะกลับมาหรอกหรือ? กลัวว่าเขาจะหย่ากับเจ้าใช่ไหมเล่า? ข้าจะบอกอะไรเจ้า ถึงเจ้าจะเสแสร้งไปเขาก็หย่ากับเจ้าอยู่ดีนั่นละ เป็นความซวยนักที่ต้องแต่งงานกับคนอย่างเจ้า!”

 

คำพูดระคายหูอย่างยิ่ง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะบอกว่าไม่ปวดใจ ทว่าหลี่เหอฮว๋าก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอย่างที่ควรจะเป็นเพราะเธอรู้ดีว่าที่คนผู้นี้กล่าวถึงไม่ใช่ตัวเธอแต่เป็นเจ้าของร่างเดิม

 

สิ่งที่เธอให้ความสนใจจริงๆ คือความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของหญิงผู้นี้ จากที่นางกล่าวทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของร่างนี้แต่งงานแล้วและมีสามีชื่อเถียซาน ก่อนหน้านี้เขาคงต้องจากบ้านไปแต่ตอนนี้กำลังจะกลับมาแล้ว ยิ่งกว่านั้นดูเหมือนว่าสามีผู้นี้กำลังจะเลิกกับเจ้าของร่างเดิม ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่คงไม่สู้ดีอย่างแน่นอน

 

แต่ว่าในเมื่อเจ้าของร่างเดิมมีสามีแล้ว เหตุใดเธอถึงไม่เห็นคนอื่นในบ้านเลย? เธอมาอยู่ที่นี่ได้สองวันแล้ว แต่ทั้งบ้านกลับมีแต่เธออยู่คนเดียว นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?

 

หลี่เหอฮว๋าตกอยู่ในภวังค์โดยไม่รู้ตัว ทว่าในมุมมองของหญิงผู้นั้นดูราวกับว่าเธอไม่ได้ให้ความใส่ใจอะไรกับคำพูดของนางโดยสิ้นเชิง สิ่งนี้ทำให้นางโกรธเกรี้ยวขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยความบันดาลโทสะนางจึงโผเข้ามาผลักตัวหลี่เหอฮว๋าทันที

 

หลี่เหอฮว๋ากำลังครุ่นคิดถึงเรื่องเจ้าของร่างเดิมอยู่จึงไม่ทันตั้งตัว เมื่อถูกผลักอย่างกะทันหันจึงสูญเสียการทรงตัวสะดุดถลาไปข้างหน้า และตรงหน้าของเธอก็คือบ่อน้ำขนาดใหญ่นั้น

 

หากผลัดตกลงไปในบ่อน้ำแห่งนี้เธอคงตายอย่างแน่นอน!

 

หลี่เหอฮว๋าใจหล่นวูบ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดช่วยให้เธอมีปฏิกิริยาตอบสนองก่อนที่สมองจะทันได้สั่งงาน ความรู้สึกที่ไวเกินรูปร่างที่อ้วนตันทำให้เธอคว้าก้อนอิฐที่อยู่ขอบบ่อเอาไว้ได้และจับยึดมันไว้ ไม่รับรู้แม้กระทั่งว่านิ้วมือของเธอเลือดออก เธอรู้เพียงว่าต้องจับไว้ให้แน่น โชคดีที่ตอนที่เกือบจะตกลงไปเธอจับก้อนอิฐไว้ได้ทัน! เธอเลยรอดชีวิตมาได้!

 

หลังมั่นใจว่าทรงตัวได้มั่นคงดีแล้ว หลี่เหอฮว๋าก็ลุกขึ้นอย่างช้าๆ แล้วค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากขอบบ่อน้ำทีละน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย ในเวลานี้เธอรู้สึกได้ว่าแผ่นหลังของตนชุ่มไปด้วยเหงื่อและหัวใจก็เต้นแรงเร็วราวกับจะกระเด้งหลุดออกมาภายนอก และเธอก็รู้สึกเจ็บอย่างยิ่ง เมื่อก้มมองลงก็พบว่านิ้วของเธอมีเลือดออกจากการโดนกระแทกกับอิฐ

 

และตัวการของเรื่องนี้ก็คือผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอคนนี้

 

ทันใดนั้นแววตาของหลี่เหอฮว๋าก็เฉียบเย็นขึ้น

 

ก่อนหน้านี้ไม่ว่าคนผู้นี้พูดอะไรออกมาเธอล้วนไม่เก็บมาใส่ใจ นั่นเพราะรู้ว่านางหมายถึงเจ้าของร่างเดิมและเป็นไปได้ที่เจ้าของร่างเดิมจะเป็นคนไม่ดี ทว่าสิ่งที่หญิงผู้นี้เพิ่งทำลงไปเป็นการคุกคามชีวิตของเธอ หากเธอจับอิฐไว้ไม่ทัน เธอคงจะตกลงไปและจบชีวิตลงอีกครั้ง

 

เรื่องนี้ทำให้เธออดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป

 

หลี่เหอฮว๋าจ้องมองไปที่หญิงคนนั้นด้วยสายตาคมกริบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “หากเจ้าขอโทษข้าตอนนี้ข้าจะไม่ว่าอะไร”

 

หญิงผู้นั้นไม่คาดคิดว่านางเกือบจะทำให้หลี่เหอฮว๋าตกลงไป นางแค่โมโหมากจนพลั้งมือผลักออกไป จะรู้ได้อย่างไรว่าจะเกิดเรื่องขึ้น ตอนที่เห็นหลี่เหอฮว๋าเกือบจะตกลงไปในบ่อน้ำ นางรู้สึกตกใจกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น ดีที่สุดท้ายแล้วหลี่เหอฮว๋าไม่เป็นอะไร นางถึงค่อยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ

 

ทว่าเวลานี้พอเห็นว่าหลี่เหอฮว๋าไม่ได้เป็นอะไรและยังกล้าดีมองนางด้วยท่าทางเช่นนี้ แถมยังต้องการให้ตนเอ่ยขอโทษอีกต่างหาก โทสะก็คุกรุ่นขึ้นอีกครั้ง นางชี้หน้าหลี่เหอฮว๋าพลางตะโกนออกมาว่า “หน็อย! ยังจะอยากให้ข้าขอโทษอีก ก็สมควรแล้วนี่ ใครใช้ให้เจ้าตัวอ้วนขนาดนั้นเล่า เจ้ายืนทรงตัวไม่ได้เอง!”

 

หลี่เหอฮว๋าไม่เคยรู้สึกโกรธมากขนาดนี้มาก่อน ตลอดชีวิตที่ผ่านมาหลายปีของเธอ เธอไม่เคยหน้าแดงง่ายๆ การจะทำให้เธอโกรธเป็นเรื่องยากมาก แต่ตอนนี้พฤติกรรมของผู้หญิงคนนี้ทำให้เธอโกรธถึงขีดสุด เธอไม่ต้องการจะอดกลั้นอีกต่อไปแล้ว

 

เธอก้าวเข้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้วยืดแขนไปผลักผู้หญิงคนนั้นกลับไป หญิงผู้นั้นถอยเซไปด้านหลังหลายก้าวจนเกือบจะล้มก่อนที่จะทรงตัวอยู่

 

หลังตั้งหลักได้ นางจ้องหลี่เหอฮว๋าอย่างโกรธเคืองด้วยไม่อยากจะเชื่อ พร้อมทั้งแผดเสียงจนแก้วหูแทบทะลุ “เจ้ากล้าดีมาผลักข้างั้นหรือ! นังตัวแสบ! ข้าจะสู้กับเจ้า!” ทันทีที่เอ่ยออกมา นางก็พุ่งตัวเข้ามาอย่างพร้อมจะทำร้ายคน

 

หลี่เหอฮว๋ายกถังไม้ในมือขึ้นมาแล้วเขวี้ยงใส่ผู้หญิงคนนั้น ได้ยินเพียงเสียง “ตู้ม” แล้วหญิงคนนั้นถูกถังจนสะดุดถอยหลังไปสองก้าว

 

หลี่เหอฮว๋ามองไปที่ใบหน้าบูดเบี้ยวของหญิงผู้นั้นอย่างเย็นชา “ข้าจะบอกอะไรเจ้า ทางที่ดีอย่าได้หาเรื่องข้า หากเจ้ามาหาเรื่องข้า ข้าจะสู้กับเจ้า ลองดูซิว่าเจ้าจะฆ่าข้าหรือข้าจะฆ่าเจ้า!”

 

คำพูดที่ฟังดูเด็ดขาดและโหดเหี้ยมของหลี่เหอฮว๋าทำให้หญิงผู้นั้นต้องสะดุ้งออกมาอย่างไม่ตั้งใจและหยุดแสดงอาการที่จะโต้กลับโดยไม่รู้ตัว เมื่อมองไปที่รูปร่างของหลี่เหอฮว๋าและคิดถึงร่างกายของตนเองแล้ว นางคิดว่าตนคงจะสู้ไม่ไหว หากต้องสู้กันตัวต่อตัวนางคงได้แต่เสียเปรียบเท่านั้น

 

ผู้หญิงคนนั้นกลอกตา ทันใดนั้นเองนางก็ทิ้งตัวนั่งลงไปบนพื้น ตบต้นขาของตนเองพร้อมกับเริ่มร้องไห้โวยวายออกมา “โอ๊ย ชีวิตข้าช่างรันทดนัก หลี่เหอฮว๋าไม่เพียงแต่รังแกลูกสาวของข้า ตอนนี้นางยังจะมารังแกคนแก่อย่างข้าด้วย มา เข้ามาดูกันสิ ช่วยข้าด้วย นางแก่คนนี้กำลังจะถูกตีจนตายแล้ว~”

 

หญิงคนนี้เปลี่ยนใบหน้าอย่างรวดเร็วจนทำให้หลี่เหอฮว๋ามึนงงจนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ คนที่เพิ่งต้องการจะฉีกตัวเธอเป็นชิ้นๆ กำลังร้องไห้ราวกับมีเรื่องเสียใจมากมาย เวลาผ่านไปสักพักเธอจึงตระหนักได้ว่าคนผู้นี้กำลังแสดงละครว่าถูกรังแก

 

นี่คือวิธีการสร้างสถานการณ์ในตำนานใช่หรือไม่?

 

อย่างไรก็ตาม เธอไม่ต้องการให้ความสนใจกับคนผู้นี้อีก ปล่อยให้นางโหยหวนไป เธอจะไม่เข้าไปร่วมเล่นด้วยหรอก

 

หลังหยิบถังไม้ขั้นมาตักน้ำใส่จนเกือบเต็มแล้วเธอก็หิ้วถังกลับบ้านโดยไม่ใส่ใจผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ด้านหลังอีกต่อไป

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป