Your Wishlist

The Heir Vampire (รัชทายาทแห่งโลกแวมไพร์) (Rewrite) (12 สายพลังเวทย์ (Rewrite))

Author: Sayyeon

" การกลับคืนสู่ฐานันดรของเจ้าชาย นำเขากลับมาเพื่อช่วงชิงตำแหน่งของรัชทายาทแห่งไครซิสต์ ดินแดนของแวมไพร์ผู้ที่ไม่ประสงค์ต่อการดื่มเลือดและได้รับพรจากพระเจ้า การต่อสู้ของผู้ที่ถูกเลือกได้เริ่มขึ้นแล้ว "

จำนวนตอน : N/A

12 สายพลังเวทย์ (Rewrite)

  • 05/08/2564

The Heir Vampire (รัชทายาทแห่งโลกแวมไพร์)
ภาค 1 ศึกปะทะอัศวินแห่งความมืด


  

 

 

 

 

              แสงจันทร์สีเงินเต็มดวงยามค่ำคืนอันเงียบสงัดเริ่มเปล่งประกายท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิด เสียงของสัตว์เล็กๆภายในป่าทึบใกล้กับรั้วโรงเรียนเซนต์คาดิลอร์ฟดังมาเป็นระยะ สายลมแปรเปลี่ยนเป็นแผ่วเบาและเรื่อยเอื่อยหลังจากพ้นช่วงเย็นที่ฝนตกหนักได้ผ่านพ้นไป ณ หอพักของนักเรียนแคมป์รอนเดล ที่ห้องนั่งเล่นรวมชั้นที่ 1 โซฟาสีน้ำตาลและดำซึ่งวางตั้งเรียงรายเอาไว้ถูกเหล่าเด็กหนุ่มสาวกลุ่มนึงเข้ามานั่งจับจอง พร้อมใจกันล้อมวงเพื่อพบปะพูดคุยกันด้วยเรื่องอะไรบาง ใบหน้าสวยหล่อเหล่านั้นฉายแววแห่งความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งสงสัย เคร่งเครียดและนิ่งสงบ เมื่อเล็งเห็นว่ามากันแบบพร้อมหน้าครบองค์ประชุมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลอว์เรนซ์ก็เป็นฝ่ายเปิดประเด็นเพื่อเล่าเรื่องราวที่ทั้งเขาและเธียร์ไปประสบพบเจอมาในมิติดอกไม้สีแดงอันน่าขนหัวลุกนั่น รวมถึงว่าในตอนนี้เศษเสี้ยววิญญาณของทั้งคู่ต้องไปตกอยู่ในมือของชายปริศนาในแบบที่ไม่อาจทำอะไรได้ ซึ่งทุกคนที่นั่งอยู่ก็ตั้งใจฟังเรื่องราวเป็นอย่างดี 

  

               '' ดูท่าว่านายสองคนกำลังเข้าไปพัวพันกับเรื่องน่ากลัวเข้าให้แล้ว ถึงนั่นมันจะเป็นชะตาของผู้ที่เป็นว่าที่รัชทายาทก็เถอะนะ ครั้งนี้ที่แย่หน่อยก็คือ มีพวกหมาป่าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเนี่ยสิ ''

 

ไอริสเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังและเคร่งขรึม เพราะได้ไปสังเกตการณ์ที่เกิดเหตุมาพร้อมกับชิเรด้วย 

 

              '' ผมคิดว่าที่พวกนั้นจับตัวพวกนายไป เพราะต้องการที่จะสื่อสารพูดคุยด้วยโดยตรง คนคนนั้นต้องมีพลังเวทย์ที่สูงมากในระดับ 10 แน่ๆครับ เพราะสามารถใช้พลังในการสร้างมิติจำลองขึ้นมาได้เอง แต่ที่แย่ยิ่งกว่าคือ ถึงพวกหมาป่าจะร้ายกาจแค่ไหน พวกเขาก็ไม่อาจใช้เวทย์มนตร์ได้ นั่นชัดเจนที่สุดเลยว่าคนที่อยู่เบื้องหลังต้องเป็นเผ่าพันธุ์แวมไพร์อย่างพวกเราครับ และเขายังเก่งกาจเรื่องการใช้เวทย์มนตร์ต้องห้าม สายมนตร์ดำ เรียกได้ว่านี่คือตัวปัญหาใหญ่หลวงเข้าขั้นวิกฤติเลย ''

 

ชิเรเริ่มออกความเห็นที่ทำเอาเพื่อนๆพากันอึ้งไปตามๆกัน แต่ลอว์เรนซ์กลับดูนิ่งสงบมากที่สุด เพราะเหมือนตัวเขาเองก็พอคาดเดาได้ไม่ต่างกัน 

 

              '' ที่หมอนั่นต้องการเศษเสี้ยววิญญาณของเราไป คงไม่ใช่แค่เรื่องจะข่มขู่ แต่เพราะจุดประสงค์ในการใช้งานอย่างอื่น และไหนจะเรื่องศาสตราทั้ง 6 ของอัศวินนั่นอีก ชิเร นายพอรู้เรื่องของอัศวินจากตระกูลแห่งเกอร์กอมบ้างไหม? ''

 

คำถามจากรูมเมทคนสำคัยถูกยิงเข้าใส่ ซึ่งชิเรก็พยักหน้ารับเป็นคำตอบ แต่ก่อนที่จะได้ไขข้อข้องใจนั้น เจ้าตัวก็ทำการเรียกเทพแห่งศาสตราสาวของตนเองนั่นก็คือ ลูอิซ ให้ปรากฎกายออกมา ร่างโปร่งใสสวยงามและใบหน้าที่ดูน่ารัก ที่บนศีรษะประดับมงกุฎดอกไม้เล็กๆเข้ากับตัวเอง เธอโค้งทำความเคารพชิเรผู้เป็นนายและเหล่าแขกที่นั่งกันอยู่ ก่อนที่จะรับคำสั่งทำการชงชาสูตรพิเศษ ซึ่งลอว์เรนซ์เองก็เคยได้ลองลิ้มชิมรสไปแล้วครั้งหนึ่ง และดูเหมือนว่านับจากนี้เขาคงได้ชื่นชมกับรสชาติของมันไปอีกเทอมนึงเต็มๆ 

ถ้วยชาสีขาวประดับลวดลายของดอกไม้เล็กๆ มาพร้อมกับควันหอมกรุ่นที่ส่งกลิ่นอบอวลเรียกความอยากรู้อยากลองได้เป็นอย่างดี ลูอิซทำการเสิร์ฟชาให้พวกเขาทุกคนเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่จะหายวับไป ชิเรยกถ้วยชาขึ้นจิบเล็กน้อย

  

              '' อัศวินแห่งเกอร์กอม เป็นเหล่าพี่น้องร่วมชะตากรรมซึ่งถูกนำมารับเลี้ยงไว้โดยขุนนางแห่งตระกูลนั้น พวกเขารับใช้กษัตริย์จากราชวงศ์แบล็กเกอร์แห่งประเทศไอริณมาช้านานแล้วครับ เด็กทั้ง 6 คนนั้นต่างถูกฝึกฝนให้เป็นอัศวินที่เก่งกล้า นอกจากนี้ยังถูกรับเลือกจากศาสตราทั้ง 6 ชนิด ที่ว่ากันว่าไม่เคยมีผู้ใดเคยถือครองมาเป็นเวลานานถึง 1000 ปีได้ พวกเขาได้รับการยอมรับจากเทพแห่งศาสตรา และใช้สิ่งนั้นในการปกป้องคุ้มครองราชวงศ์มาโดยตลอด...''

    

             '' ประเทศไอริณเป็นประเทศที่สาบสูญไปแล้วเมื่อหลายสิบปีก่อน เพราะมีข่าวลือว่ากษัตริย์ผู้ปกครองนั้นถูกลอบโจมตี แต่ว่าในบรรดาอัศวินทั้ง 6 คนนั่นกลับมีผู้คิดคดทรยศ ร่วมมือกันกับศัตรูสังหารกษัตริย์และครอบครัวของพระองค์ ประเทศไอริณซึ่งตั้งอยู่บนเกาะที่ห่างไกลนั่นจึงถูกทำลาย และแม้ผู้คนภายนอกที่ต้องการจะสืบรู้เรื่องราวของมันพยายามจะหาเกาะ ก็กลับไม่พบอะไรเลย ทั้งซากเมือง ผู้คนที่ล้มตาย ทุกสิ่งทุกอย่างดับสูญ ''

 

อิวานช่วยชิเรในการเล่าเรื่องด้วย เพราะเขาก็พอรู้เรื่องราวอยู่บ้าง เนื่องจากครอบครัวนักมายากลของเขาชอบพาตระเวณเดินทางไปหลายประเทศ จึงทำให้รู้เรื่องมาหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล่า ตำนาน ทั้งข้อมูลจริง เท็จ ที่ลอยมาเข้าหูอยู่เรื่อยๆ

 

              '' แล้วศาสตราพวกนั้นทำไมเจ้านั่นมันถึงบอกให้เราตามหาล่ะ ทั้งที่ควรจะไปเค้นเอาจากอัศวินเจ้าของมันมากกว่าแท้ๆเลยนี่ ''

 

เธียร์เอ่ยเสริมขึ้นมาบ้าง ซึ่งในจุดนี้ก็มีสมาชิกในกลุ่มพอเห็นตรงกัน

 

             '' ไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับอัศวินพวกนั้นเลยแม้แต่คนเดียวนับตั้งแต่นั้นครับ แต่สิ่งที่ค้นพบภายหลังก็คือศาสตราบางส่วน ในส่วนนี้ผมก็ไม่ทราบว่าเป็นชิ้นไหนบ้าง แต่ที่มีการค้นพบแล้ว ทางสภาแวมไพร์ได้มอบหมายให้ทางเซนต์คาดิลอร์ฟช่วยเก็บรักษาเอาไว้ครับ เพราะโรงเรียนแห่งนี้ไม่ได้สังกัดอยู่ในพื้นที่ของประเทศใดในไครซิสต์ เป็นดินแดนที่มีความเป็นเอกเทศน์ของตัวเองสูงที่สุด และระบบรักษาความปลอดภัยดีเป็นอันดับต้นๆ ส่วนชิ้นที่ยังหาไม่พบก็ยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ครับ ''

    

            '' บางทีอัศวินพวกนั้นอาจจะตายไปแล้วก็ได้นะ เพราะถ้าศาสตราถูกผู้อื่นจับต้องได้แบบนี้ก็แปลว่าเจ้าของไม่มีชีวิตอยู่ หรือไม่ก็ละทิ้งพันธสัญญาที่มีต่อเทพแห่งศาสตราไปแล้ว แต่ถ้าศาสตราชิ้นอื่นยังไม่ถูกค้นพบไม่แน่บางทีอัศวินพวกนั้นอาจจะยังมีชีวิตรอดก็ได้ นายคิดว่ายังไงบ้างล่ะ ''

 

นัยต์ตาสีส้มของไซม่อนตวัดไปทางลอว์เรนซ์ที่กำลังยกชาขึ้นจิบ 

 

             '' ถ้าจะสืบหาเบาะแสก็คงต้องเริ่มจากจุดนี้ ถึงเรื่องถูกริบวิญญาณไปมันจะทำอะไรไม่ได้ แต่ทางเราก็ต้องฟังสิ่งที่พวกมันกำลังจะเรียกร้องต่อจากนี้ เพื่อหาแผนรับมือกันต่อไป และต้องรู้ให้ได้ด้วยว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงคืออะไร ฉันจะไม่ยอมอยู่เฉยๆแน่ ในเรื่องที่พอทำได้ก็จะทำไปก่อน ''

  

              '' ผมก็จะช่วยด้วยนะครับ นับจากนี้ทั้งผมและนายก็เป็นรูมเมทกัน สำหรับผมก็คือคู่หูที่มีชะตากรรมร่วมกันแล้ว จะไม่ปล่อยให้นายต้องไปเสี่ยงอันตรายแค่คนเดียวแน่นอนครับ ''

 

นัยต์ตาสีม่วงของพ่อหนุ่มน้อยนักปราชญ์ผู้รอบรู้นั้นเป็นมีประกายแห่งความหวังและความมุ่งมั่น ในใจเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยินดีและเต็มใจมากในสิ่งที่ตนประกาศออกไป  แม้จะรู้ดีว่าเขากำลังเอาตัวเองย่างกรายเข้าไปเสี่ยงอันตราย แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มันอาจเป็นสิ่งที่ได้เรียกว่า ถูกชะตา ใช่ เขาถูกชะตากับเจ้าชายมาดน้ำแข็งพระองค์นี้ยิ่งนัก เด็กหนุ่มไม่เคยมีเพื่อนสร้างความตื่นเต้นให้กับเขาได้ เพราะเขาอยู่ในโลกที่มีแต่หนังสือและเรื่องราวมากมายมาตลอด เพื่อฝึกฝนตนเองให้เป็นดั่งสิ่งที่ผู้อื่นคาดหวังเอาไว้ เขามีอิสระในโลกแห่งตัวหนังสือแต่ไม่ใช่โลกแห่งความเป็นจริง และบางทีนี่อาจเป็นชีวิตนอกตำราที่เขาพร้อมจะกำหนดมันได้ด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก

  

                '' ในฐานะที่เป็นหนึ่งในว่าที่รัชทายาท ถึงจะไม่ปลื้มมันนัก แต่ฉันก็จะร่วมด้วยนะ ''

  

                '' อยู่กับนายก็น่าสนุกดี มีอะไรใหม่ๆให้ท้าทาย งั้นฉันขอแจมด้วยคนก็แล้วกัน''

 

                '' ถึงฉันจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ก็จะขอซัพพอร์ตอยู่ตรงนี้ด้วยอีกแรงนะจ๊ะ ''

 

ทั้งเธียร์ ไซม่อน อลิสต่างก็ไม่น้อยหน้าขอมีส่วนร่วมร่วม ทั้งไอริส อิวานที่แม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมามากมายนัก แต่แววตาเหล่านั้นกลับยิ่งสื่อความหมายได้ชัดเจนดี ลอว์เรนซ์รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกแม้เขาจะไม่แสดงมันออกมาให้เห็น แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้น ปลื้มปิติ ทำให้เขาหวนระลึกถึงเมื่อครั้งยังอยู่ที่โลกมนุษย์ มิตรภาพของเพื่อนกลุ่มนี้ไม่ต่างจากเดนนิสเลยแม้แต่น้อย เพราะความจริงใจที่แสดงออกมาผ่านพฤติกรรมเหล่านั้น แม้จะอยู่ร่วมกันเพียงไม่กี่วัน ลอว์เรนซ์ก็มองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ไม่อาจรู้ได้เลยว่าทุกคนมีบางอย่างรือบางสิ่งที่พิเศษอย่างไรจึงได้เวียนบรรจบมาพบกัน แต่นั่นมันเป็นเรื่องดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด

  

                  '' พูดกันถึงขนาดนี้แล้ว ฉันจะห้ามอะไรได้ล่ะ พวกนายคงเป็นเพื่อนกลุ่มแรกของฉันที่จะหาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ขอบคุณมากนะ ''

 

รอยยิ้มอย่างจริงใจและเป็นมิตรปรากฎบนใบหน้าหล่อเหล่าวัยเยาว์นั้นอย่างหาชมได้ยาก ส่งผลให้บรรดาเพื่อนพ้องต่างเผลอยิ้มตอบไปโดยไม่ทันรู้ตัว โฉมหน้าแห่งรอยยิ้มที่พวกเขามักไม่ค่อยได้เห็นมัน แต่บัดนี้ คนตรงหน้ากลับดูอ่อนโยน อบอุ่นมากกว่าตอนที่ได้เจอกันครั้งแรก มันคงเป็นอะไรที่น่าสนใจและตื่นเต้นสำหรับพวกเขาอย่างมาก
หลังจากที่นั่งปรึกษาหารือกันต่ออีกสักพัก ซึ่งก็ล่วงเลยเวลามาจนถึงสามทุ่มแล้ว ทั้งหมดจึงตกลงกันว่า จะกลับห้องพักกันก่อน แล้วพรุ่งนี้ลอว์เรนซ์กับชิเร จะลองเข้าไปที่ห้องสมุดเพื่อทำการค้นคว้าข้อมูลบางอย่างเพิ่มเติม ส่วนเธียร์ ไซม่อนและอิวาน ทั้งสามขออาสาออกไปหาข้อมูลด้านนอกกัน แต่คืนนี้ต้องพักผ่อนให้เพียงพอเสียก่อน เพราะในช่วงเช้าจะมีกิจกรรมสำคัญรอพวกเขาอยู่นั่นเอง

 

 

 

=========================================


  

 

              ยามเช้าตรู่ เมื่อแสงอาทิตย์อัสดงเริ่มโผล่พ้นขึ้นมาให้แสงสว่างได้อาบผืนแผ่นดิน เสียงร้องสดใสจากเหล่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยดังข้ามป่ามาถึงหอพักรอนเดลอันเงียบสงบ อากาศแจ่มใสเบิกฟ้าวันใหม่ เรียกความกระตือรือร้นของบรรดาเด็กๆชั้นปี 1 ทุกคน ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ 2 ของการเรียนที่มีกำหนดการแจ้งมาว่าเป็นวันสำคัญที่เด็กๆนักเรียนปี 1 ทุกคนจะต้องไปรวมตัวกันตั้งแต่เช้าเพื่อทำการลงเลือกวิชาเรียนสายเวทย์หลักของตนเองเป็นครั้งแรก  เพื่อทำการลงเรียนศาสตร์เวทย์มนตร์ที่ตนเองสนใจ ในแต่ละปีนั้น เวทย์แต่ละสายจะมีนักเรียนเลือกไปเป็นสถิติที่แกต่างกันตามความชอบหรือถนัดแบบไม่ซ้ำ ดังนั้นในเช้านี้ ห้องปี 1 แคมป์รอนเดลจึงถูกอาจารย์มิแรนด้าเรียกมาทำการรวมตัวที่สนามก่อนกำหนดเวลา 

    ทางด้านลอว์เรนซ์ซึ่งทำภารกิจประจำวันเสร็จลุล่วงเรียบร้อยแล้ว เขาจึงออกจากห้องไปพร้อมกับชิเรเพื่อไปหาไอริสซึ่งเป็นหัวหน้า เด็กสาวพักอยู่ห้องเดียวกับอลิสพอดี เขาจึงไม่ต้องตามหาเลขาคนสวยประจำห้องให้ยุ่งยาก สองหนุ่มไม่อยากรบกวนเวลาของเหล่าสุภาพสตรี จึงได้มายืนรอที่ด้านหน้าหอพักหญิงอย่างเงียบๆ ไม่นานนักสองสาวก็ออกมาพร้อมรอยยิ้ม 

 

แต่ในระหว่างทางที่เดินไปด้วยกันนั้น กลับมีแต่เสียงซุบซิบนินทาประปรายให้ได้ยินกันหนาหู โดยเฉพาะข่าวเรื่องของไอริสกับลอว์เรนซ์ก็เป็นที่ร่ำลือให้แซ่ดในหมู่พวกรุ่นพี่ หรือแม้แต่รุ่นเดียวกัน ว่าทั้งสองคนอาจจะกำลังคบหาดูใจกันอยู่ก็เป็นได้ เนื่องจากทั้งคู่ทำงานร่วมกันแถมยังดูจะสนิทสนมกันอีก ใครจะไปรู้ว่าไม่แน่บางทีเจ้าชายว่าที่รัชทายาทแห่งราลเดรูลน์อาจจะกำลังเกี้ยวเจ้าหญิงคนงาม? หรือไม่ก็ไอริสเองอาจจะเป็นฝ่ายหมายตาอยากเป็นสะใภ้เสียเองก็ได้ละมั้ง เพราะเหตุการณ์วันแรกที่ลอว์เรนซ์โดนดีเข้าให้จากแม่หญิงคนงาม (ปล.ถึงมันจะเป็นจูบที่เธอไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเขาเลยก็เถอะนะ) แต่บังเอิญว่าคนที่เห็นมันไม่ได้คิดแบบนั้น ทำให้มีไอ่บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ไปปล่อยข่าวกันให้ควั่กจนออกมาเป็นแบบนี้ มิหนำซ้ำเรื่องที่แย่กว่านั้นก็คือ สิ่งที่เจ้าคนปริศนาผุ้ลักพาตัวพวกเขาไปสู่มิติดอกไม้สีแดง มันก็ได้ก่อเรื่องไว้ตามคาด เพราะทางสภาแวมไพร์ได้ประกาศถึงสถานการณ์ที่มีเหล่าว่าที่รัชทายาทเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งหมดแก่สาธารณะชน ซึ่งจริงๆจะต้องบอกว่าถูกบังคับให้ออกมาแถลงความจริงเสียมากกว่า ข่าวนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ฮอตมากในโรงเรียนและมีชื่อของลอว์เรนซ์ไปอยู่ในบทสนทนากันอย่างสนุกปาก

  

               '' ข่าวเรื่องนายนี่แพร่ไปไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่งอีกนะ ''

 

ไอริสเปรยเบาๆ เจ้าหล่อนไม่ได้นึกสนใจคำนินทาของผู้อื่นในเรื่องที่มีเธอไปเอี่ยวด้วยเท่าไหร่นัก เพราะสำหรับเธอมันเป็นการเสียเวลาอย่างยิ่งและหาใช่ความจริงแม้แต่น้อย 

  

              '' มันจะจริงหรือไม่จริงก็ไม่สำคัญ เพราะพวกเขาแค่รู้สึกสนุกที่ได้รู้และเห็น มันก็แค่นั้นเองแหละ ''

 

ลอว์เรนซ์กล่าวขึ้นมาลอยๆอย่างไม่นึกใส่ใจ แค่เรื่องอื่นๆสำหรับเขาในตอนนี้ก็ดูจะแย่มากพอแล้ว เรื่องคนนินทากันในโรงเรียนมันคงไม่หนักหนาขนาดนั้นหรอก ออกจะธรรมดาเกินไปด้วยซ้ำ เพราะยิ่งมีชื่อเสียง มีตำแหน่ง มีคนรู้จักมากเท่าไหร่ ทั้งเรื่องดีและไม่ดี มันก็ยิ่งดังและชัดมากขึ้น เพราะกลายเป็นเป้าสายตาของผู้อื่นไปแล้ว

 

                   " นี่ก็ใกล้จะถึงเวลานัดรวมพลแล้ว ไปเตรียมจองที่นั่งให้ห้องเราเถอะ"

  

                  "อื้ม นั่นสินะ รีบไปกันดีกว่า "

 

อลิสเรียกความสนใจของลอว์เรนซ์กับไอริสอีกครั้งในฐานะหัวหน้าห้องและรองหัวหน้า ทั้งสองพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมยิ้มบางๆ ทั้งสี่คนเดินตรงมายังสนามหญ้าซึ่งตอนนี้ สิ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิมก็มีเพียงส่วนกลางของสนาม ที่ถูกเปลี่ยนเป็นเหมือนลานทรายขนาดย่อมที่จะนำไว้ใช้ทำอะไรสักอย่าง ทางด้านข้างรอบๆสนามมีอัฒจรรย์ที่นั่งวางเอาไว้เตรียมพร้อมสำหรับเหล่านักเรียนปี 1 ทุกห้องจากแคมป์ทั้ง 4 นั่นคือ ริเชียส โอลเวน โนแวน รอนเดล

 

                 " นั่นคงจะเป็นที่นั่งของพวกเราสินะ "

 

ไอริสชี้ไปที่หน้าอัฒจรรย์สีขาวซึ่งมีป้ายชูเด่นหราเขียนไว้ว่า ปี 1 แคมป์รอนเดล ซึ่งก็คงจะเดาไม่ผิด แสงอาทิตย์ยามเช้าตอนนี้ยังเป็นเพียงแดดอ่อนๆไม่แรงหรือร้อนมากจนเกินไปก็จริง แต่ดูเหมือนพวกอาจารย์จะทำที่กันแดดกันฝนเผื่อกรณีฉุกเฉินเอาไว้ครอบตรงด้านบนของตัวอัฒจรรย์หมดทุกห้องแล้ว ที่หน้าอัฒจรรย์นั้นมีร่างสูงโปร่งของอาจารย์มิแรนด้ายืนรออยู่ เหมือนว่าเธอจะมองเห็นพวกเขามาแต่ไกล จึงโบกมือทักทายเรียกให้มารวมตัวกนตรงนี้ในทันที

  

               " ไง อรุณสวัสดิ์ลอว์เรนซ์"

 

เสียงคุ้นๆแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากไซม่อน บัสเดวิล หนุ่มนักรบตะวันออกคนนั้นนั่นเอง นัยต์ตาสีส้มของเด็กหนุ่มมีความตื่นเต้น ตามสไตล์นักรบ ส่วนที่ยืนข้างๆกันก็คือเธียร์ เจ้าชายคนสำคัญแห่งแซคคาริเบียนที่กำลังป้องปากหาวออกมาด้วยความง่วง โชคยังดีที่วันนี้หมอนี่ไม่ได้คิดจะโดดร่มเหมือนวันแรก หรือคงเพราะโดนไซม่อนลากตัวมาเพราะอยู่ห้องเดียวกันก็ไม่อาจทราบได้ หลังจากเรื่องตอนนั้นที่เธียร์โดดเรียนไปแล้วไซม่อนก็ตามไปอีกคน ทั้งไอริสและอลิสต้องไปจัดการเรื่องนี้ด้วยการคุยกับอาจารย์ไรเชลให้ ซึ่งน่าแปลกมากที่เขากลับยกโทษให้ไซม่อนราวกับเป็นคนละคน ไม่มีใครรู้ด้เลยว่าสองสาวใช้กลวิธีอะไรในการเปลี่ยนแปลงอาจารย์บ้าๆคนนั้น 

 

                  "พวกนายนี่มาเช้ากันจังนะ"

 

อิวานหนุ่มน้อยนักมายากลร้องทักขึ้นทันทีที่เดินมาถึง เขามาพร้อมกับเรวิน สคิลเลอร์ ผู้เป็นรูมเมท ลอว์เรนซ์เองก็ยังไม่ค่อยได้พูดคุยกับเขานัก เพราะเรวินท่าทางเงียบขรึมและพูดน้อย เขาดูเย็นชายิ่งกว่าลอว์เรนซ์เสียอีก ซึ่งดูคนอื่นจะมองว่าเป็นแบบนั้น 

  

                    "อยู่ที่ห้องก็ไม่มีอะไรให้ทำนี่"

  

                  "เดี๋ยวพวกห้องอื่นก็คงจะมากันแล้วมั้ง"

 

อิวานยิ้มขณะที่กวาดสายตามองดูอัฒจรรย์เบื้องหน้าด้วยความสนใจ ซึ่งก็เป็นจริงดังที่เขาว่าไว้ พวกนักเรียนไม่ว่าจะห้องลอว์เรนซ์หรือพวกห้องอื่นจากแคมป์ริเชียส โอลเวนและโนแวนเริ่มทยอยกันมาเป็นกลุ่มๆ และเข้าไปหาที่นั่งประจำตามป้ายที่บอกไว้

    

                " ฉันว่าพวกนายก็รีบเข้าไปนั่งที่กันดีกว่า "

 

ไอริสเสนอด้วยความหวังดีเพราะถ้าเริ่มมีคนมาเยอะขึ้น การแย่งที่นั่งก็จะต้องเกิดขึ้นตาม ประมาณว่าตรงนั้นวิวดี ตรงนี้เห็นชัดกว่าอะไรเทือกนั้นแหละ

  

                  " ได้เลยย~ เดี๋ยวพวกฉันจะจองที่ให้พวกนายด้วย เพราะเราคือกลุ่มเดียวกันแล้ว "
 

อิวานโปรยยิ้มน่ารักออกมาจนสาวๆจากแคมป์อื่นๆพากันหันมาสนใจเขาหลายคน แม้เจ้าตัวจะไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลยก็ตาม ขณะที่ลอว์เรนซ์ก็ยิ้มน้อยๆตอบรับ เพราะเขาชอบที่ทุกคนอยู่ด้วยกันแบบนี้ นี่คือความคิดลอว์เรนซ์ ส่วนไอริสเองก็ไม่คิดถือสาอะไรมากความ เธอชี้นำเพื่อนๆที่ต่างทยอยกันมาให้ขึ้นไปนั่งด้านบนโดยเร็ว พลางถือสมุดรายชื่อและปากกาขึ้นมา

 

                " เพื่อนๆมากันแล้วล่ะ ฉันจะเช็คชื่อนะ ลอว์เรนซ์กับอลิสก็มาช่วยกันหน่อยสิ"

 

                "ตกลง ฉันจะไปคุมเพื่อนๆคนอื่นที่อัฒจรรย์ อลิสก็ช่วยไอริสเช็คดีๆล่ะ "

 

ลอว์เรนซ์เดินขึ้นไปดูเพื่อนๆที่นั่งลง พร้อมกับพาคนอื่นๆที่พึ่งมาถึงให้เข้าประจำที่อย่างเป็นระเบียบ ขณะที่ไอริสเริ่มทำการขานชื่อพร้อมเช็คว่าเพื่อนๆมากันครบหรือไม่ และแล้วในที่สุดก็ถึงเวลาการเปิดงานเลือกสายเวทย์ของเหล่านักเรียนปี 1 จนได้ บนอัฒจรรย์ทั้งหมดต่างถูกเติมเต็มไปด้วยนักเรียนจากแคมป์ทั้ง 4 ครบครันเต็มทุกที่นั่ง พวกลอว์เรนซ์ได้ขึ้นไปนั่งอยู่แถวบนสุดตามที่พวกไซม่อนจองเอาไว้ให้ ซึ่งก็ถือว่าเห็นชัดได้แบบเอชดี พิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการเริ่มขึ้นที่หน้าลานทรายซึ่งมีเหล่าคณาจารย์หลายท่านร่วมกันยืนอยู่ และผู้ที่มากล่าวพิธีเปิดนั่นก็คือ อาจารย์มิแรนด้าของพวกเขาซึ่งนอกจากจะประจำแคมป์รอนเดลแล้ว ยังถูกรับเลือกให้เป็นอาจารย์ประจำระดับของนักเรียนปี 1 อีกด้วย เด็กๆทุกคนจากแคมป์รอนเดลต่างพากันส่งเสียงชื่นชมเธอพร้อมกับปรบมือนำเป็นการให้กำลังใจ ส่งผลให้นักเรียนแคมป์อื่นๆเองก็เริ่มปรบมือตามๆกัน

 

                  " นักเรียนทุกคน ในพิธีการเปิดการเลือกสายเวทย์ในครั้งนี้ก็เป็นพิธีที่ทางโรงเรียนของเราได้จัดขึ้นเป็นประจำกันทุกปี ฉันขอให้นักเรียนทุกคนในที่นี้ได้เลือกสายที่เหมาะสมและมั่นใจได้ว่าจะนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงตามความต้องการของตัวเรา แต่ก่อนหน้านั้นฉันมีคนๆหนึ่งที่อยากจะให้นักเรียนทุกคนได้ฟังเขาพูด..."

 

อาจารย์มิแรนด้าขยับรอยยิ้มอบอุ่นขณะที่ถอยห่างออกจากไมค์แล้วสลับที่ให้บุรุษร่างสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาแทนที่ เขาเป็นบุรุษที่ทุกคนคุ้นหน้าคุ้นตากันดี นัยต์ตาสีน้ำตาลฉายแววคมเข้มและดูทรงอำนาจเมื่อร่างนั้นก้าวเข้ามายืน

 

            "นั่นมันรุ่นพี่ไบคัสนี่นา!?"

 

เสียงหลายเสียงเริ่มสนทนานินทาชื่อเจ้าตัวกันให้หนาหู จนพวกอาจารย์ท่านอื่นต้องทำสัญญาณปรามให้เงียบเสียงลงก่อน บุรุษร่างสูงยังคงความสง่าผ่าเผย ยัยต์ตาสีน้ำตาลเข้มทอดมองไปรอบๆ แล้วเริ่มพูดออกเสียงผ่านไมค์เป็นครั้งแรกด้วยความมั่นใจไม่มีตื่นกลัว

  

              " ฉันไบคัส แซนทาเรียส เป็นตัวแทนของเหล่านักเรียนปี 6 ที่จะมาแนะนำถึงเรื่องของสายเวทย์ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของงานในวันนี้.."

 

เสียงปรบมือเริ่มดังขึ้นเป็นการให้เกียรติผู้พูด เด็กๆปี 1 เริ่มตั้งอกตั้งใจฟังกันยกใหญ่ ในหัวใจเริ่มรู้สึกตื่นเต้นไปหมด

  

               " สายเวทย์ในโลกแวมไพร์ของพวกเรานั้นจะมีด้วยกันทั้งหมด 3 สาย คือ 1.สายแปรธาตุ เป็นเวทย์ที่มีการใช้พลังจากธาตุที่เราเลือกเป็นตัวแปรหลักในการแสดงพลังออกมา เช่น ธาตุไฟ ธาตุน้ำ ธาตุอัสนี เป็นต้น เอาล่ะลองดูตัวอย่างกันได้...."

 

ไบคัสหยุดพูดขณะที่ชี้นิ้วไปทางด้านหลังของตนเองซึ่งเป็นลานทรายที่เคยโล่งมาก่อน แต่บัดนี้เต็มไปด้วยพวกรุ่นพี่หลายๆคนที่ยืนเหมือนรอรับคำสั่งอะไรบางอย่าง ฉับพลันทันใด ร่างของใครคนหนึ่งในหมู่พวกนั้นก็พุ่งตัวทะยานขึ้นสู่ฟ้า แล้วเวทย์สีส้มแดงดุจเปลวไฟอันร้อนแรงก็แตกกระจายจากฝ่ามือของเขาออกเป็นวงกว้าง กลายเป็นรูปของฟินิกส์ไฟที่ตัวใหญ่มหึมา บินเข้ามาทางอัฒจรรย์โฉบผ่านพวกเด็กปี 1 ที่ร้องตกใจกลัวกันท้วนหน้า

  

                "โอ้ยยยย!! ร้อนชิบบบ นี่แค่เป็นรูปเองนะเนี่ย!"

 

ไซม่อนบ่นเมื่อสะเก็ดไฟของเจ้าฟินิกส์จำลองปลิวมาถูกตัวเขา ให้ตายสิจะมาสาธิตหรือแกล้งเด็กกันแน่นะ และนอกจากเจ้าฟินิกส์ไฟแล้ว การแสดงของพลังจากธาตุอื่นๆก็มีตัวอย่างมาให้ดูเป็นขวัญตาด้วย ไม่ว่าจะสายฟ้า น้ำแข็งและอื่นๆอีกมากมาย สร้างความตื่นเต้นให้แก่เหล่าปี 1 ทุกคนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างผลึกน้ำแข็งจากบ่อน้ำที่เหล่าธาตุวารีทำเอาไว้ ให้กลายเป็นปราสาท การแปรเปลี่ยนรูปลักษณ์สายฟ้าได้ดั่งใจ หรือแม้แต่การทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนยกใหญ่ จนอัฒจรรย์ของเหล่านักเรียนวูบไหวไปมา ถือว่าเป็นการทำให้พวกเขาได้เห็นความทรงพลังของเวทย์มนตร์แต่ละสายกับตาตัวเอง

  

                " พวกเธอคงจะเห็นกันแล้วว่า เวทย์สายแปรธาตุที่เรียนจะสามารถใช้พลังออกมาได้ในรูปแบบไหน ต่อจากนี้ฉันจะอธิบายเวทย์อีก 2 ประเภทที่เหลือ นั่นคือเวทย์สายผสมผสาน เป็นเวทย์ที่สามารถนำพลังเวทย์ต่างๆมาผสมผสานกันได้ให้ออกมาอยู่ในรูปแบบของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะใช้ได้ทุกธาตุหรอกนะ ทุกอย่างก็มีข้อดีข้อเสียของตัวมันเอง ส่วนเวทย์สุดท้าย..."

 

รุ่นพี่ไบคัสหยุดพูดเว้นวรรคไปนิดหน่อย เรียกความสนใจจากทุกคนที่ทำหน้าทำตาอยากรู้เสียเต็มประดา

 

                  " นั่นก็คือ..เวทย์ต้องห้าม เป็นเวทย์ด้านพลังมืดและพลังด้านลบที่ถือว่าเป็นอันตรายทั้งต่อผู้อื่นและคนที่ใช้เอง ดังนั้นทางโรงเรียนของเราจะไม่มีการนำเวทย์ประเภทนี้มาสอน ฉะนั้นฉันจึงอยากให้พวกเธอได้คิดดูกันให้ดีๆ แล้วตอนเที่ยงวันนี้ก็จะมีการเปิดรับสมัครตามห้องต่างๆที่จัดไว้ เดี๋ยวฉันจะแจกชีทให้ไปดูกัน ตัดสินใจได้แล้วก็รีบไปสมัครให้เรียบร้อย ปิดรับสมัครถึงแค่ 16.00 น. วันนี้เท่านั้น...ขอให้พวกเธอโชคดี"

 

ไบคัสกล่าวจบพิธีโดยง่าย ก่อนจะหันหลังเดินออกจากไมค์ ชีทที่เขาพูดถึงถูกนำมาแจกจ่ายโดยผ่านทางหัวหน้าห้องแต่ละห้อง  ไอริสจึงต้องลงมารับกองชีทด้วยตนเองแล้วเริ่มแจกให้เพื่อนๆทุกคนในห้องที่ตั้งตารอกันอยู่

    

                 "พวกนายจะเลือกสายอะไรกัน??"

 

อิวานกับไซม่อนเอ่ยถามทุกคนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

  

                 " ฉันอยากลงสายแปรธาตุ ธาตุน้ำแข็ง"

 

ลอว์เรนซ์ตอบไปด้วยท่าทางภูมิใจนิดหน่อยราวกับว่าเขาคิดเอาไว้ตั้งนานแล้วซึ่งดูเหมือนสิ่งที่เลือกก็เข้าทางกับอุปนิสัยส่วนตัวของเขาได้ดี

  

                 "แล้วพวกนายล่ะ?"

 

                 "ฉันก็ต้องสายแปรธาตุอยู่แล้ว นักรบร้อนแรงอย่างฉันเอาเป็นธาตุไฟน่าจะเข้าท่านะ หรือพวกนายว่าไง?"

 

ไซม่อนถามความคิดทุกคนด้วยนัยต์ตาเป็นประกายวิบวับ ทุกคนได้แต่พยักหน้าให้เขาแบบไม่ต้องคิด เพราะคนอย่างหมอนี่น่ะเหมาะมากเลยล่ะ แต่ทำไมตอนนั้นใครกันนะที่บ่นเรื่องสะเก็ดไฟเจ้าฟินิกส์ก่อนใครเพื่อนเนี่ย 

  

                  " ผมคงเลือกสายผสมผสานน่ะครับ "

 

ชิเรยิ้มบางขณะที่พลิกหนังสือหน้าต่อไปแล้วก้มหน้าก้มตาอ่านมันต่อ

  

                  "ฉันคงจะเลือกสายแปรธาตุเหมือนกันแหละจ้ะ แต่ก็คงต้องคิดดูดีๆอีกที "

 

อลิสตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ส่วนอิวานกับเธียร์เองก็ยังไม่คอนเฟิร์มว่าจะเลือกสายไหนกันแน่ แต่จากเปอร์เซ็นต์ที่เห็นชัดๆกันตอนนี้คือ กลุ่มพวกเขาได้กลายเป็นไปคนละทิศคนละทาง ถือว่าได้ช่วยกันครอบครองพลังอยู่หลากหลายกันเลยทีเดียวเชียว

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จในช่วงพักเที่ยง พวกลอว์เรนซ์ก็ต่างแยกย้ายกันไปตามห้องรับสมัครที่ตนเองสนใจ ในวันนี้นักเรียนปี 1 ได้รับอนุญาตให้ไม่ต้องเรียนถึง 1 วันเต็มๆเพื่อเอาเวลาไปใช้ในการเลือกสายถือว่าเป็นการให้เวลาสำหรับเด็กๆในการตัดสินใจไดอย่างดี นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยทอดมองไปตามตัวอาคารชั้น 5 ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัครของเขา ในตอนนี้ตามทางเดินเริ่มคลาคล่ำไปด้วยพวกนักเรียนคนอื่นๆที่มีเป้าหมายเดียวกัน จนเมื่อมาถึงหน้าห้อง นัยต์ตาสีน้ำเงินเข้มของบุรุษอีกคนที่คุ้นเคยก็ตวัดมองมาที่เขาอย่างจงใจ

  

                  ' รุ่นพี่จีเนียส?'

 

เด็กหนุ่มได้แต่คิดชื่อเขาคนนั้นอยู่ในใจเงียบๆ ร่างสูงของจีเนียส เจ้าชายคนสำคัญแห่งมอลเดเวียร์ยืนประจำอยู่ที่โต๊ะลงชื่อคู่กับรุ่นพี่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จัก ที่บนโต๊ะนั้นติดป้ายเอาไว้ชัดเจนว่ารับสมัครเวทย์สายแปรธาตุ( น้ำแข็ง ) ดูเหมือนว่าทั้งสองคนคงจะเป็นตัวแทนจากพวกรุ่นพี่ที่เรียนสายนี้นั่นเอง แต่คิดๆดูแล้วก็เหมาะกับคนอย่างจีเนียสอยู่ไม่น้อย เพราะนิสัยของเขามันก็ราวกับเจ้าชายน้ำแข็งเสียจริงๆ

 

                    " จะลงสายนี้เหรอ ? เธอชื่ออะไร อยู่ห้องไหนจ๊ะ?"

 

รุ่นพี่ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยถามเขาเมื่อเห็นเดินมายังโต๊ะ จีเนียสยังคงมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาเย็นชาไม่คิดจะเสวนาหรือทักทายกันสักนิดด้วย แต่พลันสายตานั้นก็ต้องหยุดกึกเมื่อมีนักเรียนหญิงคนอื่นพากันมารุมล้อม เอ่ยถามชื่อจีเนียสกันยกใหญ่ แน่นอนว่าเจ้าตัวกลับยิ่งทำหน้าไม่สบอารมณ์หนักขึ้นไปอีก

 

                   " ถ้าไม่ได้มาสมัครก็ช่วยออกไปให้พ้น ฉันไม่ชอบให้ผู้หญิงมาวุ่นวาย น่ารำคาญ "

 

เมื่อถูกจีเนียสบอกปัด เหล่าสาวๆก็พากันกลัวจนยอมถอยห่างออกมา เหอะๆริอาจไปเล่นใหญ่กับเจ้าชายผู้หยิ่งยโสขนาดนั้น จะหน้าแตกยับๆกลับไปก็ไม่แปลก

 

                    "ผมชื่อ ลอว์เรนซ์ เซอแลนเซียร์ เวสเบิร์กครับ มาจากแคมป์รอนเดล ครับ "

  

                    " อ้อ รอสักครู่นะจ๊ะ...เอาล่ะ ช่วยเซ็นตรงนี้ให้ทีนะ"

 

เธอชี้ไปยังจุดที่ให้เขาเซ็นชื่อ ซึ่งลอว์เรนซ์ก็เซ็นไปตามนั้น เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยลงตัวแล้ว ลอว์เรนซ์ก็หันหลังกลับเตรียมตัวจะเดินออกมา แต่เสียงหยึ่งก็หยุดเขาเอาไว้เสียก่อน

 

                    '' วันอาทิตย์นี้เวลา 1 ทุ่มตรง นายกับเพื่อนว่าที่รัชทายาทคนนั้น มารอที่ห้องผู้อำนวยการด้วย ท่านมีเรื่องจะคุยกับพวกเราทั้งหมด ''

 

 

 

 

 

 

 

 

-โปรดติดตามตอนต่อไป-

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป