Your Wishlist

The Heir Vampire (รัชทายาทแห่งโลกแวมไพร์) (Rewrite) (13 เด็กสาวปริศนา (Rewrite))

Author: Sayyeon

" การกลับคืนสู่ฐานันดรของเจ้าชาย นำเขากลับมาเพื่อช่วงชิงตำแหน่งของรัชทายาทแห่งไครซิสต์ ดินแดนของแวมไพร์ผู้ที่ไม่ประสงค์ต่อการดื่มเลือดและได้รับพรจากพระเจ้า การต่อสู้ของผู้ที่ถูกเลือกได้เริ่มขึ้นแล้ว "

จำนวนตอน : N/A

13 เด็กสาวปริศนา (Rewrite)

  • 14/08/2564

The Heir Vampire (รัชทายาทแห่งโลกแวมไพร์)
ภาค 1 ศึกปะทะอัศวินแห่งความมืด


    
 

 

 

 

 

 

 

                 ' แฮ่ก...แฮ่กก...เหนื่อย..เจ็บชะมัด...'

 

เสียงความคิดในหัวสมองของเด็กสาวเริ่มหมุนติ้วย้ำเตือนถึงความเจ็บปวดจากบาดแผลสดๆที่เลือดยังคงไหลไม่หยุด นัยต์ตาสีเขียวสวยงามดุดดั่งมรกตคู่นั้นพยายามกวาดมองหาทางหนีทีไล่อย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะเหล่าศัตรูผู้ฝากรอยแผลเอาไว้มันกำลังตามไล่ล่าเธออยู่อย่างสุดชีวิต...เรี่ยวแรงที่มีบวกกับสภาพร่างกายในตอนนี้ อีกไม่นานเธอก็คงจะถึงขีดจำกัดเข้าแล้ว แต่ขาทั้งสองข้างก็ยังคงพาร่างอันบอบบางซึ่งฟกช้ำไปแล้วทั้งตัวให้เคลื่อนที่ต่อไป

 

              "เฮ้ยย! มันอยู่ตรงนั้น จับไว้ให้ได้!!"

 

เสียงฝีเท้ามากมายจากเหล่าลูกน้องผู้รับคำบัญชาแห่งเบื้องบนมาต่างวิ่งกรูกันเข้าไปหาเด็กสาวผู้เป็นเป้าหมาย บรรยากาศมืดมิดในยามวิกาลทำให้เธอสังเกตสังกาอะไรได้ไม่ค่อยถนัด แถมที่นี่มันยังเป็นป่าที่นอกจากเจ้าพวกที่ตามมาข้างหลัง อันตรายก็ยังมีอยู่อีกรอบด้าน...เส้นทางแปลกใหม่ที่ไม่คุ้นชินเหล่านี้กำลังจะนำพาเธอไปยังแห่งหนใดก็ไม่อาจล่วงรู้ได้เลย สิ่งที่ทำคือต้องหนีหนีไปให้ได้ เพราะมีของสำคัญบางอย่างที่เธอจะไม่ยอมให้มันตกอยู่ในมือของคนพวกนั้นเป็นอันขาด

 

                   '...ใครก็ได้...ใครก็ได้..ช่วยฉันด้วยยย!'

 

เสียงร่ำร้องกึกก้องอยู่ภายในใจนั้นไม่อาจหลุดรอดออกมาเป็นประโยคได้ มีเพียงแค่เสียงลมหายใจหอบที่ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าค่ำคืนนี้จะไม่มีทางสิ้นสุดลงง่ายๆ หัวใจที่เต้นตึกตักจนแทบจะระเบิดออกมา แม้ว่าจะไม่มั่นใจนักว่าเหมาะสมหรือไม่ แต่ถ้าไม่ปลดปล่อยเจ้าพลังของสิ่งนั้นออกมาในยามนี้ เธอก็อาจจะต้องตายเข้าจริงๆก็ได้...

 

 

 

 

 

 

                               =======================================

 

 

 

                     "อึก..."

 

นัยต์ตาสีฟ้าคู่สวยเบิกโพลงขึ้นในยามเช้า พระอาทิตย์ที่โผล่พ้นจากขอบฟ้าสาดแสงส่องผ่านหน้าต่างห้องพักเข้ามาต้องใบหน้าอันหล่อเหลาจากเจ้าชายแห่งราลเดรูลน์ผู้ที่พึ่งจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างกระทันหัน แต่คราวนี้สีหน้าเจ้าตัวบ่งบอกชัดเจนว่าเขาไม่ได้ตื่นตัวมาแบบปกติ นัยต์ตาสีน้ำตาลเข้มของชิเรสบมองเพื่อนร่วมห้องของเขาอย่างรู้สึกฉงน ในทุกเช้าเขามักจะตื่นก่อนลอว์เรนซ์อยู่เสมอจนเป็นกิจวัตร

 

                  " นายฝันร้ายอีกแล้วเหรอครับ?"

 

เป็นคำถามเดิมแต่ก็ยังยืนยันได้ถึงความเป็นห่วงเหมือนเก่าที่เขาสัมผัสได้ ลอว์เรนซ์เสยผมยุ่งๆของตนที่ปรกหน้าออกไปให้พ้น พลางถอนหายใจออกมาอย่างเหลืออดกับตัวเอง เริ่มรู้สึกทั้งเบื่อหน่ายและแปลกพิกล ว่าตั้งแต่ที่ย้ายมาเรียนโรงเรียนนี้ ต้นกำเนิดฝันร้ายจากอะไรสักอย่างมักถูกนำพามาหาเขาในทุกค่ำคืน แถมครั้งนี้ยังเป็นนิมิตรที่ดูเหมือนจริงยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเสียด้วยซ้ำ

 

                  " อื้ม ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ "

    

                  " แต่คราวนี้ดูนายจะตกใจมากกว่าครั้งก่อนนะครับ มีอะไรรึเปล่า?"

 

ชิเรยังคงจับสังเกตท่าทางผู้คนอีกตามเคย ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ปฏิเสธข้อสันนิษฐานนั้น ลอว์เรนซ์เงียบไปครู่หนึ่งขณะที่ในใจพลันระลึกนึกถึงความฝันประหลาดเมื่อกี้...เขาฝันว่า มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังวิ่ง..ใช่ เธอวิ่งหนีอะไรสักอย่าง ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล และที่สำคัญไปกว่านั้น เธอคนนั้นกำลังร้องให้คนช่วย...เสียงของเธอมันราวกับว่าจะเอาแต่ก้องอยู่ในหัวเขาไม่ยอมออกไปไหนยังไงยังงั้น...นัยต์ตาสีเขียวโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์คู่นั้นของเด็กสาวมันทำให้เขาเผลอหวนนึกถึงอะไรบางอย่างที่ราวกับเดจาวู เหมือนว่าเขาจะเคยพบเจอเธอคนนี้จากที่ไหนสักแห่ง แต่ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันคืออะไร

 

                 " ฉันอาจจะแค่คิดมากไปเองน่ะ คงแค่เหนื่อยๆนิดหน่อย "

 

แม้ว่าจะทำเป็นตอบปัดๆไปอย่างนั้นแต่ชิเรก็ดูจะรู้ใจเขาดีมากเกินไปเสียแล้ว นัยต์ตาสีน้ำตาลทำท่านิ่งงันราวกับจะคาดคั้นเอาคำตอบจากเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ แต่สุดท้ายคนนิ่งกว่าก็ต้องกลายเป็นผู้ชนะอีกตามเคย นั่นทำให้ชิเรยอมเลิกราไปแต่โดยดี พลันคิดว่าถ้ารูมเมทคนนี้ของเขาจะเล่าก็คงเล่าเอง พยายามง้างปากไปก็ไม่ยอมพูดง่ายๆหรอก 

 

 

วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่อากาศร้อนแต่ก็แจ่มใสดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงในเรื่องของสภาพอากาศ นักเรียนแต่ละคนยังคงทำหน้าที่ของตนเองไปตามปกติ รวมถึงห้องปี 1 แคมป์รอนเดลด้วย ไอริสก็ยังคงเป็นหัวหน้าห้องที่รับผิดชอบงานทุกอย่างได้ดีเข้าควบคู่กับลอว์เรนซ์และอลิส ในช่วงคาบเช้าของวันนี้มีเรียน 3 วิชาคือ 1.วิชาอักขระแวมไพร์ ที่มีอาจารย์สอนคือ อาจารย์สาวสวยนาม 'คามิล เวสตัน'เธอเป็นอาจารย์คนใหม่ที่พึ่งจะมาประจำอยู่ที่โรงเรียนนี้ได้แค่ 1 ปี แต่ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากเหล่านักเรียนทุกห้องที่เธอสอน โดยเฉพาะบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ที่เอาแต่แซวอาจารย์สาวกันไม่ขาดปาก แน่นอนว่าไอริสต้องเก็บมาปวดหัวอีกระลอกเมื่อเหล่านักเรียนชายกลุ่มของโนเอลพากันแซวและจัดตั้งกลุ่มแฟนคลับให้แก่อาจารย์คามิลกันให้ควั่ก

 

                  "อาจารย์สวยเราก็อยากให้ได้สอนกันทุกคาบ~ "

    

                  "อาจารย์ไม่ควรเป็นอาจารย์ ควรเป็นแฟนลูกศิษย์~~"

    

                  "นี่พวกนาย! ตั้งใจเรียนกันหน่อย มันเสียมารยาทนะ! "

 

ไอริสเริ่มห้ามทัพด้วยการใช้อำนาจด้านเสียงข่มขู่ นัยต์ตาของเธอแทบจะมีไฟลุกขึ้นมาได้อยู่แล้ว แถมเจ้าพวกตัวแสบทั้งหลายก็ยังแกล้งพูดหันมาล้อเลียนสาวเจ้าแทนเสียอย่างนั้น

 

                 "อะไรรกันเล่าาา~ หัวหน้าาา~ แซวนิดแซวหน่อยไม่เห็นเป็นไร หรือให้พวกฉันแซวเรื่องเธอกับลอว์เรนซ์เขาดีล่ะะะ~"

    

                 "ใช่ๆๆ ก้าวหน้ากันไปถึงไหนนแล้วว~"

    

                 "ไปถึงเตียงงงแล้วม้างงงง ฮ่าาาๆๆๆๆ"

  

                 "เจ้าพวกนี้!! "

 

ใบหน้าของเจ้าหญิงผู้ถูกล้อเลียนเริ่มแดงซ่านอย่างไม่ต้องสงสัย เหล่าลิงทะโมนทั้งหลายก็ดูจะยิ่งสนุกใหญ่ที่ได้แกล้งสาวงาม ขณะที่อลิสก็ต้องรีบคว้าแขนไอริสเพื่อนสาวที่กำลังกำหมัดแน่นและกัดฟันกรอดอย่างอดทน ตัดภาพมาที่บรรดาสาวๆในห้องที่เริ่มหันมาค้อนขวับเขม่นไอริสกันอยู่หลายคน เพราะลอว์เรนซ์เองก็เป็นหนึ่งในหนุ่มหล่อขวัญใจประจำห้องด้วย ขณะที่อาจารย์คามิลนั้นก็ได้แต่ยืนมองอย่างไม่รู้ว่าควรจัดดุด่าว่าร้ายฝ่ายไหนถึงจะเข้าที ต่างกับเจ้าชายผู้ถูกพาดพิงอีกคนที่ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ นิ่งสงบสยบทุกความเคลื่อนไหว แม้ในหัวใจจะรู้ตัวดีว่าเขากับไอริสมีคดีต้องตัวจากเรื่องเมื่อคราวก่อน เป็นรางวัลที่เขาไม่อยากจะไปคิดถึงมันอีกเลย

    

                " นายนี่ยังไงกับไอริสเขาวะ ฮ่าๆๆๆ"

 

เด็กหนุ่มนักรบตะวันออกตบไหล่เขาจากด้านหลังขณะที่สถานการณ์ภายในห้องเริ่มค่อยๆเงียบลงไป เพราะอลิสผู้น่ารักช่วยเป็นราชทูตเจรจาสื่อสานสัมพันธไมตรีแก่ทั้งสองฝ่ายและรีบไปขอขมาลาโทษอาจารย์ที่เคารพได้ทันท่วงที

 

                 " เพื่อน "

 

คำตอบแสนสั้นอย่างเคยที่ช่วยแสดงอารมณ์กรุ่นๆจากเจ้าของคำตอบ แม้ไซม่อนจะพอรู้แกวอยู่บ้างก็ตามว่าระหว่างสองคนนี้ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าสถานะนี้เลยจริงๆ เพราะดูยังไงก็คงจะไม่ใช่ไทป์ที่แต่ละฝ่ายปลาบปลื้มนัก ถ้าจะให้เดาเล่นๆว่าสองคนนี้คบกันอยู่งั้นรึ เจ้าหญิงนางพญาผู้เย่อหยิ่งกับเจ้าชายผู้สุขุมเย็นชา มันดูจะเข้ากันไม่ค่อยได้เท่าไหร่นักหรอก 

  

                 " ฉันล่ะอยากรู้จังเลยน้าา คนเย็นชาอย่างนายนี่มีเคล็ดลับอะไรไปอ่อยสาวๆวะ เห็นมีแต่คนอยากครอบครองหัวใจเจ้าชายน้ำแข็งอย่างนายนักหนาา~ "

 

คนล้อก็ล้อไปเรื่อย แต่ดูเหมือนจะยังไม่ถูกจุด เมื่ออีกฝ่ายกลับยิ้มพรายขึ้นมาเสียอย่างนั้น นัยต์ตาสีฟ้าคู่สวยฉายประกายถูกใจเล็กๆ ก่อนจะตอบคำถามเขาแบบชนิดที่คาดไม่ถึงและคิดไม่ได้

 

                 "ฉันเย็นชาได้ไมเท่ารุ่นพี่จีเนียสคนนั้นเลยด้วยซ้ำนะ''

 

                  '' แต่นายก็ฮอตไม่แพ้เขาเลยนี่หว่า ''

 

                   ''เพราะผู้ชายไทป์เย็นชามักจะดูลึกลับ น่าค้นหา คาดเดาไม่ได้ว่าคิดอะไร ถ้าหน้าตายิ่งมีสเน่ห์ ภาพจำที่ทำให้ผู้หญิงมองแล้วสนใจก็จะชัดเจนขึ้น เพราะงั้นฉันก็แค่อยู่เฉยๆไม่ต้องทำอะไรไง "

 

ไซม่อนถึงกับอึ้งค้างแบบขอสตั้นไปสัก 10 วิ คุณสมบัติที่มันพูดก็ดูจะเป็นทฤษฎีที่ถูกเผง ไม่อยากจะเชื่อว่านี่มันใช่ลอว์เรนซ์คนที่เขารู้จักหรือปรมาจารย์ด้านการจีบสาวมาเทสต์เขาอยู่กันแน่วะ? O.o มุมแบบนี้ของเจ้าชายแห่งราลเดรูลน์ที่รับรองว่าใครได้ยินอาจต้องเปลี่ยนความคิด... เพราะขนาดอีกคนที่ได้ฟังก็ยังอึ้งตาม คนๆนั้นก็คืออลิสนั่นเอง จริงๆแล้วเธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังอะไร แต่หูเจ้ากรรมมันได้ยินไปถึง...ชื่อ..ของใครคนนั้น คนที่เธออยากจะเบือนหน้าหลบหนีความเป็นจริงไปพร้อมกับความเจ็บปวด

 

เมื่อจบวิชาแรกก็ต้องมาต่อด้วยวิชาที่ 2 วิชาประวัติศาสตร์โลกแวมไพร์ ผู้ที่สอนก็ไม่ใช่ใครอื่น อาจารย์ไรเชล แกรนด์สมิท ผู้ที่มีน้ำเสียงเนิบนาบปานเล่านิทานกล่อมเด็กจนแทบอยากจะขอล้มตัวลงไปนอนเดี๋ยวนั้น ลอว์เรนซ์ก็ยังคงต้องตั้งใจเรียนต่อไปพร้อมกับคู่หูของเขา ชิเร ที่ดูเป็นเด็กเนิร์ดที่สุดในกลุ่ม 7 คนของพวกเขา(ตอนนี้เรียกเป็นกลุ่มได้แล้ว ) ซึ่งประกอบด้วย ลอว์เรนซ์  ชิเร ไซม่อน ไอริส อลิส เธียร์และอิวาน แน่นอนว่าคนที่ปฏิเสธการเข้าเรียนในคาบนี้ก็คงหนีไม่พ้นไซม่อนซึ่งเคยมีกรณีพิพาทกับอาจารย์ไรเชลไปแบบสดๆร้อนๆ แต่ทั้งสามเกลอผู้ปกครองประจำห้องก็ต้องพยายามหยุดความคิดของเขาเอาไว้เสียก่อน

 

                   " ให้ตายเหอะ! ฉันไม่อยากเรียนกับไอ้อาจารย์นั่นเลย! "

 

ไซม่อนบ่นไม่หยุดเมื่อก้าวเข้ามาในห้องเรียนเดิมอีกครั้ง ใบหน้าของเด็กหนุ่มฉายชัดถึงความเบื่อหน่ายและโกรธขึง คำพูดเมื่อคาบที่แล้วมันก็ยังฝังอยู่ในหัวมาจนถึงเวลานี้ แถมเธียร์รูมเมทของเขามันก็อีหรอบเดิม โดดร่มไปสถิตย์อยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ คราวนี้ก็คงไปฟังเสียงต้นไม้หรือไปเป็นผู้พิทักษ์ป่าเข้าให้อีกแล้วแน่ๆ

 

                    " นายใจเย็นๆหน่อยน่าไซม่อน อย่าก่อเรื่องอีกล่ะ ฉันกับไอริสอุตส่าห์ไปขออาจารย์ไม่ให้นายถูกลงโทษแล้วนะ"

  

                    "นั่นสิ นายอดทนเรียนๆไป ไม่ต้องสนใจ จะหลับอาจารย์ก็ไม่ว่าหรอก เธียร์ไม่อยู่เดี๋ยวฉันนั่งเป็นเพื่อน"

 

อิวานเอ่ยเสนอทางเลือกที่ฟังๆดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าท่าในเรื่องการหลับ แต่ก็นับว่าโอเคกว่าตื่นอยู่แล้วไปหาเรื่องวิวาทล่ะนะ หวังสุดใจว่าหมอนี่คงจะไม่หาเรื่องเดือดร้อนให้เขากับไอริสได้จนถึงคาบที่ 3 ล่ะนะ แต่ถึงอย่างนั้นลอว์เรนซ์ก็มานั่งข้างๆเพื่อประกบเจ้าหนุ่มนักรบผู้เลือดร้อนช่วยอิวานอีกแรงน่าจะเป็นการกันเหนียวไว้ก่อนดีกว่า 

 

 

 

 

==================================

 

เวลา 13.00 น. หลังจากหมดเวลาคาบพักกลางวัน ลอว์เรนซ์กับอลิสก็แยกตัวออกจากกลุ่มไปพร้อมกันเพราะห้องเรียนของทั้งคู่อยู่ใกล้ๆกัน เพราะในช่วงบ่ายจะเป็นการเรียนวิชาในสายเวทย์ของตนเอง แน่นอนว่านักเรียนทุกคนต้องแยกย้ายกันไปตามสายที่ตัวเองได้ทำการลงสมัครเอาไว้ โชคดีที่ทั้ง 3 คาบเช้าผ่านไปด้วยดีแม้ว่าจะเกิดเหตุสุดวิสัยไปหน่อยจนทำให้พวกเขาต้องเรียนวิชาประวัติศาสตร์โลกแวมไพร์ต่อรวม 2 คาบเนื่องจากว่าอาจารย์ที่สอนวิชาสมุนไพรและการรักษามีธุระด่วนก็ตามที เรียกได้ว่าไซม่อนผู้เกลียดทั้งวิชาและอาจารย์ผู้สอนแทบจะปรี๊ดแตกออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความอึดอัด

    

                    " นี่ ทำไมลอว์เรนซ์ถึงเลือกเรียนสายนี้ล่ะ?"

 

อลิสเอ่ยถามขึ้นมากลางทางขณะที่ทั้งสองเดินคู่กันไปตามทางเดินของตัวอาคาร มุ่งหน้าสู่ห้องมหาเวทย์ที่อยู่ด้านหลัง นัยต์ตาสีฟ้าคู่สวยของคนถูกถามหันมามองหน้าเธอเล็กน้อยก่อนจะตอบไปสั้นๆอย่างเคยนิสัย

 

                     " ก็แค่ชอบ "

 

                    "ฉันว่าก็สมกับเป็นนายดีนะ "

 

เด็กสาวหัวเราะพลางยิ้มระรื่นออกมานั่นทำให้เธอในยามนี้ยิ่งดูน่ารักใสซื่อบริสุทธิ์ชนิดที่ว่าถ้าใครมาเห็นเข้าคงราวกับต้องมนตร์สะกด

  

                   " แล้วเธอล่ะ เรียนสายอะไร?"

 

                   "ฉันเรียนสายแปรธาตุ ธาตุน้ำ(วารี) น่ะจ้ะ อาจจะแช่แข็งไม่ได้เหมือนของนาย แต่มันก็เป็นเวทย์หลักในสี่ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่คงจะโอเคกับฉันนะ "

 

สองหนุ่มสาวเดินพูดคุยกันมาเรื่อยๆ น่าประหลาดที่ลอว์เรนซ์พึ่งจะรู้สึกตัวเดี๋ยวนี้เองว่าจริงๆแล้วเขาแทบจะไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเธอคนนี้เท่าไหร่นัก แต่พอได้ลองเปิดอกคุยกันสักครั้งก็ดูเหมือนจะพอคุยกันถูกคออยู่ไม่น้อย เนื่องจากอลิสเป็นเด็กสาวที่เรียบร้อย นิสัยดี มาดของเธอดูนุ่มนวลและอ่อนโยน เข้ากับคนอื่นได้ง่าย เป็นผู้หญิงที่บุคลิกตรงข้ามกับไอริสในแบบสุดโต่ง  ซึ่งเด็กสาวก็เล่าเรื่องของตัวเองออกมาให้เขาได้รับรู้ ว่าครอบครัวของเธอเป็นตระกูลนักดนตรีที่มีชื่อเสียงในมอลเดเวียร์ และเธอก็ชื่นชอบการร้องเพลงและดนตรีเป็นที่สุด มันทำให้หัวใจของเธอเย็นลงได้เสมอ และยังอีกหลายๆเรื่องที่ทำให้ลอว์เรนซ์สัมผัสได้ว่าอลิสเป็นสาวน้อยที่น่ารักเพียงใด เชื่อได้เลยว่าในโรงเรียนนี้คงต้องมีคนที่เมียงมองมาและอยากจะสารภาพรักกับเธอกันให้ควั่ก

 

                      " งั้นฉันไปก่อนนะ..."

 

อลิสหยุดเดินเมื่อถึงหน้าห้องเรียนของเธอก่อน ลอว์เรนซ์ก็ยิ้มรับน้อยๆก่อนจะหันหลังเดินต่อไป แต่กลับต้องทำท่าทางแปลกใจเมื่อเห็นว่าอลิสยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตูแล้วมองมาทาง ไม่สิ เธอไม่ได้มองเขา นัยต์ตาสีน้ำตาลสดใสคู่นั้นกำลังมองอะไรบางอย่างอยู่ ลอว์เรนซ์ไม่ได้เอ่ยถามอะไรจากเธอ เพียงแต่ลอบมองสิ่งที่อยู่ด้านหลังด้วยหางตา...และเขาก็มองเห็นร่างสูงของเจ้าชายแห่งมอลเดเวียร์ผู้สูงศักดิ์ หน้าตาไร้อารมณ์และนิสัยที่เย่อหยิ่งเย็นชานั้นกลับกลายเป็นเอกลักษณ์ให้ชวนน่าค้นหาสำหรับสาวๆผู้อยากครอบครองหัวใจอันเต็มไปด้วยเกราะน้ำแข็ง นัยต์ตาสีน้ำตาลของอลิสหม่นหมองลงจนเปลี่ยนไป และดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ากำลังถูกมอง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มคู่นั้นมากปราดมองมาที่เธอด้วยความสงบนิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนถูกห้วงแห่งเวลาหยุดภาพนั้นเอาไว้ ก่อนที่ร่างอันสูงสง่าจะเดินตรงมาและผ่านเธอกับลอว์เรนซ์ไป

 

                       " อลิส..? "

 

ลอว์เรนซ์เรียกชื่อเด็กสาวที่เงียบไปให้มีสติกลับมาอีกครั้ง เธอพยายามจะกลบสายตาเศร้าหมองนั่นด้วยการยิ้มให้เขา แม้ว่ามันจะดูไม่แนบเนียนเลยสักนิดก็ตาม แต่นั่นก็ได้ทำให้ลอว์เรนซ์เก็บงำความสงสัยของตนเองเอาไว้ในใจไม่คิดจะถามไถ่ออกไปให้หายข้อง ลึกๆแล้วสองคนนี้คงจะรู้จักกัน แต่มีเหตุผลบางอย่างที่ไม่สามารถทักทายกันได้แม้ในยามที่พบเจอกันตามวิสัยเช่นนี้

 

                     ' อลิสเกี่ยวข้องอะไรกับรุ่นพี่จีเนียสกันแน่นะ..? ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะรู้จักกับเจ้าชายอย่างเขาได้ '

 

...ห้องมหาเวทย์ทั้งห้องถูกแปรเปลี่ยนให้กลายสภาพเป็นห้วงมิติที่ถูกครอบคลุมไปด้วยน้ำแข็งและลมหนาวที่เย็นเยือกจนแทบจะกรีดเนื้อ เหล่านักเรียนปี 1 น้องใหม่ต่างเริ่มหนาวสั่นไปกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงภายใต้มิติแห่งนี้อย่างไม่ทันตั้งตัว ลอว์เรนซ์พบว่าเพื่อนในห้องที่เรียนสายเดียวกันรวมเขาแล้วก็มีเพียง 5 คน คือ โนเอล(ผู้ที่เขาไม่คิดว่ามันจะชอบแนวเยือกแข็งแบบนี้?) แอลวิน จูเลีย มากาเร็ตและโมแรน เมื่อเด็กปี 1 มากันครบและเช็คชื่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็ถูกสั่งให้แยกแบ่งกลุ่มเป็นชาย-หญิง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเรียน ผู้ที่สอนวิชานี้ให้แก่นักเรียนชั้นปี 1 สายแปรธาตุน้ำแข็งนั่นก็คือ เจ้าชายไบรอัน เกนเนอร์ จากประเทศไรซาเปียร์ เขาเป็นบุรุษหนุ่มร่างใหญ่ผิวขาวจัดที่ดูอายุราวๆน่าจะ 28-29 ปี นัยต์ตาสีน้ำข้าวและมีท่าทางมาดเข้มขึงขัง

  

                    " ขอต้อนรับนักเรียนปี 1 ทุกคน ในหลักสูตรการสอนของวันนี้ถือว่าเป็นขั้นพื้นฐาน ในการที่พวกเธอจะสามารถเรียนเวทย์สายนี่ได้ พวกเธอจำเป็นที่จะต้องเข้าใจคำพูดของฉันให้ดีเสียก่อน...นั่นก็คือ น้ำแข็งนั่นก็คือสิ่งที่มีจุดเริ่มต้นมาจากน้ำ จงซึบซับและเปลี่ยนแปลง มีสติและควบคุมจิตใจตนเองให้อ่อนไหวและใจเย็นเหมือนกับน้ำ แต่จงเข้มแข็งและกล้าหาญราวกับปราการน้ำแข็ง...."

 

ลอว์เรนซ์ตั้งใจฟังคำสอนจากอาจารย์เจ้าชายเป็นอย่างดี ในวิชานี้เขาได้อยู่กับโนเอลและแอลวิน ที่แม้จะกวนๆชอบถามนั่นนี่มากไปหน่อย แต่ก็ทำให้เขาไม่เหงาและรับรู้ได้ว่าแท้จริงแล้วโนเอลก็อาจจะแค่กวนประสาทแต่ไม่มีอะไรมากมายไปกว่านั้น

  

                    " เอาล่ะบทเรียนในวันนี้ก็ไม่มีอะไรยาก...ฉันขอให้พวกเธอถอดเสื้อออกมาให้หมดทุกคน"

 

                      "เอ๋!? ทำไมล่ะครับอาจารย์!"

 

เด็กหนุ่มใจกล้าจากแคมป์โนเเวนเป็นผู้โพล่งขึ้นมาก่อนใคร มือยังคงกำเสื้อตัวเองแน่นและกัดฟันเพราะความหนาวเย็นที่พัดผ่านร่าง

  

                      " ไม่เห็นต้องถาม...พวกเธอต้องทำตัวให้ชินกับความเย็นของน้ำแข็งสิ ไม่อย่างนั้นจะสามารถใช้เวทย์สายนี้ได้ดีได้ยังไง? ไม่ต้องลีลา รีบถอดเสื้ออกกันให้หมดแล้วไปวิ่งรอบเนินเขาเล็กๆด้านนู้นคนละ 10 รอบ !"

 

                      "10 รอบเหรอ!? "

 

                      "เวรร! แบบนี้ได้แข็งตายกันพอดี !"

 

แม้ว่าเด็กๆจะพากันร้องโหวกเหวกโวยวายแต่อาจารย์เจ้าชายแกก็กลับทำหูทวนลมไปเสียอย่างนั้น ลอว์เรนซ์ไม่ได้แสดงอาการออกมาเหมือนกับคนอื่นๆ เขาเพียงแต่คิดว่านี่คือการฝึกที่ต้องผ่านไปให้ได้เท่านั้น....เขาพยายามกลั้นใจว่าต้องอดทนและรวบรวมสติ ความกล้า เพื่อทำตัวให้พร้อมรับความท้าทายตรงหน้า เอาล่ะ!

  

                    " เฮ้ยยยย! เดี๋ยววว! ลอว์เรนซ์"

 

โนเอลกับแอลวินคว้าแขนเจ้าชายคนสำคัญไม่ทันเสียแล้ว เมื่อเจ้าตัวดันขี้เกียจรอความลีลาของคนอื่นตัดสินใจออกวิ่งไปคนแรกด้วยความกล้าหรือบ้าบิ่นก็สุดจะคาดเดา เล่นเอาอาจารย์เจ้าชายผู้สอนถึงกับหัวเราะคิกคักด้วยความตกตะลึงและปลาบปลื้ม

  

                  "  เห็นไหมล่ะ เจ้าชายจากราลเดรูลน์คนนั้นเขามันเจ้าชายน้ำแข็งที่แท้จริง"

 

 

 

 

=================================

 

 

 

                     "..."

 

                     "ลอว์เรนซ์ ไหวไหม...ให้ฉันพาไปห้องพยาบาลดีกว่านะ"

 

ความมีน้ำใจของอลิสไม่ได้ช่วยให้ลอว์เรนซ์รู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่ เมื่อใบหน้าหล่อเหลาปานรูปสลักบัดนี้ซีดเซียวราวกับคนไร้เลือด ร่างกายเริ่มรู้สึกอ่อนเพลียแบบแปลกๆ จริงๆแล้วก็อยากจะโบ้ยอยู่หรอกว่าเป็นความผิดโทษฐานที่เขาวิ่งในมิติน้ำแข็งนั่น แต่...กลับมีบางอย่างที่เขาสัมผัสได้ว่ามันไม่ใช่ อาการเวียนหัวแปลกๆกับคลื่นเสียงในความฝันที่เข้าเล่นงานเข้าอยู่ตลอด ตั้งแต่ที่เริ่มการฝึก เสียงนั้นเสียงของใครบางคนกำลังร้องเรียงให้ช่วย 

 

                    "กลิ่นแบบนี้มัน...?"

 

นัยต์ตาสีฟ้าคู่สวยเหลือบมองตามทิศทางของกลิ่นหอมประหลาดที่ลอยมาแตะจมูก สายลมเริ่มพัดพาเข้ามาแผ่วเบา...ใบไม้ใบใหญ่ลอยล่องตามแรงลมเข้ามาตกลงที่ตักของลอว์เรนซ์ มันเป็นใบไม้ที่รูปทรงค่อนข้างแปลก แทบจะเดาไม่ออกเลยว่าทั้งต้นมันจะแปลกขนาดไหน แต่มันกลับมีอะไรดลใจให้เข้าหยิบมันขึ้นมาดู ก็พบกับข้อความเล็กๆสลักเอาไว้...

 

                      '...ลอว์เรนซ์ ช่วยมาที่ป่าหลังโรงเรียนที ฉันมีเรื่องด่วน..'

 

ข้อความสั้นๆแค่นี้ แต่เขาก็พอจะเดาออกว่าใครส่งมา ใบไม้นั่นเริ่มลอยไปอีกครั้งเหมือนจะรู้ว่าลอว์เรนซ์ได้อ่านข้อความในนั้นจบครบถ้วนดีแล้ว เพราะในตอนที่ติดอยู่ในห้วงมิติดอกไม้สีแดง เธียร์ หนึ่งในว่าที่รัชทายาท ก็ได้เล่าเรื่องความสามารถพิเศษของตัวเองให้เขารู้ ซึ่งผู้ที่รู้เรื่องตอนนี้ก็มีแค่เขากับไซม่อนเท่านั้น แต่ดูไซม่อนจะยังคงคลางแคงใจอยู่

  

                       " อลิส...เธอช่วยเรียกทุกคนให้ไปที่ป่าหลังโรงเรียนทีนะ ฉันจะล่วงหน้าไปก่อน"

  

                       "ได้สิ ระวังตัวด้วยนะลอว์เรนซ์"

 

เด็กทั้งสองแยกย้ายกันไปคนละทาง ลอว์เรนซ์พยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุดเพื่อจะไปยังที่หมายคือป่าหลังโรงเรียน เหงื่อไหลโทรมกายและสภาพที่เหมือนจะอ่อนแรงลงไปทุกที ทำให้เขารู้ยิ่งเวียนหัวจนอยากจะบ้าตาย ทำไม..ถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ รู้สึกไม่ดีเลย

 

                       "ลอว์เรนซ์ มาแล้วเหรอ"

 

ร่างของเธียร์ปรากฎขึ้น เขานั่งอยู่บนกิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่ท่าทางแข็งแรงมากๆต้นหนึ่ง นัยต์ตาสีแดงอ่อนฉายแววเครียดๆออกมานิดหน่อย ก่อนจะกระโดดพรึ่บลงมายืนตรงหน้าเขา พร้อมกับส่งคำทักทายที่ดูจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยกับสภาพของเพื่อน

 

                       " นายเป็นอะไรรึเปล่า...? ท่าทางดูไม่ค่อยสบาย "

    

                      "ฉันไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่นายมีเรื่องด่วนอะไร?"

    

                     "ตามฉันมาทางนี้"

 

เธียร์ออกเดินนำทางโดยมีลอว์เรนซ์ตามหลังไปอย่างว่าง่าย ที่จริงก็อยากจะกระโดดไปด้วยวิถีฉบับของแวมไพร์แต่ดูเหมือนสภาพร่างกายของลอว์เรนซ์จะเป็นตัวยับยั้งความคิดเขาว่าไม่ควรจะทำ นัยต์ตาสีแดงอ่อนมองต้นไม้ใหญ่สี่ต้นที่อยู่ใกล้ล้อมกันเป็นเหมือนสี่เหลี่ยมก่อนจะหลับตาลงแล้วเอ่ยคำพูดที่ลอว์เรนซ์ไม่เข้าใจว่าเธียร์กำลังพูดอยู่กับใคร

 

                  ' ช่วยเปิดที่ซ่อนของเธอออกมาที...'

 

สิ้นสุดคำพูดนั้นต้นไม้ทั้งสี่ก็พร้อมใจกันรับฟังคำสั่งก่อนจะค่อยๆเปิดทางให้คลายออก รากและส่วนของเถาวัลย์ที่สานกันนั้นเป็นเสมือนเปลที่ให้ที่นอนแก่เด็กสาวคนหนึ่งซึ่งบัดนี้ เธอหลับไหลไม่ได้สติ ตามร่างกายมีแต่บาดแผลเต็มไปหมดแม้จะมีบางส่วนที่ดูเหมือนเธียร์จะพยายามช่วยฟื้นฟูรักษาให้ตามกำลังความสามารถแต่ก็ถือว่ายังสาหัสอยู่ดี

 

                  "...ธะ..เธอคนนี้..คือผู้หญิงที่..อยู่ในความฝันของฉัน"

 

ลอว์เรนซ์ถึงกับอ้ำอึ้งไปไม่ถูกรีบขยับเข้ามามองดูร่างของเธอให้ชัดยิ่งขึ้น ดูยังไงก็ยิ่งใช่ไม่ผิดตัวแน่นอน! ทั้งสีผม ใบหน้าและบาดแผล ทุกภาพจำตอนนี้ เด็กสาวคนนี้นี่เองที่พยายามร้องขอให้เขาช่วย 

  

                  "เฮ้! พวกเรามาแล้ว"

 

เสียงของไซม่อนดังนำหน้ามาก่อนใครขณะที่เขาใช้วิถีกระโดดลงมายืนตุ้บตรงหน้าพร้อมกับไอริส อลิส ชิเรและอิวานที่ยอมตามกันมายกทีม ทุกคนต่างแสดงอาการตกอกตกใจกับสภาพสาวน้อยที่นอนอยู่ในเปลเถาวัลย์...

 

                 "เธอคนนี้เป็นใครกันน่ะ!?"

 

                 " พวกนายเป็นคนเจอเหรอเธียร์ ลอว์เรนซ์ "

  

                 " ฉันว่าให้เธียร์อธิบายดีกว่านะ "

 

ไอริสเปรยอย่างสงบขณะที่เปลี่ยนมาทำท่ากอดอกแบบตั้งใจฟังเต็มที่ ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย

  

                  "ฉันรู้สึกไม่ดีมาตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว..เพราะพวกต้นไม้เองก็รู้สึกแปลกๆถึงได้พยายามเตือนฉันให้ระวังตัว..."

 

เธียร์เดินเจ้าไปสัมผัสต้นไม้เบาๆซึ่งมันก็มีท่าทีโยกเอนนิดหน่อยแสดงการตอบรับที่มีต่อเด็กหนุ่มได้อย่างดี ส่วนคนอื่นๆยกเว้นไซม่อนต่างทำหน้างุงงงไปไม่ถูกเพราะยังไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
  

                  ''ดังนั้นวันนี้ฉันเลยลองเข้ามาสำรวจป่าแล้วก็มาพบกับเธอคนนี้นี่แหละ...ฉันเลยลองปฐมพยาบาลเบื้องต้นดูก่อน แต่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้มาก เลยเรียกพวกนายมาท่าจะดีกว่า"

 

                 "อื้ม สรุปว่าเราก็ยังไม่รู้สินะว่าเธอเป็นใคร แถมบาดเจ็บมาขนาดนี้คงต้องโดนใครตามล่ามาแน่ จะไว้ใจได้รึเปล่า..?"

 

ไซม่อนเอ่ยความคิดเห็นของตนเองออกมาตรงๆซึ่งแม้บางคนอาจจะมีไม่ค่อยเห็นด้วยเพราะความสงสาร แต่สิ่งที่เขาพูดมันก็น่าคิดอยู่เหมือนกัน คนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าแบบนี้จะไว้ใจได้แน่เหรอ

 

                  "แต่ก็น่าแปลกที่เธอสามารถฝ่าข่ายมนต์เข้ามาได้ทั้งที่สภาพเป็นแบบนั้น"

 

อิวานเสริมขึ้นอีกคน

ทุกคนต่างเริ่มถกประเด็นกันขึ้นมาตามความคิดของตนเอง จนไม่ทันสังเกตว่า...อยู่ๆก็มีแสงสว่างวาบออกมาจากจี้ห้อยคอของสาวน้อยปริศนา...และมันได้ก่อเกิดเรื่องประหลาดน่ามหัศจรรย์เมื่อร่างของเธอได้กลับกลายเป็นหนุ่มน้อยน่ารักหน้าหวานสวยราวกับผู้หญิง แถมทั้งร่องรอยการบาดเจ็บก็กลับหายวับไปกับตา ทิ้งไว้เพียงใบหน้าสงบนิ่งที่ยังหลับตาพริ้มไร้สติอยู่อย่างนั้น

 

                   "เฮ้ยยย! อะไรกันเนี่ย!?"

  

                   " เด็กคนนี้ตกลงเป็นหญิงหรือชายกันแน่ ชักงงแล้วนะ!"

 

                  "ใจเย็นๆก่อนครับทุกคน...ผมว่าบางทีเด็กคนนี้อาจจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องของศาสตราวุธทั้ง 6 แห่งไอริณก็ได้นะครับ..."

 

ชิเรออกปากขึ้นมาเองเป็นครั้งแรกเรียกความสนใจจากทุกคนได้เป็นอย่างดี

    

                   " ทำไมนายถึงคิดแบบนั้นล่ะชิเร"

 

ไอริสถามไถ่ข้อสงสัยแทนใจทุกคน ซึ่งชิเรก็ยังคงใบหน้าท่าทางสงบนิ่งก่อนจะขยับเข้าไปใกล้แล้วจับจี้ห้อยคอเส้นนั้นให้ทุกคนได้มองเห็นกันอย่างชัดเจน มันมีเหมือนสัญลักษณ์บางอย่างที่พวกเขาไม่ค่อยคุ้นตา

 

                  " นี่คือสัญลักษณ์แห่งไอริณ ประเทศที่สาบสูญไงครับ..."

 

                  "ว่าไงนะ!"

 

ทุกคนอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกันพลางมองสลับทั้งเจ้าของและจี้ห้อยคอไปมาอยู่หลายรอบ...

  

                   " ผมว่ามีทางเป็นไปได้สูงที่เธอจะต้องเกี่ยวพันอะไรสักอย่างทำให้ถูกตามล่าแบบนี้ ใช่ไหมครับลอว์เรนซ์...?"

 

ชิเรหันไปทางรูมเมทของตนที่เงียบมาสักพักนึงแล้ว แต่บัดนี้สีหน้าของเขามันบ่งบอกชัดแล้วว่าตอนนี้ไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้ นัยต์ตาสีฟ้าเริ่มเหม่อลอย ในหัวหมุนติ้วและปวดแปลบไปหมด ไม่ได้ยิน...แม้แต่เสียงของใครสักคนที่เข้ามาห้อมล้อมและจับตัวเขา นัยต์ตาปรือปิดลงอย่างหมดแรง ก่อนที่ร่างของเด็กหนุ่มจะทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น

 

 

 

 

 

 

 

 

-โปรดติดตามตอนต่อไป-

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป