Your Wishlist

The Heir Vampire (รัชทายาทแห่งโลกแวมไพร์) (Rewrite) (04 คำท้าของเอมิเลีย (Rewrite))

Author: Sayyeon

" การกลับคืนสู่ฐานันดรของเจ้าชาย นำเขากลับมาเพื่อช่วงชิงตำแหน่งของรัชทายาทแห่งไครซิสต์ ดินแดนของแวมไพร์ผู้ที่ไม่ประสงค์ต่อการดื่มเลือดและได้รับพรจากพระเจ้า การต่อสู้ของผู้ที่ถูกเลือกได้เริ่มขึ้นแล้ว "

จำนวนตอน : N/A

04 คำท้าของเอมิเลีย (Rewrite)

  • 20/06/2564

The Heir Vampire (รัชทายาทแห่งโลกแวมไพร์)

ภาค 1 ศึกปะทะอัศวินแห่งความมืด

   

 

 

 

 

 

 

 

   มนตราสีขาวขุ่นได้จางหายไปแล้ว ลอว์เรนซ์ตกลงมากองกับพื้นอีกครั้งอย่างไม่ทันตั้งตัว วิญญาณแห่งศาสตราของดานิเอลหายไปแล้วเหลือเพียงแค่ความว่างเปล่ากับยายเฒ่าเอมิเลียที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม ซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ 


                   "อะไรของคุณ...ดานิเอลเลือกผมแล้ว คุณทำอะไรลงไป!?"


เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน มองไปยังนางด้วยแววตาขุ่นเคืองพิโรจน์แสนเย็นชา เอมิเลียได้แต่ถอนหายใจเบาๆราวกับรู้สึกโล่งอก สีหน้ของเธอเปลี่ยนไปเป็นยิ้มกริ่มเจ้าเล่ห์แทน


                 " ดานิเอลน่ะเป็นเทพแห่งศาสตราที่มีพลังแข็งแกร่งมาก แถมยังหล่อเหลาและราคาแพงอีกด้วย ข้าเสียดายที่จะต้องยกให้เจ้า แม้เจ้าจะเป็นผู้ถูกเลือกก็ตาม"

ของแพงเรอะ ยัยแก่วิปริต แบบนี้ใครจะอยากมาอุดหนุนร้านกันล่ะ ของแพงที่ไม่ใช่ของตัวเองมันน่าภูมิใจขนาดไหนกันเชียว ลอว์เรนซ์ครุ่นคิดอย่างเอือมระอา ร้านนี่ช่างเรื่องมากเสียจริง แค่มาเยือนครั้งแรกก็ห้ความรู้สึกไม่ดีเข้าให้เสียแบบนี้แล้ว เขาชักไม่แน่ใจนักว่าเหตุใดร้านของยายแก่คนนี้จึงเป็นที่เลื่องชื่อและโด่งดังมากถึงเพียงนั้น

               "ยังไงมันก็ไม่ใช่สิทธิ์ของคุณ เลิกเล่นเสียที ถึงจะแพงยังไง ผมก็มีปัญญาซื้อ "


             "ไม่! ข้าหวงแหนดานิเอล เขาคือคนโปรดในคอลเล็คชั่นสุดพิเศษของข้า แพงทั้งพลังทั้งรูปหล่อเช่นนี้ ข้าจะไม่ยอมให้ไปตกในมือเจ้าชายน้ำเเข็งอย่างเจ้าหรอก! "


              "ประเทศของผมที่ท่านอยู่ตอนนี้ มันอากาศอบอุ่นอยู่นะ ไม่มีน้ำแข็ง"


เด็กหนุ่มจงใจตอบกวนประสาทยัยเฒ่า ที่เริ่มแสดงสีหน้าดุดันและถมึงทึงใส่เจ้าเด็กหนุ่มตรงหน้าผู้ไม่มีทีท่าจะยอมอ่อนข้อให้เช่นเดียวกัน


              "จะอะไรก็ช่าง แต่ข้าให้ดานิเอลกับเจ้าไม่ได้!"


             "คุณไร้ศักดิ์ศรีในฐานะแวมเพียร์ยิ่งนัก ผมผิดหวังจริงๆที่ยอมสละเลือดอันมีค่า อีกอย่างผมทำตามกฎของคุณแล้วนะครับ หากยังจะตุกติกแบบนี้ ทางผมคงจะไม่ออมมือล่ะนะ"


คำขู่นิ่มๆจากเจ้าเด็กตรงหน้า ทำเอาเอมิเลียค้างด้วยความทึ่งปชั่วขณะ ไม่เคยมีใครที่เถียงนางได้แบบคำต่อคำแถมอวดดีเช่นเจ้าเด็กคนนี้มาก่อนเลย! แต่นั่นยิ่งเป็นชนวนที่สร้างความขุ่นเคืองและหงุดหงิดให้กับเธอมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยใบหน้าเยาว์วัยที่ตวัดตาสีฟ้าคู่สวยมาแบบไม่กะพริบและมีความน่าเกรงขามดุดันในแบบของตนเอง   จนเอมิเลียครุ่นคิดหนักอยู่พักหนึ่ง นัยต์ตาสีฟ้าของไอ้เด็กอวดดียังเหยียดหยามเกินจะเพิกเฉยได้


              "โอ้ยยย! ข้าล่ะสุดทนกับความอวดดีของเจ้าจริงๆ!"


               " เป็นเกียรติมากที่ได้รับคำชมเช่นนี้ "


               "เออออ! ก็ได้! ถ้าเจ้าอยากจะลองดีกับข้านัก ข้าจะจัดให้..."


สิ้นสุดคำพูด เอมิเลียเริ่มพึมพำบางอย่างเบาๆ ลอว์เรนซ์สะดุ้งนิดหน่อยเมื่อพบว่าที่อกเสื้อด้านซ้ายของตนปรากฎสิ่งของรูปร่างกลมๆสีเงิน เมื่อดึงออกมาดูก็พบว่ามันคือ นาฬิกาอันเล็กคล้ายกับเข็มทิศ แต่เวลากลับหยุดเดินอยู่ที่ 0.00 เด็กหนุ่มแสดงสีหน้างุนงงเล็กน้อย 


               "นี่มัน...?"


              " มันคือนาฬิกาที่จะบอกเวลาให้ในการมาเล่น 'เกมซ่อนหา'ของข้า "


              "เกมซ่อนหา? หมายความว่ายังไง"


              "ถ้าเจ้าอยากได้ดานิเอลนักล่ะก็ จงเข้าไปในป่าแบล็คฟอเรสต์หรือก็คือ 'ป่าดำ' ณ ที่นั่นข้าจะให้เหล่าแวมเพียร์ผู้หิวโหยนำดานิเอลซ่อนจากเจ้า หากหาเจอภายในเวลา 40 นาที เจ้าคือฝ่ายชนะ....และจะได้ดานิเอลไปครอบครองตามที่ใจต้องการ ไงล่ะ จะลองเล่นเกมส์นี้กับข้าดูไหมเจ้าเด็กอวดดี "

เอมิเลียเริ่มหัวเราะร่วนอย่างถูกใจในแผนการที่อยู่ๆก็ฉุกคิดขึ้นมาได้อย่างกระทันหัน เธอไม่เคยหวงแหนเทพองค์ไหนในคอลเล็คชั่นสุดพิเศษของเธอเท่ากับดานิเอลมาก่อน จนถึงขั้นต้องเสนอเกมส์บ้าบอแบบนี้ขึ้นมา และที่สำคัญ เธอเองก็หวังสุดใจมากว่าจะสั่งสอนให้ลอว์เรนซ์ได้รู้จักสำนึกว่าการกระทำที่อวดดีของตนเองนั้นเป็นเช่นไร นัยต์ตากลมโตสีเทาทอดมองใบหน้าเยาว์วัยที่ดูจะคงความออร่าน่าหมั่นไส้ได้อยู่ตลอดเวลา ความเงียบกลายเป็นความอึมครึมที่ตามมาอีกครั้ง จนเอมิเลียต้องทำทีเป็นกระตุ้นเพื่อยั่วยุเด็กหนุ่มตรงหน้า


              "ว่าไง...ถึงกับเงียบไปเลยรึ กลัวนักล่ะก็ถอนตัวซะดีกว่านะเจ้าหนู"

หึๆ เสียงหัวเราะในลำคอของเอมิเลียรบกวนจิตใจเขา แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้ยอมแพ้สักหน่อย! เด็กหนุ่มยิ้มตอบไปอย่างอาจหาญ เขาจะไม่หนีเด็ดขาด แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายเองก็นึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ภายในใจไม่น้อย แต่ภายในใจของเขาเองกลับมีความรู้สึกถูกชะตากับเทพผู้สง่างามอย่างดานิเอลที่พึ่งได้พบเจอเป็นครั้งแรก จึงไม่อยากที่จะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป


               "ผมรับคำท้าของคุณ"


               " ใจกล้าดีนี่เจ้าหนู คงจะรู้ตัวสินะว่าจะเจอกับอะไร?"


ลอว์เรนซ์พยักหน้าเบาๆเป็นเชิงว่ารับรู้ นัยต์ตาสีฟ้าคู่สวยยังคงดูมุ่งมั่นไม่เปลี่ยนแปลง


            "หากชนะเจ้าก็ได้ไปและจงกลับมาฟังคำทำนายจากข้า แต่หากเจ้าแพ้ล่ะก็...ข้าจะลิ้มรสเลือดในกายเจ้าเสียให้หมดตัว "

แม้ประโยคหลังอาจจะเป็นเพียงแค่คำขู่เท่านั้น ลอว์เรนซ์ก็ได้แต่กลืนน้ำลายเอื๊อกปั้นหน้าตาให้ดูสุขุมอย่างที่สุดถึงภายในใจจะฉุกคิดขึ้นมาบ้างว่า สรุปว่ายัยเฒ่านี้มีดีแค่ตะกละใช่ไหม?-- เพราะเขาไม่นึกมาก่อนเลยว่าเลือดของแวมไพร์มันจะอร่อยถูกใจแวมเพียร์อย่างยายแก่คนนี้ได้ถึงเพียงนั้น
         

               " ท่านจะต้องเสียใจหากประเมินความสามารถของผมต่ำเกินไป "


เอมิเลียไม่พูดอะไรต่อ นางจัดการร่ายคาถาสุดท้ายเรียกอาวุธออกมามอบให้แก่เด็กหนุ่มผู้อวดดี มันคือดาบยาวเล่มหนึ่งพอเหมาะมือ แม้ภายนอกจะรูปร่างสวยงามพิถีพิถันพอใช้ได้ แต่ลอว์เรนซ์ก็รับรู้ได้ด้วยสัมผัสเช่นกันว่ามันเป็นเพียงแค่ดาบธรรมดา ที่มีเวทย์ระดับต่ำเท่านั้น ซึ่งจริงๆแล้วนี่เหมือนจะเป็นตัวช่วยแต่ก็เป็นแบบพอมีพิธีรีตองให้ดูเหมือนว่านางได้ให้โอกาสเขาใช้อาวุธอยู่บ้าง 

ประตูมิติเคลื่อนย้ายถูกเปิดออก ร่างสง่างามของเจ้าชายแห่งราลเดรูลน์เดินลับหายเข้าไปด้านในนั้น....

ที่ด้านหลังประตูมิติปรากฎป่าใหญ่เต็มไปด้วยต้นไม้สีดำตามชื่อของป่า...ว่ากันว่าป่าแห่งนี้นั้นต้องคำสาปจากพวกหมาป่า ทำให้เขตแดนแถบป่าแถวพื้นที่นี้ได้ชื่อว่า 'แบล็คฟอเรสต์'  บรรยากาศเงียบสงัดที่ดูราวกับนี่ไม่เหมือนป่ายามกลางวันเลยสักนิด ลอว์เรนซ์เดินมาหยุดยืนที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ตอนนี้เวลาที่นาฬิกาสีเงินเริ่มเดินแล้ว มีเวลา 40 นาทีสำหรับการทำภารกิจนี้ เขามองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง แม้ว่านี่จะเป็นตอนกลางวันก็ตาม แต่ป่านี้กลับดูราวกับอยู่ในยามวิกาล ที่ไม่มีเบาะแสและไม่รู้เลยว่าควรจะเดินไปทางไหน

ขณะที่มัวแต่มองสำรวจหาทางไปอยู่นั้น วัตถุขนาดเล็กก็ได้พุ่งตรงแหวกอากาศเข้ามาอย่างรวดเร็ว เป้าหมายของมันคือผู้มาเยือนคนใหม่ที่ดูจะยังไม่ทันตั้งตัว แม้ว่าจะรู้สึกตัวและพยายามเบี่ยงหลบ แต่ในวินาทีสุดท้ายที่สัมผัสได้ ของมีคมนั้นมันกลับว่องไวกว่าเขาไปซะอย่างนั้น

ฉัวะะะ!!

                  "...อึก นี่มัน.."

ลอว์เรนซ์ไหวตัวช้าไปเพียงไม่กี่วินาที มีดสั้นสีเงินนั้นปักคามือเด็กหนุ่มที่พยายามจะป้องกันมันไว้ เลือดสีเข้มไหลทะลักออกจากบาดแผล ความเจ็บและปวดแสบปวดร้อนทำให้เขาต้องรีบดึงมันออก...ใคร..ใครกันที่ขว้างมันมา!?หือว่าจะเป็นพวกสมุนของเอมิเลียกัน แต่ในทันทีที่กลิ่นอายของใครคนหนึ่งใกล้เข้ามา ลอว์เรนซ์ก็สัมผัสได้ในทันทีถึงรังสีของความเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน


                 "...แวมไพร์หรอกรึ "


ลอว์เรนซ์หันขวับไปมองหาต้นเสียงปริศนา เสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินใกล้เข้ามา


               "...ว้าา พลาดไปรึเนี่ย "


ร่างของเด็กหนุ่มเจ้าของเสียงโผล่พ้นออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ เขาเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาดีคนหนึ่ง นัยต์ตาสีส้มที่สวยคมนั้นช่างดูน่าเกรงขาม ดูแล้วน่าจะอายุใกล้เคียงกับเขา

            
              "...นายเป็นใคร?"


             " ฉันสิต้องถามว่านายเป็นใคร เข้ามาทำอะไรในป่าต้องห้ามนี่?"


เด็กหนุ่มปริศนาเอียงคออย่างสงสัย แล้วก้มลงมานั่งยองๆข้างลอว์เรนซ์เพื่อที่จะฟังคำแก้ตัวดีๆสำหรับโทษฐานการเข้ามาในเขตป่านี้โดยไม่ได้รับอนุญาต


             "ฉันรับคำท้าจากเอมิเลียเพื่อมาชิงศาสตราของตัวเอง "

       
           " ความบ้าคอลเลคชั่นของนางคงเป็นแค่กับลูกค้าบางคนเท่านั้น นายช่างโชคร้ายซะจริงๆ "


อึก..เจ็บชิบ มันแสบร้อนไปหมดเลย! สีหน้านั้นของลอว์เรนซ์ทำเอาเด็กหนุ่มคนนั้นส่ายหัวเบาๆ เขาคงจะพอเข้าใจอะไรมาบ้างแล้ว มือขวาจึงรีบล้วงหยิบขวดแก้วขวดเล็กออกมา ในนั้นบรรจุของเหลวสีเขียวไว้


             "ต้องขอโทษด้วยสำหรับความผิดพลาด ป่าแถบนี้อยู่ในเขตพื้นที่ดูแลรักษาการณ์ของฉัน อย่างไรก็ต้องระแวงไว้ก่อน เอ้า อยู่นิ่งๆก่อนนะ "


ว่าแล้ว เด็กหนุ่มก็รีบเปิดฝาขวดยาออกแล้วเทมันลงบนแผลที่ถูกมีดปักเมื่อกี้... ด้วยฤทธิ์ของยาวิเศษ แผลที่เกิดขึ้นเริ่มสมานตัวเข้ามาเรื่อยๆ ความเจ็บปวดทุเลาลงภายในไม่กีวินาที จนหายไปหมดสิ้น ดูเหมือนว่าบาดแผลจะไม่ร้ายแรงมากจนสามารถรักษาได้ภายในเวลาที่รวดเร็วยิ่งนัก เด็กหนุ่มลองขยับและกดบริเวณที่เคยมีเลือดไหลออกมาก็ไม่รู้สึกเจ็บอีกต่อไปแล้ว


              "ขอบคุณ...ว่าแต่นายคือ?"


             "ฉันไซม่อน บัสเดวิล มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบในเขตนี้ เพราะตระกูลของฉันเป็นนักรบฝั่งตะวันออก นายได้ว่าที่เทพศาสตราองค์ไหนมากันถึงทำเอาเอมิเลียกลัดกลุ้มเข้าให้อีกแล้วกันล่ะ "
    

             " ดานิเอล "

ไซม่อนมีท่าทีตกใจเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะพอมีความรู้ในเรื่องนี้อยู่บ้าง เขามองลอว์เรนซ์อีกครั้งตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ก็พอจะเข้าใจว่าเพียงแค่ดูภายนอก หมอนี่ก็มีออร่าบางอย่างที่ไม่ธรรมดาแล้ว จนเขาชักเกิดนึกสนุกอะไรขึ้นมาจึงได้ทำทียิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจก่อนที่จะเอ่ยถามชื่อของอีกฝ่ายบ้าง


               "ฉันลอว์เรนซ์ เซอแลนเซียร์ เวสเบิร์ก "


               "ห้ะ..วะ..ว่าไงนะ!?"


คราวนี้เด็กหนุ่มแสดงอากัปกิริยาตกใจหนักมากกับประโยคนั้น เขาถลึงตามองดูลอว์เรนซ์ตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้งอย่างไม่เชื่อ ไซม่อนไม่เคยเห็นหน้าหรือพระพักตร์ที่แท้จริงของพระราชโอรสแห่งราลเดรูลน์มาก่อนเลยสักครั้ง แม้ว่าตระกูลของเขาจะเป็นนักรบ แต่โดยส่วนใหญ่ก็จะได้ประจำการอาณาเขตเพื่อรักษาชายแดนและพื้นที่ตามพระราชประสงค์จากเมืองหลวงเพียงเท่านั้นไม่ค่อยมีโอกาสได้เข้าไปภายในพระราชวังมากนัก 


              "รึว่า...นายคือ เจ้าชาย..ของประเทศราลเดรูลน์แห่งนี้!"


              "...ใช่ "


คำตอบสั้นง่ายแต่ได้ใจความ แถมคนตรงหน้าก็ไม่มีแววว่าจะพูดเล่นหรือตีบทแตกเพื่อเนียนโกหกเขาเลยแม้แต่น้อย นัยต์ตาสีส้มสบมองนัยต์ตาสีฟ้าคู่สวยทรงอำนาจที่กำลังทอดมองมาเช่นเดียวกัน ในใจของเขาเริ่มร้อนรุ่มไปหมดและเกิดความสับสนขึ้นมาภายใน ไม่รู้เลยว่าความจริงเป็นอย่างไรและถ้าหากจริงก็แปลว่าเขาได้ทำร้ายเจ้าชายคนสำคัญของประเทศบ้านเกิดตนเองอย่างหน้าไม่อายซึ่งหากใครทราบเข้าคงไม่เป็นการดีแน่

                " ฉันไม่แน่ใจเลยว่านี่เป็นความจริงหรือไม่ แต่ยังไงก็ตามหน้าที่ก็ยังคงเป็นหน้าที่สถานที่แห่งนี้ถึงแม้จะนายจะเป็นว่าที่ราชนิกูลแห่งราลเดรูลน์ ก็ไม่มีอำนาจเหนือพื้นที่ต้องห้ามนี้ไปได้หรอกนะ"


               "นายอายุเท่าไหร่ และจะเข้าเรียนที่ไหนงั้นเหรอ? "


               " กำลังจะ 16 ปี วันพรุ่งนี้แล้ว  ก็คงที่เซนต์คาดิลอร์ฟนั่นแหละ นี่มันใช่เรื่องที่ควรถามเวลาแบบนี้รึไง"


              " แต่นายก็ตอบคำถามของฉันนี่ ฉันกำลังจะพิสูจน์ให้ไงล่ะว่าฉันเป็นบุคคลที่กล่าวอ้างจริงเปล่า หากว่ารอดพ้นจากศึกชิงศาสตรานี้ไปได้ นายจะพบฉันที่โรงเรียนเซนต์คาดิลอร์ฟ ตัวตนที่แท้จริงของฉันจะเปิดเผยต่อนายที่นั่น"


               " น่าสนุกดีนะ นายนี่น่าสนใจดีแฮะ"

              " เมื่อถึงตอนนั้นอย่าลืมนะ เราเป็นเพื่อนกันแล้ว"


เพื่อน...? เป็นประโยคที่เขามักไม่เคยได้ยินบ่อยนัก และไม่ค่อยรู้จักคุ้นเคยกับมันเอาเสียเลย ไซม่อนมีท่าทีและเเววตาที่เปลี่ยนไปจนลอว์เรนซ์เริ่มสังเกตได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามเก็บซ่อนมันไว้ ไซม่อนเกิดความรู้สึกแย่ขึ้นมาราวกับว่าภาพในอดีตที่คิดว่าจะลืมเลือนมันได้แล้วกลับโผล่เข้ามาทำร้ายเขาในความทรงจำอีกครั้ง เขาไม่เคยมีเพื่อน เพราะตัวตนที่เขาเป็นอยู่นั้น มันยังคงไม่ถูกยอมรับในสังคมของแวมไพร์  เชื้อสายของความน่ารังเกียจที่ผสมปนเปอยู่ในตัวเขา สายเลือดของหมาป่าที่เกลียดชังแวมไพร์และสายเลือดแวมไพร์ผู้ที่จะทำลายหมาป่าให้สิ้นซากในเร็ววัน เขาไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าตนเองควรจะถูกยอมรับจากใครหรือฝั่งไหน ทำอย่างไรทุกคนจึงจะไม่รังเกียจเขา


                 ''คำว่าเพื่อนสำหรับคนอื่นมันเรียกกันง่ายขนาดนั้นเลยงั้นสินะ ขอโทษที ฉันไม่เข้าใจมันหรอก แล้วก็ไม่คิดจะปล่อยนายให้ไปไหนตามอำเภอใจด้วยสิ "

                 
                  "มันจะยากหรือง่ายอยู่ที่หัวใจนายต่างหากว่าเปิดรับมันมากพอรึเปล่า แต่ที่สำคัญสิ่งที่ต้องมีก็คือการเปิดใจและยอมรับในตัวเอง ก่อนที่จะให้คนอื่นมายอมรับนาย "

ลอว์เรนซ์ยังคงพูดจาได้อย่างสุขุมเยือกเย็นและให้ข้อคิด ที่ดูเหมือนจะสะกิดใจคนถูกโต้กลับให้ครุ่นคิดตามได้บ้าง เขายังคงจดจ้องการเคลื่อนไหวของลอว์เรนซ์อย่างไม่ละสายตาในทุกฝีก้าว พลันนึกคิดอยู่ในใจว่าทำไม เพราะอะไร คนที่พึ่งเคยเจอกันครั้งแรกอย่างหมอนั่นดูจะเข้าใจ รู้ใจของเขาไปเสียหมด และไอ้ท่าทางที่ดูจะรู้อยู่แล้วว่าภายในกายของเขามีเลือดของพวกหมาป่าไหลเวียนอยู่ แต่หมอนั่นกลับดูไม่รู้สึกไม่มีทีท่าว่าจะรังเกียจเดียดฉันท์ต่อตัวเขาเลยแม้แต่น้อย กลับพยายามพูดคุยด้วยแบบใจเย็นซะมากกว่า 

...นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดกับเขาแบบนี้ ตลอดชีวิตของเด็กหนุ่มนั้น เขาได้แต่ถูกเหยียดหยาม ดูถูกสารพัด ถูกทำร้ายจิตใจโดยคนรอบข้างเสมอๆ แค่เพียงว่าเป็น 'ไลเคน' นั่นทำให้ไซม่อนไม่ไว้ใจใคร เขาอยากจะลบคำสบประมาทของทุกคน และอยากเอาชนะ...แต่นายคนนี้กลับคิดต่าง เขาควรจะไว้ใจได้รึเปล่านะ?

  
                    " ฉันไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเป็นเพื่อนกับใครได้ แต่ที่มั่นใจก็คือนายไม่ใช่คนไม่ดี ฉันจะปล่อยไปโดยดีหากนายยอมทำตามกฎและออกจากพื้นที่นี้ไปซะ "


                  "คงต้องขอปฏิเสธ ฉันกลับไปไม่ได้หรอก ฉันจะไม่พ่ายแพ้ต่อคำท้าของเอมิเลีย "

เมื่ออีกฝ่ายยังคงดื้อดึงและดูหนักแน่นเช่นนั้น แทนที่ไซม่อนจะรู้สึกหงุดหงิด แต่เขากลับถูกใจอย่างประหลาด คนคนนี้ดูมีอะไรมากกว่าที่ตาเห็น แม้จะเปิดทางให้ไปเสียโดยดีขนาดนี้ก็ยังคงไม่ละทิ้งความพยายามต่อเป้าหมาย ถือว่าใจเด็ดใช้ได้ แต่ก้ไม่แน่ใจนักว่าฝีมือของหมอนี่จะช่วยให้ตัวเองอยู่รอดจนประสบผลสำเร็จไหม ไซม่อนครุ่นคิดว่าเห็นทีเขาก็คงจะต้องลองทดสอบปลุกความตื่นเต้นและร่วมขัดเกลาฝีมือดูสักหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไร

                   " ใจเด็ดแบบนี้ หวังว่าฝีมือนายจะไม่ทำให้ฉันเบื่อจนง่วงนะลอว์เรนซ์ "


มีดสั้นหลายเล่มปรากฎขึ้นบนมือของไซม่อน สีหน้าของเขาบ่งบอกชัดเจนว่านี่ไม่ใช่เพียงแค่คำขู่ นั่นทำให้ลอว์เรนซ์ต้องเตรียมชักดาบออกมาบ้างเช่นกัน ถึงแม้ดาบธรรมดานั่นจะดูไ่ม่ช่วยอะไรมากเท่าไหร่ แต่สำหรับเขาในยามนี้ก็อาจเป็นการดีกว่ามาตัวเปล่าก็เป็นได้ เด็กหนุ่มเหลือบตามองนาฬิกาก็พบว่าเขาเสียเวลาไปหลายสิบนาทีเข้าให้แล้ว หากยังคงสู้กันและยืดเยื้อเวลาอยู่เช่นนี้ คงต้องแย่แน่


                  "..เวลาต่อสู้มัวแต่เหม่ออะไรอยู่งั้นเหรอ!"


น้ำเสียงของไซม่อนที่มาพร้อมกับคมมีดพุ่งเฉียดผ่านใบหน้าของเด็กหนุ่มไปอย่างรวดเร็ว การขว้างมีดของคนๆนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ แต่เขาไม่มีเวลาจะมาสู้รบปรบมือกับคนที่ตัวเองคิดว่าไม่ใช่ศัตรูอยู่หรอกนะ ด้วยเหตุนี้ทำให้ลอว์เรนซ์พยายามหลบการโจมตีของอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  มีดสั้นยังคงปามาอย่างต่อเนื่องราวกับเห็นว่าตัวเขาเป็นเป้า ไอเวทย์สีเขียวเริ่มทอประกายแสงเจิดจ้าในยามที่มันพุ่งเข้ามายังตัวเขา ไซม่อนรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นไปอีกเพราะเห็นว่าเจ้าชายตรงหน้าไม่คิดจะตอบโต้เลยแม้แต่น้อย...ถึงแม้เขาไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าแกงอะไรแบบนั้น แค่หวังจะให้ออกไปจากเขตหวงห้ามนี้ แต่การกระทำของเขามันกลับยิ่งน่าหงุดหงิดจนอธิบายไม่ได้!


                  "...เลิกเอาแต่หลบสักที จะดูถูกฝีมือกันรึยังไง!?"


                  "ฉันไม่มีเวลาจะมาสู้กับนาย..."


                 "ดูถูกกันมากเกินไปแล้ว! ฉันจะทำให้นายอยากสู้ขึ้นมาเอง "


ลอว์เรนซ์ไม่คิดจะฟังความคิดบ้าๆของไซม่อน เขาพยายามกวาดสายตาไปรอบๆป่าดำหวังว่าจะพอมีทางให้หนีไปได้ แต่คมมีดที่แหวกอากาศพุ่งติดตามตัวเขาอยู่แทบจะตลอดไม่ยอมปล่อยให้เกิดช่องว่างซึ่งเป็นอะไรที่ลำบากยิ่งนัก


                   "...ชิ! "


มือข้างขวารีบเข้าคว้ามีดที่พุ่งมาด้วยความไวกว่า ก่อนจะปามันกลับคืนสู่ผู้เป็นนายโดยที่ไม่ทันตั้งตัว


                 "...ยอมสู้แล้วสินะ "


ไซม่อนหลบมีดของตัวเองไปอย่างเฉียดฉิว เขาแสยะยิ้มท้าทาย รู้สึกสนุกขึ้นมาจนหุบยิ้มไม่ได้อีกต่อไป เขากำลังหวังให้เด็กหนุ่มตรงหน้าเลิกออมมือและเอาจริง แต่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างกลับต้องพลิกผันไป..เสียงเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ดังกระหึ่มลั่นป่าราวกับกำลังหวาดกลัวกับอะไรบางอย่าง กลิ่นไอรอบตัวแปรเปลี่ยนเป็นกลิ่นของเลือดที่คละคลุ้งเหม็นคาวจนเต็มจมูกไปหมด..เด็กหนุ่มทั้งสองหยุดการต่อสู้พลันหันหลังชนกันมองฝ่าความมืดที่โอบล้อมอยู่อย่างระแวดระวัง หัวใจเต้นตึกตักจนแทบจะทะลุออกมาจากอก เลือดในกายเย็นเยียบพร้อมรับอันตรายที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ... ฉับพลันทันใด ร่างของเหล่าชายฉกรรจ์ 3-4 ตนกระโดดพุ่งเข้ามาเกาะบนต้นไม้ล้อมรอบเด็กทั้งสองไว้ กลิ่นแบบนี้มัน ไม่ผิดแน่

        
                "แวมเพียร์/แวมเพียร์"


สองเสียงประสานกัน นัยต์ตาของทั้งคู่จ้องมองไปยังศัตรูใหม่ที่มองพวกเขาอยู่อย่างหิวกระหาย ขอบปากของพวกมันเปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวสีแดงน่าขนลุก ประดับควบคู่กับดวงตาและรอยยิ้มชั่วร้าย


               "...แกคือเด็กที่ท่านเอมิเลียพูดถึงสินะ พวกเราจะปล่อยให้แกนำเทพดานิเอลไปไม่ได้หรอก"


แวมเพียร์ตนหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มกรุ้มกริ่ม เขี้ยวเเหลมคมสีขาวแยกออกเตรียมพร้อมสำหรับอาหารมื้อค่ำ ว่ากันว่าแวมเพียร์นั้นแม้จะไม่มีเวทย์มนต์เฉกเช่นแวมไพร์ก็ตาม แต่ทั้งพละกำลังและเขี้ยวซึ่งถือเป็นอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดนั้นไม่ใช่ศัตรูที่จะรับมือได้ง่ายเลย เมื่อเห็นท่าไม่ดี นัยต์ตาสีส้มของไซม่อนก็เหล่มองลอว์ฌรนซ์ผ่านทางหางตา เขายังคงดูดุดันและไม่เกรงกลัวต่ออันตรายตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย ที่สำคัญคือยังกล้าเอาตัวเข้ามาประชิดตัวเขาที่เมื่อสักครู่พยายามปามีดใส่ไม่หยุดเลยแท้ๆ ความไว้วางใจที่เกิดขึ้นชั่วขณะนี้ หมอนี่มันช่างกล้าไว้ใจได้ลงคอ  แต่ถึงอย่างนั้นไซม่อนก็ได้แต่ถอนหายใจ ดูเหมือนเขาได้พายามตัดสินใจอะไรลงไปในวินาทีนั้นอย่างรวดเร็วโดยคิดว่าครั้งนี้ เขาเลือกจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเพื่อหมอนี่สักครั้งก็แล้วกัน 


               "...ทางด้านใต้ของป่าแห่งนี้มี 'ถ้ำจันทรา'ที่พวกแวมเพียร์ใช้เพื่อเก็บสิ่งของหรือแม้แต่อาหารเอาไว้อยู่ด้วย ไม่มีที่ใดที่จะปลอดภัยและน่ากลัวไปกว่านี้อีกแล้ว "


ไซม่อนกระซิบให้เบาที่สุดโดยไม่ละสายตาไปจากแวมเพียร์อีก 2 ตนใกล้ตัว


               "นายบอกฉันทำไม?"


              "ระหว่างนายกับแวมเพียร์ ฉันก็แยกแยะได้ว่าควรจัดการใครมากกว่ากัน รีบไปซะ "


นาฬิกาที่อกเสื้อบอกเวลาว่าตอนนี้เหลืออีกเพียง 23 นาที  เขาไม่มีเวลาคิดอีกต่อไปแล้ว


              "ฉันจะไปถึงที่นั่นทันเวลาได้ยังไง นายพอมีทางลัดหรือวิธีดีๆไหม "


ไซม่อนไม่ตอบ เขาถือมีดสั้นในมือไว้  2 อัน


                 "ซุบซิบอะไรกันอยู่ห้ะพวกแก! อั่กกกก!!"


มีดสองเล่มถูกขว้างไปปักกลางหน้าผากของแวมเพียร์สองตน ลอว์เรนซ์ตกใจกับสมาธิและความว่องไวนั่น จนไม่ทันระวังตัว...เมื่อถูกเบนความสนใจ ไซม่อนก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาอีกครั้ง เขากระโดดสูงขึ้นแล้วใช้ความเร็วสูงพุ่งลงมาพร้อมกับท่าที่นอนตะแคงกลางอากาศและยกขาขวาแข็งแรงขึ้นค้างเอาไว้ ก่อนที่จะเร่งสปีดและพละกำลังมหาศาลใส่ลงไปอย่างเต็มที่ 


                  "...โชคดีนะ "


                 "เฮ้ยยย!!เดี๋ยว อ้ากกก"


ร่างของเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ถูกเจ้าเด็กหนุ่มนักรบฝั่งตะวันออกยกเท้าถีบกระเด็นด้วยท่าทรงพลังกลางอากาศที่คนถูกถีบไม่ทันได้ตั้งตัว และด้วยแรงอันมหาศาลนั่นทำให้เขาลอยละลิ่วปลิวข้ามวืดไปไกลหลายร้อยเมตร! ทางลัดแบบกายภาพที่ลอว์เรนซ์รู้ตัวในวินาทีที่ลอยละล่องอยู่นั่นเองว่าเขาไม่ควรเอ่ยปากถามมันเลย


               "หากไม่ทำแบบนี้ก็คงไม่ทันเวลา อย่าตายซะก่อนล่ะ ไว้เรามาสู้กันใหม่ "


ไซม่อนยิ้มพึงพอใจ เขาได้ช่วย(นี่ช่วยเหรอ?) ส่งเจ้าชายที่อาจจะเป็นเจ้าชายจริงหรือไม่ก็ไม่รู้ให้พุ่งไปทางฝั่งใต้ให้ได้รวดเร็ว จริงๆทางลัดมันก็มีบ้าง แต่สถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ เป้าหมายขอแวมเพียร์ก็คือลอว์เรนซ์ ถ้ามีพวกนี้ตามติดก็ยากต่อการสลัดให้หลุดไปได้ เขาไม่อยากต้องคอยตามเก็บกวาดศัตรูเข้าไปในพื้นที่ที่ลึกกว่านี้ จำกัดบริเวณได้ก็จะเป็นการคลุมพื้นที่ได้ดีกว่า  แต่ดูเหมือนว่าแวมเพียร์ที่มาจะมีพรรคพวกสำรองมาด้วย พวกมันเริ่มเข้ามารายล้อมไซม่อน แยกเขี้ยวขาวที่แหลมคมและใหญ่ยาวจนโผล่ออกมาเห็นได้ชัด งานนี้ถ้าจัดการเรียบร้อย ถ้าหมอนั่นเป็นเจ้าชายจริงล่ะก็คงต้องขอพระราชทานรางวัลความดีความชอบครั้งใหญ่ซะหน่อยแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

-โปรติดตามตอนต่อไป-

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป