Your Wishlist

The Heir Vampire (รัชทายาทแห่งโลกแวมไพร์) (Rewrite) (05 นายแห่งข้า (Rewrite))

Author: Sayyeon

" การกลับคืนสู่ฐานันดรของเจ้าชาย นำเขากลับมาเพื่อช่วงชิงตำแหน่งของรัชทายาทแห่งไครซิสต์ ดินแดนของแวมไพร์ผู้ที่ไม่ประสงค์ต่อการดื่มเลือดและได้รับพรจากพระเจ้า การต่อสู้ของผู้ที่ถูกเลือกได้เริ่มขึ้นแล้ว "

จำนวนตอน : N/A

05 นายแห่งข้า (Rewrite)

  • 26/07/2564

The Heir Vampire (รัชทายาทแห่งโลกแวมไพร์)

ภาค 1 ศึกปะทะอัศวินแห่งความมืด

 

 

 

 

 

 

เจ้าชายคนสำคัญแห่งราลเดรูลน์ปลิวมาตกคาอยู่กับต้นไม้ใหญ่ดำมืดต้นหนึ่ง ใบไม้สีแปลกประหลาดทั้งดำ แดง เขียว สมญานามของป่าครอบทับศีรษะพร้อมตั้งชี้โด่เด่ช่างดูน่าขัน นัยต์ตาสีฟ้าคู่สวยส่อแววเจ็บแค้นนิดๆที่ถูกถีบส่งมาดื้อๆแบบนี้ ลอว์เรนซ์ไม่นึกไม่ถึงเลยว่าทางลัดที่ไซม่อนบอกจะหมายถึงแบบนี้ เขาเชื่อแล้วว่าทำไมหมอนี่ถึงได้เป็นนักรบผู้เฝ้าดูแลรักษาการณ์เขตนี้ได้  เด็กหนุ่มมองนาฬิกาบอกเวลาที่ตอนนี้มีเวลาเหลือให้เขาเพียงแค่ 17 นาที เวลายิ่งกระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆจนเขาเริ่มรู้สึกร้อนใจ

             

                            'ขืนเป็นแบบนี้ไม่ทันแน่...! ต้องรีบแล้ว'

 

ลอว์เรนซ์ไม่รอช้า รีบกระโดดลงจากยอดของเจ้าต้นไม้สีดำแล้วจัดการสปริงตัวกระโดดไปตามต้นไม้อื่นไปเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นความสามารถด้านหนึ่งของพวกแวมไพร์ที่มีมาแต่กำเนิด พวกเขามีพละกำลังเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดาและยังมีแรงกระโดดบวกกับความรวดเร็วอันน่าทึ่ง แต่หารู้ไม่ว่าก็ไม่ได้มีเพียงแค่แวมไพร์เท่านั้นที่มี ร่างของเหล่าแวมเพียร์หลายสิบตนกำลังเคลื่อนไหวไล่ล่าเด็กหนุ่มผู้เข้ามาในเขตต้องห้ามของมัน เพราะคำสั่งของผู้เป็นนายที่ขัดไม่ได้ รังสีอำมหิตของความกระหายเลือดในการล่าเหยื่ออย่างเขานั้นทวีความรุนแรงไล่หลังมาเรื่อยๆ


                             "...เหยื่ออันโอชะ  จับมันให้ได้ ท่านเอมืเลียจะตบรางวัลให้พวกเราอย่างงามเลย "


               

                             " จงสังเวยเลือดในกายของเจ้าแด่เราซะเถอะไอ่หนู! "


           

                              " แกจะหนีไปไหน!? " 

 

น้ำเสียงอันทรงพลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่ร่างกายของเขาก็พยายามพุ่งต่อไป เขาจะไม่ยอมจบชีวิตอยู่ในสถานที่แบบนี้เด็ดขาด แต่ว่า...ถ้ำที่ว่ามันอยู่ไหน ทำยังไงถึงจะค้นหามันเจอภายในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้กัน ในทุกวินาทีที่กำลังถูกตามติดแจอยู่นั้น ลอว์เรนซ์ต้องพยายามประคับประคองสติของตนเองไม่ให้หลุดพะวงไปกับความกลัวที่คืบคลานเข้ามา ถ้าไซม่อนพาเขามาถึงนี่ มันก็คงอีกไม่ไกลนักหรอกที่เขาจะสามารถหาจุดหมายนั้นพบได้ในเวลาอันสั้น หมอนั่นคงต้องคิดคำนวนไว้แล้วอย่างเเน่นอน ลอว์เรนซ์ครุ่นคิดหนัก ขณะที่กระโดดเร็วพุ่ไปตามแนวไม้รกทึบด้านหน้า  สิ่งที่เด็กหนุ่มพอจะคิดออกอยู่บ้างในเวลานี้ก็คือ พวกแวมเพียร์นั้นชอบดื่มเลือดของสัตว์ มนุษย์และไม่เว้นแม้แต่แวมไพร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ไซม่อนได้บอกเขาว่า ถ้ำจันทราที่ว่านั้นเป็นที่อยู่อาศัยชุมนุมและกักเก็บอาหารของพวกมัน แปลว่ายิ่งใกล้ก็ต้องยิ่งได้กลิ่นเลือดแน่ ถ้าหากสามารถสัมผัสถึงกลิ่นเหม็นคาวและกลิ่นอายส่วนใหญ่ของแวมเพียร์ได้ จุดหมายของเขาต้องอยู่ที่นั่นไม่ผิดแน่ ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็เริ่มตั้งสมาธิพุ่งตรงไปกับประสาทสัมผัสการรับรู้ด้านกลิ่นของตนเอง สัญชาตญาณนี้จะมีประโยชน์สมดังใจหรือไม่นั่นก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองแล้ว

 

นัยต์ตาสีฟ้าสอดส่ายมองไปทั่วสารทิศ เขาก็พบว่าบริเวณแถบนี้แทบจะไม่มีสัตว์หรือเสียงร้องระงมของพวกสัตว์ป่าอยู่เลย มันเงียบและวังเวงจนผิดปกติ จมูกของเด็กหนุ่มเริ่มได้กลิ่นแปลกประหลาดที่ลอยมาตามลม ร่างสูงของเขาพยายามกระโจนเข้าหาสายลมเพื่อรับสัมผัสจากกลิ่นที่มาพร้อมกับมัน และในที่สุดก็ดูเหมือนจะเห็นผล ลอว์เรนซ์เริ่มทำการเบี่ยงวิถีและเปลี่ยนทิศ เขาอาศัยวามรวดเร็วของตนเองในการหลอกล่อและสลัดแวมเพียร์สองตนที่ตามมาอย่างกระชั้นชิด ซึ่งสองคนนั้นก็หลงกลเขาเต็มๆจนพุ่งตัวไปแล้วชนเข้ากับราวไม้อันแข็งแรงซึ่งเป็นทางตัน 

             
           

                            "ตามติดจนแทบจะสิงร่างฉันได้อยู่แล้ว หึ น่ารำคาญจริงๆ"


                            " เวรแล้ว! มันกำลังจะเข้าไปสู่ทางใกล้กับเขตถ้ำของเรา!!"


                            "ท่านเอมิเลียต้องฆ่าพวกเราแน่หากปล่อยไอ่เด็กนั่นไป เร็วเข้า สกัดมันไว้! "

 

ว่าแล้วพรรคพวกมันที่เหลือก็ไม่รอช้า เริ่มทำการปล่อยพลังคลื่นเสียงความถี่สูงออกมาทางปากที่มีฟันเขี้ยวแหลมคมน่ากลัว ถือเป็นอีกพลังพิเศษของพวกแวมเพียร์ที่ทรงอำนาจ เพราะเสียงเหล่านั้นมันรุนแรงทำให้ปวดหัวไปหมดจนแทบจะบ้าคลั่ง ลอว์เรนซ์ยังคงกระโดดต่อไปเพื่อหลีกหนีเจ้าคลื่นเสียงมรณะ ซึ่งการกระทำของเขานั้นกลับให้ผลตรงกันข้ามเพราะว่าไม่อาจจะรอดพ้นไปได้ มือสองข้างยกขึ้นปิดหูที่เยื่อข้างในกำลังสั่นคลอนอย่างปวดประสาท แต่ร่างกายก็ยังคงฝืนจนมาทรุดโครมลงกับพื้นหน้าถ้ำเป้าหมาย มิหนำซ้ำนาฬิกายังบอกเวลาที่เหลือเวลาอีกเพียง 11 นาที


                 

                                          "อ้ากกกกก!! "


                                          "หึๆๆ แกหนีไม่รอดแล้วไอ้หนู ให้ต้องเหนื่อยตามตัวตั้งนานเลยนะ"


                                         "คลื่นเสียงนี่มันจะฆ่าแกได้ทั้งเป็นๆ แต่พวกข้าจะไม่ทำให้แกตายตอนนี้หรอก..."


                                         "เลือดของเจ้าชายผู้มีพลังต้องห้ามงั้นรึ...ของดีชั้นเลิศทีเดียวเชียวล่ะ"

 

คลื่นเสียงค่อยๆเบาลงและหายไปในที่สุด แวมเพียร์ 5 ตนปรากฎกายออกมาล้อมรอบเด็กหนุ่มที่ยังดูจะสติเลือนร่าง ดาบซึ่งเป็นอาวุธข้างกายนั้นก็แค่ดาบเวทย์มนต์ระดับต่ำที่ขนาดจะใช้ฆ่าสัตว์ยังยาก มันเป็นเพียงอาวุธที่ดูโง่ๆไม่อาจจะหาญสู้พวกเขาได้เลย ร่างของแวมเพียร์ผู้หิวโหยกระโดดวาบพุ่งเข้าประชิดตัว หนึ่งในห้าของแวมเพียร์ที่ยืนอยู่ทำการคว้าร่างของเด็กหนุ่มที่ดูสติจะยังคงเลือนรางให้ลุกขึ้นมาก่อนที่จะทำการแยกเขี้ยวคมขาวอันล่อแหลมนั้นขึ้นมา พลันกัดฝังมันลงไปบนไหล่ซ้ายของลอว์เรนซ์อย่างรวดเร็ว


           

                                              "อ้ากกกก!! แก! ปล่อยนะ..."

 

นัยต์ตาทั้งสองเบิกโพลง ปากร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ได้ หัวใจเริ่มเต้นผิดจังหวะราวกับพิษจากเขี้ยวนั่นมันกำลังซึมผ่านปากแผลเข้าสู่ร่างกาย ร่างสูงสง่าของเด็กหนุ่มสั่นเทาขณะที่ล้มลงไปอย่างน่าเวทนา พยายามลืมตาที่เชื่อว่าอีกไม่นานอาจจะไม่ได้ลืมขึ้นมาอีก...

  
         

                                            "..อาา เลือดของเจ้าเด็กนี่มันอาหารชั้นเลิศจริงๆเลยล่ะ พวกท่านไม่ลองดู..."

 

แวมเพียร์หนุ่มที่ยังคงแลบลิ้นเลียปากอันซึมชื้นไปด้วยเลือดนั้นยังพูดไม่ทันจบประโยคดีก็กลับต้องถูกหมัดหนาซัดเข้าหน้าเต็มเหนี่ยว ร่างลอยปลิวไปกระแทกกับต้นไม้จนล้มลงไปนอนกองกับพื้น


               

                                          "...ริอาจลิ้มรสมันก่อนพวกข้า แกมันรนหาที่ตายแท้ๆ"

 

ใบหน้าเคร่งขรึมมาดหนุ่มมั่นดูเป็นผู้นำก้าวออกมาอย่างองอาจ สีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึกนั้นดูอ่านยาก แวมเพียร์ตนอื่นต่างพากันแหวกทางให้เขาด้วยความเต็มใจ สายตาพวกเขาดูหวาดกลัวและเคารพยำเกรงชายผู้นี่มาก ชายหนุ่มไร้ชื่อทอดมองเหยื่ออันโอชะเบื้องหน้า เลือดสดๆตจกบาดแผลที่ไอ้เแวมเพียร์หนุ่มผู้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนั่นมันทำยังคงไหลไม่หยุด กลิ่นเลือดที่ช่างหอมหวานยั่วกิเลสพวกเชาให้ตาลุก น้ำลายสอ....

เสียงคุ้นหูของใครอีกคนดังขึ้น..ท่ามกลางสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน มันดังอยู่ในห้วงความคิดของลอว์เรนซ์...


                 

                                    '...ลุกขึ้นเถิดนายแห่งข้า แล้วข้าจะมอบพลังให้แก่ท่าน...'

 

แสงสว่างสาดส่องไปทั่วบริเวณ ลอว์เรนซ์ได้ยินเสียงร้องเรียกอันคุ้นหูที่เหมือนเขาพึ่งจะรู้สึกอบอุ่นกับมันเมื่อไม่นานมานี้ออร่าแสงสีเงินแผ่รัศมีกระจายออกมาจนรู้สึกสว่างวาบและแสบตา ร่างของเทพรูปงามกายสีเงินคนเดิมผู้เลือกเด็กหนุ่มปรากฎกายขึ้นท่ามกลางความตกอกตกใจของแวมเพียร์ทั้งหมด พลังแห่งความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดานี้ได้ปลดปล่อย ดานิเอล ออกจากถ้ำที่พวกเขาอุตส่าห์ผนึกกำลังกันซ่อนเอาไว้ ลอว์เรนซ์ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ความหวาดกลัวและเจ็บปวดจากบาดแผลที่พึ่งเกิดขึ้นนั้นทำให้เขามีสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก

                
         

                                       ' บาดแผลของนายท่านมันสาหัสเอาการมาก ให้ข้าช่วยเถอะ '

 

ดานิเอลเผยรอยยิ้มอบอุ่นเป็นมิตร นัยต์ตาทั้งสองทอดมองผู้ที่เขากล้าขานเรียกอย่างเต็มปากเต็มคำว่าเจ้านาย เวทย์สีเงินปรากฎเป็นประกายรายล้อมรอบตัว หัวใจอันหนักอึ้งหวาดกลัวพลันรู้สึกสงบขึ้นมาในทันใด บาดแผลที่สาหัสเริ่มสมานตัวเข้ามาอย่างน่าอัศจรรย์ ดวงจิตของอีกฝ่ายผู้เป็นเทพนั้นสื่อมาถึงตัวเขาอีกครั้ง เมื่อได้ฟังคำถามนี้

 
               

                                               '...ทำไมท่านถึงเลือกผม?'


                                              ' ...ช่างพูดเพราะกับข้าเหลือเกินนะเจ้านาย'


                                              ' ท่านตอบไม่ตรงคำถามนี่ '

 

ออร่าสีทองเป็นประกายนั้นหายไปแล้ว เหลืออยู่เพียงแค่เหล่าแวมเพียร์ที่ขณะนี้เพิ่มจำนวนมากกว่าเมื่อกี๊หลายเท่า แววตาแห่งความหิวกระหายนั้นพุ่งเป้ามายังลอว์เรนซ์มากกว่าเดิม กลิ่นเลือดนั่นคงจะเรียกความสนใจจากพวกเขาได้อย่างเหลือล้นเลยทีเดียว

เหลือเวลาอีก 9 นาที....


               

                             "เห้ย! คุยกันสมใจพอรึยัง พวกเราไม่มีเวลามาเล่นกับเหยื่ออย่างพวกแกมากนักนะ "

 

เเวมเพียร์ท่าทางมาดมั่นคนนั้นเอ่ยถามด้วยน้ำเย็นเยียบ มือสองข้างกางกรงเล็บและเขี้ยวอาวุธคู่กายเตรียมพร้อมจู่โจม พรรคพวกที่เหลือก็ไม่รอช้า ความคิดในหัวตอนนี้มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ 'ไม่ควรทำให้ท่านเอมิเลียผู้นั้นได้โกรธ 'สายตาที่เอาจริงเอาจังปนซื่อสัตย์นั้นทำให้ลอว์เรนซ์รู้สึกทึ่งและขนลุกขึ้นมาบ้าง แต่เขาก็พยายามที่จะดึงสติและเริ่มประเมินสถานการณ์ก่อน


                 การต่อสู้เริ่มขึ้นอีกครั้ง เพราะอีกฝ่ายไม่คิดจะรีรอ ดานิเอลรีบตั้งข่ายมนต์ป้องกันไว้ เวทย์สีทองหนาแข็งตัวกันเป็นเกราะกำบังแกร่งกล้ายากที่จะต้านทานไหว แวมเพียร์ที่พุ่งเข้ามาแบบไม่อาจเบรกทันนั้นถูกกำแพงเวทย์ผลักไสกระเด็นกระดอนออกไป แต่บางตนก็พยายามที่จะใช้พลังที่มีพังมันเข้ามา

เหลือเวลาอีก 6 นาที...


               

                                              'เราไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้าพวกนี้แล้ว ไปกันเถอะ '


                                              "หึ้ยย หนอย! อย่าหวังว่าจะไปจากที่นี่ได้นะ!"

 

แวมเพียร์ผู้มาดมั่นพังทลายกำแพงเวทย์เข้ามาได้สำเร็จ มือสองข้างของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลสดใหม่ที่แสดงให้เห็นว่ามีความพยายามอย่างมากในการจะทำลายมัน  แต่ดานิเอลก็ไหวตัวรีบคว้าเอาร่างของเด็กหนุ่มให้พ้นเงื้อมมือของเจ้าแวมเพียร์กระหายเลือด


                                              'ยัยแก่นั่นมีดีอะไรพวกเจ้าจึงต้องทำถึงขนาดนี้ '


                                              "มันเรื่องของเราไม่เกี่ยวกับแก !"


                                               'ก็ได้...แต่นายของข้าก็ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า  ท่านผู้นี้คือผู้ที่ข้าเลือกแล้ว อย่าได้มาแตะต้องให้นายของข้าแปดเปื้อน!'

 

เปลวเพลิงสีทองอาบร่างของเทพผู้สง่างาม ทอประกายเจิดจรัส แสงนั่นแสบตาจนไม่มีใครทนมองได้อีกต่อไป ความร้อนจากเปลวเพลิงนั่นไม่ต่างอะไรกับไฟโลกันตร์ที่พร้อมจะเผาผลาญทุกสิ่งให้มอดไหม้เป็นจุล แม้กระทั่งเจ้านายของเขา...


               'อดทนหน่อยนะเจ้านาย ไฟของข้ากำลังจะเผาพวกมันและพาท่านกลับคืน...'


แม้สีหน้าของเขาจะหมองลงไปเพราะเกรงกลัวว่าลอว์เรนซ์จะได้รับอันตราย แต่ปฏิกริยาที่เด็กหนุ่มทำนั้นยังดูเป็นปกติไม่มีท่าทีว่าร้อนหรือผิดปกติไปแต่อย่างใด ซึ่งดูแปลกมาก เพราะพวกแวมเพียร์ทุกตนที่พยายามจะบุกเข้ามานั้นต่างร้องเสียงหลงพากันล้มกลิ้งเจ็บปวดอย่างทุกข์ทรมาน


เหลือเวลาอีก 2 นาที
          
                 

                                                   "....แกกก! ระ...ร้อนนน...ร้อนนนน!!"


                                                  'ไฟสีทองนั้นมีพลังอำนาจเปรียบเสมือนไฟแห่งเทพเจ้า พวกเจ้าพ่ายแพ้แล้ว...'

 

ลูกไฟทรงกลมขยายใหญ่โตจากมือหนาของไวเปอร์ จนลอว์เรนซ์ได้แต่ยืนมองตาค้าง ลูกไฟถูกปล่อยพุ่งไปยังพวกมันที่พากันนอนแผ่อาบร่างที่นอนทุกข์ทรมาน...ควันไฟและกลิ่นไอร้อนฟุ้งเต็มจมูก ลอว์เรนซ์ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย...แม้ว่าตัวตนของเขาเมื่อก่อนจะทั้งบ้าพลัง หลงใหลมัวเมาในอำนาจมากเพียงไหน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ หัวใจของเขาไม่ได้ปรารถนาจะให้ดานิเอลทำร้ายใคร...


                                                  "..ผมไม่ได้ต้องการแบบนี้ "

             
                                                  'งั้นหรือ...จิตใจของท่านช่างสูงส่งยิ่งนัก'

 

สิ้นเสียงนั้น...ไอหมอกประหลาดก็ครอบคลุมผ่านผิวกายเข้ามาให้ความรู้สึกเย็นเยียบ ในหัวลอว์เรนซ์รู้สึกมึนและเลือนรางไปหมดทุกสิ่งอย่าง เหมือนว่าเขาได้หลุดเข้าไปในวังวนของอะไรบางอย่าง แต่สิ่งที่ได้มาใหม่นั้น...คือ เทพผู้เลือกเขา ที่กำลังนำพาเขากลับคืนสู่ที่แห่งนั้น กลับไปหา..เอมิเลีย


               

                                              "..จะหลับไปถึงเมื่อไหร่กันห้ะเจ้าเด็กบ้า "


ลอว์เรนซ์ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เพดานและผนังถ้ำอันคุ้นตานั้นทำให้เขาระลึกได้ว่าตัวเองได้กลับมายัง...ถ้ำของยายเฒ่าเอมิเลียแล้ว


                   

                                                " ที่นี่มัน นี่ผม..กลับมาทันงั้นเหรอ "
 
 
                                               "เออสิ ถ้าไม่ใช่เพราะดานิเอลช่วยแกไว้ ป่านนี้คงได้เป็นอาหารเจ้าพวกโง่เง่านั่นไปแล้ว หึ้ย! อารมณ์เสียจริงๆ! "

 

ยายเฒ่าทำหน้าตาบึ้งตึงใส่อย่างไม่สบอารมณ์ ซึ่งก็ไม่แปลกใจ เพราะในครั้งนี้นางเป็นฝ่ายแพ้การดวล ท่าทางชัดเจนแล้วว่าดานิเอลคงต้องการให้เจ้าเด็กนี่กลายเป็นผู้ครอบครองพลังนั้น..


                 

                                                      "ทำไมดานิเอลถึงเลือกผม...?"


ลอว์เรนซ์ตัดสินใจถามออกไปอีกครั้ง เขารู้สึกทั้งดีใจและสงสัยปนกันอย่างบอกไม่ถูก ศาสตราที่มีพลังแกร่งกล้าขนาดทลายพวกแวมเพียร์ได้ง่ายดายถึงเพียงนัั้นเหตุใดถึงเลือกเด็กเช่นเขา


                                                      "คงเพราะโชคชะตาที่ต้องเป็นไป เจ้านี่ช่างถามวุ่นวายเสียจริง...เอาล่ะ มาฟังคำทำนายของเจ้าดีกว่า ข้าเหม็นหน้าเจ้าเต็มแก่ จะได้รีบๆกลับออกไปเสียที เพราะตอนนี้ข้าโมโหมากหงุดหงิดเป็นที่สุด นอกจากดานิเอลจะเลือกเจ้าแล้วยังมีเจ้าพวกโง่ที่ทำให้ข้าต้องเสียเทพรูปหล่อราคาแพงไปอีก บ้าที่สุด! ''


เด็กหนุ่มรีบยกมือขึ้นปิดหูโดยอัตโนมัติ เสียงร้องไห้ครวญครางดังลั่นที่เดาอารมณ์ได้ยากนั่นแผดก้องไปทั่วทั้งถ้ำจนเป็นเสียงสะท้อนรำคาญหู ตกลงนางเป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย =_= คนแก่เข้าใจยากเสียจริง ไมอยากจะเชื่อเลยว่าร้านของนางจะเป็นที่กล่าวขวัญได้ขนาดนี้ ทั้งที่เจ้าของร้านนิสัยช่างไม่น่ารักเอาซะเลย


                   

                                                            "เฮ้อ..ผมไม่มีเวลามากนะ หยุดคร่ำครวญซะ  "

 

นางเช็ดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดเบาๆ ก่อนจะหันเบือนหน้าไปทางอื่น ใบหูกระดิกไปมาแบบแปลกๆ


                 

                                                          "มีลูกค้าอื่นมารอคิวอยู่...อื้ม เป็นเจ้าชายเหมือนเจ้าเสียด้วย..."

            
                                                          "เจ้าชายองค์ไหนกันนะ...."


ลอว์เรนซ์พึมพำอยู่คนเดียวโดยที่ไม่ได้คิดเลยว่าจะได้รับคำตอบน่าตกใจบางอย่างกลับคืนมาด้วย


               

                                                         "จีเนียส...ไพน์เออเนียร์ เจ้าชายผู้หยิ่งทะนงและบ้าอำนาจ ถึงจะหน้าตาดูงานดีเหมือนๆเจ้าก็เถอะนะ แต่ต่อไปในภายภาคหน้าบุคคลผู้นี้อาจจะเป็นมิตรหรือศัตรูต่อเจ้าก็ยากที่จะบอกได้..."


                                                         "...ถ้าท่านหมายถึงการชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทแห่งจักรพรรดิล่ะก็ ผมไม่คิดอยากได้หรอกนะ "

 

เอมิเลียเปลี่ยนอารมณ์เป็นหัวเราะร่าเริงในทันควัน


                                                          '' ฮ่าฮ่าฮ่า ณ ตอนนี้เจ้าอาจจะคิดแบบนี้ แต่ต่อไปอาจจะไม่ใช่ก็ได้ ตำแหน่งจักรพรรดิแวมไพร์นั้นเป็นสิ่งที่แวมไพร์ชั้นสูงอย่างพวกเจ้าล้วนปรารถนาให้ได้มาครอบครอง รวมไปถึงเหล่าผู้ที่ไม่มีตำแหน่งอันชอบทำก็ยังคิดการณ์ใหญ่เพื่อให้ได้มันมา..."


                                                         "...ท่านต้องการจะพูดอะไรกันแน่ ?"

 

เอมิเลียยิ้มรับคำถามนั้นอย่างใจเย็น ในมือปรากฎเวทย์สีขาวแวบขึ้นมา ไพ่ใบหนึ่งถูกเสกขึ้นมาพร้อมกัน นางจับไพ่ปาไปยังเด็กหนุ่มราวกับเป็นมีดสั้น ลอว์เรนซ์รับไว้ทัน เขาพลิกดูหน้าไพ่ดู เห็นแต่เพียงความว่างเปล่า และดูท่าว่าเอมิเลียจะรู้ทัน เพียงแค่นางดีดนิ้วเปาะ

ไพ่ก็ค่อยๆเปลี่ยนจากความว่างนั้นกลายเป็นภาพออกมาเติมเต็ม...มันเป็นภาพของวงเวทย์สีดำแปลกๆ ที่ภายในนั้นมีใบหน้าของ..สิ่งที่คล้ายๆกับหมวกชุดเกราะของอัศวิน


                                                "..นี่คือคำทำนายของท่านรึ ?"


                                                "เจ้าจะคิดว่าใช่หรือไม่ก็ตามใจ อ้อ..เมื่อกี้เจ้าถามว่าข้าต้องการจะพูดอะไรงั้นสินะ ? เจ้าเคยได้ยินตำนานเรื่องของอัศวินทั้ง 6 ผู้กอบกู้นครแห่งเกอร์กอมไหมล่ะ ?"

 

...นครแห่งเกอร์กอม ลอว์เรนซ์นึกไปถึงความหลังครั้งเก่าในช่วงสมัยเด็กๆที่ท่านพ่อของเขาได้เคยเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้ฟัง มันเหมือนจะมีชื่อของเมืองที่ว่านี้อยู่ด้วย

 
                   

                                         "ตำนานทั้งสองกำลังจะกลับมาเป็นหนึ่งเดียวและประวัติศาสตร์กำลังจะกลับมาซ้ำรอยเดิม เหล่าอัศวินผู้ภักดีทั้งหลายจะกลายเป็นผู้กบฎ และสำหรับเจ้านั่นคือการทดสอบ ''

            
                                           ''การทดสอบงั้นรึ ? หมายความว่าอะไรกัน''

             
                                           ''บางสิ่งที่หายไปจะกลับคืนมา ผู้ที่เคยจากไปจะหวนคืน นี่ไม่ใช่เพียงศึกเริ่มแรกของเจ้าในฐานะว่าที่รัชทายาท เจ้าอาจจะต้องรับภาระใหญ่หลวงมากกว่านี้เสียอีกเจ้าหนู ถ้าเจ้าทำไม่สำเร็จ เจ้าจะเป็นตัวหมากที่กำลังถูกคิงที่แท้จริงรุกฆาตเอาได้นะ ''

 

ดวงตาของเอมิเลียเปลี่ยนเป็นสีขาวสนิทจนไม่เห็นอะไรเลย ราวกับว่านางได้กลายเป็นอีกคนหนึ่งไปโดยสิ้นเชิง นี่หรือที่ว่ากันว่า..นางเป็นนักทำนาย ดาบยาวเล่มหนึ่งถูกเสกออกมาลอยอยู่ตรงหน้า  ลอว์เรนซ์สัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณแห่งเทพของดานิเอลในดาบเล่มนั้น


                                     "...จงสัญญาต่อหน้าข้า..นักทำนายเอมเลีย คาเตสท์..ว่าเจ้าจะเป็นเจ้านายที่ดีและรักษาศาสตราของเจ้า..."


                                     " ด้วยนามแห่งข้า เจ้าชายลอว์เรนซ์ เซอแลนเซียร์ เวสเบิร์ก ขอสัญญาว่าข้าจะเป็นนายแห่งศาสตราของเทพองค์นี้และรักษาไว้ให้ดีที่สุด..."

 

สิ้นเสียงแห่งคำมั่นสัญญา ดาบเล่มนั้นได้คืนมาสู่มือของผู้เป็นนาย พลังเวทย์ที่ต่างคนต่างมีอยู่ประสานกันเป็นหนึ่งเดียว...


                                     "...ข้าไม่อาจที่จะทำนายให้ได้มากกว่านี้ อนาคตอันยิ่งใหญ่นั้นอยู่ที่ตัวคนทำ แต่..ข้าขอให้เจ้าพึงไม่ประมาท พลังต้องห้ามของเจ้ามิได้เป็นเพียงแค่ภัยที่พร้อมจะทำร้ายผู้อื่นเสมอไป หากยังจมปลักอยู่กับอดีต หัวใจของเจ้าจะมิได้ค้นพบกับความสุข ''

 

ร่างของลอว์เรนซ์ลอยขึ้นอีกครั้ง พายุหมุนอ่อนๆ ได้พัดพานำตัวเด็กหนุ่มออกไป เขายังไม่ทันได้ถามอะไรอีกมากมายที่อยากรู้ ซ้ำยังไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูดเท่าไหร่เลย...รู้สึกเชื่อขึ้นมาแล้วจริงๆว่าการทำนายนี่ช่างเข้าใจได้ยาก มันเหมือนจะช่วยให้เราล่วงรู้อะไรมากขึ้น แต่หากพร่ำบอกออกมามากกว่านี้ ก็เหมือนชีวิตของผู้ถูกทำนายกำลังโกงโชคชะตาอยู่หรือเปล่านะ


                                       "นายน้อยคะ! ฉันเป็นห่วงแทบแย่ นี่เกิดอะไรขึ้น!? ถึงได้กลับออกมาช้าแบบนี้คะ"


                                        "ซีเบล..."

 

องครักษ์สาวรีบวิ่งเข้ามาหานายท่านของตน เมื่อเขากลับออกมาข้างนอกได้อย่างปลอดภัย ในมือของเธอถือสิ่งของหลายอย่างที่เขาได้แบ่งกับเธอว่าให้ไปช่วยกันซื้อ เธอคงจะมาถึงที่นี่และรอเขานานมากแล้ว


                                         "นายน้อยบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ ?"


                                         "...ไม่ "


ไม่...ไม่เหลืออ้ะสิ ก่อนหน้านี้ก็สู้ทั้งกับแวมเพียร์  แถมยังโดนเจ้าเด็กหนุ่มนักรบแดนตะวันออกถีบข้ามป่าไปด้วย พอมาลองคิดดูแล้วก็น่าโมโหอยู่เหมือนกันที่เจ้านั่นเล่นแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าแบบที่เขาไม่ค่อยเต็มใจนัก ถึงจะรอดกลับมาได้แล้วก็เถอะ


                 

                                            "นายน้อยได้รับศาสตรามาแล้วใช่ไหมคะ?''

 

คำนี้ดูเหมือนว่าจะสะกิดจุดเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้สักอย่าง...เรื่องที่เธอไม่ได้บอกเขาเกี่ยวกับยัยเฒ่าวิปริตบ้าเลือดนั่น เห็นทีว่าต้องทำให้จำจะได้ไม่ลืมบอกอีกเสียหน่อยแล้ว เพราะลอว์เรนซ์ก้ไม่ได้เตรียมใจว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้เลย


               

                                               "ได้มาแล้วล่ะ "


                                              "ดีแล้วล่ะค่ะ..นายน้อยเก่งจริงๆ งั้นกลับกันเถอะค่ะ "


                                              "ใช่ แต่ก่อนกลับ..ฉันมีอะไรจะให้เธอทำก่อนนะ มีด้วยกันสองเรื่อง "


                                               "อะไรงั้นรึคะ ว่ามาได้เลย ฉันยินดีทำค่ะ "


                                               "แน่ใจเหรอ?"

     
                                               "ค่ะ "

 

ซีเบลตอบไปด้วยท่าทีมั่นใจ จนไม่ทันได้สังเกตรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แปลกมุมปากของผู้เป็นนาย


                                               "ฉันได้ยินมาจากนิโคลัสว่าเธอน่ะทำสถิติในการวิ่ง 400 รอบในหมู่องค์รักษ์หญิงภายใน 20 นาทีโดยไม่ใช้วิถีแวมไพร์และไม่หยุดพัก?"


                                               "ใช่แล้วค่ะ...มีอะไรงั้นเหรอคะ?"

                 

                                                "...ดี งั้นไปวิ่งรอบเมืองสักเอ่อ 100 รอบให้ทีนะ ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมเธอถึงโดยสั่งวิ่ง รอวิ่งรอบนี้เสร็จกลับมาวิ่งอีก 100 รอบที่คฤหาสน์แล้วฉันจะบอก "

 

เด็กหนุ่มฉีกยิ้มเย็นเยียบจนซีเบลขนลุก.. นี่เธอไปทำผิดอะไรไว้กันนะ แล้วดูเหมือนว่านั่นจะยังเป็นคำสั่งที่ยังไม่สมบูรณ์ ลอว์เรนซ์กระเถิบตัวเข้ามาใกล้เธอพร้อมกระซิบอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นคำสั่งที่สอง


                                      " ฝากด้วยนะซีเบล ฉันจะนั่งทานอาหารที่ร้านตรงนั้นรอนะ หิวแล้วล่ะ ได้ออกมาทานนอกคฤหาสน์ทั้งที แล้วเจอกันนะ''

 

....ทำไมถึงรู้สึกว่าเจ้าชายของเธอกำลังสนุกกับการแกล้งเธอ ว่าแล้วก็คงต้องไปวิ่ง เพราะนี่เป็นถึงคำสั่งของเจ้าชายคนสำคัญแห่งราลเดรูลน์ที่ยากจะขัดขืน ดูเหมือนว่าเธอคงจะปฏิบัติการอะไรผิดพลาดไปจนนายน้อยของเธอไม่พอใจเข้าให้เสียอย่างนั้น  แต่คำสั่งที่สองที่ได้รับมา เธอกลับรู้สึกแปลกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย  ว่าทำไมเจ้าชายของเธอถึงเกิดความประทับใจคนที่พึ่งรู้จักกัน ที่สำคัญคือไปรู้จักกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ

 

 

 

 

 

 

         ==========================================================

 

 

 

 

                  ณ  บ้านหลังใหญ่ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาสูงทางทิศตะวันออกของราลเดรูลน์ อากาศบนเขาค่อนข้างจะหนาวเย็น ด้วยความกดอากาศที่ต่ำอยู่แทบตลอด ร่างสูงของเด็กหนุ่มนัยต์ตาสีส้ม ยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านนั้น เขาขยับมือเปิดเข้าไปอย่างไม่ลังเล  พร้อมพ่นไอหนาวออกจากปากที่เริ่มชา แม้จะอยู่มาทุกคืนก็ยังไม่ชินกับอากาศแบบนี้เสียที ไซม่อนเดินรุดเข้าไปที่ห้องครัว ก่อนจะสังเกตเห็นแผ่นกระดาษโน้ตที่วางอยู่บนโต๊ะ เป็นข้อความจากคุณพ่อของเขาที่คงจะทิ้งเอาไว้ให้เหมือนๆกับทุกครั้งที่ต้องออกไปข้างนอก เขาแค่บอกว่าให้ไซม่อนพักผ่อนและทานอาหารเย็นด้วย  แต่วันนี้มีข้อความอวยพรวันเกิดพร้อมกับเค้กนมสดที่เขาชอบวางอยู่ คุณพ่อของเขาก็เป็นหนึ่งในองครักษ์ที่เมืองหลวงซึ่งต้องทำหน้าที่อยู่ตลอด จึงไม่ค่อยได้พบหน้ากันนัก เขาเปิดตู้ไม้หนาหนักซึ่งเป็นที่เก้บถนอมอาหาร พลางชงนมร้อนมานั่งที่โต๊ะ นั่งคิดอะไรเพลินๆไปเรื่อย  ว่าในวันนี้เขาได้พบเจอกับอะไรมา ไม่ว่าจะเป็นแวมเพียร์ หรือคนที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าชายแบบหมอนั่น...

                     

                               '' ป่านนี้จะเป็นยังไงนะเจ้านั่น คงไม่ถูกเอมิเลียดักฆ่าไปแล้วใช่ไหม''


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


จู่ๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นจากหน้าบ้านของเขา ไซม่อนสะบัดความคิดเพลินๆนั่นออกไป นี่ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว  คุณพ่อก็น่าจะยังไม่กลับมานี่ แถบนี้ไม่ใช่ที่ที่ผู้คนจะมาพลุกพล่านด้วย ไซม่อนรู้สึกไม่ไว้ใจนัก เขาเตรียมพร้อมทันทีตามสัยชาตญาณโดยมีมีดสั้นไว้ในมือ  ก่อนที่จะสาวเท้าอย่างแผ่วเบาตรงไปที่ประตู พร้อมกับจ้องตรงช่องตาแมว แต่ก็กลับไม่พบใคร เด็กหนุ่มนิ่งไปสักพักก่อนที่จะเปิดประตูออกไป ที่บริเวณหน้าบ้านเขาไม่พบคนน่าสงสัยอย่างที่คิด และไม่มีปฏิกิริยาของสิ่งมีชีวิตอย่างอื่นอยู่เลย แต่ทว่าที่หน้าประตูกลับพบว่ามีกล่องอะไรวางอยู่ 

           
                 

                                    " นี่มันอะไรกันน่ะ?"

 

ที่ตัวกล่องนั้นไม่ได้มีน้ำหนักมากนัก แต่กลับถูกห่อหุ้มมาไว้อย่างดี ไซม่อนพลิกดูมันนิดหน่อย ด้วยท่าทีสงสัยและแปลกใจ เขายังไม่กล้าเปิดมันออกดู แต่แล้วก็พบว่ามีข้อความบางอย่างติดมากับสิ่งนั่น โดยเขียนไว้ว่า  'จากเจ้าชายแห่งราลเดรูลน์' ด้วยเหตุนี้ทำไมให้ไซม่อนละความสงสัย เขารีบร้อนเปิดดูโดยเมื่อปลายนิ้วแตะไปที่ริบบิ้นที่ผูกอยู่ มันก็เริ่มขยับเขื้อนและพุ่งออกมา พร้อมกับลอยคว้างอยู่กลางอากาศตรงหน้า แล้วระเบิดออกมาพร้อมไอเวทย์สีรุ้งสวยงาม ปรากฎเป็นคำว่า ' Happy BirthDay'  รอยยิ้มบางๆเริ่มคลี่ออกมาจากใบหน้าของไซม่อน นอกจากครอบครัวก็ไม่น่าจะมีใครที่ทราบวันเกิดของเขาแล้ว แต่สำหรับตอนนี้เป็นข้อยกเว้น เสื้อสเวตเตอร์นุ่มสีเทาที่ดูราคาแพง ถูกจัดห่อไว้ในกล่องอย่างเรียบร้อย ดูเหมือนว่าหมอนั่นจะยังจำสิ่งที่เขาบอกไว้ได้ดี  ไซม่อนดีใจแต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้ นัยต์ตาสีส้มของเขาดูเป็นสุขมาก  แม้จะยังไม่ได้รู้สึกว่าควรเชื่อใจใครอย่างเต็มที่ แต่คนคนนี้กลับมีอะไรบางอย่างที่ดูพิเศษออกไป


               

                                                 '' ไว้ค่อยพบกันตอนเปิดเทอมนะ ลอว์เรนซ์''

 

 

 

 

 

 

-โปรดติดตามตอนต่อไป-


 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป