Your Wishlist

กำเนิดใหม่หัวใจดวงเดิม 改头换面 (ตอนที่ 9 สหายธรรมในโลกหล้า)

Author: 涵爱娟 ❀ หานอ้ายจวน

ชาตินี้นางคือหญิงงามผู้มีชะตาอาภัพ เกิดมาไร้ตัวตนเป็นเพียงเครื่องจักรสังหาร ครั้นได้รู้ชาติกำเนิดที่แท้จริง ครอบครัวกลับถูกเข่นฆ่าล้างตระกูล!!!

จำนวนตอน :

ตอนที่ 9 สหายธรรมในโลกหล้า

  • 23/05/2564

 

ณ โรงรับจำนำเป่าไฉ แคว้นฝู

 

กิจการโอ่อ่าที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบนทำเลที่มีการสัญจรพลุกพล่านสองฟากฝั่งคลาคล่ำไปด้วยร้านรวงและแผงสินค้าหลากหลาย

 

บนถนนท่ามกลางบรรยากาศจ้อกแจ้กจอแจ ปรากฏร่างบุรุษสูงล้ำสำอางในชุดขาว เดินเคียงคู่มากับสตรีชุดเขียวทั้งคู่ต่างมีสีหน้าเคร่งขรึม ทั้งสองเดินมาหยุดหน้าโรงรับจำนำก่อนหันมาส่งสายตากันอย่างรู้ความนัยก่อนเดินหายวับเข้าไป

 

“ท่านจอมยุทธ์ทั้งสองต้องการจำนำสิ่งใดหรือขอรับ?” หนุ่มลูกจ้างรีบเดินกุลีกุจอเข้ามาต้อนรับลูกค้าหน้าใหม่ ดูจากลักษณะท่าทางการแต่งตัวเขาคาดเดาได้ในทันทีว่าเป็นคนต่างถิ่น

 

“พวกเรามิได้ต้องการจำนำสิ่งใด ทว่าตั้งใจมาพบสหายธรรมในโลกหล้า” หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

 

หนุ่มน้อยชะงักกึกก่อนอัดลมหายใจเข้าปอดอย่างแรง นานแล้วที่มิเคยได้ยินผู้ใดเรียกขานชื่อนี้ แม้นฉากหน้าคือโรงรับจำนำใหญ่โต แต่แท้จริงกลับเป็นตลาดซื้อขายข่าวสารชั้นดีที่แตกกิ่งก้านสาขาแทรกซึมอยู่ทั่วทุกแคว้น มีผู้คนในยุทธภพเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้จักรหัสลับนี้

 

“เชิญท่านทั้งสองเข้าไปสนทนายังห้องด้านหลังก่อนเถิดขอรับ” หนุ่มน้อยผายมือเชื้อเชิญแล้วเดินนำเข้าไปด้านในอย่างคล่องแคล่ว พื้นที่ภายในค่อนข้างกว้างขวางเรียงรายแปลกตาด้วยต้นเผินใจ [1] อันมีรูปลักษณ์โดดเด่นสวยงามแตกต่างกันไป

 

เนื่องจากแคว้นฝูมีลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นธารน้ำแข็ง ขาดแคลนทรัพยากรดิน การปลูกต้นเผินใจจึงได้รับความนิยมอย่างมากถึงกับมีการยกย่องว่าเป็นศิลปะชั้นสูงแขนงหนึ่ง

 

ห่างไกลออกไปพบเรือนไม้หลังเล็กสีเขียวรายล้อมไปด้วยหมู่ไม้แสนร่มรื่น บริเวณด้านหน้าประดับด้วยภูเขาหินจำลองตกแต่งงดงามเป็นธรรมชาติ ทั้งคู่ได้รับการเชื้อเชิญให้เข้าไปนั่งรอในห้องรับแขกทางปีกซ้าย

 

“ท่านชวี่!” เถ้าแก่หวงเลิกคิ้วขึ้นส่งเสียงทักทายอย่างประหลาดใจ เมื่อได้พบสหายเก่าผู้คุ้นเคย

 

“ท่านเดินทางมาไกลถึงนี่ คงเป็นธุระสำคัญยิ่ง” ชายสูงวัยเอ่ยปากหลังจากหย่อนตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับแขกผู้มาเยือน ชายหนุ่มผู้นี้รักสันโดษยิ่ง ปกติมักเก็บตัวลึกลับมิใคร่ให้ใครพบเห็นโดยง่าย แม้นเขากับชวี่หลงจะรู้จักกันมานานแต่ก็พบปะกันนับครั้งได้

 

“ข้าต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับหยกชิ้นนี้ วานท่านหวงช่วยตรวจสอบ” ชวี่หลงวางหยกชิ้นหนึ่งลงบนโต๊ะอย่างนุ่มนวล

 

หยกสีฟ้าครามงามกระจ่างสดใส ผิวเนื้อเรียบเนียนละเอียดเปล่งประกายสวยงาม บนชิ้นหยกนั้นปรากฏรูปมังกรหกหัวเหยียบย่างอยู่บนเมฆาสลักเสลาด้วยความประณีตงดงาม

 

“อ๊ะ! หยกชิ้นนี้” ไม่พูดเปล่าหวงโต้วรีบหยิบขึ้นมาพิจารณาอย่างรวดเร็ว

 

“คุ้นตาข้าเหลือเกิน ทว่านึกไม่ออกเห็นทีคงต้องขอนำหยกชิ้นนี้ไปตรวจสอบเชื่อว่าคงจะได้รับข่าวดีในไม่ช้า ระหว่างนี้พวกท่านโปรดพักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อนเถิด” เถ้าแก่ใหญ่เอ่ยด้วยมิตรไมตรี

 

“ขอบคุณท่านมาก” ชายหนุ่มตอบรับอย่างนุ่มนวล

 

“ท่านพี่เรียกหาข้าไม่ทราบมีเรื่องด่วนอันใดรึ?” หลังจากลงรถม้าเขาพบว่ามีบ่าวไพร่ยืนรออยู่ที่หน้าประตูด้วยทีท่ากระวนกระวายใจ ครั้นทราบความจึงรีบรุดมา

 

“เจ้าช่วยดูหยกชิ้นนี้ให้ข้าที” พี่ชายรีบนำหยกออกมาวางตรงหน้าหลังจากทั้งคู่นั่งลงแล้ว แม้ว่าเขาจะนึกออกในภายหลังแต่ก็ยังไม่มั่นใจด้วยเคยเห็นหยกชิ้นนี้ผ่านสายตาแค่เพียงครั้งเดียว

 

“หยกชิ้นนี้เป็นของท่านหกแบบมิต้องสงสัย ท่านพี่ได้มาจากที่ใด?” ชายหนุ่มเรือนร่างกำยำถือหยกในมือด้วยสีหน้ายินดีแววตามีน้ำใสคลอเบ้าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น

 

“สหายยุทธภพผู้หนึ่ง!”

 

“ข้าขอตัวไปรายงานต่อท่านหกก่อน แล้วจะรีบติดตามท่านไปพบเขาโดยเร็ว” สิ้นคำชายหนุ่มเรือนร่างกำยำสูงใหญ่ก็รีบผลุนผลันจากไปในทันที

 

สองวันถัดมาหวงโต้วกลับมาที่โรงรับจำนำเป่าไฉพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ล้วนเป็นชายรูปร่างกำยำล่ำสัน แม้นพยายามแต่งกายอำพราง ทว่ามิพ้นสายตาเฉียบคมขององครักษ์ทั้งสองไปได้

 

“แขกทั้งสองนี้คือ ท่านชวี่หลงและแม่นางถงทู่ผู้นำหยกมาพบข้า ส่วนนี่เป็นญาติผู้น้องข้านาม หวงเหวิน” เถ้าแก่แนะนำญาติต่อสหายให้รู้จักกัน

 

“ไม่ทราบว่าท่านได้หยกชิ้นนี้มาจากผู้ใด เดิมทีเจ้าของหยกชิ้นนี้คือท่านหกผู้เป็นนายข้า” เมื่อคนทั้งสี่นั่งลงสนทนา หวงเหวินเปิดฉากไต่ถามโดยทันทีเพราะท่านหกทั้งตื่นเต้นยินดีและร้อนใจมาก

 

“แล้วท่านหกได้ทำลูกเมียตกหล่นไว้ที่ใดบ้างเล่า” สตรีชุดเขียวเอ่ยปากแบบตรงประเด็นมิจำเป็นต้องอ้อมค้อมอีกต่อไป

 

“เป็นเช่นนั้นพวกเราตามหาพวกเขามานานแล้ว ขอท่านทั้งสองโปรดรีบนำทางข้าไปพบเถิด” หลายปีแล้วที่เขาพยายามตามหาเบาะแสจนแทบพลิกแผ่นดิน ครั้นรู้แล้วว่าผู้ที่ตามหายังมีชีวิตอยู่ย่อมไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป

 

“แล้วท่านมีหลักฐานใดเป็นเครื่องยืนยันสถานะของท่านหกหรือไม่ ข้าต้องการมั่นใจว่าจะไม่ผิดฝาผิดตัวตรวจสอบความจริงได้เมื่อไหร่ค่อยพาพวกเจ้าไปพบ” ชวี่หลงเอ่ยขึ้นอย่างรอบคอบทีท่าเคร่งขรึม

 

 

ศาลาแปดทิศ หุบเขาติงซาน

 

“ข้าน้อย หวงเหวิน คำนับนายหญิงขอรับ”เขามาพบจ้าวซินผิงเป็นการส่วนตัวแต่เพียงผู้เดียว

 

“ท่านหกของเจ้ามีแผนรับตัวพวกเขากลับไปในฐานะอันใด” สตรีชุดดำเปิดฉากถามแบบตรงไปตรงมา

 

“นายท่านข้ามัวแต่ดีใจจึงยังมิได้แจ้งในจุดนี้ขอรับ” ความคลุมเครือทำให้เขาเองก็พูดได้ไม่เต็มปาก

 

“บอกนายของเจ้าให้คำตอบแน่ชัดแก่ข้าได้เมื่อใดค่อยพาพวกเขากลับไป” นางตอบกลับเสียงเย็นด้วยใบหน้าเฉยชา

 

“นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัว ผู้อื่นเช่นท่านมิควรไร้มารยาทเข้าแทรกแซง!” ชายหนุ่มขึ้นเสียงอย่างร้อนใจเพราะรับรู้ถึงความทุกข์ของผู้เป็นนายมาตลอดจึงอยากทำงานให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว

 

 ทันใดนั้นรังสีฆ่าฟันอันเข้มข้นได้แผ่ซ่านเข้ากดดันชายตรงหน้ามหาศาล ศัสตราวุธถูกเรียกเข้ามาในมืออย่างรวดเร็วเพียงสะบัดปลายกระบี่เล็กน้อย พลันบังเกิดเสียงดังกึกก้องกัมปนาทหลายระลอก

 

“ด้วยวรยุทธ์ของข้าพอจะกุดหัวฝูตงเจ๋อได้รึไม่ ฮึ! แม่ทัพเหวิน!” นางตวัดสายตาดุดันคุกคามถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงแหบต่ำ

 

หวงเหวินได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง แม้เขากรำศึกอยู่ในสนามรบมานานหลายปี ทว่าวรยุทธ์พิสดารสูงส่งพลิกแพลงลึกล้ำเช่นนี้นับว่าพบเห็นได้ยากยิ่งทำให้เขามิอาจดูเบาสตรีผู้นี้ได้

 

“ข้าต้องการคำตอบอันแน่ชัด และข้ามิสนกฎเกณฑ์ใด เพราะคำพูดที่ออกจากปากข้าก็คือกฎ หากมู่ปิงอวี้มิได้รับตำแหน่งที่เหมาะสมจงอย่าหวังจะได้พวกนางกลับคืน ต้าหนิวส่งแขก!” หญิงสาวกระแทกเสียงอย่างเย็นชาแล้วเดินหันหลังกลับเข้าไปในเรือนด้วยท่าทีองอาจ

 

“ท่านเป็นเช่นใดบ้าง?” ชิงเสอรีบเข้ามาปรนนิบัติเมื่อเห็นโลหิตทะลักออกจากปากของสตรีชุดดำ ยิ่งนับวันสุขภาพของนางยิ่งแย่ลง เมื่อใช้พลังคราใดมักเกิดผลข้างเคียงเสมอและดูเหมือนอาการจะกำเริบหนักขึ้นเรื่อย ๆ

 

เดิมทีจ้าวซินผิงทราบเพียงบิดาของมู่ปิงอวิ๋นเป็นพ่อค้าใหญ่ในแคว้นฝูมีภารกิจรัดตัวต้องเดินทางค้าขายต่างแคว้นอยู่เสมอ ครั้นสืบลึกเข้าไปกลับพบว่าเรื่องราวมีความซับซ้อนยิ่งกว่านั้น

 

มู่ปิงอวี้เองมิรู้สถานะแท้จริงของนายท่านหก ทำให้จ้าวซินผิงรู้สึกเป็นกังวล ด้วยสถานะหัวเดียวกระเทียมลีบไร้ญาติขาดมิตรหนุนหลัง หากไร้ตำแหน่งอันเหมาะสมแล้วเห็นทีชีวิตไม่พ้นเดินเข้ากองไฟครั้งใหญ่ สุดท้ายแล้วคงมิวายถูกเพลิงเผาไหม้ให้ตกตายอเนจอนาถ

 

จ้าวซินผิงจำต้องเลือกเดินหมากก่อน เพราะถึงอย่างไร มู่ปิงอวี้ ก็คือฮูหยินคนแรกของท่านหก พวกเขาเข้าหอกันตั้งแต่ท่านหกยังเป็นเพียงองค์ชายเสเพล นางแค่ทวงความชอบธรรมแก่สหายเท่านั้น

 

 

หลายวันต่อมา…..

 

หวงเหวินเดินทางกลับมาพร้อมกองทหารเกียรติยศ อัญเชิญพระราชโองการประกาศแต่งตั้ง มู่ปิงอวี้ ขึ้นเป็นหวงกุ้ยเฟย มู่ปิงอวิ๋นเป็นองค์ชายสาม และมู่ปิงเหยาเป็นองค์หญิงเจ็ด ทำให้หวงกุ้ยเฟยคนใหม่ถึงกับเป็นลม เพราะไม่เคยทราบมาก่อนว่าสามีของตนเองคือฮ่องเต้แคว้นฝู สร้างความโกลาหลภายในจวนยกใหญ่

 

ปัจจุบันแคว้นฝูมีสตรีแซ่อ้ายดำรงตำแหน่งฮองเฮา บิดาของนางเป็นถึงมหาเสนาบดีแห่งแคว้นกุมอำนาจทางทหารในมือไม่น้อย เมื่อมู่ปิงอวี้ฟื้นคืนสติ จ้าวซินผิงจำต้องย้ำเตือนและบอกเล่าสถานการณ์ให้รับรู้

 

“รู้ใช่หรือไม่ นับแต่นี้เส้นทางทุกย่างก้าวของเจ้าจะเต็มไปด้วยขวากหนามมิอาจราบเรียบได้อีกต่อไป” 

 

“เจ้าค่ะ ข้าพึ่งเข้าใจเหตุใดพวกเราสามคนแม่ลูกจึงต้องหนีตายหัวซุกหัวซุนถูกตามฆ่ามาโดยตลอด” แม้นางจะซื่อทว่ามิถึงกับโง่งม

 

“เวลานี้สุดหนทางแล้ว มีแต่ต้องหันหลังกลับมาสู้ ชีวิตของเจ้าและลูกจึงจะอยู่รอดปลอดภัย”

 

หญิงงามพยักหน้าคล้อยตาม ตัวนางเองก็มิต้องการถูกผู้อื่นไล่ล่าไปตลอดชีวิต ลำพังตัวนางเองย่อมไม่กลัวตายแต่ลูกทั้งสองนั้นเล่าพวกเขายังเป็นเด็กมิควรต้องมารับเคราะห์กรรมจากการแก่งแย่ง ในเมื่อหนีก็ตาย สู้ก็ตาย เช่นนั้นมิสู้หันมารบพุ่งให้มันแหลกลาญกันไปสักตั้งอย่างน้อยก็ยังมีโอกาสรอดสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้

 

“ข้าจะกลับไปทำในสิ่งที่ข้าต้องทำ!” น้ำเสียงของมู่ปิงอวี้เด็ดเดี่ยวแววตาแข็งกร้าว

 

“ดีมาก! ทรัพย์สินนี้พวกเจ้าจงนำติดตัวไป  อย่าได้ปฏิเสธความหวังดีจากข้า ชวี่หลงกับทงถู่จะติดตามไปคอยดูแลช่วยเหลือพวกเจ้าให้ลุกขึ้นยืนได้อย่างแข็งแกร่งและสง่างาม กลับไปเตรียมตัวออกเดินทางเถิด” สตรีชุดดำมอบถุงเฉียนคุนแก่สหายใบหนึ่งบนถุงปักชื่อ ‘มู่ปิงอวี้’

 

 

สามวันถัดมา…..

 

“พี่หญิงโปรดรับสิ่งนี้ไว้รำลึกถึงข้าเถิด ไม่รู้อีกนานเท่าใดจึงจะมีโอกาสได้พบกันอีกครั้ง” มู่ปิงอวี้มอบปิ่นเงินบุษราคัมเขียวแก่กัลยาณมิตรที่ดีที่สุดในชีวิตของนาง

 

“ได้! ข้าจะรับไว้เพราะคงคิดถึงพวกเจ้าไม่น้อย ข้าขอส่งเจ้าตรงนี้” จ้าวซินผิงยิ้มรับอบอุ่นจนหญิงงามน้ำตาคลอวิ่งเข้าไปกอดอย่างอาวรณ์ 

 

“มู่ปิงอวี้มิใช่สตรีโดดเดี่ยว นางมีสำนักเงาราตรีและตระกูลหานหนุนหลัง คนฉลาดเช่นเจ้าย่อมรู้ดีว่าควรเป็นมิตรหรือเป็นปรปักษ์กับผู้ใด เข้าใจคำข้าใช่หรือไม่แม่ทัพเหวิน?”

 

“ขอรับท่านซินผิง” แม่ทัพรับคำด้วยท่าทีสำรวมกว่าเดิม ครั้งก่อนเขาพูดด้วยอารมณ์มิได้ยั้งคิด บัดนี้เมื่อรู้สถานะแท้จริงก็มิกล้าต่อกรด้วยอีกต่อไป

 

สำนักเงาราตรีเปรียบเสมือนเงามืดในยุทธภพเป็นศูนย์รวมบุคคลแปลกประหลาดวรยุทธ์สูงล้ำ โดยเฉพาะองครักษ์สิบสองนักษัตรอัจฉริยะผู้ช่ำชองในปราณทั้งสองสายด้วยยุทธวิธีการต่อสู้สุดแสนพิสดารทำให้ไม่มีใครสามารถประเมินขุมกำลังอำนาจแท้จริงได้ว่ามีอยู่เท่าใด รู้แต่เพียงนักรบเงาราตรีผู้หนึ่งสามารถต่อกรกับเหล่าทหารได้นับร้อยนับพัน

 

“ท่านแม่ทัพหาน หานฮูหยิน ข้ากับลูกขอขอบคุณในความเมตตาของทุกคนที่นี่เจ้าค่ะ” หญิงสาวและบุตรทั้งสองต่างประสานมือคารวะอย่างซาบซึ้งใจ

 

“พวกเราคงคิดถึงเจ้ามาก” สตรีสูงศักดิ์พูดจากใจพวกนางนับว่าเป็นสหายสนิทกันแล้ว

 

“เป็นพระกรุณายิ่งเพคะองค์หญิง เมื่อถึงที่หมายอย่างปลอดภัยหม่อมฉันจะรีบส่งข่าวกลับมา”

 

“เรียกข้าว่าพี่หญิงเถิด บัดนี้เจ้ามิใช่บุคคลธรรมดาสามัญแล้ว สถานะของเจ้านั้นสูงส่งยิ่งกว่าข้าเสียอีก”

 

“สำหรับตระกูลหานข้าคือมู่ปิงอวี้ตลอดไป ขอให้พวกท่านเมตตาเอ็นดูข้าและลูกดังเดิมเถิด หากพี่หลี่ฮวาและพี่หลี่หลันคลอดบุตรเมื่อใด โปรดส่งข่าวให้ข้าได้ร่วมแสดงความยินดีกับพวกท่านด้วย” นางเอ่ยขึ้นจากใจจริงทั้งยังกล่าวถึงผู้ที่มิได้มาส่งเนื่องจากกำลังท้องแก่ใกล้คลอด

 

“ย่อมได้! ขอให้พวกเจ้าเดินทางปลอดภัย” หญิงชรากล่าวอย่างใจดีใบหน้าเปื้อนยิ้มน้ำตาคลอหน่วย แม้นนางจะรู้สึกอาลัยรักด้วยเอ็นดูดุจดั่งลูกหลานแต่นางย่อมยินดีเมื่อพวกเขาได้พบกับความเจริญก้าวหน้า

 

“รถม้ามารอแล้วเจ้าค่ะ” ถงทู่เดินเข้ามารายงาน

 

ผู้คนพากันเดินออกมาส่งหน้าจวน เด็ก ๆ ต่างโอบกอดร่ำลากัน แม้นเป็นช่วงระยะเวลาไม่นานทว่าความผูกพันกลับมีไม่น้อย

 

รถม้าอันใหญ่โตหรูหราตกแต่งประดับประดาอย่างสมเกียรติค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกเดินทางพร้อมกับเหล่าทหารองครักษ์บนหลังม้า คนบนรถชะโงกหน้าโบกมือลาจนสุดโค้งถนน

 

ทุกคนล้วนมีโชคชะตาเป็นของตนเอง

 

 

 

---------------

ต้นเผินใจ [1]  : ต้นไม้โบราณย่อส่วนโดยปราศจากทิวทัศน์ ถูกพัฒนามาจากการปลูกไม้ในกระถางของคนจีนโบราณ หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ ‘บอนไซ’ หรือ ‘ไม้แคระ’

 

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป