Your Wishlist

กำเนิดใหม่หัวใจดวงเดิม 改头换面 (ตอนที่ 10 ผู้มาเยือน)

Author: 涵爱娟 ❀ หานอ้ายจวน

ชาตินี้นางคือหญิงงามผู้มีชะตาอาภัพ เกิดมาไร้ตัวตนเป็นเพียงเครื่องจักรสังหาร ครั้นได้รู้ชาติกำเนิดที่แท้จริง ครอบครัวกลับถูกเข่นฆ่าล้างตระกูล!!!

จำนวนตอน :

ตอนที่ 10 ผู้มาเยือน

  • 23/05/2564

 

พี่หญิงรีบออกมาดูเถิด เป็นผู้ใดมาหาท่าน!

 

เสียงตะโกนตื่นเต้นดีใจของหานหลี่เจียงดังขึ้นทั่วบริเวณจนทุกคนในเรือนต้องโผล่หน้าออกมา

 

ชั่วครู่…สตรีชุดดำจึงปรากฏกายด้วยทีท่าสบาย ๆ บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มมุ่งตรงไปหาแขกผู้มาเยือน เพียงเห็นแผ่นหลังอันคุ้นเคยนางจำได้ในทันที ชิงเสอกำลังยกขนมรินชา ส่วนต้าหนิวและหานหลี่เจียงญาติผู้น้องนั่งประกบซ้ายขวาสนทนากับชายสูงวัยอย่างออกรสในบรรยากาศที่เป็นกันเอง

 

“ให้ข้ารอเสียนานเชียวตาเฒ่า!” เกือบครึ่งปีแล้วที่นางและสหายมิได้พบปะกัน

 

“พอรู้ว่าผู้มาเยือนคือใคร ข้าแทบเหาะออกจากโรงหลอมไปยังโถงไห่ถังเลยขอรับท่านพี่”

 

คำพูดซื่อ ๆ บอกเล่าอย่างจริงใจช่วยสร้างรอยยิ้มแก่คนทั้งโต๊ะ แม้แต่หลิวเย่ยังรู้สึกถูกชะตาบุรุษผู้นี้มีจิตใจที่บริสุทธิ์ยิ่ง

 

“น้องชายข้าผู้นี้เป็นผู้หลงใหลในศัสตราวุธ หากเจ้ามิติดธุระอันใดมาพักอยู่จวนตระกูลหานนาน ๆ ได้หรือไม่?”

 

เมื่อได้ยินประโยคนี้ดวงตาของชายหนุ่มพลันเบิกกว้างเปล่งประกายเปี่ยมด้วยความหวังเขารีบพยักหน้าสนับสนุนคำพูดพี่สาวรัวๆ

 

“ข้าจะช่วยพี่หญิงดูแลท่านเองหากท่านผู้อาวุโสมิรังเกียจ” เขาอาสาด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น

 

“งั้นข้าก็ไม่ขอปฏิเสธไมตรี กำลังเบื่อทะเลทรายอยู่พอดีเปลี่ยนทิวทัศน์บ้างคงมิเลว” ผู้เฒ่าหลิวตอบรับลูบเคราอย่างยินดี  

 

“ว่าง ๆ เจ้าก็ไปเลือกทำเลเอาเถิด หากต้องการสิ่งใดจงบอกกล่าวแก่ต้าหนิวเขาจะรับผิดชอบดูแลสร้างเรือนของเจ้าให้แล้วเสร็จ”

 

“ข้าอาศัยอยู่ได้ตลอดไปเลยรึ?” หลิวเย่เลิกคิ้วถามด้วยความประหลาดใจ

 

“หากเจ้าต้องการก็ย่อมได้ แต่ถ้ามิต้องการ ข้าย่อมไม่รั้งเจ้าเอาไว้ สหายคนเดียวข้าเลี้ยงได้คงมิสิ้นเปลืองเหล้าสักเท่าใด”

 

“เจ้าช่างรู้ใจข้ายิ่งนัก ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า-!” เขาตบโต๊ะหัวเราะเสียงดังอย่างถูกใจ

 

“ชิงเสอไปแจ้งท่านน้าที ว่าหลิวเย่จะมาพักอยู่กับข้า”

 

“เจ้าค่ะนายหญิง” หญิงงามกระพริบกายหายวับไปในทันที

 

“ระหว่างนี้เชิญอาจารย์หลิวไปพักเรือนข้าก่อนเถิดขอรับ ข้าจะรีบกลับไปเตรียมห้องหับประเดี๋ยวนี้” มิเปิดโอกาสให้ผู้เฒ่าหลิวปฏิเสธ ชายหนุ่มรีบโค้งคำนับก่อนก้าวถอยหลังจากไปอย่างรวดเร็ว

 

“ต้าหนิวไปพาหลานทั้งสองของข้ามา ข้าจะให้พวกเขานอนค้างที่นี่ บอกจุ้นโก่วและเหม่ยจีให้ตระเตรียมมื้อใหญ่เชิญทุกคนในจวนมาร่วมสังสรรค์ คืนนี้พวกเราจะนั่งดื่มกินกันให้สาแก่ใจ”

 

“ขอรับนายหญิง” สิ้นคำเงาดำก็เลือนหายไป

 

“ตามข้าไปห้องหนังสือเถิดตาเฒ่า” สตรีชุดดำพยักพเยิดแล้วเดินนำสหายออกไป

 

“ความเป็นอยู่เรียบง่ายสมกับเป็นเจ้า” ชายชราเอ่ยชมหลังจากเห็นการตกแต่งและบรรยากาศโดยรอบ

 

“ชีวิตคนเราแค่กินอิ่มนอนหลับก็เพียงพอแล้วจะไปยึดติดสิ่งใดมากมาย ความหรูหรารังแต่จะทำให้ชีวิตไร้ความสุข ว่าแต่เจ้าเถิดมีสิ่งใดแปลกใหม่มาอวดข้าเล่า…..”

 

หลิวเย่ทยอยหยิบสิ่งประดิษฐ์ใหม่ออกมาค่อย ๆ วางเรียงรายลงบนโต๊ะ มีทั้ง เกราะ โล่ และร่มสีดำคันใหญ่ลวดลายดูแปลกตา

 

“ศัสตราวุธโจมตีเจ้ามีมากแล้ว แต่ยังขาดยุทธภัณฑ์บางอย่าง ข้าจึงคิดค้นเสื้อเกราะอ่อนพฤกษา เกราะเมฆา โล่ดารา และร่มสุริยันจันทราออกมา”

 

จากนั้นชายชราก็เริ่มอธิบายคุณสมบัติและวิธีการใช้งานของเครื่องป้องกันทุกรูปแบบ สตรีชุดดำยืนฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

 

“เจ้ามิเคยทำให้ข้าผิดหวัง” จ้าวซินผิงยิ้มออกมาน้อย ๆ เมื่อสหายพูดจบ นางรวมรวบอาวุธยุทธภัณฑ์เก็บไว้ในวงแหวนเฮยต้ง

 

“นายหญิงเจ้าคะ มื้อเย็นจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว พวกเรารอพวกท่านอยู่ที่ศาลาเจ้าค่ะ” เหม่ยจีโผล่หน้าเข้ามารายงานเสียงใส

 

ราตรีนี้เรือนจู๋จื่อค่อนข้างคึกคัก ผู้คนในตระกูลทยอยมากันเกือบครบ จนต้องแบ่งที่นั่งออกเป็นสามกลุ่ม บุรุษ สตรี และเด็ก มีบ่าวไพร่มาคอยรับใช้ ทุกคนต่างพูดคุยหยอกล้อเสริมสร้างบรรยากาศงานเลี้ยงให้ครื้นเครง

 

 หลังจากที่เข้ามาอยู่ในจวนหลิวเย่สามารถปรับตัวเข้ากับทุกคนได้ดี ในช่วงแรกเขาและหานหลี่เจียงมักขลุกอยู่ในโรงหลอมศัสตรา บอกเล่าเรื่องราวแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการสร้างอาวุธ

 

จวบจนเรือนมู่กงสร้างเสร็จ ผู้คนในจวนจึงพากันแวะเวียนมาเสมอ เพราะความใจดีมีเมตตา นิสัยร่าเริงสนุกสนานทำให้หลิวเย่เป็นที่ชื่นชอบไม่น้อย

 

“ท่านตาหลิวขอรับ เกมเก้าห่วงที่ท่านทำให้พี่เสียนมันยอดเยี่ยมมาก ข้าอยากได้บ้างสักชิ้น” นิ้วมือเล็กอวบอ้วนค่อย ๆ บรรจงบีบนวดชายชราอย่างประจบประแจง

 

“เจ้ายังเล็กนัก เกมเก้าห่วงนั้นยากเกินไป ข้าสร้างม้าไม้ให้เจ้าแทนดีหรือไม่?” ชายชรากล่าวอย่างเอ็นดู

 

“ไชโย! ขอบคุณมากขอรับท่านตา” ร่างอ้วนกลมของลี่เซียวน้อยกระโดดโลดเต้นไปรอบห้องด้วยความดีใจ

 

บรรยากาศภายในเรือนมู่กงมักเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเจี๊ยวจ๊าวเพราะที่นี่เต็มไปด้วยของเล่นและสิ่งประดิษฐ์แปลกใหม่ให้เหล่าหนูน้อยได้เปิดหูเปิดตาอยู่เสมอ

 

“แย่แล้วขอรับ! นายหญิงหลันเกิดเรื่องแล้วขอรับ!”  น้ำเสียงตื่นตระหนกของจุ้นโก่วดังลั่นทั่วหุบเขาแต่เช้า

 

“เกิดสิ่งใดขึ้น!” ชิงเสอโผล่หน้าออกมาเป็นคนแรก ในมือถืออ่างล้างหน้ากำลังตระเตรียมนำเข้าไปวางในห้องของจ้าวซินผิง

 

“จู่ ๆ นายหญิงหลันก็ล้มลงจนบัดนี้ยังสลบไสลไม่ฟื้นเลยขอรับ” หนุ่มน้อยเล่าความอย่างร้อนรนอุบัติเหตุในจวนครั้งนี้เป็นถึงหนึ่งคนสองชีวิต

 

“ชิงเสอ เจ้ารีบตามมา!” สิ้นคำสตรีชุดดำกระพริบหายไปราวกับสายลม

 

 “หลันเอ๋อร์เป็นเช่นไรบ้างท่านน้า” จ้าวซินผิงไถ่ถามอาการอย่างรวดเร็ว

 

“เมื่อเช้านางเข้าไปเก็บสมุนไพรที่เรือนฮุ่ยหลัน จู่ ๆ ก็ล้มลงพวกบ่าวไพร่พากันตกอกตกใจรีบวิ่งมาตามคน แต่กว่าพวกเราจะไปถึงนางก็หมดสติแล้ว หลุนซีบอกว่าชีพจรนางเต้นอ่อนมากเกรงว่าคืนนี้จะไม่รอด” สีหน้าสตรีอาวุโสดูย่ำแย่เหมือนดังกับว่าหากมีใครสักคนไปสะกิดทำนบน้ำตาก็พร้อมจะพังทลายลงมาทันที

       

ระหว่างที่ท่านน้าเล่ารายละเอียด สตรีชุดดำเริ่มสำรวจตามเนื้อตัวของน้องสาวอย่างรวดเร็ว ม่านตาไร้การตอบสนอง ตาขาวกลายเป็นสีม่วง ริมฝีปากดำคล้ำ ชีพจรเต้นแผ่วเบา นางสัมผัสได้ถึงความพยายามต่อสู้เพื่อให้มีชีวิตรอดของทารกในครรภ์ถึงแม้กำลังจะหมดแรง นอกจากนี้ยังพบรอยเขี้ยวเล็ก ๆ บริเวณข้อเท้าซ้ายจ้าวซินผิงรู้ในทันทีว่าคือพิษใด

 

“หลันเอ๋อร์ถูกพิษงู พวกท่านออกไปก่อน ข้าจะรีบลงมือรักษานาง ชิงเสอ เจ้าไปเรือนสมุนไพรกับเหล่าองครักษ์ตามจับตรีโฆรวิส กลับมาให้ได้”

 

ในจวนแห่งนี้นอกจากหานหลี่หลันบุตรสาวคนเล็ก ก็มีเพียงจ้าวซินผิงที่มีวิชาแพทย์สูงส่ง ชีวิตของลูกหลานคงต้องฝากความหวังไว้ที่นางแล้ว ฮูหยินเฒ่าพยายามควบคุมอารมณ์และเดินออกไปนั่งรอนอกห้องร่วมกับทุกคนอย่างสงบ  ยามนี้หัวหน้าสกุลและหานหลี่เหลียงถูกเรียกตัวเข้าวังไปเมื่อหลายวันก่อน นางจึงต้องพยายามใช้สติเผชิญปัญหาอย่างใจเย็น

 

จ้าวซินผิงรีบป้อนยาร้อยบุปผาโดยใช้เหล้าเทียนถางเป็นกระสายยา และฝังเข็มหยกพิสุทธิ์ตามจุดสำคัญเพื่อขับพิษในร่างกาย

 

สิ้นแสงตะวัน ชิงเสอ โผล่หน้ามาพร้อมกับงูพิษสามสีตัวเล็กจ้อยถูกบรรจุอยู่ในขวดใส แม้ขนาดตัวน้อยนิดแต่เปี่ยมด้วยพิษร้ายกาจ อสรพิษชนิดนี้โปรดปรานสมุนไพรภูติที่สุด เคราะห์ดีที่สามารถขจัดพิษได้ทันท่วงที ทว่าทารกน้อยในครรภ์กลับต้องใช้พลังปราณเข้าช่วยเหลือ

 

“ชิงเอ๋อร์ ช่วยข้าประคองนาง ข้าจำเป็นต้องถ่ายทอดพลังวัตรช่วยชีวิตเด็กในท้อง”

 

“ไม่ได้นะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นท่าน!” พูดปรามได้แค่นั้นจ้าวซินผิงก็ยกมือขึ้นห้าม ชิงเสอรู้ได้ในทันทีว่านายหญิงของนางได้ตัดสินใจแล้ว

 

“ไหน ๆ ชีวิตข้าก็ใกล้ดับสูญ หากสามารถต่อชีวิตแก่หลานในครรภ์ได้ก็ไม่นับว่าเกิดมาเสียเปล่าแล้ว…..” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว

 

พลังวัตรสีทองถูกถ่ายทอดเข้าสู่ร่างของหานหลี่หลันอย่างเป็นจังหวะ โดยมีสาวงามคอยซับเหงื่อและเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดตลอดทั้งคืน     

 

เสียงไก่ขันบ่งบอกเวลาเช้าวันใหม่ บัดนี้สตรีที่นอนอยู่บนเตียงร่างกายเริ่มฟื้นตัว ริมฝีปากและใบหน้าปรากฏเลือดฝาด เด็กในครรภ์กลับมาเคลื่อนไหวอย่างเป็นปกติอีกครั้ง

 

เมื่อเปิดประตูก้าวออกไป ภาพที่เห็นคือสีหน้าอันทุกข์ทรมานใจของคนในสกุล โดยเฉพาะผู้เป็นสามีที่เดินไปเดินมาทั้งคืนไม่ได้หยุด ขอบตาดำคล้ำใบหน้าอิดโรยสะท้อนถึงสภาวะวิตกกังวลและความทุกข์อันหนักหน่วง

 

“หลันเอ๋อร์ปลอดภัยแล้ว ไปต้มยาบำรุงตามนี้เถิด” หญิงสาวยื่นเทียบยาให้  หญิงรับใช้ผู้หนึ่งรีบก้าวมารับไว้แล้วย่อกายจากไปในทันที

 

“ขอบคุณมากขอรับพี่หญิง ข้าจะมิลืมพระคุณท่านเลย” ชายหนุ่มคำนับด้วยความดีใจแล้วรีบก้าวเท้าเข้าไปดูอาการลูกเมียในห้อง

 

“ขอบใจมากนะ ผิงเอ๋อร์” สตรีอาวุโสเดินเข้ามาจับมือนางอย่างดีใจพลางหยิบผ้าซับน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้ม

 

“เป็นหน้าที่ข้าอยู่แล้วท่านน้า ท่านควรรีบกลับไปพักผ่อนอย่าให้ต้องเสียสุขภาพเลย”

 

“จริงของเจ้า ข้าจะรีบกลับไปจุดธูปไหว้ขอบคุณบรรพบุรุษที่ช่วยปกป้องคุ้มครองลูกหลานให้ปลอดภัย สะใภ้รองประคองข้าออกไปที” หานซูหลินรีบก้าวเท้าเข้ามาประคองแม่สามีตามคำสั่ง

 

ครั้นสตรีสองนางกลับถึงเรือนจู๋จื่อ จ้าวซินผิงก็กระอักเลือดหลายครั้งแล้วล้มลงสลบแน่นิ่งไป

 

ในความฝันนั้น สตรีผู้หนึ่งซึ่งมีรูปลักษณ์เหมือนกันกับนางมิมีผิดเพี้ยนลอยคว้างอยู่กลางอากาศ หลังจากต่อว่าต่อขานบุรุษตรงหน้าด้วยความเจ็บแค้นหญิงสาวก็ควักหัวใจตนเองออกมา ขณะร่างของนางกำลังค่อย ๆ สิ้นสลายถ้อยคำสุดท้ายที่เปล่งออกมาพร้อมกับหยาดน้ำตาหลั่งริน…..

 

“เกิดชาติหน้าข้าจะไม่รักเจ้าอีก!”

 

คำพูดนั้นดังกึกก้องวนเวียนอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมาจนทำให้นางตกใจจนสะดุ้งตื่น!

 

“ครานี้ข้าหลับไปกี่วัน” สตรีชุดดำเอ่ยปากถามคนสนิท

 

“สามวันสามคืนเจ้าค่ะ นายหญิงหิวหรือไม่เจ้าคะ ข้าจะไปต้มโจ๊กร้อน ๆ ให้ท่านทาน” นางรีบเดินออกไปเมื่อเห็นจ้าวซินผิงพยักหน้า

 

ช่วงนี้สตรีชุดดำมักฝันประหลาด ฝันเช่นเดิมซ้ำ ๆ บ่อยครั้งอย่างน่าแปลกใจ หญิงสาวผู้นั้นคือใครกันนะ และมีความเกี่ยวข้องอันใดกับนาง?

 

“หลันเอ๋อร์เป็นเช่นไรบ้าง?” จ้าวซินผิงถามขึ้นพลางเช็ดปากหลังมื้ออาหาร

 

“นายหญิงหลันหายดีแล้วเจ้าค่ะ บุตรในครรภ์ก็ปลอดภัยแล้ว นางถามหาท่านด้วยอยากมาขอบคุณด้วยตนเอง”

 

“แล้วเจ้าบอกนางเช่นไร?”

 

“ข้าบอกว่าในการรักษาครั้งนั้น ท่านสูญเสียพลังวัตรไปมากจึงเข้าด่านกักตัวหลายวันเจ้าค่ะ”

 

“ดีมาก! เห็นทีข้าคงต้องหาเวลาไปเยี่ยมพวกนางสักหน่อย”

       

ตั้งแต่หานหลี่หลันเกิดเรื่อง หานฮูหยินได้ให้บุตรีทั้งสองย้ายมาอยู่ในเรือนท่วนเจี่ยอันกว้างขวาง เพื่อดูแลพวกนางอย่างใกล้ชิด

 

“พี่ซินผิง!” สตรีสองนางเอ่ยทักพร้อมกัน

 

“พวกเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง วันนี้ข้าเตรียมยาสมุนไพรภูติสำหรับบำรุงครรภ์ให้พวกเจ้าต้มดื่มคนละชุดรับรองยานี้ไม่ขม” หญิงสาวอมยิ้มหันไปมองหน้าหานหลี่ฮวา

 

“ท่านช่างรู้ใจข้ายิ่งนัก” สตรีที่ถูกจ้องหน้ายิ้มขวยเขิน นางกินยายากมาแต่เด็กเพราะมิชอบรสขมฝาด

       

“ได้พี่หญิงช่วยเหลือ ข้ากับลูกถึงได้รอดปลอดภัยขอบคุณท่านมาก” หญิงสาวกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจพลางลูบพุงโตของตัวเองเบา ๆ

 

“ทีหลังเจ้าต้องระวังล่ะ บัดนี้มิใช่เพียงแค่ชีวิตเดียวแล้ว”

 

หานหลี่หลันพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

 

“ท่านรักษาพิษงูเช่นไรเจ้าคะ? ได้ยินว่างูชนิดนี้มีพิษร้ายกาจ” หานหลี่ฮวาถามขึ้นอย่างสนใจ

 

จ้าวซินผิงหยิบขวดยากระเบื้องเคลือบสีชมพูขึ้นมาสองขวดวางลงตรงหน้าพร้อมกับบันทึกตำรับยา

 

“นี่คือยาร้อยบุปผาปรุงจากเกษรดอกไม้ภูติชั้นสูงกว่าร้อยชนิดใช้ขจัดพิษภายใน ส่วนบันทึกนี่เป็นตำรับยา หลันเอ๋อร์ เจ้าจงเอาไปศึกษาดูอาจมีประโยชน์ต่อตระกูลในภายหน้า”

 

หานหลี่หลันเทยาลงบนฝ่ามือแล้วพิจารณาด้วยการดมกลิ่นแยกแยะตัวยาตามวิสัยหมอ

 

“ข้าเคยได้ยินชื่อยาร้อยบุปผามานานแล้ว ทว่าพึ่งเคยได้เห็นเป็นบุญตาก็ครานี้ ส่วนผสมคงหาได้ยากยิ่ง”

         

“มิต้องกังวล พรุ่งนี้เหล่าองครักษ์จะนำสมุนไพรภูติของข้ามาลงปลูกไว้ในเรือนฮุ่ยหลัน และจักนำตำราแพทย์ บันทึกตำรับยามามอบด้วย หลังจากคลอดลูกแล้ว เจ้าก็ค่อย ๆ ศึกษาเอาเถิด ลูกหลานคนใดมีวาสนาจงถ่ายทอดความรู้แก่พวกเขา”

 

“ท่านพี่ใจกว้างยิ่ง!” หานหลี่ฮวาสรรเสริญจากใจจริง

 

“ความรู้หากไม่เผยแพร่คงตายไปพร้อมกับตัวข้าอย่างไร้ประโยชน์ หากมีผู้สืบทอดเก็บรักษาไว้จะสามารถช่วยเหลือผู้คนได้อีกมากมาย”

 

สตรีสองนางพยักหน้าพร้อมกันต่างเห็นด้วยกับความคิดนั้น

 

“อ้อ! ข้าปรุงยาขึ้นมาขนานหนึ่งมีส่วนผสมของกำมะถันเพื่อใช้ไล่งูและสัตว์มีพิษ ตอนนี้ต้าหนิวกับชิงเสอกำลังพาบ่าวไพร่นำไปโรยรอบ ๆ เรือนสมุนไพรแล้ว จะได้ไม่เกิดเหตุร้ายขึ้นอีก”

 

“พี่ซินผิงช่างรอบคอบยิ่งนัก ขอบคุณที่คิดแทนข้า”  หานหลี่หลันกล่าวอย่างซาบซึ้งใจ

 

“งั้นข้าขอตัวก่อน พวกเจ้าจงพักรักษาตัวให้ดี ข้าชอบหลานตัวน้อยอ้วนฟูแข็งแรงน่ารัก”

 

“เจ้าค่ะพี่หญิง!” สตรีทั้งสองนางพร้อมใจกันรับปากด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแววตาเป็นประกายสดใส

 

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า