Your Wishlist

กำเนิดใหม่หัวใจดวงเดิม 改头换面 (ตอนที่ 8 หลิวจิ่ว)

Author: 涵爱娟 ❀ หานอ้ายจวน

ชาตินี้นางคือหญิงงามผู้มีชะตาอาภัพ เกิดมาไร้ตัวตนเป็นเพียงเครื่องจักรสังหาร ครั้นได้รู้ชาติกำเนิดที่แท้จริง ครอบครัวกลับถูกเข่นฆ่าล้างตระกูล!!!

จำนวนตอน :

ตอนที่ 8 หลิวจิ่ว

  • 23/05/2564

 

ท่านป้า…เรียกข้ามาพบมีเรื่องอันใดหรือขอรับ?

 

“หรงเอ๋อร์ เจ้ามานั่งตรงนี้เร็ว” จ้าวซินผิงรีบกวักมือเรียกหลานชายมานั่งด้วยกันบนเตียง

 

“เจ้ารู้ข่าวบิดาจากท่านอาเฮยซิงแล้วใช่รึไม่?”

 

“ขอรับ” เด็กน้อยตอบเสียงอ่อยด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยน้ำตาคลอหน่วยปริ่มล้นอยู่บนขอบตา เขาก้มหน้าลงพยายามสะกดกลั้นความเสียใจ

 

กิริยาเช่นนี้ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกสงสารหลานรักขึ้นมาจับใจ เด็กตัวแค่นี้มิควรต้องประสบชะตากรรมอันเลวร้ายนางโอบไหล่เขาอย่างอ่อนโยนพลางบอกเล่าเรื่องราวในใจบางส่วน

 

“ตั้งแต่จำความได้ ข้าเป็นเด็กกำพร้ามีชื่อแต่ไร้แซ่ไร้บิดามารดา พอรู้ว่าตัวเองเป็นใครครอบครัวกลับถูกเข่นฆ่าล้างตระกูล ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้ทำความรู้จักกับพ่อแม่ของตนเองด้วยซ้ำ ระหว่างเจ้ากับข้า…ผู้ใดมีชะตากรรมน่าอนาถกว่ากัน?”

 

เด็กชายนั่งนิ่งนึกตรึกตรอง นาทีต่อมาพลันบังเกิดรัศมีในดวงตา เขาปาดน้ำตาทิ้งจนเหือดแห้งแล้วเงยหน้าสบตาสตรีตรงหน้ากล่าวด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

 

“เข้าใจแล้วขอรับ ต่อไปข้าจะเข้มแข็งไม่อ่อนแอท้อแท้อีก!”

 

“ดีมาก! เด็กดี! เจ้าสมเป็นหลานข้า” นางยิ้มยินดีลูบหัวเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู

 

“แล้วข้าควรทำเช่นไรต่อไปหรือขอรับ?”

 

“เจ้ายังเล็กนักควรกินให้มากนอนให้เต็มอิ่มร่างกายจะได้เติบโตแข็งแรงนี่คือสิ่งแรกที่ควรทำ หรือว่าเจ้ายังมีความปรารถนาอื่น?”

 

“ข้าอยากสืบหาความจริงเกี่ยวกับบิดาให้กระจ่างชัด แต่คงต้องรอตัวเองเติบใหญ่เสียก่อน”

 

“มิต้องรีบ ปกป้องดูแลม่านเอ๋อร์ให้ดี บนโลกใบนี้ยังมีเรื่องราวอีกมาก ที่เจ้าต้องเรียนรู้”

 

“เช่นสิ่งใดขอรับ?”

 

“จิตใจคน เล่ห์เหลี่ยม กลโกง ผลประโยชน์ มิตรภาพ การเอาตัวรอด สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่มีอยู่ในตำรา เจ้าต้องแสวงหาสิ่งเหล่านั้นด้วยตนเอง”

 

“ข้าอยากเก่งและสง่างามเหมือนท่าน” หานอี้หรงมองญาติใกล้ชิดเพียงคนเดียวด้วยแววตาเลื่อมใส

 

“เจ้าเป็นดั่งข้าได้แน่นอน ยังมีเวลาอีกหลายปี หมั่นฝึกฝนตนเองให้แข็งแกร่ง เรียนรู้สรรพวิทยา คิดทำงานใหญ่มิใช่ง่าย ต้องใช้เวลาเตรียมการโดยรอบคอบ อย่าหมกมุ่นกับความแค้นจนละเลยหรือเผลอมองข้ามรายละเอียดสำคัญไป” นางเตือนสติหลานชายอย่างห่วงใย เพราะความใจร้อนและประมาทอาจทำให้พลาดความสำเร็จ

 

“ข้าจะจดจำทุกคำสอนขอรับ”

 

“ดีมาก ไปดูกันเถิดว่าวันนี้ข้าได้เตรียมสิ่งใดเอาไว้ให้เจ้า” สตรีชุดดำดึงแขนเด็กชายลุกขึ้น จูงมือไปยังโต๊ะหนังสือที่มีกล่องไม้ยาวแกะสลักลวดลายประณีตวางตั้งอยู่บนนั้น ตัวกล่องพบตราประทับรูปหมาป่าสีทองซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ที่บิดามอบให้แก่เขาเมื่อครั้งตระกูลยังไม่ล่มสลาย

 

แม้นมิรู้ว่าในกล่องมีสิ่งใดแต่เขาพอคาดเดาได้ว่าคงเป็นสิ่งพิเศษ เมื่อสตรีอาวุโสเปิดกล่องให้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน เด็กน้อยถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด ดวงตาคู่นั้นฉายแววยินดีเสียจนปิดไม่มิด

 

“สิ่งนี้คือศัสตราวุธเทพ นามว่า ‘ทวนจักรพรรดิ’ ทุกครั้งเมื่อเจ้าร่ายรำจะสามารถกวาดล้างกำจัดศัตรูได้ครั้งละเป็นจำนวนมาก มีสิ่งนี้อยู่ในมือแม้แต่เทพเซียนยังต้องกริ่งเกรง พลังอำนาจของมันข้ามิอาจประเมินได้ เจ้าคงต้องค้นหาสิ่งเหล่านั้นด้วยตนเอง”

 

เด็กชายพยักหน้ารับด้วยใจแสนยินดี เขาจ้องมองมันอย่างไม่วางตาเอื้อมมือลูบไล้อย่างหลงใหล ศัสตราวุธชิ้นนี้ มีลักษณะเป็นทวนวงเดือนสวรรค์ หัวทวนขนาดใหญ่สร้างจากหยกจักรพรรดิสีเขียวมรกตเนื้อบางใสโปร่งแสง ส่วนด้ามทวนเป็นเหล็กไหลโกฏิปีสีปีกแมลงทับเนื้อเนียนละเอียดเงามันวาว ประดับด้วยลวดลายมังกรสีทองเลื้อยพันจากด้ามขึ้นไปอย่างวิจิตรบรรจง

 

เมื่อทำพันธสัญญาพลันบังเกิดลำแสงสีเขียวทองเชื่อมต่อกับปัญญาวิสุทธิ์ผู้พิทักษ์จักรพรรดิมังกรได้ถ่ายทอดวิชาเพลงทวนให้แก่หานอี้หรง

 

“จงอย่านำออกมาใช้งานจนกว่าปัญญาวิสุทธิ์ของเจ้าจะแข็งแกร่ง มิเช่นนั้นมันอาจกลายเป็นดาบสองคมย้อนกลับมาทำร้ายตัวของเจ้าเองเข้าใจรึไม่?”

 

“เข้าใจขอรับ ข้าจะระมัดระวังและเก็บรักษามันไว้ให้ดี” หานอี้หรงบรรจุทวนจักรพรรดิใส่ถุงเฉียนคุนอย่างเบามือ

 

“ไปฝึกยุทธ์ต่อเถิด” นางตบไหล่หลานชายเบา ๆ อย่างเอ็นดู ยิ่งนับวันเด็กคนนี้ก็ยิ่งรู้ความ

 

หลังจากตระกูลจ้าวถูกกำจัดไปไม่นาน ในแคว้นได้มีการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน ฮ่องเต้คนใหม่ชิงบัลลังก์ขึ้นครองราชย์ท่ามกลางซากศพ วงศาคณาญาติต่างถูกกำจัดแบบถอนรากถอนโคนไม่เว้นแม้แต่ตระกูลใหญ่ที่อาจกลายเป็นหอกข้างแคร่ในอนาคต

 

หากต้องการช่วงชิงทุกอย่างกลับคืน จำต้องสร้างกองทัพและพันธมิตรอันแข็งแกร่ง ส่วนที่เหลือคงต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้ว

 

บัดนี้เรือนจู๋จื่อเปรียบเสมือนจุดศูนย์รวมลูกหลานในตระกูล ยามเฉินของทุกวันสององครักษ์ชายจะถ่ายทอดพื้นฐานการต่อสู้บริเวณลานฝึกยุทธ์

 

ส่วนช่วงบ่ายอาจารย์ลู่เชาสหายคนสนิทของแม่ทัพหานจะเป็นผู้ฝึกสอนอ่านเขียนในหอตำราฮุ่ยซิน แม้แต่ลูกบ่าวไพร่ในจวนก็เข้ารับการศึกษาได้มิแบ่งแยกชายหญิง ครั้นอายุครบเกณฑ์สิบปีจึงส่งไปร่ำเรียนยังสำนักเซียนซูเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ในโลกกว้าง

 

ก่อนหน้านี้หานลี่หยางพึ่งสอบเสร็จจึงได้ลากลับมาเยี่ยมบ้านแต่ละวันเขาคลุกคลีตีโมงอยู่กับเหล่าพี่น้องร่วมฝึกวรยุทธ์สรวลเสเฮฮา เช่นเดียวกับองค์หญิงเหม่ยชิงและมู่ปิงอวี้ที่มักนั่งชมการฝึกฝนของลูกหลาน ภาพทั้งคู่วางเด็กหญิงตัวน้อยบนตักพูดคุยกันถูกคอเป็นภาพที่พบเห็นได้จนชินตา

 

“สีหน้าเจ้าดูดีขึ้น” สตรีสูงศักดิ์เอ่ยทักยิ้มแย้ม ยังจำครั้งแรกที่พบหน้าได้นางช่างดูซีดเซียว ยามนี้ใบหน้างามเริ่มมีเลือดฝาดน่ามองไม่น้อย

 

“เพราะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากสกุลหาน หม่อมฉันจึงแข็งแรงขึ้นมากเพคะ” หญิงอ่อนวัยตอบอย่างนอบน้อม

 

“ลูกสาวของเจ้าคงมีอายุไล่เลี่ยกับม่านเอ๋อร์ ว่าง ๆ พานางมาเยือนเรือนไป๋หลานบ้างเถิด ข้าชอบเสียงครึกครื้น”

 

“เพคะองค์หญิง”

 

ก่อนหน้านี้มู่ปิงอวี้เคยพักอยู่เรือนหลันฮวามาชั่วระยะเวลาหนึ่ง ต่อมาเมื่อหานหลี่หลันและหานหลี่ฮวามีอายุครรภ์มากขึ้น นางรู้สึกเกรงใจไม่ต้องการทำตัวเป็นภาระจึงขอย้ายมาอยู่เรือนจู๋จื่อ ครั้นได้อยู่ในสภาพแวดล้อมอันปลอดโปร่งเต็มไปด้วยพลังแห่งเทพเซียนสุขภาพย่อมดีขึ้นทุกวัน

 

“พวกเจ้าฝึกฝนวรยุทธ์มาแรมเดือน นึกอยากได้อาวุธคู่ใจบ้างรึไม่?” จ้าวซินผิงเอ่ยปากถามเหล่าเด็กน้อยขณะกำลังนั่งพักกินขนม

 

“ข้ายังเด็กอยู่จะเอาศัสตราวุธไปทำอันใดกัน” เด็กชายอ้วนกลมถามอย่างเกียจคร้านหยิบขนมเข้าปากหนึ่งชิ้น

 

“หากวิวาทกับผู้อื่นระหว่างต่อสู้มือเปล่ากับพกพาเครื่องทุ่นแรงเจ้าว่าสิ่งไหนดีกว่ากัน ฮึ! เจ้าก้อนแป้งน้อย!” สตรีชุดดำหยิกแก้มแดงปลั่งของหานลี่เซียวด้วยความเอ็นดู

 

“ถ้าได้ครอบครองศัสตราวุธอันยอดเยี่ยมสักชิ้นมันคงวิเศษมาก! ข้าปรารถนามันขอรับ” หานลี่เสียงส่งเสียงตื่นเต้นด้วยสีหน้าเพ้อฝัน

 

“เจ้าช่างสมเป็นลูกชายหานหลี่เจียง” หญิงสาวเอ่ยชม ช่างเป็นลูกไม้ใต้ต้นโดยแท้

 

“ข้าก็อยากได้ ท่านป้าซินผิงคือผู้เยี่ยมยุทธ์ สิ่งที่มอบให้พวกเราล้วนต้องล้ำเลิศอย่างแน่นอน” หานลี่หย่งสนับสนุนอย่างกระตือรือร้น

 

“พูดได้ดี!” จ้าวซินผิงยกนิ้วโป้งให้ องค์หญิงยิ้มหน้าบานอย่างปลาบปลื้มในตัวบุตรชาย

 

“ข้าด้วย!”

 

“ข้าก็อยากได้!” เด็กน้อยเริ่มส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวดุจดั่งฝูงผึ้งแตกรัง

 

“เอาล่ะ! ทุกคนเงียบก่อน” จ้าวซินผิงโบกมือปราม จนเสียงเริ่มเงียบลงจากนั้นจึงหันไปส่งสัญญาณแก่องครักษ์

 

โต๊ะยาวที่มีศัสตราวุธปราชญ์ถูกยกเข้ามา บนนั้นพบอาวุธเรียงรายวางอยู่แปดชิ้น ล้วนมีรูปลักษณ์แตกต่างกันออกไป เด็ก ๆ วิ่งเข้าไปมุงดูด้วยความตื่นเต้นพูดจาชี้ชวนออกท่าทางยกใหญ่

 

“ศัสตราวุธปราชญ์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยอัจฉริยะด้านการหลอมรวมแห่งยุค นามว่า ‘หลิวจิ่ว’ บนโลกใบนี้มีเพียงเก้าชิ้นเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือหงเหมยกุ้ยของข้า” นางกล่าวจบพลันร่ายกระบี่ด้วยท่วงท่างดงามปล่อยกุหลาบเพลิงขึ้นไปบนท้องฟ้า เสียงระเบิดสร้างความสั่นสะเทือนทั่วทั้งหุบเขา

 

ยิ่งเห็นยิ่งสร้างความประทับใจ เด็กน้อยต่างจ้องมองอาวุธตรงหน้าแววตาของพวกเขาเต็มเปี่ยมด้วยแรงปรารถนา

 

“วิเศษมากขอรับท่านป้า โปรดมอบมันให้ข้าสักชิ้นเถิดขอรับ” เด็กชายตัวอ้วนเดินมาเกาะแขนออดอ้อนส่งเสียงวิงวอน

 

“เกิดสิ่งใดขึ้น? พวกข้าเป็นห่วงจึงมาดู” จู่ ๆ พลันปรากฏเงาสามร่าง ผู้มาเยือนคือ หานหลี่จิน หานหลี่เหลียง และหานหลี่เจียง

 

“สุดยอดศัสตราวุธ! ฝีมือสูงส่งเช่นนี้คนสร้างเป็นผู้ใดกันขอรับพี่หญิง” หานหลี่เจียงเบิกตาโตถามอย่างตกตะลึง เขากวาดสายตามองเพียงปราดเดียวก็สามารถรู้ได้ในทันที

 

“สมกับเป็นเจ้า! ศัสตราวุธปราชญ์เหล่านี้ล้วนถูกหลอมรวมด้วยวัตถุดิบล้ำค่าหายาก จึงพิเศษแตกต่างจากศัสตราวุธโดยทั่วไป ผู้สร้าง คือ หลิวเย่”

 

“ข้าจะมีโอกาสขอคำชี้แนะจากเขาหรือไม่” หานหลี่เจียงเอ่ยปากถามอย่างกระตือรือร้น หากได้แลกเปลี่ยนความรู้จากบุคคลผู้นี้สักครานับว่ามิเสียชาติเกิดแล้ว

 

“โอกาสนั้นย่อมมาถึงในไม่ช้า” หญิงสาวทิ้งคำพูดไว้เป็นปริศนามุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นถึงความคาดหวังในแววตาคู่นั้น

 

เมื่อทุกคนนั่งประจำตำแหน่ง องครักษ์หญิงชายพร้อมยืนอารักขา การเลือกศัสตราวุธจึงเกิดขึ้นแบบไม่มีพิธีรีตอง ไร้หมายกำหนดการล่วงหน้า เมื่อศัสตราวุธพร้อม! คนพร้อม! ย่อมถือเป็นฤกษ์ดี

 

“เอาล่ะ! ต่อไปนี้คือการเลือกศัสตราวุธคู่ใจ ผู้ใดต้องการเลือกเป็นคนแรก” จ้าวซินผิงถามเสียงดังกังวานกวาดสายตามองหาผู้กล้า

 

“ข้าขอรับ!” หานลี่หยางขันอาสา แล้วก้าวเดินออกมาด้านหน้าท่าทีองอาจ หลานชายคนโตของตระกูลผู้นี้ ไม่ว่าจะเป็นเค้าโครงหน้า ลักษณะท่าทางหรือนิสัยใจคอล้วนถอดแบบจากปู่มามิมีผิดเพี้ยน

 

“ศัสตราวุธเหล่านี้ล้วนมีจิตวิญญาณ พวกมันเลือกนายด้วยตนเอง หากเจ้าปรารถนาจะครอบครองจงรวบรวมสมาธิตั้งจิตให้มั่น ส่งพลังปัญญาวิสุทธิ์ออกไปสัมผัสจิตวิญญาณแห่งผู้พิทักษ์ ถ้ามันยอมรับเจ้าจะสำแดงฤทธาออกมา…..”

 

เด็กชายตั้งจิตส่งพลังปัญญาวิสุทธิ์ออกไปสัมผัสเพียงชั่วครู่ เฮยเหลาหู่พลันสั่นไหวรุนแรง ปรากฏลำแสงสีดำพวยพุ่งขึ้นกลางอากาศผู้พิทักษ์เป็นเสือดำร่างใหญ่น่าเกรงขามคำรามออกมาเสียงดังกึกก้อง

       

“โฮก-----!”

 

“ดี! สมเป็นหลานชายคนโตของข้า!” หานหลี่จินตบเข่าฉาดส่งเสียงพึงพอใจ หานหลี่เหลียงหันไปสบตาภรรยาต่างรู้สึกปลาบปลื้มยินดีใบหน้าของคนทั้งคู่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม

 

‘เฮยเหลาหู่’ ดาบหัวปีศาจขนาดใหญ่ ใบดาบสีดำสนิทคมกริบมันวาว ยาวถึงสิบเจ็ดเชี่ย ด้ามจับตกแต่งด้วยตราสัญลักษณ์หัวเสือสีเงิน ดวงตาประดับด้วยนิลกาฬงามสง่าสมชายชาตรี

 

“มันเป็นของเจ้า! จงทำพันธสัญญาเถิด”

 

“โปรดให้ข้าเลือกเป็นคนถัดไป!” หานลี่เสียงก้าวออกมาด้วยทีท่ามุ่งมั่น หลังจากเข้าสมาธิเพียงชั่วครู่ พลันปรากฏลำแสงสีทองร่างผู้พิทักษ์นกกางเขนบินฉวัดเฉวียนขึ้นสู่ฟากฟ้าด้วยลีลาท่วงท่างดงาม

 

“เลือกได้ดี! เป็นศัสตราวุธที่พิสดารยิ่ง” หานหลี่เจียงกล่าวด้วยสีหน้าเบิกบาน

 

นามของมัน คือ ‘ตาวเชว่’ เป็นง้าวกางเขน มีใบมีดขนาดใหญ่คมกริบถึงสี่ด้าน บริเวณด้ามจับตรงกลางไขว้กันดุจดั่งไม้กางเขน ประดับตราสัญลักษณ์นกกางเขนสีทอง

 

ทุกคนต่างได้ครอบครองอาวุธคู่ใจ จนกระทั่งศัสตราวุธชิ้นที่แปด ‘มีดสั้นเฮยหลง’ พลันสั่นไหวเกิดประกายไฟพวยพุ่งรุนแรงลอยละลิ่วไปหยุดอยู่เบื้องหน้า ‘มู่ปิงอวิ๋น’ จิตผู้พิทักษ์มังกรดำได้เลือกเขาเป็นนาย

 

“เอ่อ…ข้ามิใช่ลูกหลานในสกุลหานมิบังอาจรับไว้หรอกขอรับ” เด็กน้อยเอ่ยปากอย่างเจียมตัวไม่กล้ายื่นมือออกไปรับ

       

“มันเลือกเจ้าเพราะมีวาสนาจงรับไปเถิด” แม่ทัพหานเอ่ยด้วยใจเมตตา เมื่อผู้นำสูงสุดในตระกูลออกปาก หนูน้อยจึงมิกล้าปฏิเสธ สองมือที่ถือมีดสั้นเฮยหลงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายมีทั้งความหวังและความตื้นตันใจอย่างเปี่ยมล้น

 

มู่ปิงอวี้มองลูกชายน้ำตาคลอก่อนใช้ผ้าเช็ดหน้ายกขึ้นซับน้ำตา องค์หญิงเหม่ยชิงตบหลังมือนางเบา ๆ ให้กำลังใจ

 

เหล่าผู้พิทักษ์ต่างสำแดงอิทธิฤทธิ์เต็มท้องฟ้า เด็กน้อยอวดศักดากันอย่างตื่นเต้น องครักษ์คอยยืนพิทักษ์มิห่าง แม้นได้ครอบครองแต่วิธีใช้งานยังคงต้องเรียนรู้ ศัสตราวุธพิเศษเหล่านี้สามารถแปรเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ดังใจขึ้นอยู่กับระดับความแข็งแกร่งของปัญญาวิสุทธิ์ผู้เป็นเจ้าของ

 

“ข้ามิรู้จักตอบแทนน้ำใจท่านได้เยี่ยงไร” หานหลี่เหลียงเอ่ยปากอย่างเกรงใจ แม้นทั้งคู่รุ่นราวคราวเดียวกันแต่นางมีศักดิ์เป็นญาติผู้พี่

 

“ทุกคนคือครอบครัวคิดมากไปไย” หญิงสาวกล่าวด้วยท่าทีเป็นกันเอง

 

“ได้ศัสตราวุธสูงส่งเพิ่มพูนความสามารถเยี่ยงนี้รุ่นหลานข้าคงมีอนาคต” แม่ทัพใหญ่กล่าวด้วยสีหน้าเบิกบานแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง

 

เรื่องศัสตราวุธวิเศษยังคงเป็นหัวข้อสนทนาที่ทุกคนในตระกูลพูดคุยกันอย่างออกรสยาวไปจนถึงมื้อเย็นในค่ำคืนนั้น…..

 

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป