Your Wishlist

กำเนิดใหม่หัวใจดวงเดิม 改头换面 (ตอนที่ 5 ผู้เฒ่าหลิว)

Author: 涵爱娟 ❀ หานอ้ายจวน

ชาตินี้นางคือหญิงงามผู้มีชะตาอาภัพ เกิดมาไร้ตัวตนเป็นเพียงเครื่องจักรสังหาร ครั้นได้รู้ชาติกำเนิดที่แท้จริง ครอบครัวกลับถูกเข่นฆ่าล้างตระกูล!!!

จำนวนตอน :

ตอนที่ 5 ผู้เฒ่าหลิว

  • 04/05/2564

 

จ้าวซินผิงเดินสำรวจจนทั่ว

 

ในหมู่บ้านมีแหล่งน้ำทั้งหมดสามแห่ง สองแห่งแรกอยู่บนผืนทรายถูกขุดเป็นบ่อลึกอยู่ไม่ห่างกันนัก หลังจากพิจารณาอย่างตั้งใจจึงพบว่าภายในบ่อถูกรองด้วยผ้าใบซึ่งทำจากผ้าฝ้ายเคลือบด้วยขี้ผึ้งกันน้ำหลายชั้น ชายผ้าทั้งสี่ด้านถูกตรึงด้วยก้อนหินน้อยใหญ่เรียงตัวทับซ้อนขึ้นมาเป็นขอบบ่อ ส่วนแหล่งน้ำแห่งที่สามคือกล่องไม้สี่เหลี่ยมตั้งอยู่บนหอคอย

 

“ในกล่องไม้นั่นถูกรองด้วยผ้าใบเช่นกัน ฝาด้านบนปิดสนิทป้องกันน้ำกลายเป็นไอแห้งเหือด มันจะถูกเปิดออกก็ต่อเมื่อต้องการรองรับน้ำฝนโดยหมุนกลไกจากตรงนั้น ข้ายอดเยี่ยมใช่หรือไม่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า-!” ชายเฒ่าหน้าตา   อิ่มเอิบผู้มีเส้นผมและหนวดเคราสีขาวยาวรุงรังส่งสายตาขี้เล่นปรบมือหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจ

 

“ฝีมือเจ้า?” จ้าวซินผิงถามย้ำ

 

“มิผิด! หากไม่ใช่อัจฉริยะเช่นข้าแล้วจะเป็นผู้ใดไปได้เล่า!” เขาพูดพลางยืดอกทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความภาคภูมิใจ

 

หญิงสาวส่งสายตาสำรวจชายสูงวัยอย่างพิจารณา ในยุทธภพมีคำร่ำลือว่าในใต้หล้านี้มีผู้เฒ่าอัจฉริยะแซ่หลิวอยู่ผู้หนึ่งเก่งกาจด้านการประดิษฐ์คิดค้นและสามารถสร้าง ศัสตราวุธอันลึกล้ำพิสดาร ทว่าด้วยนิสัยแปลกประหลาดจึงอยู่ไม่เป็นหลักแหล่งยากนักที่ผู้คนจะได้พบเห็นเขา

 

“แล้วอัจฉริยะเช่นเจ้าทำสิ่งใดได้บ้างเล่า หรือทำเป็นเพียงแต่พ่นคำคุยโตโอ้อวด” นางหรี่ตามองส่งเสียงสูงยั่วยุพร้อมส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ 

 

ได้ผล… ชายชราเริ่มเดือดดาลจนใบหูแดงก่ำสีหน้าเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ กระโดดกระทืบเท้าอย่างฉุนเฉียวแล้วชี้หน้าถาม

 

“แล้วเจ้าอยากให้ข้าสร้างสิ่งใดกันเล่า? จงรีบบอกมาโดยเร็ว!”

 

“สร้างและหลอมรวมศัสตราวุธชั้นเลิศ เจ้าทำได้หรือไม่?”

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า-! เรื่องนี้ง่ายดายดุจดั่งพลิกฝ่ามือ ว่าแต่เจ้าเถิด…ถ้าข้าทำได้จะมอบสิ่งใดเป็นการตอบแทน  ผู้เปี่ยมล้นด้วยพรสวรรค์เช่นข้า สิ่งของธรรมดาล้วนมิอยากได้หรอกนะ” ผู้เฒ่าเท้าสะเอวท้าทายวางมาดสูงส่ง

 

“เหล้าหมักร้อยปีสูตรพิเศษของต้นตระกูลข้าเป็นไง” ไม่พูดเปล่าถึงกับโยนไหเหล้าให้ลิ้มรสก่อนหนึ่งไห

 

“เหล้าดี! เหล้าดี!” ผู้อาวุโสเปิดฝาไหสูดกลิ่นด้วยสีหน้าพึงใจก่อนยกซดอั่ก ๆ ชมไม่ขาดปาก ในพื้นที่กันดารแห่งนี้ขนาดน้ำยังหาได้ยาก นับประสาอะไรกับสุราที่มีค่าเสียยิ่งกว่าทองคำ

 

“เหล้าเทียนถาง สุราสูตรลับประจำตระกูลข้า มีส่วนผสมสมุนไพรภูตินับร้อยชนิด หมักบ่มระยะเวลากว่าร้อยปี ในใต้หล้านี้แม้แต่ฮ่องเต้ยังมิเคยมีวาสนาได้ลิ้มลอง นอกจากเลิศรสแล้วยังสามารถเพิ่มพูนพลังปราณแก่ผู้ฝึกยุทธ์ ว่าแต่เจ้าเถอะมีนามว่ากระไร?”

 

“ข้ามีนามว่า หลิวเย่ เจ้าจงตามข้ามา” ชายชราพยักพเยิดเดินนำไปยังถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งด้านในเต็มไปด้วยสิ่งประดิษฐ์กลไกประหลาดมากมาย

 

“ข้าจ้าวซินผิง ดูท่า…เจ้าคงมากบดานที่นี่เพราะต้องการสร้างสิ่งวิเศษใช่หรือไม่?”

 

“หลักแหลมยิ่งนัก จริงดังเจ้าว่า…ตกลงอยากให้ข้าสร้างสิ่งใดกัน?” ผู้เฒ่าหลิวถามอย่างกระตือรือร้น

 

“ข้าต้องการสร้างศัสตราวุธจากผลึกเฮยต้งสามชิ้นและหลอมรวมศัสตราวุธกับหินแร่ชนิดพิเศษ ส่วนรูปลักษณ์ ความสามารถ คุณสมบัติล้วนให้เจ้าเป็นผู้ออกแบบ” สิ้นคำหญิงสาวก็หยิบวัตถุดิบออกมาเรียงราย หลิวเย่ถึงกับตกตะลึง!

 

“ข้าลองสอบถามดูแล้ว ยังมิเคยมีใครในหมู่บ้านรู้จักหรือพบเห็นสถานที่แห่งนั้นมาก่อนเลยเจ้าค่ะ” ชิงเสอรายงาน

 

“ส่วนข้าออกไปสืบข่าวแถบทุ่งหญ้าไร้เบาะแสเช่นเดียวกันขอรับ” เขาตอบพลางส่ายหน้าถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

 

กว่าสองเดือนแล้วที่พวกเขาแยกย้ายกันสืบเสาะร่องรอยของดินแดนแปลกประหลาด ทั้งค้นหาด้วยตนเอง ซื้อข้อมูลจากตลาดค้าข่าวสารเพื่อให้ความตั้งใจสัมฤทธิ์ผลทุกคนต่างทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมิใช่น้อย

 

ในอดีตจ้าวซินผิงพบสถานที่แห่งนั้นโดยบังเอิญ แม้วงแหวนเฮยต้งจะมีปฏิกิริยา ทว่าเด็กน้อยเช่นนางกลับมิรู้ซึ้งถึงความนัย จวบจนเติบใหญ่จึงได้เข้าใจ มีโอกาสสูงมากที่ดินแดนแห่งนั้นจะปรากฏศัสตราวุธเทพ หญิงสาวเชื่อมั่นในลางสังหรณ์ของตนเอง

 

“มิเป็นไร ช่วงนี้พวกเจ้าเหน็ดเหนื่อยกันมากแล้ว แยกย้ายไปพักผ่อนเถิด ข้าจะเดินเล่นแถวนี้สักพัก” สิ้นคำสตรีชุดดำหันหน้ามุ่งตรงไปยังถ้ำท้ายหมู่บ้านซึ่งห่างไกลจากสายตาผู้คน

 

 

“เป็นเช่นไรบ้างตาเฒ่า!” นางส่งเสียงทักทายเมื่อเห็นผู้เฒ่าหลิวกำลังง่วนอยู่กับงานตรงหน้า

 

“มาได้จังหวะพอดี เอ้า! จงรับไป!” เขาพูดพลางโยนหงเหมยกุ้ยให้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

 

นอกจากนี้บนโต๊ะยาวยังมีศัสตราวุธเรียงรายอีกแปดชิ้น

 

“เหตุใดจึงไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง” หญิงสาวทำหน้านิ่วคิ้วขมวดหลังจากจับกระบี่พลิกไปพลิกมาอยู่หลายตลบ

 

“เจ้าต้องทำพันธสัญญาเสียก่อน แก่นวิญญาณสร้างจิตผู้พิทักษ์แก่ศัสตราวุธมันจะคอยรับใช้เจ้าของแต่เพียงผู้เดียว”

 

หญิงสาวรูดปลายนิ้วลงบนคมกระบี่ คราบโลหิตสีแดงสดถูกดูดซึมหายเข้าไปในเนื้อโลหะเพียงชั่วพริบตา ครั้นโลหิตอุ่นในกายมนุษย์ผสานจิตวิญญาณแห่งกระบี่พลันเปล่งแสงเจิดจ้า ก่อเกิดผู้พิทักษ์รูปลักษณ์สตรีเลอโฉมล้อมรอบด้วยรัศมีสีแดง “หงเหมยกุ้ยคำนับนายหญิงเจ้าค่ะ” ร่างโปร่งแสงย่อกายด้วยท่วงท่างดงามดูราวกับเทพธิดา

 

ภาพที่ปรากฏขึ้นทำให้จ้าวซินผิงตกตะลึงคาดไม่ถึงกับความสามารถอันร้ายกาจ คำร่ำลือกิตติศัพท์ทั้งหลายนั้นยังมิถึงกึ่งหนึ่งที่นางได้ประสบเสียด้วยซ้ำ หากเปรียบเทียบกับญาติผู้น้องนับว่าหานหลี่เจียงยังคงต้องคำนับเขาเป็นอาจารย์เพราะความสามารถห่างชั้นกันอยู่มากโข นี่คือประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งวงการหลอมรวมศัสตราวุธ

 

“พวกมันคือผลงานชิ้นเอกที่ข้าเฝ้าทุ่มเทคิดค้นวิธีการสร้างมานานหลายปี พึ่งสำเร็จได้ในครานี้” หลิวเย่พูดเสียงสั่นเครือน้ำตาคลอเบ้ามือทั้งสองข้างบีบเข้าหากันด้วยความปลาบปลื้มใจ

 

“นับเป็นเกียรติแก่ข้ายิ่ง!” หญิงสาวกล่าวจากใจพลางโค้งกายเล็กน้อยเพื่อแสดงถึงการยอมรับในความสามารถ ผู้เฒ่ายิ้มหน้าบานเป็นจานเชิงอย่างมีความสุข

 

“ความสามารถของมันมิใช่แค่นี้ ตามข้ามาเถิด…” ผู้เฒ่าหลิวเดินนำออกไปยังด้านนอกตัวถ้ำ

 

“จงยกกระบี่ขึ้นรับแสงตะวัน” หญิงสาวทำตามอย่างว่าง่าย เมื่อหงเหมยกุ้ยดูดซับแสงอาทิตย์พลันบังเกิดพลังปราณแปรเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นกุหลาบเพลิงดอกใหญ่ ครั้นถึงขีดสุดนางสะบัดปลายกระบี่ออกไปตามสัญชาตญาณจนเกิดการระเบิดรุนแรงสั่นสะเทือนทั่วทั้งหุบเขา

 

“เบา! อย่าพังบ้านข้า!” หลิวเย่ร้องเสียงหลงใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ

 

“ดี! ข้าชอบมาก!” จ้าวซินผิงยกยิ้มมุมปากดวงตาเปล่งประกายสุกใสดั่งเด็กน้อยได้ของเล่นถูกใจ

 

“มันเป็นพลังพิเศษเพิ่มเติมจากขีดความสามารถเดิม เพียงแต่ต้องใช้ในยามที่มีแสงตะวันเท่านั้น”

 

“เพียงเท่านี้ข้าก็รู้สึกอัศจรรย์ใจมากแล้ว” จ้าวซินผิงยิ้มบางมองศัสตราวุธในมือด้วยแววตาเร้นลับ

 

จ้าวซินผิงเรียกศัสตราวุธอีกแปดชิ้น ตามคุณลักษณะและรูปลักษณ์อันโดดเด่น ‘หลิวจิ่ว’ คือนามเรียกชุดผลงานชิ้นเอก ซึ่งแปลว่า ‘ผลงานทั้งเก้าของผู้เฒ่าหลิว’

 

แร่รัตนชาติ’ ถือกำเนิดขึ้นบนพื้นพิภพ มีทั้งหมดเก้าชนิด ประกอบด้วย เพชรดี มณีแดง เขียวใสแสงมรกต เหลืองใสสดบุษราคัม แดงแก่ก่ำโกเมนเอก สีหมอกเมฆนิลกาฬ มุกดาหารหมอกมัว แดงสลัวเพทาย สังวาลสายไพฑูรย์

 

ในขณะที่ ผลึกรัตนดารา’ มีอยู่ด้วยกันเจ็ดชนิด คือ ผลึกเฮยต้ง ผลึกสุริยัน ผลึกจันทรา ผลึกดารา ผลึกเมฆา ผลึกพฤกษา ผลึกพิรุณ เชื่อกันว่าพวกมันร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า เป็นผลึกที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังเทพเซียนและกลิ่นอายจากสรวงสวรรค์

 

“ข้าเตรียมสุราอาหารมาร่วมดื่มกินกับเจ้าวางอยู่บนโต๊ะด้านนอกโน่นแน่ะ ส่วนวัตถุดิบที่เหลือขอยกให้เจ้าทั้งหมด รวมทั้งยาสองขวดนี้” หญิงสาววางขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวใบเล็กและเหล้าเทียนถางลงบนโต๊ะ ผู้เฒ่าหลิวตาลุกวาวน้ำลายสอเปรี้ยวปากขึ้นมาในทันที สุราเลิศรสเช่นนี้ทั่วพื้นปฐพีคงหาไม่ได้อีกแล้ว

 

“ในขวดกระเบื้องเคลือบเป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยให้เลือดลมในกายปลอดโปร่ง บรรเทาอาการเหนื่อยล้า ฟื้นฟูให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นแข็งแรง เจ้ามักหมกมุ่นอยู่กับงานมากเกินไป หาเวลาสูดอากาศบริสุทธิ์เดินยืดเส้นยืดสายเสียบ้างเถิด”

 

“เจ้าเหมือนพญามัจจุราชมากกว่าหมอรักษาผู้คน” หลิวเย่กล่าวกระเซ้าอย่างรู้สึกขบขันส่งเสียงหัวเราะหึหึในลำคอ รังสีฆ่าฟันของจ้าวซินผิงรุนแรงเกินกว่าจะคิดเป็นอื่น พอได้ยินคำพูดอันห่วงใยจากนางจึงทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาด

 

“ผู้คนมักกล่าวเช่นนั้น” มุมปากของนางกระตุกยิ้มใบหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย

 

“คืนนี้ไม่เมาไม่เลิกรา ข้าชอบความใจกว้างของเจ้ายิ่งนัก นับแต่นี้ขอนับเจ้าเป็นสหาย ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า-!” ผู้เฒ่าเอามือตบอกตนเองเปล่งเสียงหัวเราะลั่น

 

“ดี! พวกเราเป็นสหายกัน!” หญิงสาวมิปฏิเสธไมตรี

 

ทั้งคู่เดินออกมานั่งดื่มกินบนลานกว้าง มีสุราอาหารกองอยู่บนโต๊ะหินทรงเตี้ย คบเพลิงถูกจุดขึ้น ดวงอาทิตย์พ้นจากเส้นขอบฟ้าหายลับไปจากสายตานานแล้ว คืนนี้มีดวงดาวสว่างไสวเต็มท้องฟ้า ดวงจันทร์ส่องแสงทอประกายนวลละมุน กระแสลมเย็นพัดโชยเอื่อยพลิ้วไหวไม่ขาดสาย

 

แม้นจ้าวซินผิงจะเป็นอิสตรีแต่เรื่องร่ำสุรานับว่ามิด้อย ทั้งสองต่างพูดคุยอย่างถูกคอแลกเปลี่ยนประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง

 

“ตาเฒ่า! เจ้าอยู่ในดินแดนแห่งนี้มานานเท่าใดแล้ว” หญิงสาวเอ่ยปากอย่างนึกขึ้นได้

 

“หากนับระยะเวลาคงเกือบสิบปีเห็นจะได้”

 

“เจ้าอยู่ผู้เดียวเช่นนี้ มิเปล่าเปลี่ยวบ้างรึ?”

 

“ทั้งชีวิตข้าล้วนทุ่มเทกายใจคิดค้นประดิษฐ์สิ่งแปลกใหม่จนแทบมิรู้วันคืน แทบจะลืมหายใจเข้าออก ว่าแต่เจ้าเถิด… มาที่นี่คงมิใช่เพียงเพื่อหลอมรวมศัสตราวุธกระมัง!” ผู้เฒ่าหลิวตอบกลับอย่างรู้ทัน

 

“ใช่!” หญิงสาวพยักหน้ารับแล้วพูดต่อ…

 

“ข้ากำลังตามหาดินแดนแปลกประหลาดที่ตัวเองเคยพลัดหลงเข้าไปเมื่อครั้งยังเด็ก สถานที่แห่งนั้นเป็นทะเลสาบในทะเลทราย”

 

“ทะเลสาบแห่งนั้นมีรูปลักษณ์คล้ายจันทร์เสี้ยวใช่หรือไม่?”

 

“เจ้ารู้จัก?” จ้าวซินผิงทำตาโตถามเสียงสูงนางแทบสร่างเมา

 

“เจ้าเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับนิทานชนเผ่าหรือไม่?”

 

“เช่นไรรีบเล่าเถิดตาเฒ่า” หญิงสาวโน้มตัวไปข้างหน้าดวงตาหงส์เบิกโตขึ้นเล็กน้อยนางนั่งเท้าคางรอฟังอย่างตั้งใจ

 

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว บนสวรรค์มีคู่รักเทพเซียนอยู่คู่หนึ่ง ฝ่ายหญิงเป็นเทพจันทรา ส่วนฝ่ายชายคือเทพอัคคี ทั้งสองครองรักกันมาเนิ่นนาน จนกระทั่งวันหนึ่งฝ่ายหญิงจับได้ว่าชายคนรักปันใจแก่หญิงอื่น นางโศกเศร้าเสียใจอย่างมากจึงร่ำไห้อยู่เจ็ดวันเจ็ดคืนจนน้ำตาท่วมสวรรค์แล้วหลั่งรินลงมายังโลกมนุษย์ ดินแดนในแถบนั้นจึงกลายเป็นทะเลสาบจันทร์เสี้ยว เชื่อกันว่าภายใต้ท้องทะเลแห่งนี้มีของวิเศษซุกซ่อนไว้ ผู้มีบุญวาสนาเท่านั้นถึงจะได้ครอบครองมัน

 

ด้วยพลังอำนาจยิ่งใหญ่แห่งเทพจันทรา จึงทำให้ทะเลสาบมิมีวันเหือดแห้งหรือถูกเม็ดทรายกลบฝัง แต่ทว่ายามใดที่สายลมพัดผ่านกลับมีเสียงหวีดหวิวฟังคล้ายเสียงสตรีกำลังร่ำไห้

 

“นิทานช่างน่าเศร้าเสียจริง” จ้าวซินผิงอดทอดถอนใจออกมามิได้

 

“ข้าเคยบังเอิญได้พบทะเลสาบจันทร์เสี้ยวแห่งนี้เช่นกัน มีความสอดคล้องกับในนิทานอยู่บ้าง ครั้งนั้นข้าจำได้ว่าเดินตามดาวเหนือเพื่อออกค้นหาสมุนไพรภูติ หลังจากคืนนั้นข้าเคยย้อนกลับไปอีกหนทว่ามิพบ ในภายหลังจึงนึกขึ้นได้ว่าคืนนั้นเป็นวันพระจันทร์เต็มดวง เบาะแสนี้จักพอช่วยเจ้าได้รึไม่?”

 

“ช่วยได้มากทีเดียวขอบใจเจ้ามาก ว่าแต่… เจ้าได้ลองค้นหาของวิเศษใต้ท้องทะเลหรือไม่?” หญิงสาวถามขึ้นอย่างสนใจ

 

“มันเป็นเพียงเรื่องเล่า ข้ามิกล้าเสี่ยงเอาชีวิตของตนเองลงไปทิ้งใต้น้ำดอก”

 

ใช่แล้วจริงดั่งสหายว่า ในคืนนั้นนางเองก็เดินตามดาวเหนือไปเช่นกัน แม้นรอบกายมืดมิด แต่ดวงจันทร์กลับกลมโตสวยงามเป็นพิเศษ ทำให้เด็กหญิงจ้องมองมันอย่างหลงใหลดุจดั่งต้องมนต์สะกด

 

ในที่สุดปริศนาก็คลี่คลาย…..

 

ทั้งสองร่ำสุรากันจนรุ่งสางจึงแยกย้าย…..

 

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป