**แปล Auto โดย AI จาก Raw ต้นฉบับ คำเรียก สรรพนาม ชื่อ อาจมีผิดเพี้ยน แต่ยังสามารถเข้าใจเนื้อหาโดยรวมได้** 796 ตอนจบ
**แปล Auto โดย AI จาก Raw ต้นฉบับ คำเรียก สรรพนาม ชื่อ อาจมีผิดเพี้ยน แต่ยังสามารถเข้าใจเนื้อหาโดยรวมได้** 796 ตอนจบ
ตอนที่ 79 : เสแสร้ง
หลู่เซิงอดไม่ได้ที่จะขบคิดในใจ ข้าดูอ่อนโยนจนถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?
เหตุใดพวกคนชั่วเหล่านี้จึงกล้าท้าทายขีดจำกัดของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า?
ครั้งก่อนก็พ่อแม่ของมัน ครานี้ลูกชายกลับมาอีกครั้ง ตระกูลนี้ทั้งบ้านเห็นข้าเป็นคนดีจนโง่เง่ารึไงกัน หรือแท้จริงแล้ว พวกมันไม่รู้จักคำว่า “กลัว” กันแน่
นางก้มตัวกระซิบกับหลู่เจียงอยู่สองสามคำ เมื่อแน่ใจว่าเด็กชายกลับเข้าห้องและล็อกประตูแน่นหนาแล้ว หลู่เซิงจึงหันกลับมาหาหลู่ชวนพร้อมยิ้มบาง ๆ “ใช่แล้ว ข้าซื้อของไว้มากทีเดียว เจ้าก็อยู่กินข้าวเย็นก่อนสิ พออิ่มแล้วค่อยกลับ”
แววตาของหลู่ชวนพลันสว่างวาบ เขากอดผ้าทอและอาหารแน่น ยิ้มกว้าง “ดีสิ ๆ งั้นเจ้าก็รีบไปทำกับข้าวเถอะ”
“อืม ได้เลย เจ้าก็นั่งรอก่อน ข้าจะไปเตรียมกับข้าวให้” หลู่เซิงยังคงยิ้มอ่อนโยน ท่าทางดูไม่ต่างจากหญิงสาวใจดีทั่วไป
แต่ในใจของนางกลับแผ่คลื่นโทสะรุนแรง
ถ้าไม่จัดการพวกคนไร้ยางอายเหล่านี้ตั้งแต่วันนี้ ข้าเกรงว่าอนาคตคงอยู่กันไม่เป็นสุขแน่
นางวางของที่ซื้อไว้ในครัว ก่อนเดินออกมาช้า ๆ รอยยิ้มยังไม่จางจากริมฝีปาก ทว่าดวงตาของนาง... เย็นเสียยิ่งกว่าน้ำแข็งฤดูหนาว
วันนี้ทั้งวันนางเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ไม่หนำซ้ำยังต้องมาทนฟังพวกหญิงปากเสียในตลาดกระซิบใส่ร้า ตอนนี้เจอเจ้าคนโง่หน้าด้านมาหาเรื่องถึงเรือนอีก เห็นทีนางจะได้ปลดปล่อยอารมณ์เสียเสียหน่อย
เลือกเดินสู่ขุมนรก ทั้งที่มีทางขึ้นสวรรค์ตรงหน้า ก็อย่าหวังจะได้กลับขึ้นมาอีก!
เสียงข้อนิ้วของนางดัง กร๊อบ!
แต่หลู่ชวนกลับมัวแต่จ้องชามเนื้อในมือ ไม่สังเกตเลยว่าเงาของหญิงสาวเบื้องหน้าเริ่มเย็นยะเยือกเพียงใด
“พี่ชาย ข้าวางของไว้ให้แล้วนะเจ้าคะ ตอนเจ้ากลับก็อย่าลืมหอบไปด้วยล่ะ ของหนักจะได้ไม่เกะกะเวลาเรากินข้าว”
น้ำเสียงของนางอ่อนโยนประหนึ่งกำลังเอาใจ
หลู่ชวนได้ยินดังนั้นก็วางของไว้ข้าง ๆ ด้วยความโล่งใจ
ทว่า... ทันทีที่เขาย่อตัวลง หลู่เซิงก็เปลี่ยนสีหน้า
นัยน์ตาคมวาวด้วยโทสะ “พ่อแม่เจ้าไม่ได้สั่งห้ามเจ้ามาหาเรื่องข้าอีกหรืออย่างไร”
“หา?” หลู่ชวนชะงัก เงยหน้าขึ้นงุนงง “เจ้าหมายความว่ายังไง”
“หมายความว่าอย่างไรน่ะรึ” หลู่เซิงหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะเย็นเฉียบประหนึ่งน้ำแข็งแตกสะท้อนกลางหุบเหว
จากนั้นนางยกเท้าถีบเก้าอี้ตรงหน้าเต็มแรง
เสียง ปัง! ดังสนั่น หลู่ชวนไม่ทันระวังตัว ร่างใหญ่โครมลงกับพื้นหงายหลังไปเต็มแรง
“หลู่เซิง! เจ้ากล้ารึ?! เจ้านี่มันอยากตาย!” เขาสบถลั่น ก่อนพยายามคว้าเก้าอี้ข้างตัวขึ้นมาเพื่อฟาดกลับ
แต่ยังไม่ทันได้เหวี่ยง เก้าอี้ในมือก็ถูกหญิงสาวเตะกระเด็นออกไปพร้อมกับร่างของเขา
เสียงกระแทกพื้นดัง ตุ้บ! ฝุ่นฟุ้งตลบ หลู่ชวนหอบหายใจแรง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงและหวาดกลัว
เขาเงยหน้ามองหลู่เซิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า หญิงสาวในชุดเรียบ ๆ แต่แววตาเยือกเย็นราวปีศาจ
นางก้าวเข้ามาช้า ๆ ทีละก้าว เสียงฝีเท้านิ่งสนิท แต่กลับทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบระเบิด
หลู่ชวนเริ่มรู้สึกกลัวจริง ๆ ก่อนหน้านี้เขาได้ยินข่าวลือว่าหลู่เซิงได้ไปคลุกคลีอยู่กับบุรุษมั่งมีในเมืองใหญ่จึงอยากมาขอส่วนบุญเล็ก ๆ แต่พอมาเจอเข้ากับของจริง เขากลับเพิ่งเข้าใจว่าข่าวลือนั้นยังดูเบาไปเสียอีก!
แท้จริงแล้วนางไม่ใช่หญิงอ่อนแอที่รอให้ใครรังแก แต่เป็นเสือร้ายที่พร้อมจะขย้ำคนทั้งตัว!
ก่อนหน้านี้เขามาหาที่เรือนหลายครั้งแต่ประตูบ้านปิดเงียบทุกครา แม้แต่ตอนเห็นหลู่หรัน พี่ชายของนาง นั่งตากข้าวอยู่ เขายังไม่กล้าเข้าไปทักเพราะรู้ดีว่าชายผู้นั้นมีนิสัยดุร้าย
จนกระทั่งวันนี้เขาได้ยินคนในตลาดพูดกันว่าหลู่เซิงกลับมาด้วยรถม้าคันงาม เขาจึงรีบกลับมาหมายจะลองเสี่ยงโชค เผื่อจะได้หลอกขอเงินสักร้อยตำลึง
แต่พอมาถึงกลับไม่เจอนาง มีเพียงหลู่เจียงอยู่ในบ้านกับรถม้าคันงามจอดอยู่ในลาน
เขาค้นดูแต่ก็ไม่เจอของมีค่า จึงเข้าไปในเรือนแล้วเห็นของดี ๆ วางอยู่เต็มโต๊ะ โดยเฉพาะม้วนผ้าไหมที่ดูมีราคาที่สุด
เขาตั้งใจจะขโมยไปเงียบ ๆ แต่ยังไม่ทันลงมือ หลู่เซิงก็กลับมาพร้อมถุงของพะรุงพะรัง
เห็นนางทำท่าทีใจดี พูดจาเรียบร้อย เขาจึงยิ่งได้ใจ คิดว่า... สตรีคนนี้ไม่ดุร้ายเหมือนที่พ่อแม่เล่าไว้ เลยได้แต่ยิ้มหน้าด้าน หวังจะกินข้าวฟรีก่อนกลับ
แต่ใครจะคาดว่ารอยยิ้มของนางนั้นแท้จริงเป็นเพียง “หน้ากาก” แห่งความเย็นชาที่พร้อมจะลงโทษคนโง่เช่นเขา