**แปล Auto โดย AI จาก Raw ต้นฉบับ คำเรียก สรรพนาม ชื่อ อาจมีผิดเพี้ยน แต่ยังสามารถเข้าใจเนื้อหาโดยรวมได้** 796 ตอนจบ
**แปล Auto โดย AI จาก Raw ต้นฉบับ คำเรียก สรรพนาม ชื่อ อาจมีผิดเพี้ยน แต่ยังสามารถเข้าใจเนื้อหาโดยรวมได้** 796 ตอนจบ
บทที่ 80 : หมูตงปอ
“เจ้าคิดจะทำอะไรของเจ้า?!” หลู่ชวนถอยกรูดด้วยความหวาดกลัว ดวงตาเบิกโพลงมองหลู่เซิงราวกับเห็นผี
หลู่เซิงก้าวเข้าหาเขาช้า ๆ สีหน้าเย็นชาดั่งน้ำแข็ง “จำไว้ให้ดี เจ้าจะไปขอความช่วยเหลือจากใครก็ได้บนโลกนี้... แต่ อย่าได้กล้ามาแตะต้องข้าอีกเป็นอันขาด” น้ำเสียงของนางเรียบ เย็น และเด็ดขาดจนคนฟังถึงกับตัวสั่น
หลู่ชวนหน้าซีดเผือด ความปวดแปลบที่แผ่นหลังทำให้เขาได้สติ หญิงสาวที่เขาคิดว่าอ่อนแอและน่ารังแกในวันก่อน แท้จริงกลับแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า
“ไสหัวไป!” หลู่เซิงตะคอกเสียงดังจนสะเทือนลานบ้าน
หลู่ชวนสะดุ้งเฮือก รีบลุกขึ้นคว้าของแล้ววิ่งหัวซุกหัวซุนออกจากบ้านไป
แม้ร่างกายจะใหญ่โตนัก แต่เพียงแรงเตะเดียวของหญิงสาวกลับทำให้เขากลิ้งไปกับพื้นได้อย่างไม่เหลือศักดิ์ศรี
นี่มันยังจะเรียกว่าผู้หญิงธรรมดาได้อีกหรือ?! เขาคิดพลางหอบหายใจ หน้าขาวซีดเหมือนกระดาษ
ยามมองประตูเรือนสกุลลู่ที่ปิดลงตรงหน้า ความแค้นแผ่ซ่านในอก
“หลู่เซิง... รอดูเถอะ!”
เขาขบกรามแน่น “เจ้าคนเดียวอาจเก่ง แต่ข้าไม่เชื่อหรอกว่าคนทั้งหมู่บ้านจะจัดการเจ้าไม่ได้!”
เขาแค่นหัวเราะเย็นในลำคอ หญิงงามเช่นนาง หากขายให้ซ่องก็คงได้ราคาดีไม่ต่ำกว่าร้อยตำลึงแน่
แต่หลู่เซิงไม่รู้เลยว่าชายผู้นั้นคิดสกปรกเช่นใด ถึงรู้ นางก็คงไม่ใส่ใจอยู่ดี
เพราะคนที่รู้จักนางดีในอดีตล้วนทราบว่า...แม้นางจะเป็นคนอารมณ์ดี แต่หากใครล้ำเส้น แม้แต่ท่านอาจารย์ยังต้องหลีกทางให้ความโกรธของนาง!
สำหรับนาง หลู่ชวนก็เป็นเพียงขยะชิ้นหนึ่ง เรื่องที่เขาทำวันนี้ นับเป็นเพียงความโง่เขลาขี้ประจบเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นต้องตาย
แต่หากวันใดเขากล้าทำให้นางโมโหจริง ๆ หลู่เซิงก็ไม่ลังเลที่จะทำให้เขาอยากตายแต่ตายไม่ได้
ท่านอาจารย์เคยกล่าวไว้ว่า การฆ่าคนหรือวางเพลิงย่อมทำให้ชะตาชีวิตสั้นลง ทว่าถ้าผู้ถูกลงมือคือคนชั่ว นั่นไม่ถือเป็นบาป แต่คือการกำจัดอธรรม
แม้แต่พญายมยังต้องลุกขึ้นปรบมือชมเชยเลยล่ะ!
“อาเจียง ช่วยเอาของพวกนี้เก็บเข้าห้องทีสิ” เสียงเรียกของหลู่เซิงดังขึ้น เด็กชายเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าตื่นเต้นปนชื่นชม
“พี่หญิงรองสุดยอดไปเลย” เขายกนิ้วโป้งให้ ก่อนจะรีบยกของกลับเข้าห้องด้วยความกระตือรือร้น
หลู่เซิงหัวเราะเบา ๆ แล้วหันไปจัดเตรียมอาหารมื้อเย็น
วันนี้นางตั้งใจทำเมนูพิเศษ หมูตงปอ, ซุปซี่โครงรากบัว, ไก่นึ่งตุ๋นสมุนไพร, มะเขือผัดไข่, ผักผัดน้ำมันหอม, และเครื่องจิ้มต่าง ๆ สำหรับไก่
กลิ่นหอมของหมูต้มซีอิ๊วกับน้ำตาลแดงลอยอบอวลไปทั่วลานบ้าน
พอทำเสร็จ ฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสีเป็นส้มทองของยามอัสดง
นางยื่นเหรียญทองแดงเล็กน้อยให้หลู่เจียง “ไปซื้อเหล้าข้าวจากบ้านข้าง ๆ มาหน่อยนะ”
จากนั้นนางก็เดินไปเรียกบ้านข้าง ๆ ครอบครัวเหลียง ให้มาร่วมกินข้าวเย็น พร้อมอุ้มหลู่ซินกลับมาจากบ้านป้าอวี้
วันนี้ป้าอวี้พาหยวนจื่อกับเด็ก ๆ ขึ้นเขาไปเก็บผัก จึงเพิ่งกลับมาทันทีที่หลู่เซิงเดินไปเรียก
“เพิ่งกลับมาก็มัวแต่ทำงานอีก เจ้าจะไม่รู้จักพักบ้างหรือ” ป้าอวี้พูดพลางมองรอยคล้ำบางใต้ตาของหลู่เซิงด้วยความเอ็นดู
หลู่เซิงยิ้มอบอุ่น “ไม่เหนื่อยหรอกเจ้าค่ะ ข้าเกรงว่าป้าจะลำบากเสียมากกว่า ต้องคอยดูแลอาเจียงกับอาซินให้ข้า ทั้งยังมาช่วยรดน้ำต้นไม้ในสวนทุกวันอีก”
หญิงวัยกลางคนที่เป็นภรรยาเหลียงผิงหัวเราะเบา ๆ “ภาระอะไรจะหนักนักกัน เดี๋ยวพี่เหลียงก็ช่วยอยู่แล้ว”
เหลียงผิงพยักหน้าเสริม “ใช่ ข้างบ่อก็มีน้ำ จะตักมารดผักยังไงก็สะดวกนัก ข้าไม่เห็นเหนื่อยตรงไหนเลย”
วันนี้ครอบครัวเหลียงเพิ่งเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้วขนเข้าโกดัง เพราะลานบ้านเล็กเกินไป จึงต้องนำข้าวไปตากที่ลานรวมในหมู่บ้าน พอกลับมาก็พอดีหลู่เซิงมาเชิญให้ร่วมมื้อเย็น
“นี่เจ้าทำหมูอย่างไร กลิ่นหอมน่ากินเหลือเกิน” ป้าอวี้ถามด้วยความประหลาดใจขณะมองหมูชิ้นสี่เหลี่ยมสีแดงใสในหม้อ
ชิ้นหมูมันนุ่มนวลเป็นชั้น สีสันแดงแวววาวจนชวนให้กลืนน้ำลายตั้งแต่ยังไม่ได้ชิม
“นี่เรียกว่าหมูตงปอเจ้าค่ะ ถ้าป้าอยากเรียน ข้าสอนให้ได้ทุกขั้นตอนเลย” หลู่เซิงพูดพลางตักใส่จานให้ชิมคนละชิ้น
“พี่เหลียง พี่สะใภ้ ลองดูสิเจ้าคะ”
เหลียงผิงกับภรรยาหยิบคนละชิ้นขึ้นชิม และเพียงแค่คำแรก สีหน้าทั้งคู่ก็เปลี่ยนเป็นอิ่มเอม
“โอ้โห... นุ่มจนแทบละลายในปาก”
“กลิ่นเครื่องปรุงหอมหวานจริง ๆ อาเซิง เจ้านี่เก่งขึ้นมากเลยนะ”
แม้แต่เด็กทั้งสามที่ปกติไม่ชอบเนื้อมัน ก็พากันกินอย่างเอร็ดอร่อยไม่หยุดมือ
เสียงหัวเราะและกลิ่นอาหารอวลอบอุ่นไปทั่วลานบ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางแสงตะวันอัสดงที่ละมุนละไม
ในยามนั้น หลู่เซิงยกมองท้องฟ้าสีทองอ่อนแล้วแย้มยิ้ม
หลังจากวันอันวุ่นวาย... วันนี้คือครั้งแรกที่หัวใจของนางรู้สึกสงบและอบอุ่นอีกครั้ง