**แปล Auto โดย AI จาก Raw ต้นฉบับ คำเรียก สรรพนาม ชื่อ อาจมีผิดเพี้ยน แต่ยังสามารถเข้าใจเนื้อหาโดยรวมได้** 796 ตอนจบ
**แปล Auto โดย AI จาก Raw ต้นฉบับ คำเรียก สรรพนาม ชื่อ อาจมีผิดเพี้ยน แต่ยังสามารถเข้าใจเนื้อหาโดยรวมได้** 796 ตอนจบ
บทที่ 77 : การจากลา (ตอนที่ 2)
หลู่เซิงคิดว่าครานี้มีเพียงฉู่ซือหานที่จะมาส่งนางกลับหมู่บ้านหวงหยางเพียงผู้เดียว แต่เมื่อมาถึงหน้าประตูเมืองกลับพบว่าทั้งสืออี้และอวิ๋นถิงก็มาด้วยเช่นกัน
นางแอบเหลือบมองใบหน้าของฉู่ซือหาน เห็นว่าเขายังคงมีสีหน้าเรียบเฉยดังเดิมไม่ปรากฏความรู้สึกใดให้จับต้องได้
ชายทั้งสามต่างขี่ม้ามาด้วยกัน ส่วนฉู่อวิ๋นเพียงขับรถม้าตามมาส่งถึงประตูก่อนจะเปลี่ยนม้าให้ใหม่
หลู่เซิงเหลือบมองสารถี แล้วหันไปพูดกับฉู่ซือหาน “ท่านเจ้าเมือง ข้าขี่ม้าเองได้เจ้าค่ะ”
แต่เดิมเมื่ออยู่บนเขานางเคยมีม้าขาวตัวหนึ่งที่อาจารย์เลี้ยงไว้ มักจะขี่มันไปขนของเป็นประจำ แม้เวลาจะผ่านมาหลายปีทักษะนั้นก็ยังคงไม่เลือนหาย
ฉู่ซือหานดึงบังเหียนม้าไว้ พลันหันกลับมามองนางนิ่ง ๆ
“เจ้าคิดจะกลับหมู่บ้านหวงหยางเพียงลำพังรึ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงความห่วงกังวล
หลู่เซิงพยักหน้าเบา ๆ “เจ้าค่ะ ข้าสามารถจ่ายค่ารถม้าได้ ไม่ต้องกังวล”
รถม้าหนึ่งคันคงไม่เกินกำลังนางอยู่แล้ว ตอนนี้นางยังมีเงินอยู่แปดร้อยตำลึง ย่อมเพียงพอแน่
แต่ยังไม่ทันที่นางจะพูดจบ ฉู่อวิ๋นก็เอ่ยขึ้นก่อน “คุณหนูหลู่ รถม้าคันนี้ท่านเจ้าเมืองซื้อให้คุณหนูโดยเฉพาะเจ้าค่ะ”
“ซื้อ... ให้ข้าหรือ?” หลู่เซิงเงยหน้ามองฉู่ซือหานด้วยความประหลาดใจ
เขาตอบสั้น ๆ พลางมองไปข้างหน้า “เจ้ามาหมู่บ้านบ่อย เดินทางไปมาคงไม่สะดวกนัก ข้าจึงให้จัดรถม้าไว้ให้ อีกทั้ง...” เขาเหลือบมองสารถีที่ยืนอยู่ด้านข้าง “คนขับผู้นี้ หากเจ้าไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร”
แท้จริงแล้วสารถีนั้นคือคนของเขาเอง เดิมตั้งใจให้ติดตามไปส่งหญิงสาวถึงบ้านอย่างปลอดภัย แต่หากนางไม่ต้องการเขาก็ไม่ขัดใจ
“ขอบพระคุณท่านเจ้าเมืองเจ้าค่ะ ข้าจัดการเองได้” หลู่เซิงกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใส นัยน์ตาเป็นประกาย
อวิ๋นถิงที่อยู่ด้านข้างปรายตามองฉู่ซือหานอย่างมีเลศนัย มุมปากยกยิ้มราวกับกำลังล้อเลียน
ส่วนสืออี้ก็ส่งเสียง “ฮึ” เบา ๆ ก่อนจะมองทั้งคู่สลับกันด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
เมื่อฉู่ซือหานพยักหน้า สารถีก็โค้งคำนับแล้วถอยออกไปอย่างเงียบงัน
หลู่เซิงหัวเราะเบา ๆ แล้วขยับไปนั่งตรงที่สารถีเคยนั่ง เงยหน้าขึ้นมองบุรุษบนหลังม้า “ท่านเจ้าเมือง รถม้าคันนี้... ราคาเท่าไรหรือเจ้าคะ”
“ไม่จำเป็นต้องจ่าย” เขาหันมามองนางเล็กน้อย ก่อนพูดเรียบ ๆ “ถือเป็นของข้าให้เจ้า”
หญิงสาวนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนยกมือประนมแล้วเอ่ยอย่างนอบน้อม “ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
เขาเพียงหันกลับไปข้างหน้า แต่ไม่เห็นรอยยิ้มกว้างของหญิงสาวที่แอบมองแผ่นหลังกว้างของเขา นางยิ้มราวกับเด็กสาวในยามเขินอาย ใบหน้าที่เปล่งประกายยิ่งกว่าดอกไม้แรกแย้ม
“ไปกันเถอะ!” สืออี้ตะโกนขึ้นก่อนจะกระตุกบังเหียนม้าพุ่งออกไปทันที อวิ๋นถิงขยับตามไปติด ๆ
ฉู่ซือหานคุมม้าของตนให้เดินเคียงข้างรถม้าของหลู่เซิง ส่วนฉู่อวิ๋นขี่ตามอยู่ด้านหลังอย่างเงียบงัน
อากาศในวันนี้ช่างดีเหลือเกิน แสงแดดอุ่นส่องลอดผ่านกิ่งหลิว ลมเย็นพัดเบา ๆ ชวนให้รู้สึกอ้อยอิ่งใจ
เส้นทางจากจวนถึงนอกเมืองใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วยาม แต่สำหรับฉู่ซือหานกลับรู้สึกว่ามันช่างสั้นนัก...เพียงพริบตาเดียวก็ใกล้ถึงจุดที่ต้องลาจากเสียแล้ว
“ส่งถึงตรงนี้ก็พอเจ้าค่ะ” หลู่เซิงชะลอม้าก่อนหันไปยิ้มอ่อนโยน
“ให้พวกเราส่งไปไกลอีกหน่อยดีหรือไม่” สืออี้เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ พวกท่านล้วนมีงานยุ่ง ข้าไม่อยากรบกวน” นางตอบพลางหัวเราะเบา ๆ แล้วเงยหน้ามองฉู่ซือหานอีกครั้ง
บุรุษผู้นั้นอยู่บนหลังม้าในชุดสีเขียวเข้ม ใบหน้าคมเฉียบไม่แสดงอารมณ์ใด แต่สายตาที่จ้องมองมาหานางกลับแน่วแน่เกินกว่าจะตีความได้
เขาค่อย ๆ ลงจากหลังม้า แล้วหยิบกล่องไม้เล็ก ๆ ส่งให้นาง
“เก็บไว้ให้ดี เปิดดูเมื่อถึงบ้านแล้วค่อยว่ากัน” เสียงของเขาต่ำและทุ้ม นุ่มนวลแต่แฝงความเสียดายบางอย่าง
หลู่เซิงรับกล่องมาด้วยมือสองข้าง ก่อนยิ้มบาง ๆ “ขอบพระคุณเจ้าค่ะ... ลาก่อนนะเจ้าคะ”
“ลาก่อน...” คำตอบของเขาเย็นเรียบเช่นเคย แต่หลู่เซิงกลับได้ยินแววสั่นไหวบางเบาแฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้น
“ข้าไปแล้วนะ” นางโบกมือให้พวกเขา ยกบังเหียนแล้วขับรถม้าออกไปโดยไม่หันกลับ
ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดเอื่อย ๆ ใบหลิวสองข้างทางร่วงหล่นจนแทบเกลี้ยง เหลือเพียงกิ่งเรียวที่เอนพลิ้วตามแรงลม
บนกิ่งไม้มีนกกระจอกสีทองคู่หนึ่งเกาะส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว...
เสียงนั้นทำให้หัวใจของฉู่ซือหานที่ว่างเปล่าอยู่แล้ว ยิ่งวุ่นวายยิ่งนัก
นางจากไปแล้ว... เหตุใดยังรู้สึกเหมือนบางสิ่งข้างในหายไปทั้งดวงเช่นนี้เล่า?