พิชิตศัตรูสิ้น สยบใต้หล้า เจียงฮ่าวเริ่มต้นจากศิลปะการต่อสู้สู่วิถีเซียนด้วยพรสวรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด!
พิชิตศัตรูสิ้น สยบใต้หล้า เจียงฮ่าวเริ่มต้นจากศิลปะการต่อสู้สู่วิถีเซียนด้วยพรสวรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด!
บทที่ 14 เจียงฮ่าวลงมือ!
"เจ้าหนู บอกข้ามาสิว่าพ่อกับแม่ของเจ้าอยู่ที่ไหน ถ้าหากเจ้าหลงทางพวกเราจะพาเจ้าออกจากป่านี้ไปเอง"
นักศิลปะการต่อสู้ทั้งสามคนนี้ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร เมื่อพวกเขาเห็นเจียงฮ่าวที่เป็นเด็กตัวเล็กๆอยู่ในป่าเพียงลำพัง พวกเขาจึงเป็นห่วงและเสนอที่จะพาเจียงฮ่าวออกไปส่งพ่อแม่ของเขา
"พวกท่านไม่เชื่อข้าหรือ?" เจียงฮ่าวขมวดคิ้ว
เมื่อเห็นท่าทางของทั้งสามคนนั้นจึงรู้ว่าพวกเขาไม่เชื่อว่าเขาเป็นเจ้าของเสือโคร่งตัวใหญ่นี้จริงๆ
"ต้าหู คำรามออกมาสามครั้งเร็ว" เจียงฮ่าวพูดกับเสือโคร่ง
เนื่องจากต้าหูสายมีเลือดปีศาจเสือและมันก็สนิทสนมกับเจียงฮ่าวมาก ดังนั้นต้าหูจึงทำตามคำสั่งของเจียงฮ่าวและคำรามออกมาสามครั้ง
"ต้าหู ทำอีกรอบ" เสือโคร่งจึงคำรามซ้ำอีกสามครั้ง
"ต้าหู สะบัดหางที" เสือโคร่งจึงสะบัดหางตามคำสั่งของเจียงฮ่าว
นักศิลปะการต่อสู้ทั้งสามมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเสือโคร่งตัวนี้จะเป็นสัตว์เลี้ยงของเด็กคนนี้หรือ เพราะนี่มันเหลือเชื่อเกินไป
ดังนั้น ทั้งสามคนจึงค่อยๆปล่อยเชือก ส่วนต้าหูก็มองเจียงฮ่าวด้วยความรู้สึกที่อยากจะกลับไปหาเจ้าของ
"ต้าหู เข้ามาหาข้าสิ"
เสือโคร่งมองไปที่ทั้งสามคน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ขัดขวางใดๆ ดังนั้นต้าหูจึงรีบวิ่งเข้าไปหาเจียงฮ่าว
เจียงฮ่าวลูบหัวต้าหูเบาๆอย่างปลอบโยน "ต้าหู มาอยู่ข้างๆข้าและอย่าวิ่งไปไหนมาไหนนะ"
ดวงตาของต้าหูแสดงออกถึงความรู้สึกกลัวและพยักหน้ารับ จากนั้นมันจึงไปอยู่ข้างๆเจียงฮ่าวอย่างว่าง่าย
นักศิลปะการต่อสู้ทั้งสามที่เห็นความสนิทสนมระหว่างเจียงฮ่าวกับเสือโคร่งจึงรู้ได้ทันทีว่าเด็กคนนี้เป็นเจ้าของของเสือโคร่งตัวนี้จริง ๆ
นักศิลปะการต่อสู้คนหนึ่งก้าวออกมาข้างหน้าและพูดว่า "พวกเราเป็นศิษย์ของสำนักหวงเทียนซึ่งได้รับภารกิจจากสำนักให้มาจับสัตว์ป่าที่มีสายเลือดปีศาจที่เขาเฟยอิง พวกเราตามรอยหมูป่ามาและพบว่าหมูป่าตัวนั้นถูกเสือโคร่งของเจ้าฆ่า ดังนั้นพวกเราจึงตั้งใจจะจับเสือโคร่งไปเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ"
"แต่เมื่อเสือโคร่งตัวนี้มีเจ้าของแล้ว เรื่องเมื่อครู่ก็ถือซะว่าเป็นความเข้าใจผิดของพวกเรา ขอให้เจ้าหนูอภัยให้พวกเราด้วย"
ทั้งสามคนไม่ได้เป็นคนที่จองหอง นอกจากนี้พวกเขายังขอโทษเจียงฮ่าวจนทำให้เจียงฮ่าวรู้สึกโล่งใจอีกด้วย
"พวกท่านเป็นศิษย์ของสำนักหวงเทียนงั้นหรือ?"
"ใช่"
เจียงฮ่าวนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สำนักหวงเทียนจะแบ่งออกเป็นศิษย์ชั้นนอกและศิษย์ชั้นใน ซึ่งผู้ที่มีพลังยุทธ์ต่ำกว่าขอบเขตพลังแปลงสภาพส่วนใหญ่ล้วนเป็นศิษย์ชั้นนอก
ทันใดนั้นก็มีเงาคนปรากฏตัวขึ้นจากป่าซึ่งเป็นหญิงสาวในชุดแดงรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาสวยงามแต่มีแววตาที่ดูเย็นชา
เมื่อได้เห็นหญิงสาวชุดแดง นักศิลปะการต่อสู้ทั้งสามจึงรีบโค้งคำนับ "คารวะศิษย์พี่เซี่ย"
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวชุดแดงมีสถานะที่สูงกว่านักศิลปะการต่อสู้ทั้งสามคน ดังนั้นเธอจึงอาจจะเป็นศิษย์ชั้นในก็เป็นได้
"เจ้าหนู คนๆนี้คือศิษย์พี่เซี่ยหง ศิษย์หลักชั้นนอกของสำนักหวงเทียน"
"ศิษย์หลักชั้นนอกงั้นหรือ?" เจียงฮ่าวเข้าใจทันที
จ้าวเฮยถ่าเคยเล่าให้เขาฟังถึงการแบ่งลำดับของศิษย์ชั้นนอกของสำนักหวงเทียน แม้จะมีศิษย์ชั้นนอกจะมีจำนวนมาก แต่ก็แบ่งออกเป็นศิษย์ชั้นนอกธรรมดาและศิษย์หลักชั้นนอกตามระดับพลังยุทธ์ โดยเฉพาะผู้ที่มีพลังยุทธ์ถึงขอบเขตพลังหยินเท่านั้นถึงจะกลายเป็นศิษย์หลักชั้นนอกได้
เซี่ยหงที่อยู่ตรงหน้าเองก็เป็นนักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตพลังหยินเช่นกัน
"เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ?" เซี่ยหงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
นักศิลปะการต่อสู้ทั้งสามคนจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ฟังอย่างรวบรัด
แววตาที่เซี่ยหงมองเจียงฮ่าวนั้นมีความประหลาดใจแฝงอยู่
เสือโคร่งที่มีสายเลือดปีศาจไม่น่าจะยอมรับใครให้เป็นนายได้ง่ายๆ
ยิ่งเป็นเด็กน้อยด้วยแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องแปลก
เซี่ยหงจึงมองเจียงฮ่าวอย่างพินิจพิเคราะห์
นางสัมผัสได้ถึงพลังเลือดปราณที่แข็งแกร่งในร่างของเจียงฮ่าว
แม้กระทั่งพลังเลือดปราณของเสือโคร่งตรงก็หน้ายังเทียบไม่ติดด้วยซ้ำ
"เด็กคนนี้มีอะไรแปลกๆ หลิวเฉวียนเจ้าลองสู้กับเด็กคนนี้ให้ข้าดูที"
เซี่ยหงออกคำสั่งกับลูกน้องทั้งสาม
ทั้งสามคนลังเลเล็กน้อย
พวกเขาเป็นถึงศิษย์สำนักนอกของหวงเทียนจง แล้วจะไปรังแกเด็กอายุไม่ถึงสิบขวบได้อย่างไร?
เรื่องแบบนี้ถ้าแพร่ออกไปคงไม่ดีแน่
"หรือว่าจะให้ข้าลงมือเอง?"
"ไม่ขอรับ"
ทั้งสามหันไปเผชิญหน้ากับเจียงฮ่าว
"เจ้าหนู พวกข้าขอโทษนะ"
หลิวเฉวียนกล่าวด้วยเสียงเบา
แม้ทั้งสามจะเริ่มลงมือ แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะรุมเจียงฮ่าวจริงๆ
มีเพียงหลิวเฉวียนเท่านั้นที่เป็นฝ่ายบุก ส่วนอีกสองคนคอยช่วยเหลืออยู่ด้านหลัง
เจียงฮ่าวขมวดคิ้ว
เดิมทีทุกอย่างก็เป็นไปอย่างราบรื่นแท้ๆ แต่ทันทีที่เซี่ยหงปรากฎตัวขึ้นเธอก็สั่งให้ทั้งสามคนนี้เข้ามาสู้กับเขาเสียอย่างนั้น
ช่างเป็นผู้หญิงที่หยาบคายและไร้มารยาทจริงๆ
แม้เขาจะดูออกว่าทั้งสามจะลงมือแต่ก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่าเขา แต่เพียงแค่ต้องการทดสอบพลังเท่านั้น
แต่เจียงฮ่าวเองก็ไม่ยอมอยู่เฉยให้ถูกกระทำเช่นกัน
"วู้มมม"
ทันใดนั้น พลังเลือดปราณของเจียงฮ่าวก็เปลี่ยนไป
ราวกับจู่ๆเขาก็กลายร่างเป็นพยัคฆ์ที่คำรามเสียงดังกึกก้องอยู่ในขุนเขา
แววตาของเขาดุดัน เย็นชา ไร้ความรู้สึก
เจียงฮ่าวในตอนนี้ได้เข้าใจถึงแก่นแท้ของ "กระบวนท่าของเสือ" แล้ว
ดังนั้น พลังเลือดปราณที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขาจึงเหมือนกับพยัคฆ์ร้าย
ในเสี้ยววินาทีต่อมา เจียงฮ่าวก็เริ่มเคลื่อนไหว
เขาเคลื่อนไหวราวกับเป็นพยัคฆ์ร้ายตัวจริง ที่เมื่อเห็นจังหวะที่เหมาะสมก็พุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วเพื่อสังหารในคราวเดียว
ทันใดนั้น เจียงฮ่าวได้ปล่อยหมัดออกไป
เพียงแค่พลังเลือดปราณเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้หลิวเฉวียนและพรรคพวกอีกสองคนตกตะลึงไปได้ชั่วขณะแล้ว!
"บู้มมม!"
เจียงฮ่าวไม่ถอยแม้แต่น้อยและเข้าต่อสู้กับหลิวเฉวียนอย่างดุเดือด
หมัดของเขากับหลิวเฉวียนเข้าปะทะกัน
พลังภายในที่เพิ่มขึ้น 160% ได้ทะลักเข้าสู่ร่างกายของหลิวเฉวียนในพริบตา
"กร๊อบบ!"
ทันใดนั้น กระดูกมือของหลิวเฉวียนได้หักลงในทันที
"อ๊ากกก..."
ศิษย์ชั้นนอกของสำนักหวงเทียนจงคนนี้กำลังร้องเสียงหลงพร้อมกับร่างของเขาที่กระเด็นออกไปราวกับว่าวที่สายขาดและตกลงบนพื้น
แต่หลังจากนั้น เจียงฮ่าวก็ไม่ได้ตามเข้าไปโจมตีซ้ำ
หากเขาทำแบบนั้น หลิวเฉวียนคงจะตายเป็นแน่
"อะไรกัน?"
"นั่นมัน...วิชาหมัดพยัคฆ์งั้นรึ?!"
"นอกจากนี้ ยังน่าจะเป็นวิชาหมัดพยัคฆ์ที่ฝึกถึงระดับ 'เชี่ยวชาญเล็กน้อย' แล้วด้วย!"
"ถึงแม้วิชาหมัดพยัคฆ์จะแพร่หลายไปนานแล้ว แต่วิชานี้ก็ไม่ง่ายที่จะฝึกฝนให้ไปถึงขั้นเชี่ยวชาญได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงระดับเชี่ยวชาญเล็กน้อยเลยด้วยซ้ำ เพราะจะต้องใช้เวลาหลายปีหรืออาจจะถึงสิบปีกว่าจะฝึกไปถึงขั้นนั้นได้”
“แต่เด็กคนนี้กลับทำได้งั้นรึ?"
"ไม่ใช่แค่วิชาหมัดพยัคฆ์ระดับเชี่ยวชาญเล็กน้อยเพียงอย่างเดียว แต่เด็กคนนี้ยังมีพลังเลือดปราณที่แข็งแกร่งมาก แถมยังเพิ่มพลังภายในได้อย่างน่ากลัว ข้าคิดว่ามันน่าจะเพิ่มพลังภายในได้ไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่าเป็นแน่ ด้วยความสามารถระดับนี้เป็นศิษย์ชั้นนอกของสำนักหวงเทียนจงจะถือว่าเป็นบุคคลที่โดดเด่นและมีโอกาสได้เลื่อนขั้นเป็นศิษย์ชั้นใดได้ไม่ยาก!"
เมื่อเห็นเจียงฮ่าวลงมือเพียงครั้งเดียวก็สามารถเอาชนะหลิวเฉวียนได้ อีกสองคนที่เหลือจึงคิดเช่นนี้ในใจด้วยความกลัวและไม่กล้าลงมืออีกต่อไป
"หืม?"
เซี่ยหงหรี่ตาลงเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าภายนอกเธอจะไม่แสดงอาการใดๆ แต่ภายในใจของเธอกลับเริ่มปั่นป่วน
เจียงฮ่าวที่อยู่ตรงหน้าเธอมีอายุไม่เกินสิบขวบเท่านั้น แต่กลับมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้
เป็นไปได้ไหมว่าเด็กคนนี้เป็นนักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตพลังภายในแล้ว?
นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะกลั่นพลังเลือดปราณจนสร้างพลังภายในขึ้นมาเองได้ตามธรรมชาติอีกด้วย
อย่างน้อยจะต้องกลั่นได้สามส่วนหรืออาจจะมากกว่านั้นเป็นแน่
ไม่เช่นนั้น คงไม่สามารถเอาชนะหลิวเฉวียนได้ด้วยหมัดเดียว
หลิวเฉวียนแม้จะไม่เก่งกาจมากแต่ก็เป็นถึงศิษย์ชั้นนอกของสำนักหวงเทียน
"เจ้าชื่ออะไร?"
….
"เจ้าชื่ออะไร?" เซี่ยหงถามอีกครั้ง
เจียงฮ่าวไม่รู้ว่าเซี่ยหงคิดจะทำอะไรจึงไม่ได้ตอบ
"วางใจเถอะ ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก"
"ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังมีผู้คุ้มกันที่อยู่ในขอบเขตพลังหยินอยู่เบื้องหลังด้วยไม่ใช่รึ?"
"ถึงแม้ว่าเจ้าจะอายุยังน้อยแต่ก็เป็นถึงนักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตพลังภายในแล้ว แถมยังกลั่นพลังเลือดปราณได้มากมาย แต่การที่เจ้ายังไม่ได้เป็นศิษย์ของสำนักหวงเทียนคงเป็นเพราะไม่มีใครแนะนำเจ้าให้เข้าสำนักหวงเทียนสินะ?"
"ข้าจะมอบตรานี้ให้กับเจ้า มันเป็นตราของตระกูลเซี่ยแห่งเมืองชิงหยาง การที่เจ้ามีตรานี้ก็เหมือนกับได้รับการแนะนำให้เป็นศิษย์ชั้นนอกของสำนักหวงเทียน ดังนั้นเมื่อเจ้ากลับไปที่เมืองหากเจ้ายื่นตรานี้เจ้าก็สามารถเข้าร่วมสำนักหวงเทียนได้"
เซี่ยหงโยนตราออกมาทันที
เจียงฮ่าวรับตรานั้นซึ่งบนตรามีตัวอักษร "เซี่ย" สลักอยู่
แค่ตรานี้เพียงอย่างเดียวก็สามารถเข้าร่วมสำนักหวงเทียนได้แล้วงั้นหรือ?
ก่อนหน้านี้เจียงฮ่าวเคยเดินทางไปทั่วเพื่อออกตามหาอาจารย์ แต่ก็ไม่มีใครที่พาเขาไปแนะนำกับสำนักหวงเทียนได้
สุดท้ายแล้วเขาจึงได้เข้าเป็นศิษย์ของจ้าวเฮยถ่าจนได้มีโอกาสถูกแนะนำให้เข้าสำนักหวงเทียน
แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่ถูกจ้าวเฮยถ่าพาไปแนะนำ แต่เขากลับได้ตราที่สามารถเข้าสำนักหวงเทียนมาได้โดยไม่คาดฝัน
"ตอนนี้เจ้าจะบอกชื่อของเจ้าได้แล้วหรือยัง?"
เซี่ยหงแสดงความเป็นมิตรออกมา
เจียงฮ่าวจึงพูดขึ้นว่า "ข้าชื่อเจียงฮ่าว"
"ดีมาก เจียงฮ่าวสินะ? หวังว่าครั้งหน้าที่พวกเราได้พบกัน เจ้าจะได้เข้าร่วมสำนักหวงเทียนแล้ว"
เมื่อพูดจบ เซี่ยหงจึงสั่งให้ลูกน้องหันหลังกลับและจากไป
เมื่อเห็นเซี่ยหงและพรรคพวกหายลับไป เบื้องหลังของเจียงฮ่าวก็ปรากฏร่างที่คุ้นเคย
นั่นคือศิษย์พี่รองเหวินเซียง!
เป็นดังที่คาดไว้ เซี่ยหงรู้ถึงการมีอยู่ของเหวินเซียงตั้งแต่แรกแล้ว
ดังนั้นเธอจึงได้บอกว่าเจียงฮ่าวมี "ผู้คุ้มกันที่เป็นยอดฝีมือในขอบเขตพลังหยิน" อยู่เบื้องหลัง
"ศิษย์พี่รอง ตรานี้..."
เจียงฮ่าวถาม
"เจ้าเก็บเอาไว้เถอะ"
"ถ้าตรานี้ถูกนำกลับไปที่เมืองชางเฉิง มันจะต้องก่อทำให้เกิดความโกลาหลเป็นแน่"
"ตระกูลเซี่ยแห่งเมืองชิงหยางเองก็ช่างกล้าจริงๆที่มอบตราแนะนำศิษย์ชั้นนอกง่ายๆแบบนี้ และยังมอบให้กับคนแปลกหน้าอีก..."
คำพูดของศิษย์พี่รองเหวินเซียง ทำให้เจียงฮ่าวตระหนักได้ว่าตราในมือของเขานั้นมีค่ามาก
"ศิษย์พี่รอง แล้วข้า..."
"อย่าถามข้า เจ้าน่ะกลับไปถามท่านอาจารย์เถอะ"
"แล้วเจ้ารู้แล้วใช่ไหมว่าการได้รับแนะนำให้เข้าสำนักหวงเทียนนั้นล่อตาล่อใจมากแค่ไหน..."
เหวินเซียงขัดจังหวะเจียงฮ่าว
นางรู้ว่าเจียงฮ่าวต้องการถามอะไร
แต่เรื่องการถูกแนะนำนี้นางไม่สามารถให้คำแนะนำได้
แม้กระทั่งนางเองก็ยังกลัวว่าจะอดใจไม่ไหวและชิงตราของตระกูลเซี่ยมาจากเจียงฮ่าวเสียเองด้วยซ้ำ
เจียงฮ่าวเองก็รู้สึกได้ว่าแววตาของศิษย์พี่รองดูแปลกไปเล็กน้อย
ดังนั้นเขาจึงรีบเก็บตราแล้วกระโดดขึ้นหลังต้าหูก่อนที่จะออกไปจากเขาเฟยอิงพร้อมกับศิษย์พี่รอง