พิชิตศัตรูสิ้น สยบใต้หล้า เจียงฮ่าวเริ่มต้นจากศิลปะการต่อสู้สู่วิถีเซียนด้วยพรสวรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด!
พิชิตศัตรูสิ้น สยบใต้หล้า เจียงฮ่าวเริ่มต้นจากศิลปะการต่อสู้สู่วิถีเซียนด้วยพรสวรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด!
บทที่ 13 ต้าหูตกอยู่ในอันตราย!
“ศิษย์พี่รอง ตอนนี้พลังยุทธ์ของท่านไปถึงขั้นไหนแล้วหรือ? ท่านช่วยบอกข้าได้ไหม? ถ้าหากท่านไม่สะดวกก็ถือซะว่าข้าไม่ได้ถามก็ได้ขอรับ” ระหว่างทางเจียงฮ่าวได้ถามศิษย์พี่รอง
ศิษย์พี่รองเหวินเซียงเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างกำยำและหน้าตาธรรมดา
แต่ถึงอย่างนั้น ศิษย์พี่รองก็มีจิตใจดี มีอารมณ์ขัน ซึ่งในบรรดาศิษย์ชั้นในของสำนักฝึกวิชา เจียงฮ่าวสนิทกับที่สุดกับเหวินเซียงมากที่สุด
เหวินเซียงมองเจียงฮ่าวแล้วยิ้ม “ไม่มีอะไรที่ข้าบอกไม่ได้หรอก ตอนนี้ข้าอยู่ในขอบเขตพลังหยินขั้นสูงสุดแล้วล่ะ”
“ขอบเขตพลังหยินขั้นสูงสุดงั้นหรือ? นั่นก็เกือบจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตพลังแปลงสภาพแล้วนี่ขอรับ หากท่านได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตพลังแปลงสภาพ ศิษย์พี่รองก็สามารถเข้าสำนักหวงเทียนเป็นศิษย์ชั้นในได้เลยไม่ใช่หรือ?”
“มันจะง่ายขนาดนั้นได้อย่างไรกัน? จากขอบเขตพลังหยินขั้นสูงสุดก้าวไปสู่ขอบเขตพลังแปลงสภาพนั้นยากมาก แม้ว่าจะไปถึงขอบเขตพลังแปลงสภาพแล้ว ข้าก็ยังไม่สามารถเป็นศิษย์ชั้นในของสำนักหวงเทียนได้ การจะได้เป็นศิษย์ชั้นในของสำนักหวงเทียนนั้นต้องมีอายุต้องไม่เกินสามสิบปี แต่ตอนนี้ข้าอายุเกินกว่าสามสิบไปแล้ว”
เจียงฮ่าวงุนงงเล็กน้อย ศิษย์พี่รองอายุเกินสามสิบแล้วหรือ?
เจียงฮ่าวรู้แค่ว่าศิษย์พี่รองยังไม่ได้แต่งงาน แต่การที่เป็นนักศิลปะการต่อสู้ อายุสามสิบปีก็ถือว่ามากแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของศิษย์พี่รอง ดังนั้นเจียงฮ่าวจึงไม่ก้าวล่วงที่จะถาม
หลังจากนั้น ทั้งสองได้เดินทางมาถึงเขาเฟยอิง ซึ่งต้าหูดูตื่นเต้นมากที่ได้กลับมาที่เขาเฟยอิงอีกครั้ง ดังนั้นมันส่งเสียงคำรามออกมาเบาๆ
เจียงฮ่าวลูบหัวต้าหูแล้วปลอบว่า “ใจเย็นๆก่อนนะ อีกเดี๋ยวข้าจะหาอะไรให้เจ้าทำเอง”
ต้าหูสงบลง หลังจากนั้นเจียงฮ่าวได้กระโดดลงจากหลังต้าหู
หลังจากนี้ต้าหูจะต้องล่าสัตว์ ดังนั้นการที่เขาอยู่บนหลังต้าหูมันจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของมันมาก
เหวินเซียงผูกม้าเอาไว้ที่นอกป่า หลังจากนั้นทั้งสองคนกับเสือหนึ่งตัวก็เข้าไปสู่เขาเฟยอิง
“ต้าหู ออกไปล่าเหยื่อของเจ้าซะแล้วพวกข้าจะตามเจ้าไปเอง” เจียงฮ่าวพูดกับต้าหู
ต้าหูคำรามออกมาด้วยความตื่นเต้นแล้วกระโจนไปข้างหน้า มันมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของเขาเฟยอิงอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เจียงฮ่าวมีพลังเลือดปราณเต็มเปี่ยมและมีพละกำลังที่น่ากลัวยิ่งกว่าต้าหู ดังนั้นเขาจึงตามหลังต้าหูไปได้ติดๆ
ส่วนศิษย์พี่รองเหวินเซียงนั้นไม่ต้องพูดถึง ไม่ว่าต้าหูจะวิ่งเร็วแค่ไหนเธอก็ตามทันอย่างง่ายดาย
ในที่สุดต้าหูก็ค่อยๆหยุดลง ดวงตาของมันกำลังจ้องไปที่กวางตัวหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป
ต้าหูค่อยๆย่องเข้าไปใกล้กวางอย่างเงียบเชียบ
เวลาล่าที่เสือออกล่าเหยื่อมันจะระมัดระวังมาก หากไม่คิดจะลงมือมันก็จะถอย แต่เมื่อมันลงมือเหยื่อของมันต้องตายสถานเดียวเท่านั้น!
เจียงฮ่าวจ้องมองต้าหูอย่างตั้งใจโดยการมองดูทุกการเคลื่อนไหวของมัน ในหัวของเขาค่อยๆปรากฏภาพต่างๆของ “รูปลักษณ์ของเสือ” ขึ้นมาและดูเหมือนจะเริ่มซ้อนทับกับต้าหูในทันที
เพราะเจียงฮ่าวได้เข้าใจรูปลักษณ์ของเสือมา เพียงแต่ขาดโอกาสและแรงบันดาลใจบางอย่างเท่านั้นจึงไม่สามารถทำให้วิชาหมัดพยัคฆ์ไปถึงระดับเชี่ยวชาญขั้นสูงได้
แต่เนื่องจากมีต้าหูให้เฝ้าสังเกตทุกวัน และตอนนี้ได้เห็น “การล่าเหยื่อของจริง” ดังนั้นแรงบันดาลใจในหัวของเจียงฮ่าวก็พุ่งพล่านขึ้นมาอย่างล้นเปี่ยม
ในไม่ช้าต้าหูก็เริ่มลงมือ ถึงแม้ว่าต้าหูจะอ้วนขึ้นบ้างแต่ท่วงท่าของมันก็ยังคงคล่องแคล่วว่องไว
เพียงแค่พุ่งเข้าใส่ กวางก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกและไม่สามารถหลบได้ก่อนที่จะถูกต้าหูตะปบลงทันทีและกัดเข้าที่คอของกวางตัวนั้นอย่างรวดเร็ว
กวางตัวนั้นดิ้นทุรนทุรายอย่างรุนแรง
ไม่นานหลังจากนั้น กวางตัวนั้นก็ตายลง!
กวางตัวใหญ่ขนาดนี้ถูกต้าหูฆ่าตายได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วมาก
การโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวก็สังหารกวางตัวใหญ่ได้แล้ว!
ซึ่งนี่ก็คือวิธีการล่าเหยื่อของเสือโคร่ง
แรงบันดาลใจในหัวของเจียงฮ่าวพุ่งพล่านอย่างมาก และเนื่องจากตอนนี้ความเข้าใจของเขาเกินกว่า 4 แล้ว ดังนั้นการทำความเข้าใจจึงลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
“วิชาหมัดพยัคฆ์ระดับเชี่ยวชาญเล็กน้อยเป็นเพียงการเข้าใจ ‘รูปลักษณ์ของเสือ’ ในเบื้องต้นเท่านั้น แต่ยังไม่ใช่เสือโคร่งที่แท้จริง เสือโคร่งที่ออกล่าเหยื่อค่อยๆเข้าไปใกล้ทีละก้าว เมื่อลงมือก็จะใช้พลังทั้งหมดเพื่อโจมตีจุดตายโดยตรง...”
เจียงฮ่าวเริ่มเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง
แรงบันดาลใจผุดขึ้นมาในหัวของเขาและทำให้เขาเริ่มเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าความเข้าใจ “รูปลักษณ์ของเสือ” ของเขากำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ซึ่งนี่ก็แสดงให้เห็นว่าการมาที่เขาเฟยอิงครั้งนี้ของเขาถูกต้องแล้ว
แค่เฝ้าสังเกตต้าหูในระยะใกล้ทุกวันยังไม่เพียงพอ เขาจะต้องดูให้ดีด้วยว่าต้าหูล่าเหยื่ออย่างไร และเพียงเท่านี้วิชาหมัดพยัคฆ์ของเจียงฮ่าวก็จะถึงไปถึงระดับเชี่ยวชาญขั้นสูงได้
ต้าหูลากกวางมาหาเจียงฮ่าวราวกับว่าจะมาขอรางวัล
เจียงฮ่าวยิ้มแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่รอง ท่านหิวแล้วหรือยัง? ดูเหมือนว่าวันนี้พวกเราจะได้กินกวางนะ”
“ถึงแม้ว่าต้าหูจะอ้วนขึ้นบ้างแต่ฝีมือก็ยังไม่ตก ยอดเยี่ยมากต้าหู”
ศิษย์พี่รองเหวินเซียงพยักหน้า
ทั้งสองคนเริ่มตัดเนื้อกวางส่วนหนึ่งออกมาแล้วเริ่มย่าง ส่วนเนื้อที่เหลือเจียงฮ่าวยกให้ต้าหูทั้งหมด
“ศิษย์พี่รอง ท่านเองก็ฝึกวิชาหมัดพยัคฆ์เหมือนกันใช่ไหมขอรับ?”
“ใช่แล้วล่ะ”
“แล้ววิชาหมัดพยัคฆ์ของศิษย์พี่รองไปถึงระดับเชี่ยวชาญขั้นสูงแล้วหรือยังขอรับ?”
เหวินเซียงกัดเนื้อกวางคำใหญ่และพูดออกมาขณะที่เคี้ยวว่า “แค่ระดับเชี่ยวชาญเล็กน้อยเท่านั้น”
“ระดับเชี่ยวชาญเล็กน้อยหรือขอรับ? อย่างนั้นการได้เห็นต้าหูล่าเหยื่อก็น่าจะทำให้ศิษย์พี่รองเข้าใจอะไรขึ้นได้บ้างแล้ว พวกเราลองแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันดูไหมขอรับ? เมื่อกี้หลังจากที่ข้าเห็นต้าหูล่าเหยื่อ แรงบันดาลใจก็พุ่งพล่านขึ้นมาในหัวจนทำให้ข้าเข้าใจ ‘รูปลักษณ์ของเสือ’ ได้มากขึ้นเลยล่ะขอรับ...”
เจียงฮ่าวพูดถึงความเข้าใจเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของเสืออย่างไม่หยุด แต่เขาไม่ได้สังเกตเห็นแววตาที่ว่างเปล่าของศิษย์พี่รองเหวินเซียงเลยสักนิดเดียว
“อะไรของเจ้า?”
“นี่เจ้าเข้าใจอะไรของเจ้ากัน?
เหวินเซียงคิดในใจ เพราะหลังจากที่เห็นการล่าเหยื่อของต้าหูตั้งแต่ต้นจนจบ เธอก็เห็นแค่ว่าเสือตัวหนึ่งกำลังออกล่าเหยื่อเท่านั้น
หากเธอลงมือเอง เธอคงทำได้ดีกว่าเสือเยอะ ส่วนเรื่องการเข้าใจนั้นจะมีใครบ้างที่เพียงแค่เห็นเสือล่าเหยื่อแล้วจะเกิดความคิดได้อย่างรวดเร็ว?
เห็นเจียงฮ่าวตื่นเต้นและดีใจอย่างมากในขณะที่เหวินเซียงกลับรู้สึกสับสน
เจียงฮ่าวที่ทำเพียงมองเสือตัวใหญ่ออกล่าเหยื่อก็เข้าใจวิชาหมัดพยัคฆ์มากยิ่งขึ้น
นี่คือความสามารถของผู้ที่เป็นอัจฉริยะโดยแท้จริง!
ส่วนเหวินเซียงนั้นเงียบไปหลังจากที่ฟังเจียงฮ่าว
อาจารย์ให้เธอมาดูแลเจียงฮ่าวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขา
ไม่ได้บอกให้เธอมาฝึกวิชาหมัดพยัคฆ์ด้วยซักหน่อย
คนที่ดูเสือล่าเหยื่อแล้วเข้าใจวิชาหมัดพยัคฆ์ได้นั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดา
ก่อนหน้านี้เหวินเซียงนั้นยังไม่เข้าใจว่าคำว่า "อัจฉริยะ" ของเจียงฮ่าวมันพิเศษยังไง
แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว
เหวินเซียงได้แต่แทะเนื้อกวางเงียบๆและไม่ตอบคำถามที่เจียงฮ่าวถามเพื่อ "แลกเปลี่ยนความเข้าใจ"
"โฮก..."
ต้าหยูคำรามเบาๆ
น้ำเสียงของมันมีความหงุดหงิดเล็กน้อย
"ศิษย์น้อง เสือของเจ้าเป็นอะไรไปงั้นรึ?"
เหวินเซียงถามด้วยความสงสัย
เธอรู้ว่าเสือตัวนี้มีสิตปัญญาที่เหมือนกับมนุษย์ แต่ก็มีแค่เจียงฮ่าวเท่านั้นที่เข้าใจมัน
เจียงฮ่าวพูดออกมาอย่างเขินๆว่า "มันแค่อยากออกไปปล่อยปัสสาวะเพื่อกำหนดอาณาเขตของมันเท่านั้นเองขอรับ"
เหวินเซียงจึงเข้าใจใจทันที
ถึงต้าหูจะมีสายเลือดของปีศาจเสือ แต่มันก็ยังไม่ใช่ปีศาจเสือเต็มตัวและยังคงมีสัญชาตญาณบางอย่างของสัตว์ป่าอยู่
การปล่อยปัสสาวะเพื่อกำหนดอาณาเขตเองก็เป็นหนึ่งในสัญชาตญาณของเสือ
การได้กลับมาป่าอีกครั้ง ต้าหูจึงถูกสัญชาตญาณครอบงำและอยากกำหนดอาณาเขตของมัน
"ปล่อยมันไปเถอะ ตอนนี้มันอาจจะยังเอาชนะสัญชาตญาณของตัวเองไม่ได้"
เหวินเซียงพูด
เจียงฮ่าวพยักหน้าตอบกลับ
"ต้าหู ไปแล้วรีบกลับล่ะ"
เจียงฮ่าวลูบหัวต้าหูเบาๆก่อนต้าหูจะทะยานออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อกำหนดอาณาเขตของตนในป่า
ทันทีที่ต้าหูพุ่งเข้าไปในป่ามันก็เริ่มรู้สึกได้ถึงอิสรภาพ
ถึงแม้ในจวนเจียงจะมีเนื้อให้กินทุกวัน แต่มันก็ยังคงเป็นจ้าวแห่งสรรพสัตว์ซึ่งป่านี้ก็เปรียบเสมือนคือบ้านของมัน
นอกจากนี้ อาณาเขตของของเสือนั้นยังกว้างใหญ่มาก
ดังนั้น ต้าหูจึงปล่อยปัสสาวะเอาไว้ตามแนวเขตแดนและเริ่มเดินไปทั่ว
สัตว์ป่าตัวไหนที่บังอาจล้ำอาณาเขตเข้ามาจะต้องถูกมันขับไล่หรือฆ่าทิ้ง
ทันใดนั้น ต้าหูก็ได้กลิ่นที่คุ้นเคย
มันเป็นกลิ่นของสัตว์ป่าตัวอื่น
ต้าหูเดินตามกลิ่นนั้นไปและได้พบกับหมูป่าตัวหนึ่ง
หมูป่าตัวนี้ตัวใหญ่มาก
มันกำลังวิ่งพล่านไปทั่วอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจอาณาเขตที่ต้าหูปัสสาวะทิ้งเอาไว้เลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นต้าหูจึงโกรธมาก
มันคือจ้าวแห่งสรรพสัตว์และที่นี่คืออาณาเขตของมัน มันจะยอมให้หมูป่าตัวเดียวมาลบหลู่ศักดิ์ศรีของมันได้อย่างไร
ดังนั้น ต้าหูจึงค่อยๆย่องเข้าไปใกล้ๆหมูป่าตัวใหญ่นั้น
"ฟิ้ววว"
ในพริบตาต้าหูก็พุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว ถึงแม้หมูป่าจะแข็งแกร่งมากและแรงปะทะของมันก็รุนแรงไม่แพ้กับแรงของเสือ
แต่ต้าหูนั้นว่องไวกว่ามาก
หมูป่าพยายามดิ้นรนสุดชีวิต แต่ก็ถูกกรงเล็บของต้าหูข่วนจนเป็นแผลเหวอะหวะ
เมื่อเห็นต้าหู หมูป่าที่เริ่มรู้สึกกลัวจึงส่งเสียง "ฮึดฮัด" ออกมาและถอยหลังไป
ต้าหูค่อยๆเขยิบเข้าไปใกล้แล้วพุ่งเข้าใส่อีกครั้งและงับปากของหมูป่าเอาไว้แน่น
หมูป่าในตอนนี้พยายามดิ้นรนสุดชีวิต
ในตอนนี้ มีสัตว์ป่าสองตัวกำลังตะลุมบอนกันและกลิ้งไปมาบนพื้น
หมูป่าตัวนี้แรงเยอะมากจริงๆเพราะมันสะบัดตัวเองให้หลุดจากการเข้าฟัดของต้าหูได้
ต้าหูเองก็โดนหมูป่าชนจนกระเด็นแต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก
ทันใดนั้น หมูป่าก็เริ่มวิ่งหนีส่วนต้าหูก็วิ่งไล่ล่าตามไปติดๆ
หมูป่าตัวนั้นได้รับบาดเจ็บจึงทำให้เลือดไหลออกมาจากแผลอย่างต่อเนื่อง
ต้าหูยังคงไล่ตามหมูป่าไปอย่างไม่ลดละ และเมื่อเวลาผ่านไปหมูป่าตัวนั้นก็เริ่มวิ่งไม่ไหว
"ฉึก"
ในที่สุด ต้าหูก็งับเข้าที่คอหมูป่าจนเป็นบาดแผลฉกรรจ์ขนาดใหญ่
เลือดของหมูป่าพุ่งกระฉูดขณะที่หมูป่านั้นร้องครวญครางแล้วล้มตัวลงกับพื้น
"ตรงนี้ไงเร็วเข้า!"
นักศิลปะการต่อสู้หนุ่มหลายคนพุ่งออกมาจากป่าและได้เห็นหมูป่ากับเสือโคร่งตัวใหญ่ที่กำลังนอนฟัดกันอยู่บนพื้น
"แย่แล้ว หมูป่ากำลังจะตายแล้ว!"
"ถึงแม้ว่าหมูป่าตัวนี้จะมีสายเลือดปีศาจ แต่ตามภารกิจจะต้องจับมันทั้งเป็นเท่านั้น"
"หืม? เสือตัวนี้ก็ไม่ธรรมดานี่ มันเองก็มีสายเลือดปีศาจเหมือนกัน!"
"ในเมื่อหมูป่ากำลังจะตาย พวกเราก็จับเสือตัวนี้แทนเถอะ!"
นักศิลปะการต่อสู้ทั้งสามคนค่อยๆเดินเข้าหาเสือโคร่งตัวนั้น
ต้าหูในตอนนี้เริ่มรู้สึกได้ถึงอันตรายบางอย่างโดยรอบ
มันค่อยๆถอยหลังไปเรื่อยๆ
"ตอนนี้ล่ะ!"
นักศิลปะการต่อสู้ทั้งสามเริ่มลงมืออย่างพร้อมเพรียงกันทันที
พวกเขาพุ่งเข้าใส่ต้าหูอย่างรวดเร็ว
ต้าหูยกอุ้งเท้าขึ้นและตบเข้าใส่นักศิลปะการต่อสู้คนหนึ่ง
แต่นักศิลปะการต่อสู้คนนั้นเร็วกว่า เขาคว้าอุ้งเท้าของต้าหูเอาไว้ได้ด้วยมือเปล่าแล้วออกแรงยกขึ้นพร้อมกับตะโกน "ย้ากก"
นักศิลปะการต่อสู้ยกต้าหูขึ้นแล้วเหวี่ยงลงกับพื้นอย่างรุนแรง
"ตู้มมม"
ต้าหูถึงกับมึนเพราะถูกเหวี่ยงลงกับพื้นอย่างรุนแรงทันที
นักศิลปะการต่อสู้ทั้งสามกระโดดขึ้นไปทับร่างของต้าหูซึ่งทำให้ต้าหูไม่สามารถขยับตัวได้
เห็นได้ชัดว่า นักศิลปะการต่อสู้ทั้งสามคนนั้นมีพลังยุทธ์อยู่ในขอบเขตพลังภายใน ดังนั้นพลังของพวกเขาจึงแข็งแกร่งมาก
"จับได้แล้ว รีบมัดมันเร็วเข้า"
ทั้งสามคนรีบเอาเชือกออกมาเพื่อเตรียมมัดต้าหู
"พวกเจ้าทำอะไรกันน่ะ ปล่อยต้าหูเดี๋ยวนี้นะ!"
ทันใดนั้น เจียงฮ่าวก็มาถึง
จริงๆแล้วเจียงฮ่าวก็ตามหาต้าหูอยู่พักใหญ่แล้ว
เขาถึงกับคิดว่าต้าหูคงจะหนีไปแล้วด้วยซ้ำ
แต่สิ่งที่ได้เห็นก็คือดันมีคนมาจับมันไปเสียอย่างนั้น
เจียงฮ่าวทั้งตกใจทั้งโกรธ โชคดีมากที่เขาตามมาจนเจอ ไม่เช่นนั้นแม้แต่เขาเองก็คงไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเช่นกัน
"เด็กงั้นรึ?"
"เจ้ามาจากที่ไหนกัน? เจ้าหลงทางกับพ่อแม่ของเจ้างั้นรึ?"
"เจ้าเป็นลูกของใครกัน? แล้วพ่อแม่ภาษาอะไรกันถึงได้ปล่อยให้ลูกมาเดินป่าที่อันตรายแบบนี้เพียงลำพัง?"
นักศิลปะการต่อสู้ทั้งสามคนเมื่อได้เห็นเจียงฮ่าวพวกเขาก็รู้สึกแปลกใจ
เพราะพวกเขาไม่คิดว่าจะมีเด็กหลงเข้ามาในป่า
เจียงฮ่าวกับศิษย์พี่รองเหวินเซียงนั้นแยกกันออกตามหาต้าหู
ดังนั้นนักศิลปะการต่อสู้ทั้งสามคนจึงคิดว่าเจียงฮ่าวพลัดหลงกับพ่อแม่
"ข้าเป็นเจ้าของเสือตัวนี้ พวกท่านทั้งสามได้โปรดปล่อยมันไปเถิด"
เมื่อดูจากการแต่งตัวแล้ว ทั้งสามคนนี้ไม่น่าจะเป็นนายพราน และการที่ปราบต้าหูได้ง่ายๆเช่นนี้แสดงว่าทั้งสามคนนี้คงจะเป็นนักศิลปะการต่อสู้
แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของเจียงฮ่าวนั้นกลับทำให้ทั้งสามคนยิ่งแปลกใจมากขึ้นไปอีก
เจ้าของงั้นรึ? เสือตัวนี้มีเจ้าของด้วยรึ?
แถมเจ้าของยังเป็นเด็กที่อายุไม่ถึงสิบขวบอีก มันจะเป็นไปได้งั้นรึ?