พิชิตศัตรูสิ้น สยบใต้หล้า เจียงฮ่าวเริ่มต้นจากศิลปะการต่อสู้สู่วิถีเซียนด้วยพรสวรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด!
พิชิตศัตรูสิ้น สยบใต้หล้า เจียงฮ่าวเริ่มต้นจากศิลปะการต่อสู้สู่วิถีเซียนด้วยพรสวรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด!
บทที่ 12 ต้าหูเข้าสู่จวนเจียง
เจียงฮ่าวขี่ต้าหูเดินเข้าประตูจวนเจียงอย่างช้าๆ
ถึงแม้ว่าคนในจวนเจียงจะเคยได้ยินเรื่องที่เจียงฮ่าว “เลี้ยงเสือ” แล้วก็ตาม แต่ไม่ว่าจะได้ยินมาอย่างไร ก็ไม่เท่ากับการได้เห็นด้วยตาตัวเอง
ไม่ว่าพวกเขาจะเคยได้ยินว่า “เสือ” นั้นน่าเกรงขามและดุร้ายแค่ไหน แต่เมื่อได้เห็นด้วยตาตัวเองก็รู้สึกกลัวจนขาสั่น
ซึ่งนั่นคือความกลัวอย่างแท้จริง
เสือเป็นสัตว์ในฐานะนักล่าชั้นยอดที่มีออร่าอันน่ากลัวมาแต่กำเนิด ยิ่งไปกว่านั้นต้าหูยังมีสายเลือดปีศาจเสืออยู่เล็กน้อยจึงยิ่งเป็นเสือที่ไม่ธรรมดา
หากไม่มีจิตใจที่มุ่งมั่น ไม่เคยฝึกฝนวิทยายุทธ คนธรรมดาที่เผชิญหน้ากับเสือย่อมรู้สึกกลัวและหวาดหวั่นอย่างแน่นอน
“ขี่เสือมาจริงๆด้วย...”
“บนหลังเสือนั่นคือนายน้อยงั้นรึ? นายน้อยสามารถกำราบเสือที่ดุร้ายได้จริงๆหรือ?”
“น่าจะเป็นอาจารย์ของนายน้อยมากกว่าที่ปราบเสือตัวนี้มา แต่การที่นายน้อยไม่กลัวเสือเช่นนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปทำได้ง่ายๆเหมือนกัน”
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว...”
เจียงฮ่าวเห็นพ่อและแม่ของเขาอยู่ไกลๆโดยที่กำลังถูกล้อมรอบไปด้วยคนรับใช้จำนวนมาก
เมื่อได้เห็นเสือที่น่าเกรงขาม ทั้งสองก็ถึงกับหน้าซีดด้วยความกลัว
เจียงฮ่าวลูบหัวต้าหู ซึ่งต้าหูเองก็เข้าใจในทันที ดังนั้นมันจึงนอนราบลงกับพื้นแล้วก้มหัวลง
เจียงฮ่าวกระโดดลงจากหลังต้าหูอย่างง่ายดาย
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ทำไมท่านถึงได้ออกมารอข้างั้นหรือ?” เจียงฮ่าวถาม
“เสี่ยวหู พวกเราได้ยินมาว่าเจ้าขี่เสือกลับมาเลยออกมาดูว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ว่าแต่ลูกฝึกเสือตัวนี้ให้เชื่องได้ขนาดนี้เชียวหรือ?”
ทั้งสองเห็นว่าเสือตัวนั้นเชื่อฟังคำสั่งของเจียงฮ่าวจึงเข้าใจทันทีว่าเสือตัวนั้นต้องไม่ใช่เสือธรรมดา
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าตั้งชื่อให้มันว่าต้าหู ต้าหูน่ะเชื่องมากและไม่ทำร้ายใครแน่นอน ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่ต้องกลัวมันหรอกนะ”
“ถ้าไม่เชื่อก็ลองเข้ามาลูบหัวต้าหูดูสิ”
เจียงฮ่าวพาพ่อแม่ที่กำลังหวาดกลัวมายืนต่อหน้าต้าหู แม้ว่าทั้งสองคนจะกลัวมากแต่ก็ยังเต็มไปด้วยความสงสัย ดังนั้นพวกเขาทั้งคู่จึงลูบหัวต้าหูเบาๆ
ต้าหูรู้ว่าคนทั้งสองนี้มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเจียงฮ่าว มันจึงแลบลิ้นเลียรองเท้าของทั้งสองคนเพื่อแสดงความอ่อนโยนและความเป็นมิตร
เจียงต้าไห่หัวเราะออกมาเสียงดังทันที “ฮ่ะๆๆ เป็นเสือที่เชื่องมากจริงๆ”
“ไปเตรียมเนื้อมาให้ต้าหูกินเร็วเข้า”
“เสือที่ฉลาดเช่นนี้ต้องไม่ใช่เสือธรรมดาแน่นอน พรุ่งนี้พ่อจะให้คนรับใช้สร้างที่อยู่ให้กับต้าหูนะลูก”
เจียงฮ่าวส่ายหัวแล้วพูดว่า “ท่านพ่อ ท่านไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นก็ได้ บ้านของพวกเรามีห้องว่างอยู่ตั้งเยอะแยะ แค่จัดให้ต้าหูอยู่ห้องที่ว่างก็พอแล้ว”
“แต่ว่าเรื่องอาหารคงจะต้องเตรียมเอาไว้เยอะหน่อย เพราะต้าหูกินจุไม่เบาเลยล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารไปหรอก จวนเจียงออกใหญ่โตขนาดนี้จะปล่ยให้อดต้าหูได้อย่างไร?”
เจียงต้าไห่เองก็ชอบต้าหูมากเช่นกัน เสือตัวใหญ่ที่เชื่องและยังอ่อนโยนกับพวกเขาขนาดนี้ ใครเห็นก็จำเป็นต้องหลงตั้งแต่แรก
ในตอนนี้ ต้าหูไม่ต่างอะไรกับแมวตัวใหญ่เลย
เมื่อเห็นว่าต้าหูเป็นที่รักของพ่อ เจียงฮ่าวจึงวางใจมากขึ้น หลังจากนั้นในวันต่อๆมาเจียงฮ่าวก็เริ่มฝึกฝนวิชาคลื่นพิโรธทุกวัน
บางครั้งเขาก็เฝ้าสังเกตต้าหู แต่น่าเสียดายที่วิชาหมัดพยัคฆ์ไม่มีความคืบหน้าเลย
เจียงฮ่าวเข้าใจว่านี่คงเป็นเพราะความเข้าใจของเขาที่ยังไม่มากพอ
ความเข้าใจของเขายังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาฝึกวิชาหมัดพยัคฆ์ให้ไปถึงระดับเชี่ยวชาญขั้นสูงได้ในเวลาอันสั้น บางทีเขาอาจจะต้องใช้เวลาหลายปีหรือสิบปีถึงจะสามารถทำให้วิชาหมัดพยัคฆ์ไปถึงระดับเชี่ยวชาญขั้นสูงได้
แต่นั่นเป็นการฝึกสะสมผ่านวันเวลา ซึ่งเจียงฮ่าวมีวิธีที่ดีกว่านั่นก็คือการทำสมาธิเพ่งมองจันทร์สีเลือดเพื่อเพิ่มความเข้าใจ
หลังจากนั้น เวลาได้ผ่านไปครึ่งปีอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เจียงฮ่าวมีอายุแปดขวบแล้ว
วันหนึ่ง ร่างกายของเจียงฮ่าวส่งเสียงดัง “ครืน ครืน” ราวกับฟ้าร้อง
“ฟุ่บบ” เจียงฮ่าวลืมตาขึ้น
“ในที่สุดก็ฝึกวิชาสายฟ้าฟาดได้สำเร็จแล้ว!”
บนใบหน้าของเจียงฮ่าวเผยให้เห็นรอยยิ้มแห่งความตื่นเต้น เพราะวิชาสายฟ้าฟาดนี้ฝึกฝนไม่ง่ายเลย
และครั้งนี้ เจียงฮ่าวก็ได้สัมผัสกับปัญหา “ความเข้ากันได้” ของวิชา
วิชาคลื่นพิโรธนั้นเจียงฮ่าวใช้เวลาเพียงสองเดือนก็ฝึกได้สำเร็จ แต่วิชาสายฟ้าฟาดเขากลับต้องใช้เวลาฝึกถึงสี่เดือน
นั่นแสดงให้เห็นว่าพรสวรรค์ของเจียงฮ่าวนั้นมีความเข้ากันได้กับวิชาสายฟ้าฟาดไม่สูงมากนัก
อย่างไรก็ตาม แม้ความเข้ากันได้จะไม่สูงแต่เจียงฮ่าวก็ยังฝึกวิชาสายฟ้าฟาดได้สำเร็จ ซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่าพรสวรรค์ของเจียงฮ่าวนั้นน่ากลัวมากเพียงใด
แต่นี่คือการฝึกฝนแบบ “ฝืน”
ดังนั้น เจียงฮ่าวตรวจจึงสอบค่าต่างๆในตอนนี้ของตัวเอง
พลังยุทธ์ : ขั้นพลังภายใน (ขั้นต้น)
พรสวรรค์: 7
ความเข้าใจ : 4.1
จิตวิญญาณ : 2
วิชาหมัดพยัคฆ์ : เชี่ยวชาญเล็กน้อย
พลังภายใน : เพิ่มพลังได้ 160%
หลังจากที่ทำสมาธิเพื่อเพ่งมองพระจันทร์สีเลือดเป็นเวลาครึ่งปี ความเข้าใจของเจียงฮ่าวก็เกินกว่า 4 แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เจียงฮ่าวยังฝึกฝนวิชาคลื่นพิโรธและวิชาสายฟ้าฟาดที่เป็นวิชาชั้นเลิศได้สำเร็จจึงทำให้พลังภายในเพิ่มขึ้นถึง 160%
ตอนนี้หากเจียงฮ่าวระเบิดพลังออกมา พลังต่อสู้ของเขาจะแข็งแกร่งมาก ถึงแม้ว่าฝีมือของเขาจะยังคงอยู่ที่ขอบเขตพลังภายในขั้นต้น แต่ถ้าอ้างอิงจากคำพูดของอาจารย์ เจียงฮ่าวก็ยังไม่รีบร้อนมากนัก
เขาจะต้องฝึกฝนวิชาชั้นเลิศทั้งสิบวิชาก่อนเพื่อรอฝึกพลังภายในสิบชนิดจนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวแล้วค่อยเพิ่มขั้นพลังยุทธ์ก็ยังไม่สาย
“ตอนนี้ข้าได้ฝึกวิชาสายฟ้าฟาดสำเร็จแล้ว ดังนั้นข้าจะต้องไปขอวิชาชั้นเลิศวิชาที่สามจากท่านอาจารย์”
เจียงฮ่าวลุกขึ้นออกจากห้อง
“ต้าหู” เจียงฮ่าวเรียก
“นายน้อยคะ ตอนนี้สี่เชว่พาท่านเสือออกไปเดินเล่นคาดว่าจะกลับมาเร็วๆนี้ค่ะ” ตู้เจวียนพูด
เมื่อเจียงฮ่าวได้ยินดังนั้น ก็ส่ายหัวอย่างจนใจ
ตั้งแต่ต้าหูเข้ามาในจวนเจียง สถานะของมันก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่มีที่อยู่สบายเท่านั้นแต่ยังมีเนื้อสดที่เตรียมไว้ให้ทุกวัน ซึ่งเจียงต้าไห่ได้จ้างพ่อครัวมาโดยเฉพาะเพื่อทำอาหารอร่อยๆให้ต้าหู
ยิ่งไปกว่านั้น ต้าหูยังได้รับการเลื่อนขั้นเป็น “ท่านเสือ” ซึ่งคนรับใช้ในจวนเจียงในตอนนี้ก็ไม่กลัวต้าหูแล้ว บางครั้งยังพาต้าหูออกไปเดินเล่นด้วย
“นายน้อยคะ ท่านเสือกลับมาแล้วค่ะ”
ในไม่ช้า เจียงฮ่าวก็ได้ยินเสียงของสี่เชว่
“โฮก...”
ต้าหูคำรามอย่างองอาจแล้วรีบเข้ามาหาเจียงฮ่าว
เมื่อเห็นต้าหูที่ดูเหมือนจะอ้วนขึ้น เจียงฮ่าวจึงแทบจะจำมันไม่ได้
“ต้าหู นี่เจ้าอ้วนขึ้นมากเลยนะ...”
เจียงฮ่าวขมวดคิ้ว ตั้งแต่ที่ต้าหูเข้ามาอยู่ในจวนเจียงดูเหมือนมันจะมีความสุขมากจนลืมบ้านเกิดของมันไปแล้ว ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไป ต้าหูก็คงจะกลายเป็นแค่ “แมวอ้วน” เท่านั้น
“ไปกันเถอะ ไปที่สำนักฝึกวิชากัน”
เจียงฮ่าวกระโดดขึ้นหลังต้าหูแล้วรีบมุ่งหน้าไปยังสำนักฝึกวิชาทันที
“คารวะขอรับนายน้อย”
“คารวะขอรับนายน้อย”
“คารวะขอรับท่านเสือ”
เมื่อมาถึงสำนักฝึกวิชา ทุกคนต่างก็เห็นต้าหูจนชินตาแล้วและมีแม้กระทั่งยังมีคนทักทายต้าหูด้วย
ซึ่งเรื่องก็ไม่แปลก เพราะในสำนักฝึกวิชามีคนฝึกวิชาหมัดพยัคฆ์จำนวนมาก และการที่มีเสือโคร่งอยู่ข้างนอกสำนักฝึกวิชา ศิษย์ทั่วไปและศิษย์หลายคนจึงต่างก็มาเฝ้าสังเกตต้าหู
ไปๆมาๆ สถานะของ “ต้าหู” ก็ถูกเลื่อนขั้นเป็น “ท่านเสือ” แม้แต่เจียงฮ่าวก็ยังถูกเรียกว่า “นายน้อย” เป็นการตอบแทนจากหลายๆคนในสำนักฝึกวิชา
“ท่านอาจารย์ ตอนนี้ศิษย์ได้ฝึกวิชาสายฟ้าฟาดสำเร็จแล้ว โปรดท่านอาจารย์สอนวิชาในขอบเขตพลังภายในวิชาที่สามด้วยเถิดขอรับ”
เมื่อเจียงฮ่าวเห็นจ้าวเฮยถ่า เขาจึงพูดถึงจุดประสงค์ของเขาออกไปทันที
“เจ้าฝึกวิชาสายฟ้าฟาดสำเร็จแล้วงั้นรึ?”
“ก่อนหน้านี้เจ้ายังบอกว่าวิชาสายฟ้าฟาดไม่เข้ากับเจ้าอยู่เลยไม่ใช่รึ?”
จ้าวเฮยถ่าดูประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
“ถึงตอนนั้นศิษย์จะบอกว่าไม่เข้ากัน แต่หลังจากผ่านมาสี่เดือนแล้วดูเหมือนว่าศิษย์คงจะเข้ากับวิชาสายฟ้าฟาดได้เองแล้วมั้งขอรับ”
“…”
จ้าวเฮยถ่าไม่ได้พูดอะไรต่อ
อย่าว่าแต่เวลาแค่สี่เดือนเลย ต่อให้เป็นสี่ปี หรือสิบสี่ปี ศิษย์ของเขาก็ยังไม่มีใครฝึกวิชาสายฟ้าฟาดได้สำเร็จเลยด้วยซ้ำ!
จ้าวเฮยถ่ารู้ว่าพรสวรรค์ของเจียงฮ่าวนั้นสูงมาก แต่การที่มันสูงมากถึงขนาดนี้ก็เริ่มทำให้รู้สึกน่ากลัวมากเกินไป
วิชาคลื่นพิโรธนั้นเข้ากันได้กับเจียงฮ่าวและใช้เวลาเพียงสองเดือนก็ฝึกสำเร็จ เรื่องนี้ยังพอเข้าใจได้
แต่ถึงแม้จะไม่เข้ากับวิชาสายฟ้าฟาด เจียงฮ่าวก็ใช้เวลาเพียงสี่เดือนในการฝึกให้สำเร็จได้
ก่อนหน้านี้จ้าวเฮยถ่ายังคิดว่าบางทีวิชาสายฟ้าฟาดน่าจะทำให้เจียงฮ่าวติดขัดอยู่อีกหนึ่งปีครึ่งเลยด้วยซ้ำ
แต่สุดท้าย เจียงฮ่าวสามารถฝึกวิชาสายฟ้าฟาดให้สำเร็จได้เพียงเวลาแค่สี่เดือนเท่านั้น
นี่คงเป็นการใช้พรสวรรค์เพื่อฝืนตนให้ฝึกวิชาสายฟ้าฟาดให้สำเร็จเป็นแน่
“เจียงฮ่าว ตอนนี้ข้ายังไม่มีวิชาชั้นเลิศอย่างที่สามเลย”
“แต่ข้าจะหาวิธีเพื่อหาวิชาชั้นเลิศอย่างที่สามมาให้เจ้า ดังนั้นภายในสองสามวันนี้ข้าจะหาวิชาชั้นเลิศวิชาที่สามมาให้เจ้าได้แน่นอน”
หลังจากที่ไตร่ตรองแล้ว จ้าวเฮยถ่าจึงพูดขึ้น
“ขอบพระคุณท่านอาจารย์มากขอรับที่ช่วยเหลือศิษย์”
เจียงฮ่าวเองก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ในตอนนี้ไม่มีวิชาชั้นเลิศวิชาที่สาม นั่นหมายความว่าตอนนี้เขาไม่มีอะไรให้ฝึกฝนอีกแล้ว
จ้าวเฮยถ่าเองก็ไม่มีอะไรจะสอนเจียงฮ่าวแล้วเช่นกัน
“จริงสิ วิชาหมัดพยัคฆ์ไง”
“เจียงฮ่าว เจ้าสามารถพาต้าหูไปออกล่าสัตว์ที่ภูเขาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจหรือหาโอกาสที่จะทำให้วิชาหมัดพยัคฆ์ของเจ้าไปถึงระดับเชี่ยวชาญขั้นสูงได้!”
จ้าวเฮยถ่าเสนอแนะ
“พาต้าหูไปล่าสัตว์หรือขอรับ?”
ดวงตาของเจียงฮ่าวเป็นประกาย ที่จริงแล้วเขาเองก็รู้ว่าวิชาหมัดพยัคฆ์มาถึงระดับเชี่ยวชาญเล็กน้อยแล้ว ดังนั้นการฝึกฝนอย่างหนักจึงไม่มีประโยชน์แล้วอีกต่อไป
เพราะการฝึกฝนไม่มีทางที่จะทำให้วิชาหมัดพยัคฆ์ไปถึงระดับเชี่ยวชาญขั้นสูงได้
การจะไปถึงระดับเชี่ยวชาญขั้นสูงหรือระดับสมบูรณ์แบบได้ ต้องอาศัยการทำความเข้าใจเท่านั้น!
บางครั้ง การใช้แรงบันดาลใจหรือโอกาสเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้เกิดความเข้าใจ ซึ่งมันมีประสิทธิภาพมากกว่าการฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาสิบปีหรือหลายสิบปีด้วยซ้ำ
จ้าวเฮยถ่าได้ฝึกฝนวิชาหมัดพยัคฆ์มาแล้วสี่สิบปี แต่ก็ยังอยู่แค่ระดับเชี่ยวชาญขั้นสูงเท่านั้น
หากไม่ได้คว้าโอกาสหรือไม่ได้รับแรงบันดาลใจ จะพัฒนาวิชาหมัดพยัคฆ์ได้อย่างไร?
นั่นเป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!
“ถ้าเช่นนั้น ศิษย์จะพาต้าหูไปออกล่าสัตว์ตอนนี้เลยขอรับ ช่วงนี้ต้าหูเองก็อ้วนขึ้นเยอะแล้ว ข้าคิดว่ามันเองก็ควรจะต้องออกกำลังกายบ้าง”
เจียงฮ่าวที่ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ของเขารีบลงมือทำในทันที
“เจียงฮ่าว อันที่ข้าเองก็ไม่วางใจให้เจ้าไปเขาเฟยอิงเพียงคนเดียว แต่เนื่องจากข้าต้องไปหาวิชาในขอบเขตพลังภายในชั้นเลิศให้เจ้าดังนั้นข้าจึงไม่สามารถไปกับเจ้าได้”
“ดังนั้นข้าจะให้ศิษย์พี่รองเหวินเซียงไปกับเจ้าด้วยก็แล้วกัน”
“ขอรับท่านอาจารย์”
จ้าวเฮยถ่าเรียกศิษย์พี่รองเหวินเซียงมาแล้วอธิบายทุกอย่างคร่าวๆ
เหวินเซียงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ท่านอาจารย์โปรดวางใจเถิดขอรับ ครั้งนี้ข้าจะไปที่เขาเฟยอิงกับศิษย์น้องเล็กเอง”
“ดีมาก ถ้าเช่นนั้นก็รีบไปกันได้แล้วล่ะ...”
จ้าวเฮยถ่าค่อนข้างวางใจในตัวเหวินเซียง
ดังนั้นเจียงฮ่าวจึงขี่ต้าหูกับเหวินเซียงที่ขี่ม้าจึงออกเดินทางไปด้วยกันเพื่อมุ่งหน้าไปยังเขาเฟยอิงอย่างรวดเร็ว