เมื่อหูชื่อเหวินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นปี1970แล้วเธอกลับมาเกิดใหม่เป็นรูมเมทของแม่ ความตั้งใจในครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียวคือเธอจะหาสามีใหม่ให้แม่เอง ส่วนพ่อที่ไม่เอาไหนนะเหรอ เตะเขาไปให้ไกลๆเลย!!
เมื่อหูชื่อเหวินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นปี1970แล้วเธอกลับมาเกิดใหม่เป็นรูมเมทของแม่ ความตั้งใจในครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียวคือเธอจะหาสามีใหม่ให้แม่เอง ส่วนพ่อที่ไม่เอาไหนนะเหรอ เตะเขาไปให้ไกลๆเลย!!
“หัวหน้า ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ก็ถ้าฉันไปจะมีข่าวลือไม่ดีเกิดขึ้นกับจางหมิงเยี่ยน แต่ถ้าเป็นหัวหน้าไปก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือที่จะไปเยี่ยมยุวชนที่ได้รับบาดเจ็บ”
จ้าวหย่วนขุยลูบหัวตัวเองอย่างเคอะเขิน
“พ่อหนุ่ม นายชอบจางหมิงเยี่ยนสินะ ทำไมไม่เปิดเผยไปอย่างตรงไปตรงมาเลยล่ะ?”
“ฉะ…ฉัน หัวหน้า ได้โปรดช่วยฉันหน่อยเถอะ!” พอพูดจบจ้าวหย่วนขุยก็ยัดขวดยาใส่มือหยินเหวินกั๋วแล้วรีบวิ่งออกไป
หยินเหวินกั๋วมองตามไปที่แผ่นหลังของจ้าวหย่วนขุยแล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
เจ้าเด็กคนนี้เป็นหนุ่มใหญ่แล้วแต่กลับขี้อายราวกับเด็กวัยรุ่นอยู่อีก
เมื่อนึกถึงอนาคตของจางหมิงเยี่ยนแล้วเขาก็ขมวดคิ้ว สุดท้ายแล้วพวกเขาไม่ได้แต่งงานกันหรือ? จ้าวหย่วนขุยนิสัยดีมากทั้งยังเป็นคนซื่อสัตย์ ถ้าทั้งคู่แต่งงานกันชีวิตน่าจะเต็มไปด้วยความสุข
เขามองดูขวดยาในมือตัวเองแล้วคิด เขาไม่มีความคิดที่จะแต่งงานอีกในชีวิตนี้ แต่หยินเหวินกั๋วก็หวังว่าคนที่สนิทสนมกับเขาควรจะได้แต่งงานและมีชีวิตคู่ที่ดี เขาคงต้องสวมบทบาทพ่อสื่อสักหน่อย
ในหอพัก
หูชื่อเหวิน จางหมิงเยี่ยนและหลี่เสวี่ยฉินกำลังนั่งทานอาหารที่โต๊ะ
หูชื่อเหวินหยิบไส้กรอกออกมาส่งให้จางหมิงเยี่ยน
“พี่เยี่ยน วันนี้พี่ได้รับบาดเจ็บต้องกินชดเชยให้มากหน่อย”
เธอหยิบมาอีกหนึ่งชิ้นแบ่งครึ่งหนึ่งส่งให้หลี่เสวี่ยฉิน
“นี่มันเยอะเกินไปแล้ว ฉันกินไม่หมดหรอก ครอบครัวเธอส่งมาให้ เธอต้องเก็บไว้กินเองบ้าง อาการบาดเจ็บเล็กน้อยแค่นี้ฉันไม่เป็นอะไรหรอก”
จางหมิงเยี่ยนรู้สึกไม่ดี ครอบครัวของเธอยากจน พี่น้องก็มากมาย ไส้กรอกเนื้อจึงมีค่ามาก เธอมีโอกาสได้กินเฉพาะตอนช่วงตรุษจีนเท่านั้น แต่หูชื่อเหวินมอบให้เธอโดยไม่คิดอะไร เธอจึงรู้สึกรับไม่ได้
“ไม่เป็นไรเลย ครอบครัวฉันส่งมาให้กินก็กินเถอะ ถ้าไม่กินฉันจะโกรธแล้วนะ!”
หูชื่อเหวินทำท่าเอาแต่ใจ
“เสวี่ยฉินเธอก็ต้องกินด้วย!”
จางหมิงเยี่ยนและหลี่เสวี่ยฉินมองหน้ากัน นี่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ถ้าทำผู้หญิงตรงหน้าโกรธขึ้นมา ถึงแม้ว่าพวกเธอรับรู้เจตนาที่ดีจากหูชื่อเหวินได้ แต่ก็ยังรู้สึกเกรงใจถ้าจะต้องกินไส้กรอกราคาแพง
“เรามาที่ชนบทเพื่อให้ความรู้แก่คนยากจนและชาวนา แต่กลับมีคนใช้ชีวิตกินหรูอยู่สบายแบบพวกทุนนิยมทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหรือไข่ ช่างแตกต่างกันจริงๆ”
เสียงถากถางของเฉินซูเฟินดังมาจากข้างๆ ยิ่งทำให้ทั้งสองคนก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกละอายแก่ใจมากขึ้นไปอีก
“คนเราก็ต้องกินอิ่มถึงจะทำงานหนักได้ ร่างกายเป็นต้นทุนของการทำงาน พวกเธอกินเถอะ”
หูชื่อเหวินกัดไส้กรอกคำใหญ่ไม่สนใจเฉินซูเฟิน ยิ่งให้ความสนใจคนแบบนี้มากเท่าไหร่เธอก็จะยิ่งพูดจารุนแรงยิ่งขึ้น ทางที่ดีคือไม่ต้องไปสนใจเลยจะดีกว่า
เมื่อเฉินซูเฟินเห็นหูชื่อเหวินไม่สนใจตัวเอง เธอก็คว้ากะละมังและเสื้อผ้าสกปรกสองชุด ก่อนจะเดินออกไปด้วยความหงุดหงิด
แต่ทันทีที่ม่านเปิดขึ้นก็เกิดเสียง “โอ๊ะ”
เธอชนกับคนที่อยู่หน้าม่านประตู พอเงยหน้าเห็นว่าเป็นใครก็รีบปั้นหน้ายิ้ม
“ที่แท้ก็หัวหน้านี่เอง!” หยินเหวินกั๋วเหลือบมองเธอแต่ไม่พูดอะไร แค่พยักหน้านิดหน่อย เขาเปิดม่านขึ้นและเดินเข้ามาในห้อง
หูชื่อเหวินและคนที่เหลือมองหน้ากันด้วยความตกใจ หัวหน้ามาทำอะไรที่นี่?
ชายหนุ่มยืนอยู่กลางหอพักและมองไปที่ยุวชนหญิง
“คนที่เจ็บวันนี้เป็นไงกันบ้าง ถ้ามีอะไรสามารถบอกฉันได้โดยตรงนะ”
เหล่ายุวชนหญิงหลายคนรู้สึกตื่นเต้นเมื่อเห็นหยินเหวินกั๋วมาที่นี่ถึงกับหน้าแดงกันเป็นแถว ทุกคนต่างชื่นชมหัวหน้าที่หล่อเหลาและเย็นชาคนนี้
ยุวชนหญิงที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดต่างบอกว่าไม่มีอะไร
หูชื่อเหวินไม่เงยหน้ามองเขาด้วยซ้ำไปเธอยังเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินอย่างเงียบๆ
แต่จากหางตาเธอเห็นว่าจางหมิงเยี่ยนตกประหม่าอีกครั้ง เธอไม่ยอมเงยหน้าเช่นกัน กระทั่งมือที่ถือตะเกียบก็สั่นเทา
หูชื่อเหวินถอนหายใจ แม่…กล้าหาญหน่อยได้ไหมคะ? หรือไม่ก็ชอบคนอื่นไปเลย!
หยินเหวินกั๋วเห็นหูชื่อเหวินกินราวกับไม่เห็นหัวเขาเลย ความรู้สึกไม่พอใจก็ผลุดขึ้นมาในใจ
เขามองจางหมิงเยี่ยน
“สหายจางหมิงเยี่ยน ออกมาข้างนอกกับฉันหน่อย!”
จางหมิงเยี่ยนสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยิน เธอยืนขึ้นทว่าก้มหัวลง ไม่ยอมขยับเท้า
“หัวหน้า… มะ…มีอะไรหรือค่ะ” เมื่อเห็นจางหมิงเยี่ยนพึมพำเสียงแผ่ว หูชื่อเหวินก็กัดฟัน
แม่จ๋า..นี่คือโอกาสที่ดีนะ! คนที่เธอแอบชอบเข้าหาด้วยตัวเองทั้งยังขอให้ออกไปคุยข้างนอก รีบไป เร็วๆสิ จะถามเขากลับทำไมละคะ?
“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย!” หยินเหวินกั๋วพูดจบก็ยกม่านและเดินออกไปข้างนอก
จางหมินเหยี่ยนรู้สึกเท้าหนักอึ้ง เธอฝืนใจเดินตามออกไป
เธอไม่อยากออกไปเลย ยิ่งนึกถึงเรื่องที่จ้าวหย่วนขุยพูดก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว
หยินเหวินกั๋วยืนรออยู่ข้างกำแพงนอกที่พัก เขาเห็นจางหมิงเยี่ยนเดินมาหาอย่างเชื่องช้าก็รู้สึกตลกอยู่ในใจ หูชื่อเหวินคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงคิดว่าจางหมิงเยี่ยนชอบเขา? ไม่เห็นหรือว่าเธอไม่อยากเจอเขาเลยด้วยซ้ำ?
หยินเหวินกั๋วรอจางหมิงเยี่ยนเดินมาหาด้วยความขบขัน
“เธอวาดรูปเป็นไหม”
“ค่ะ”
จางหมิงเยี่ยนเงยหน้ามองหยินเหวินกั๋วอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อสบสายตาดุคู่นั้นหัวใจก็สั่นสะท้านรีบก้มหน้าลงตามเดิม
“เป็นค่ะ… ฉันสนใจด้านนี้นิดหน่อยเลยเรียนด้วยตัวเองมาบ้าง”
“ครูสอนศิลปะที่โรงเรียนกลับไปในเมืองแล้ว เธอสนใจอยากเป็นครูสอนวาดรูปไหม?”
“ว่าไงนะ? ให้ฉันสอนหรือ?”
จางหมิงเยี่ยนประหลาดใจจนลืมกลัวเธอเงยหน้าขึ้นมา
“ใช่ พรุ่งนี้เธอไปโรงเรียนแล้วถามข้อมูลจากผู้อำนวยการเฉินในสำนักงานสอนได้เลย ฉันบอกเขาไว้แล้ว”
“ฉัน… ให้ฉันไปหรือคะ?” จางหมิงเยี่ยนมึนงง การเป็นครูเป็นงานที่ยุวชนต้องการมาก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเกิดเรื่องดีๆ แบบนี้ขึ้นกับเธอ
“เอ่อ…ให้ฉันไปทำไม?”
“มีคนบอกว่าเธอวาดรูปเก่ง แล้วที่นั่นบังเอิญขาดครูศิลปะ ฉันเลยมาถามเธอดูก่อนไม่อยากทำงั้นหรือ?”
“ไม่ๆ ฉันเต็มใจมากค่ะ ขอบคุณนะคะหัวหน้า พรุ่งนี้ฉันจะไปโรงเรียนเพื่อไปหาผู้อำนวยการเฉิน”
จางหมิงเยี่ยนมีความสุขมาก ไม่คิดเลยว่านี่จะเป็นเรื่องจริง ไม่มีใครอยากทำไร่หรอก ถ้าหากมีงานง่ายๆ ให้ทำ เธอเป็นลูกสาวคนที่ห้าของครอบครัวพื้นเพไม่ดีทำให้เธอไม่มีเส้นสาย หลังจากมาที่ไร่ทำให้เธอได้งานที่ยากลำบาก
แต่ตอนนี้เธอกลับได้มีโอกาสเปลี่ยนงานที่ดีขึ้นและยังได้วาดรูปอย่างที่ใจชอบได้อีก แน่นอนว่าเธอย่อมเต็มใจ!
เมื่อเห็นจางหมิงเยี่ยนมีความสุข หยินเหวินกั๋วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาได้ทำตามสัญญาที่พูดไว้กับผู้หญิงคนนั้นแล้ว หวังว่าในอนาคตเธอจะไม่มาให้เขาเห็นหน้าอีกตามสัญญา
ไม่อย่างนั้นคงเป็นเรื่องสูญเปล่า
แต่เมื่อคิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้าเธออีกต่อไป ในอกพลันรู้สึกวูบโหวงขึ้นอย่างน่าประหลาด