เมื่อหูชื่อเหวินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นปี1970แล้วเธอกลับมาเกิดใหม่เป็นรูมเมทของแม่ ความตั้งใจในครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียวคือเธอจะหาสามีใหม่ให้แม่เอง ส่วนพ่อที่ไม่เอาไหนนะเหรอ เตะเขาไปให้ไกลๆเลย!!
เมื่อหูชื่อเหวินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นปี1970แล้วเธอกลับมาเกิดใหม่เป็นรูมเมทของแม่ ความตั้งใจในครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียวคือเธอจะหาสามีใหม่ให้แม่เอง ส่วนพ่อที่ไม่เอาไหนนะเหรอ เตะเขาไปให้ไกลๆเลย!!
หยินเหวินกั๋วรู้สึกว่าเขาคงโดนลาเตะเข้าที่หัว ไม่อย่างนั้นแล้วจะรู้สึกเสียดายได้อย่างไร?
เขาหงุดหงิด
“จ้าวหย่วนขุยขอให้ฉันให้เอายามาให้เธอ ไว้สำหรับเช็ดแผล!” ว่าแล้วเขาก็เอายาออกมาส่งให้จางหมิงเยี่ยน
เธอรับยาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ จ้าวหย่วนขุยชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ถึงขนาดขอให้หัวหน้าส่งยามาให้ น่าอายเหลือเกิน
“ขอบคุณมากนะคะหัวหน้า” เธอพูดเสียงเบา
“ไม่เป็นไร”
หลังจากทำธุระเสร็จแล้วเขาก็กลับไป ตอนนี้หยินเหวินกั๋วไม่มีสนใจท่าทางเขินอายของจางหมิงเยี่ยนสักเท่าไหร่ เพราะกำลังจมดิ่งอยู่กับความรู้สึกหดหู่ที่อธิบายไม่ได้
เมื่อเธอหน้าแดงเดินกลับเข้าไปในห้องพร้อมยา หูชื่อเหวินและหลี่เสวี่ยฉินก็ทานอาหารเรียบร้อยแล้ว
“พี่เยี่ยน ทำไมหน้าแดงจัง” หูชื่อเหวินจงใจถาม เธอต้องเขินแน่ที่ออกไปพบคนที่แอบชอบข้างนอก แม้จะไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกันก็เถอะ
“อ๊ะ? ไม่… ไม่มีอะไร!” จางหมิงเยี่ยนหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง
สายตาของหูชื่อเหวินเห็นขวดยาเล็กๆ ในมือของจางหมิงเยี่ยนอย่างว่องไวและกระซิบถามเธอว่า
“หัวหน้าเป็นคนให้เธอหรือ?”
“อ๋อ? ไม่… อ่า ใช่ หัวหน้าให้มันกับฉัน” จางหมิงเยี่ยนอายเกินไปที่จะบอกว่าเป็นจ้าวหย่วนขุยที่ฝากมาให้ เพราะพวกเขายังไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ดังนั้นที่พูดไปก็ไม่ได้โกหกเพราะเขาฝากหัวหน้าเอามาให้เธอ
หูชื่อเหวินมองใบหน้าแดงๆ ของจางหมิงเยี่ยนสลับกับขวดยาก็รู้สึกโกรธขึ้นมา ผู้ชายคนนั้นมาทำเป็นหยิ่งบอกให้เธอเลิกทำจับคู่ให้ เขาแต่กลับรีบมาให้ยาเธอส่งให้เองกับมือ น่าตายจริงๆ !
“พี่เยี่ยนมากินต่อเถอะ มันเริ่มเย็นแล้ว”
“โอ้! ได้สิ”
จางหมิงเยี่ยนถือขวดยาไว้ในมือของเธอและกินไปด้วย ความรู้สึกหวานล้ำเกิดขึ้นในหัวใจของเธอ
พรุ่งนี้เธอก็จะเปลี่ยนเป็นงานง่ายๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ทำมาก่อน จ้าวหย่วนขุยจะดีใจกับเธอไหมนะถ้าเขารู้?
จางหมิงเยี่ยนไม่สามารถหยุดยิ้มได้เลยระหว่างที่ทานอาหาร
หูชื่อเหวินก็เริ่มรู้สึกสบายใจขึ้นมาและอดไม่ได้ที่จะจ้องมองรอยยิ้มของแม่
ถึงผู้ชายปากไม่ตรงกับใจคนนั้นจะไม่ชอบเธอและเธอก็ไม่ชอบเขาเช่นกัน แต่ตราบใดที่แม่ชอบและท้ายที่สุดพวกเขามีความสุขด้วยกันก็เพียงพอแล้ว
เมื่อเขาไม่ชอบหูลี่อิงก็ดีไป ต่อไปเขาจะได้มีภูมิต้านทานผู้หญิงสวยๆ ที่จะเข้ามาหา
“พรุ่งนี้ฉันจะไปโรงเรียน หัวหน้าบอกว่าที่นั่นขาดครูสอนศิลปะเขาเลยมาหาฉัน บอกให้ไปคุยกับผู้อำนวยการเฉินที่สำนักงาน” จางหมิงเยี่ยนนึกขึ้นมาได้จึงกระซิบบอกหูชื่อเหวินและหลี่เสวี่ยฉิน
“จริงหรือ! เยี่ยมไปเลย! เยี่ยนจื่อเธอเคยบอกว่าเสียดายความสามารถนี้ของตัวเอง! เธอวาดภาพเก่งมาก ครั้งนี้มันกลายเป็นของประโยชน์แล้ว!”
หลี่เสวี่ยฉินยินดีกับจางหมิงเยี่ยนด้วย นอกจากความสามารถในการทนลำบากแล้วเธอก็ไม่มีทักษะพิเศษและครอบครัวพื้นฐานไม่ค่อยดี เธอจึงทำได้แค่งานในไร่
หูชื่อเหวินมองรอยยิ้มกว้างที่หาได้ยากบนใบหน้าของหลี่เสวี่ยฉิน เธอไม่อิจฉาเลยด้วยซ้ำ เป็นผู้หญิงที่เหมาะกับการเป็นเพื่อนแท้มากจริงๆ
หูชื่อเหวินมีความสุขมาก ไม่คิดว่าผู้ชายคนนั้นจะมีประสิทธิภาพขนาดนี้ ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันก็จัดการได้
หลังจากเปลี่ยนงาน แม่คงยิ่งลังเลที่จะกลับเข้าเมืองใช่ไหม?
ในชีวิตที่แล้ว แม่ของฉันทำงานหนักมากในสวนเป็นเวลาถึงสี่ปี แต่ยามที่เธอเล่าเรื่องความทรงจำนี้ให้ฟัง ใบหน้าของแม่ก็เต็มไปด้วยความสุขไม่มีการบ่นโอดครวญเลย
ดูเหมือนว่าสวนไร่เซิ่งหยางแห่งนี้จะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของแม่เมื่อชาติที่แล้ว!
แม่ ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะทำให้ชีวิตนี้ของแม่มีความสุขแน่นอน!
เช้าวันรุ่งขึ้นจางหมิงเยี่ยนไปที่สำนักงานสอนของโรงเรียนเพื่อคุยกับผู้อำนวยการเฉิน
โรงเรียนเซิ่งหยางเป็นโรงเรียนประถมและมัธยมศึกษาตอนต้น นักเรียนในโรงเรียนคือเด็กในหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ และลูกของยุวชนก็เรียนอยู่ที่นี้ด้วย จางหมิงเยี่ยนนำภาพที่เธอวาดมาด้วย
ผู้อำนวยการเฉินมีความสุขมากเมื่อเห็นภาพวาดของเธอและบอกกฏของโรงเรียนให้เธอฟัง ซึ่งหญิงสาวจะต้องสอนศิลปะทั้งเด็กประถมและมัธยมต้น
“คุณจางอยากจะย้ายมาอยู่หอที่นี่แทนไหม? มันใกล้โรงเรียนน่าจะสะดวกกว่าเวลาทำงาน”
“เอ่อ.. ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะอยู่ที่หอพักเดิม ฉันอยู่มานานจนชินแล้วอีกอย่างมันก็ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก”
จางหมิงเยี่ยนยังคงชินกับหอพักเก่าๆ แต่เดิมเธอก็มีนิสัยเก็บตัวเข้าสังคมไม่เก่ง การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยกว่า
จางหมิงเยี่ยนเริ่มทำงานในวันนั้นเพราะเด็กนักเรียนไม่ได้เรียนศิลปะมาสักพักหนึ่งแล้วหลังจากการขาดครูผู้สอน
หลังจากทำงานมาทั้งวันจางหมิงเยี่ยนก็อิ่มเอมใจมาก นอกจากนี้เธอยังวาดรูปภาพได้อีกครั้ง หลังจากที่สอนเด็กๆ ทั้งวันเธอก็รู้สึกร่าเริงขึ้นมาก
หลังเลิกงานเมื่อเดินออกจากโรงเรียนเธอเห็นจ้าวหย่วนขุยอยู่ใต้ต้นไม้และโบกมือให้เธอ
จางหมิงเยี่ยนเดินเร็วๆ ไปหาเขา
“นายรู้ยังได้ไงว่าฉันเปลี่ยนงานแล้ว”
จ้าวหย่วนขุยมองจางหมิงเยี่ยนด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม เขาอยากจะจับมือของเธอ แต่เมื่อเห็นว่าครูและนักเรียนกำลังออกมาจากโรงเรียนเขาจึงชักมือกลับอย่างเสียดาย
“ฉันได้ยินจากหัวหน้า เขาบอกว่าโรงเรียนขาดครูสอนศิลปะ แล้วบังเอิญมีคนเคยบอกว่าเธอวาดรูปเก่ง เขาคุ้นเคยกับผู้อำนวยการเฉินดีเลยแนะนำเธอ”
“หัวหน้าได้ยินว่าฉันวาดรูปเก่งงั้นหรือ?”
จางหมิงเยี่ยนแปลกใจ เมื่อวานหัวหน้าก็เหมือนจะพูดแบบนี้ แต่เธอตื่นเต้นเกินไปเลยลืมถาม วันนี้จ้าวหย่วนขุยก็พูดแบบเดียวกันอีก
มีไม่กี่คนในไร่แห่งนี้ที่รู้ว่าเธอวาดภาพเก่ง แต่เมื่อเธอมาอยู่ที่นี่ เธอแทบไม่ได้วาดเลย เป็นเพราะเหนื่อยเกินไปจากการทำงานในไร่เลยไม่มีอารมณ์จะวาดภาพเอาเสียเลย
เธอรู้ว่าหลี่เสวี่ยฉินคือหนึ่งในนั้น เพราะเธอเคยเห็นภาพวาดของจางหมิงเยี่ยนมาก่อน นอกเหนือจากนั้น จะมีใครอีกนะ?
จางหมิงเยี่ยนมีเพื่อนไม่เยอะเพราะเธอเป็นคนพูดน้อย ไม่น่าจะมีคนใจดีช่วยพูดเรื่องเธอต่อหน้าหัวหน้าได้
“ไม่รู้สิ หัวหน้าเขาพูดแบบนั้น ฉันก็ไม่รู้ว่าใครพูดเหมือนกัน ตอนนี้เธอได้งานใหม่แล้วชอบไหมล่ะ?”
“ชอบสิ! ฉันอยากจะขอบคุณคนที่พูดแทนฉันมากเลย!” จางหมิงเยี่ยนพูดอย่างมีความสุข
“ไปกันเถอะ ฉันจะไปส่งเธอที่หอพัก”
ตอนนี้พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินเลย การขึ้นรถไปกับจ้าวหย่วนขุยต้องน่าอายมากแน่ๆ
“นี่… เราก็คุยกันมาสักพักแล้ว เมื่อไหร่จะเปิดเผยสถานะระหว่างเราได้? เธอไม่พอใจอะไรฉันหรือเปล่า?” จ้าวหย่วนขุยรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เพราะเขาไม่เข้าใจว่าทำไมจางหมิงเยี่ยนถึงไม่กล้าเปิดเผย
“ฉัน… ชอบนายก็จริง แต่สถานะของฉันไม่ดีพื้นฐานครอบครัวก็แย่ ถ้าเปิดเผยไปต้องมีคนหัวเราะเยาะนายนะสิ” เป็นครั้งแรกที่จางหมิงเยี่ยนพูดอย่างตรงไปตรงมาต่อหน้าเขา