เมื่อหูชื่อเหวินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นปี1970แล้วเธอกลับมาเกิดใหม่เป็นรูมเมทของแม่ ความตั้งใจในครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียวคือเธอจะหาสามีใหม่ให้แม่เอง ส่วนพ่อที่ไม่เอาไหนนะเหรอ เตะเขาไปให้ไกลๆเลย!!
เมื่อหูชื่อเหวินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นปี1970แล้วเธอกลับมาเกิดใหม่เป็นรูมเมทของแม่ ความตั้งใจในครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียวคือเธอจะหาสามีใหม่ให้แม่เอง ส่วนพ่อที่ไม่เอาไหนนะเหรอ เตะเขาไปให้ไกลๆเลย!!
หูชื่อเหวินลูบไล้ผ้าพันคอในมือของตนเอง
เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วที่เธอไม่ได้เห็นของที่แม่ถักเองกับมือทำให้เกิดความลังเลเหลือเกินว่าควรจะมอบให้ผู้ชายคนนั้นดีหรือไม่
แต่เพื่อให้แม่ได้อยู่กับคนที่แม่ชอบ ไม่มีอะไรที่เธอจะทำให้ไม่ได้
เธอหยิบกระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง เขียนจดหมายเลียนแบบลายมือของแม่ตัวเองเป็นใจความสั้นๆ
ลายมือของแม่สวยมากแต่หูชื่อเหวินชอบเลียนแบบลายมือแม่มาตั้งแต่เด็ก ไม่กี่วันก่อนเธอยังเห็นบัญชีแยกประเภทเล่มเล็กๆ ของแม่ ลายมือไม่ได้ต่างจากชาติที่แล้วมากนัก
หูชื่อเหวินเอาผ้าพันคอมาห่อจดหมายเอาไว้ จากนั้นก็หาถุงมาใส่ไว้ด้วยกัน
เธอแอบออกจากสำนักงาน มีพนักงานคนอื่นทำงานอยู่ด้วย จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เธอสังเกตว่าทุกวันเวลาสิบโมงเช้าถึงสี่โมงเย็นหยิ่นเหวินกั๋วจะออกไปเดินตรวจตรา ไม่ได้อยู่ในสำนักงานและเขาจะมักไม่ล็อกประตู
เมื่อมาถึงประตูสำนักงานของ หูชื่อเหวินเคาะประตูก่อนไม่มีเสียงตอบรับจากด้านใน เธอจึงผลักประตูเข้าไปเบาๆ ปรากฏว่ามันไม่ได้ล็อกจริงๆ ธรรมเนียมในยุคนี้ค่อนข้างเป็นกันเองไม่ค่อยจะมีของหาย
เธอเดินไปที่โต๊ะทำงาน วางถุงใส่ผ้าพันคอลง จากนั้นก็เปิดประตูออกไปและปิดประตูเบาๆ พยายามทำทุกอย่างให้เงียบที่สุด รอบๆ ไม่มีใครอยู่เลย
เมื่อเดินออกมาพ้นระยะแล้วหูชื่อเหวินก็ถอนหายใจโล่งอก หัวใจของเธอเต้นแรงกว่าปกติเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอทำอะไรแบบนี้
แม่จ๋า! นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เพื่อสามีที่ดีของแม่ในอนาคตฉันจะทำงานให้หนักเอง!
เธอไม่รู้ตัวเลยว่าท่าทางลับๆ ล่อๆ เช่นนี้ตกอยู่ในสายตาของผู้ชายคนนั้นแล้ว หยินเหวินกั๋วมองตามแผ่นหลังของหญิงสาวแล้วครุ่นคิด ทำไมเธอถึงแอบมาที่นี่? ถ้าวันนี้เขาไม่ได้ลืมของไว้ที่สำนักงานก็คงไม่ได้เห็นภาพนี้
หยินเหวินกั๋วเดินเข้าไปด้านในและเห็นของบนโต๊ะ เมื่อเปิดถุงออกจึงพบว่าเป็นผ้าพันคอถักด้วยไหมสีน้ำเงินเข้าอยู่ด้านใน เขาพลิกดูแล้วจึงได้เจอจดหมายที่แนบมา
บนภูเขาสูงมีต้นไม้ใหญ่ กิ่งก้านงามประดับไว้
ฉันได้แต่ชมชอบเธออยู่ในใจ เธอไม่ได้รู้เลย!
ไม่มีชื่อเขียนลงท้ายไว้ แต่กลับมีภาพวาดอยู่ด้านล่าง ต้นไม้ยืนแห้งตาย นกนางแอ่นตัวหนึ่งอยู่ในรัง กำลังร้องเพลงให้พระจันทร์ที่สว่างไสว
ภาพวาดนี้งดงามมาก แต่ผู้หญิงคนนี้พยายามทำอะไร?
ความหมายของภาพวาดนี้คือหมิงเหยี่ยน (นกนางแอ่น) และผ้าพันคอนี้เป็นสัญลักษณ์แทนความในใจ
จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อจางหมิงเยี่ยนตกใจกลัวทุกครั้งเห็นเขา?
“หัวหน้า! หัวหน้าครับ! แย่แล้ว! มีวัวตัวหนึ่งกำลังคลั่งอาละวาดอยู่ ตอนนี้มีคนหลายคนได้รับบาดเจ็บแล้ว!" ชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างตะโกนเสียงดังอย่างตื่นตระหนก
หยินเหวินกั๋วขมวดคิ้ว
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ๆ วัวก็หลุดออกจากเชือกวิ่งเตลิดไปทั่ว”
ขณะที่หยินเหวินกั๋วกำลังจะออกไป เขาก็นึกถึงจดหมายได้ จึงได้พับมันใส่กระเป๋ากางเกงไว้
คงจะไม่ดีนักหากมีคนเห็นจดหมายฉบับนี้ โดยเฉพาะจางหมิงเยี่ยน อาจจะมีข่าวลือแพร่ไปว่าเธอเขียนบทกวีเพื่อสารภาพรักกับเขา
เมื่อชายหนุ่มไปถึงพบว่าทุกอย่างวุ่นวายยุ่งเหยิงไปหมด เหล่ายุวชนทั้งชายและหญิงกำลังถูกวัวกระทิงไล่ขวิด พร้อมกับเสียงกรีดร้องของเหล่ายุวชนหญิงและเสียงคำรามของยุวชนชาย
หูชื่อเหวินมองหาจางหมิงเยี่ยน เห็นเธอกำลังวิ่งวุ่นอยู่กับยุวชนอีกสองสามคนเพื่อหลบจากการถูกวัวขวิด เธอรีบวิ่งไปจับจางหมิงเยี่ยนหลบไปอีกด้าน
“พี่เยี่ยน รีบวิ่งไปตรงนั้นกันเถอะ!” เด็กสาวทั้งสองคนวิ่งเร็วมาก จนฝูงชนที่กำลังแตกฮือสังเกตเห็นจึงพากันวิ่งตามหลังพวกเธอ
สายตาของวัวกระทิงถูกดึงดูดโดยฝูงชนที่วิ่งหนีทันที มันวิ่งไล่ตามอย่างรวดเร็ว
จางหมิงเยี่ยนสะดุดเท้าข้างหนึ่งของตัวเองทำให้ล้มลง หูชื่อเหวินรีบเข้าไปพยุงเธอเอาไว้
ในตอนนั้นเองเจ้าวัวที่กำลังเป็นบ้า ก็พุ่งเข้ามาหาเธอ หญิงสาวไม่ทันได้คิดอะไรด้วยซ้ำ เธอล้มลงนอนปกป้องร่างของจางหมิงเยี่ยนเอาไว้ เสียงคนกรีดร้องดังขึ้น ทุกคนในที่นั้นพากันคิดว่า สาวงามผู้นี้คงจะโดนเจ้าวัวบ้าขวิดเข้าให้เป็นแน่
หูชื่อเหวินใจกระตุกวูบเตรียมพร้อมที่จะโดนวัวขวิดอย่างเต็มที่ แต่ความเจ็บปวดที่คาดเอาไว้กลับไม่เกิดขึ้น
เธอหันหลังกลับ เห็นชายร่างสูงกำลังประจันหน้ากับวัว สองมืออันทรงพลังจับเขาทั้งสองข้างของมันกดเอาไว้ หูชื่อเหวินรีบลุกจากจางหมิงเยี่ยนและพยุงเธอหลบด้านข้างทันที
“มาช่วยกันหน่อย! ใช้เชือกมัดวัวเอาไว้แล้วดึง!" เธอตะโกนเรียกบรรดายุวชนชายที่ยังอยู่ในสภาวะหวาดกลัว
มีเพียงเหล่ายุวชนชายไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้สติ พวกเขาคว้าเชือกคล้องขาวัวแล้วดึงไปในทิศทางตรงกันข้ามกับมัน
ขณะนั้นเองหยินเหวินกั๋วย่อตัวลงและใช้แรงกดวัวเอาไว้ด้วยมือและขาทั้งสองข้าง เมื่อเขากดมันลงพื้นได้สำเร็จ พวกผู้ชายจึงได้พากันช่วยเขาอีกแรง
สัตวแพทย์รีบเข้ามาฉีดยากล่อมประสาทให้กับวัว
หยินเหวินกั๋วหอบหายใจอย่างหนักเขาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของตัวเอง
เมื่อมองไปที่หูชื่อเหวินและจางหมิงเยี่ยนซึ่งกำลังช่วยพยุงกันอยู่ เขาจึงถามด้วยความกังวลว่า
“เป็นอะไรกันมากไหม?" เขาพูดพร้อมกวาดสายตามองเหล่ายุวชนที่อยู่รอบๆ
“ช่วยกันดูว่าใครได้รับบาดเจ็บบ้าง? เติ้งกวงหรงอยู่ไหน? ให้เขาพาคนเจ็บไปโรงพยาบาลตรวจอาการเดี๋ยวนี้!”
หูชื่อเหวินมองชายตรงหน้า เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เขาใส่ยุ่งเหยิง เหงื่อเม็ดโตไหลหยดลงมาจากหน้าผาก เขาหายใจเข้าออกอย่างเหนื่อยหอบ แต่ไม่ได้ทำให้ดูน่าอายแต่อย่างไร? ทุกคนกลับมองเขาเป็นวีรบุรุษผู้กล้าไปแล้ว!
คงจะเป็นเพราะเธอจ้องเขามากเกินไป เขาจึงได้หันกลับมามองด้วยดวงตาสีดำเข้ม มันไม่ได้เย็นชาเหมือนก่อนหน้านี้แต่มีบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ แต่ยากเกินกว่าที่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจ
หลังจากสบตากันสักพัก หูชื่อเหวินจึงคิดได้ว่าสมควรจะขอบคุณเขา
“ขอบคุณค่ะหัวหน้า!”
ตอนนี้เข่าของจางหมิงเยี่ยนได้รับบาดเจ็บเธอกำลังเดินกะเผลก
“สหายจางหมิงเยี่ยน ไปโรงพยาบาลกับพวกเขาเถอะ”
จางหมิงเยี่ยนไม่กล้ามองไปที่หยินเหวินกั๋วเธอพึมพำเสียงแผ่ว
“ไม่… ไม่จำเป็นค่ะหัวหน้า ฉะ…ฉันจะกลับไปใส่ยาแดง มันไม่เป็นอะไรมาก…” เมื่อหูชื่อเหวินเห็นแม่ของเธอประหม่าและเต็มไปด้วยความกังวลต่อหน้าคนที่แอบชอบ เธอไม่ค่อยพอใจนัก
“ได้ค่ะหัวหน้า ฉันจะพาเธอไปเอง”
หยินเหวินกั๋วชำเลืองมองเธอด้วยสายตาแปลกประหลาด เขาไม่ได้พูดว่าอะไร
เมื่อถึงตอนที่จะก้าวขึ้นรถไถ ขาของจางหมิงเยี่ยนเจ็บ หูชื่อเหวินจึงช่วยประคอง เธอขึ้นรถ หยินเหวินกั๋วลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาจึงได้เข้าไปช่วยยกพยุงจางหมิงเยี่ยน
หยินเหวินกั๋วมองที่มือตัวเองจากนั้นจึงได้มองที่หญิงสาวทั้งสองคน เขาคิดเย้ยหยันอยู่ในใจ ภาพที่ปรากฏให้เขาเห็นทำให้เขารู้ว่า จางหมิงเยี่ยนไม่ใช่คนที่ให้ผ้าพันคอแก่เขา
และใครคือคนที่จางหมิงเยี่ยนชอบ
ผู้หญิงคนนี้กำลังพยายามทำอะไรหรือเธอต้องการล้อเขาเล่นหรือ?