ความงดงามเย้ายวนของเสวียนหลงดึงดูดยาจกหนุ่มผู้ลึกลับ ท่ามกลางราตรีอันแสนหนาวเหน็บ อ้อมกอดของชายคณิกากลับมอบความอบอุ่นให้ยาจกผู้นั้นไปถึงดวงใจ....
ความงดงามเย้ายวนของเสวียนหลงดึงดูดยาจกหนุ่มผู้ลึกลับ ท่ามกลางราตรีอันแสนหนาวเหน็บ อ้อมกอดของชายคณิกากลับมอบความอบอุ่นให้ยาจกผู้นั้นไปถึงดวงใจ....
รัตติกาลพันผูก
หลังจากชายปริศนาพาเสวียนหลงออกมานอกพระราชวังได้ เขาก็ฉุดกระชากเสวียนหลงวิ่งหนีไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องและเสียงดาบที่ฟาดฟันกันในยามวิกาล มือหนึ่งของเขาแกว่งดาบไล่ฟันศัตรูที่เข้ามาใกล้ อีกมือก็กุมมือเสวียนหลงไว้อย่างแน่นหนา เขาต้องทั้งสู้และคอยปกป้องเสวียนหลงไปด้วย หิมะที่ตกลงมาปกคลุมเสื้อคลุมและดาบของเขา เหมือนจะทำให้ร่างกายของเขาเย็นเยียบตามไปด้วย แต่ทว่าแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นนั้น กลับส่องประกายราวกับไฟที่ไม่มอดดับ
“อย่าปล่อยมือข้า!” ชายปริศนาตะโกนออกมา แม้ว่าเสียงจะถูกกลืนหายไปกับเสียงลมและเสียงร้องไห้ของชาวเมืองที่กำลังหนีตาย
เสวียนหลงรู้สึกถึงความอบอุ่นในมือที่กุมมือเขาไว้ และเขาก็รู้สึกถึงความเชื่อมั่นที่ชายคนนี้มีให้ แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่รู้ว่าชายปริศนาผู้นี้เป็นใคร แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อใจและวิ่งตามเขาไป
ในขณะที่ชายปริศนาแกว่งดาบปัดป้องศัตรู มือของเขาก็พลาดพลั้งถูกดาบฟันหลายแห่ง เลือดไหลซึมออกมาจากบาดแผลบนร่างกายของเขา แม้จะรู้สึกเจ็บปวดแต่เขาก็ยังคงต่อสู้และปกป้องเสวียนหลงอย่างไม่หยุดยั้ง
เมื่อพวกเขาหลบหนีมาถึงเขตนอกเมืองที่เงียบสงบ ชายปริศนาก็พาเสวียนหลงเข้าไปหลบในศาลเจ้าร้าง เขาผลักบานประตูเก่า ๆ ที่เต็มไปด้วยฝุ่นเปิดออก แล้วดึงเสวียนหลงเข้าไปข้างใน แสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านประตูเข้ามา ทำให้เห็นเงาร่างของพวกเขาสองคนเคลื่อนไหวอยู่ในความมืด
“เจ้าปลอดภัยแล้ว” ชายปริศนาพูดเสียงแผ่ว ร่างกายของเขาเริ่มอ่อนแรงลงจากการต่อสู้อย่างหนักหน่วง “ข้าจะต้องดูแลเจ้าให้ดีที่สุด”
ทันใดนั้นเอง ร่างของเขาก็ทรุดลงกับพื้น เสวียนหลงรีบวิ่งเข้าไปประคองเขา “เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?” เสวียนหลงถามด้วยความเป็นห่วง
ชายปริศนาสบตากับเขา และยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “ข้าไม่เป็นไร แค่เหนื่อยล้าเล็กน้อย”
เสวียนหลงมองดูบาดแผลที่เต็มไปด้วยเลือด “เดี๋ยวข้าจะทำแผลให้เจ้า” เขาพูดพร้อมกับดึงผ้าพันแผลออกมาจากกระเป๋าเล็ก ๆ ที่เขามีติดตัวไว้
เขาพยายามทำแผลให้ชายปริศนาอย่างดีที่สุด แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็พยายามทำเท่าที่ทำได้ ขณะที่เขาทำแผลให้ ชายปริศนาก็พยายามไม่ส่งเสียงร้องออกมา แต่ความเจ็บปวดนั้นก็แสดงออกมาให้เห็นในสายตาของเขา
หลังจากทำแผลเสร็จ เสวียนหลงก็ถือวิสาสะเปิดผ้าปิดหน้าของชายปริศนาออก และต้องตกใจเมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย “แม่ทัพอู๋เหวิน! เจ้าเป็น…”
“ใช่ ข้าเอง” อู๋เหวินตอบเสียงแผ่ว “ข้าคือคนที่ถูกติดใบประกาศจับไปทั่วเมือง และก็เป็นยาจกที่เจ้าเคยพบที่หอนางโลมฟู่กุ้ยฮวา”
เสวียนหลงมองดูเขาด้วยความงุนงงและความรู้สึกที่ปนเปกันไป “ทำไมเจ้าถึงช่วยข้า? ข้าไม่เข้าใจ”
อู๋เหวินยิ้มออกมา “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าต้องตกอยู่ในอันตราย ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นใคร แต่ข้าก็อยากปกป้องเจ้า แม้ว่าข้าจะรู้ถึงความจริงทั้งหมดก็ตาม”
เสวียนหลงยังคงไม่เข้าใจ แต่เขาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นในคำพูดของอู๋เหวิน “ขอบใจเจ้ามาก ที่ช่วยชีวิตข้าไว้”
อู๋เหวินพยักหน้า และค่อย ๆ หลับตาลง ร่างของเขาสั่นสะท้านด้วยความเหนื่อยล้า เสวียนหลงมองดูเขาด้วยความเป็นห่วง และรู้สึกถึงความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อนในใจของเขา ความรู้สึกที่ปนเประหว่างความขอบคุณและความสงสัย
ราตรีนั้นยังคงดำเนินไปอย่างเงียบสงบ ในศาลเจ้าร้างที่เต็มไปด้วยความลับและความทรงจำ ทั้งสองนั่งอยู่ในความเงียบงัน รอคอยให้รุ่งเช้าของวันใหม่มาถึง....