หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
ซูฮั่นหยวนยักคิ้วเล่น ๆ และยิ้มให้เธอ “ฉันไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์อะไรหรอก แค่มีนิดหน่อยเท่านั้น”
“จริงเหรอ?” จู้หลินมองเธอด้วยความประหลาดใจผสมความไม่เชื่อ “ลองพูดสักสองสามประโยคสิ ถ้าเธอพูดได้ ฉันจะเชื่อเธอ”
“เรื่องง่าย ๆ” สำหรับคนอย่างซูฮั่นหยวนที่เติบโตมาในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดและเรียนทั้งวิชาเสริมและภาษาอังกฤษมาตลอด เธอจึงชำนาญในภาษาอังกฤษมาก
หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เธอก็ไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศเป็นเวลาสามปี ภาษาอังกฤษของเธอเรียกได้ว่าดีเยี่ยม
“อ่ะนี่ หนังสือ” จู้หลินรีบยื่นหนังสือให้เธอ
ซูฮั่นหยวนไม่รับหนังสือมาและยิ้ม “ฉันไม่ต้องใช้หรอก”
“เธอจะพูดเองหรือ น่าทึ่งจริง ๆ!”
ซูฮั่นหยวนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปิดปากพูดบทพูดเดี่ยวจาก Hamlet: ‘To Be Or Not To Be’
เธอท่องด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยอารมณ์และเน้นเสียงในจุดที่เหมาะสม สำเนียงภาษาอังกฤษของเธอฟังดูแท้จริง ทำให้นึกถึงยุคกลางของยุโรปในทันที
หลังจากเธอท่องจบ จู้หลินก็ยืนอึ้ง จากนั้นก็ค่อย ๆ ได้สติกลับมาและกระโดดออกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว หล่อนกอดซูฮั่นหยวนและแกว่งตัวเธอไปรอบ ๆ เหมือนเด็กน้อย “ผู้ช่วยชีวิต! เธอเป็นเหมือนผู้ช่วยชีวิตที่พระเจ้าส่งมาให้ฉัน! สอนฉันหน่อยนะ เป็นครูของฉันได้ไหม”
ซูฮั่นหยวนเวียนหัวจากการถูกแกว่ง “ได้ ๆ ๆ! ฉันจะสอนเธอ”
“จริงหรือ”
“แน่นอน! พวกเราเป็นเพื่อนร่วมห้องและเพื่อนกันนี่นา”
เมื่อเห็นซูฮั่นหยวนตอบรับอย่างง่ายดาย จู้หลินก็กระโดดสูงถึงสามฟุตด้วยความตื่นเต้นมากกว่าตอนที่เก็บเงินได้อีก “เยี่ยม! เยี่ยมจริง ๆ! เธอเก่งที่สุดเลย!”
“ใช่ไหมล่ะ” ซูฮั่นหยวนหัวเราะ “อย่าลืมฉันล่ะถ้าในอนาคตมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นกับเธอ”
“ไม่มีทาง ฉันจะไม่มีวันลืมเธอเลย!” จู้หลินสาบานต่อท้องฟ้า แต่แล้วก็สงสัย “เธอเรียนภาษาอังกฤษมาได้ยังไง ครอบครัวเธอรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”
แค่ก แค่ก
ซูฮั่นหยวนพูดอวดอย่างไร้ยางอายพร้อมแต่งเรื่องใหญ่โตขึ้นมา “เธอไม่รู้เหรอ บนโลกนี้มีคนที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ ฉันไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษมาก่อนเลย แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงพูดและเขียนมันได้เอง เธอว่ามันแปลกไหม”
ไม่อย่างนั้นเธอจะอธิบายการที่เธอพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วได้ยังไงล่ะ
จู้หลินพูดอย่างอิจฉาว่า “ถ้าฉันมีความสามารถแบบนั้นก็ดีสิ”
“ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่เธอฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง เธอก็จะทำได้แน่นอน ฉันจะกินข้าวก่อนแล้วเราค่อยเริ่มเรียนกัน” ซูฮั่นหยวนกล่าว
“ได้” จู้หลินพยักหน้าแรง ๆ เหมือนไก่จิกข้าว เธอรีบจัดพื้นที่ให้ซูฮั่นหยวนนั่ง “มา ๆ นั่งตรงนี้”
ซูฮั่นหยวนยิ้ม “นี่ฉันได้รับการต้อนรับดีขนาดนี้ในฐานะครูของเธอหรือ”
“ใช่แล้ว! ต่อไปนี้ฉันจะรับหน้าที่ชงชาและนวดตัวให้เธอเอง ฉันจะดูแลเธอจนรู้เธอสึกสบาย เธอแค่สอนฉันก็พอ!” จู้หลินพูดอย่างกล้าหาญ