หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
เฉียวซาซ่าไม่ต้องการให้กลุ่มผู้ชายหยาบคายนี้เห็นหล่อนเป็นตัวตลก จึงกระทืบเท้าอย่างโกรธเคืองและขู่ว่า “คอยดูเถอะ หัวหน้าของเธอจะมาคุยกับเธอช่วงบ่ายนี้แน่!”
ซูฮั่นหยวนแสดงออกด้วยท่าทีไม่แยแส “ได้ ฉันจะรอ”
เธอไม่ได้ใช้ตำแหน่งของเธอเพื่อแก้แค้นส่วนตัว สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากการพิจารณาและชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้วจึงตัดรายการของหล่อนออก และเธอไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน ดังนั้นเธอไม่มีอะไรต้องกลัว
เธอมั่นใจว่าโรงงานขนาดใหญ่ที่มีผู้นำมากมายแบบนี้จะไม่ปล่อยให้เฉียวซาซ่าโวยวายได้ง่าย ๆ
ทันทีที่เฉียวซาซ่าจากไป คนงานชายในโรงงานก็เริ่มเป่าปากหวีดหวิวและเชียร์กันทีละคน
“เจ๋ง!”
“นี่ เธอชื่ออะไร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเรื่องของเธอมาก่อน”
“ทำไมปล่อยให้แม่นั่นไปง่ายๆ แบบนั้น ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะตบหล่อนซะ! ผู้หญิงบ้าอะไรหยิ่งชิบหาย”
“พวกนายไม่กลับไปทำงานเหรอ ไม่อยากได้เงินหรือไง” ซูฮั่นหยวนยิ้มและเม้มปากเล็กน้อย จากนั้นก็หันกลับไปหยิบชอล์คและเริ่มทำบอร์ดรายงานอย่างจริงจัง
ตอนบ่ายหลังเลิกงาน โรงอาหารเต็มไปด้วยผู้คนที่มาต่อคิวรับอาหาร
ซูฮั่นหยวนก็กำลังถือชามไปตักอาหารเช่นกัน เธอเจอกับรูมเมทของตัวเอง จู้หลินที่ได้รับอาหารแล้วชวนเธอมานั่งด้วยกัน
“ฮั่นหยวน มากินข้าวด้วยกันสิ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
โต๊ะอาหารในโรงอาหารถูกจับจองหมดแล้ว แต่ละโต๊ะมีคนสามถึงห้าคนนั่งรวมกัน กินหมั่นโถวกับกับข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย ซูฮั่นหยวนตักข้าวใส่ชามครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งใส่กับข้าว เมื่อเธอนั่งลงตรงข้ามกับจู้หลิน เธอถามว่า “มีอะไรจะคุยกับฉันเหรอ?”
จู้หลินมองไปรอบ ๆ และลดเสียงลง “วันนี้เธอไปทำให้เฉียวซาซ่าโกรธหรือเปล่า? หล่อนวิ่งร้องไห้กลับไปที่สหภาพแล้วฟ้องกับรองประธานสหภาพ”
“หล่อนเป็นฝ่ายเริ่มก่อน”
“แล้วเธอรู้ไหมว่าหล่อนเป็นใคร” จู้หลินกระซิบ “หล่อนเป็นถึงหลานสาวของรองประธานสหภาพ! ถ้าเธอทำให้ผู้นำสหภาพโกรธ เธอคิดว่าจะได้อยู่อย่างสงบเหรอ?”
“พวกเขาเกี่ยวข้องกันจริง ๆ เหรอเนี่ย?” ซูฮั่นหยวนไม่รู้มาก่อน
“แน่นอน! ฉันว่าเธอไปขอโทษเฉียวซาซ่าเถอะ แล้วก็เอารายการแสดงของหล่อนกลับมาใส่เหมือนเดิม แล้วตัดรายการอื่นออกแทน” จู้หลินเสนอความคิดอย่างมีเมตตา
“แบบนั้นไม่ได้ มันไม่ยุติธรรมกับคนอื่น” ถ้าทำแบบนั้นมันจะยิ่งทำให้เฉียวซาซ่าหยิ่งผยองมากขึ้น หล่อนจะคิดว่าเธอกลัวหล่อนและจะรังแกเธอหนักขึ้นในอนาคต
ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป คนงานในโรงงานคงคิดว่าเธอเป็นคนที่รังแกคนที่อ่อนแอกว่าและเกรงกลัวคนที่แข็งแกร่งกว่า
ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็จะไม่มีฝ่ายไหนยืนข้างเธอเลย!
“ถ้าเธอไม่อยากทำแบบนั้น ก็ระวังตัวไว้หน่อยนะ”
“ใช่ ฉันรู้ ขอบใจ!” ซูฮั่นหยวนชี้ไปที่จู้หลิน “แล้วเธอไม่กลัวถูกตำหนิที่บอกเรื่องนี้กับฉันเหรอ”
“ฉันก็แค่ทำงานให้ดี ทำไมต้องกลัวพวกนั้นด้วย”
“งั้นฉันก็ไม่กลัวเหมือนกัน” จู้หลินหัวเราะออกมา
“ดีแล้ว! และขอเตือนอีกอย่างนะ หลินชิงอี้ไม่ใช่คนดี หล่อนเป็นคนที่ขายเรื่องของเธอ ระวังตัวด้วย!”
“ฉันก็คิดไว้แล้วว่าเป็นหล่อน” ซูฮั่นหยวนรู้ตั้งแต่ตอนที่เฉียวซาซ่าเดินเข้ามาอย่างโกรธเกรี้ยว
การมีรายการแสดงซ้ำซ้อนกันนั้นมันไม่สมเหตุสมผล โรงงานใหญ่ขนาดนี้และมีหลายแผนก แต่ละแผนกมีกฎว่าต้องส่งรายการแสดงแค่สองรายการเท่านั้น เว้นแต่จะเป็นรายการที่ไม่เหมือนใครจริง ๆ
รายการของเฉียวซาซ่าไม่ได้มีความน่าสนใจมากนัก และมันสมควรจะถูกตัดออกแล้ว ทว่าหลินชิงอี้ไม่ยอมตัดออกและให้เธอเป็นคนทำแทน เห็นได้ชัดว่าหล่อนกลัวว่าจะทำให้รองประธานสหภาพไม่พอใจ
ดังนั้นหลินชิงอี้จึงหาโอกาสโยนระเบิดใส่เธอแทน
หากว่ากันตามจริง ถ้าเธอรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเฉียวซาซ่าและรองประธานสหภาพ เธอคงไม่เลือกเส้นทางนั้น จะไม่รับโทษแทนหลินชิงอี้และถูกแทงข้างหลังโดยไม่รู้ตัวแบบนี้