หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
หลังอาหารกลางวัน ซูฮั่นหยวนทำบอร์ดรายงานจนเสร็จแล้วจึงกลับไปที่ห้องทำงาน เธอเห็นเจียงกัวและหลินชิงอี้นั่งคุยกันอยู่
เธอมองเจียงกัวด้วยสายตาดูถูก เขาเป็นผู้ชายแท้ ๆ แต่กลับไม่มีความสุขุมแบบผู้ชายเลย
ทุกวันเขาจะอยู่กับหลินชิงอี้ ซุบซิบกันเหมือนแม่บ้านแก่ๆ
อีกอย่างเธอไม่เข้าใจว่าทำไมหลินชิงอี้ถึงเกลียดชังเธอมากขนาดนี้ การใช้เล่ห์เหลี่ยมลับหลังแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายต้องการเตะเธอออกจากแผนกประชาสัมพันธ์จริง ๆ
ไม่นานหลังจากที่เธอนั่งลง หัวหน้าหนิ่วหงเซี่ยก็เดินเข้ามา สีหน้าของหล่อนแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
“ซูฮั่นหยวน ออกมาข้างนอกหน่อย”
ซูฮั่นหยวนวางสมุดลงและตามหล่อนออกไป พวกเธอหยุดเดินเมื่อถึงต้นปอปลาร์ที่ไม่มีใบ
“ฉันได้ยินมาว่าเธอตัดรายการหนึ่งของสหภาพเพราะการแก้แค้นส่วนตัว แถมยังไปทะเลาะกับเฉียวซาซ่าและสาดน้ำชาใส่หล่อน ซูฮั่นหยวน เธอช่างกล้าจริง ๆ สหภาพมาตำหนิฉัน เธอรู้ไหม?” สีหน้าของหัวหน้านิ่วมืดมนชัดเจน แสดงว่าคำบ่นนั้นไม่ใช่เรื่องดีเลย
“หัวหน้าคะ คำกล่าวหาพวกนั้นไม่เป็นความจริง! ฉันคิดว่ารายการนั้นไม่สมเหตุสมผล ตอนที่ฉันตัดรายการออก ฉันก็ถามความคิดเห็นของหลินชิงอี้และเจียงกัวแล้ว พวกเขาก็คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องการทะเลาะ...เฉียวซาซ่าเป็นฝ่ายเริ่มก่อน มีคนในโรงงานเห็นเหตุการณ์นี้ด้วย ถ้าหัวหน้าไม่เชื่อก็สามารถสอบสวนได้เรื่องราวทั้งหมดได้ค่ะ...” ซูฮั่นหยวนรู้สึกดีใจที่มีคนเห็นเหตุการณ์ ไม่เช่นนั้นคงอธิบายเรื่องนี้ได้ยาก
“จริงเหรอ?” หนิ่วหงเซี่ยถาม
“ฉันสาบานว่ามันเป็นความจริงแน่นอน!” ซูฮั่นหยวนตบหน้าอกและรับรองด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันทำงานภายใต้การนำของหัวหน้ามาหลายปี หัวหน้าสอนเสมอว่าคนเราควรเปิดเผย ตรงไปตรงมา และใจกว้าง! หัวหน้าเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับฉันเสมอ ด้วยอิทธิพลของหัวหน้า นั่นกลายเป็นมาตรฐานของฉันในการทำงานและการเรียนรู้ ดังนั้นจะไม่มีเรื่องที่ฉันใช้การทำงานเพื่อแก้แค้นส่วนตัวแน่นอน! หัวหน้าจะดูรายการแสดงก็ได้ ถ้าหัวหน้าคิดว่าการตัดสินใจของฉันมีปัญหา หัวหน้าว่ากล่าวฉันได้เลย ฉันจะไม่โต้แย้งสักคำ!”
คำพูดของซูฮั่นหยวนเป็นการแก้ต่างให้ตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการยกย่องหัวหน้าอย่างพอเหมาะพอควร ใครไม่ชอบฟังคำพูดดี ๆ กันล่ะ ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับวิธีการที่จะยกย่องคนเท่านั้น
เมื่อหัวหน้าหนิ่วหงเซี่ยได้ยินสิ่งนี้ หล่อนก็รู้สึกดีใจอยู่ภายใน สีหน้าของหล่อนแสดงถึงความพอใจ “จริงหรือ?”
“แน่นอนค่ะ! หัวหน้าเป็นแบบอย่างและไอดอลของฉัน!” ซูฮั่นหยวนพูดอย่างกระตือรือร้น “หัวหน้ารู้จักนิสัยของฉันดี ฉันเคยเป็นคนขี้ขลาด ไม่มีความกล้า และไม่กล้าพูด แต่หัวหน้าเป็นคนที่พูดเก่งและมีทักษะการสื่อสารที่ยอดเยี่ยม ในฐานะลูกน้องของหัวหน้า ฉันต้องไม่ล้าหลัง ฉันพยายามพูดให้กล้าหาญขึ้นเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแผนกประชาสัมพันธ์ของเรา!”
หนิ่วหงเซี่ยนึกถึงผลงานล่าสุดของซูฮั่นหยวนและตระหนักว่ามันเป็นเรื่องจริง ดูเหมือนว่าซูฮั่นหยวนกลายเป็นคนละคน พูดมากขึ้นและนิสัยร่าเริงขึ้น
“ดีแล้วที่เธอไม่ทำแบบนั้น ฉันยังเชื่อในจรรยาบรรณการทำงานของเธอ” ในเมื่อซูฮั่นหยวนพูดไปมากขนาดนี้แล้ว การตั้งคำถามต่อคงไม่เหมาะสม หนิ่วหงเซี่ยจึงพูดว่า “ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง แต่ต้องเตือนเธออย่างว่าเฉียวซาซ่าเป็นญาติกับรองประธานสหภาพ พยายามอย่ามีเรื่องขัดแย้งกับหล่อนในอนาคต!”