หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
“จู้หลิน เธอเห็นอะไรไหม?” เธอเงยหน้าขึ้นมาและถามทันที
“ฉันก็เห็นแผลของเธอน่ะ อย่าเอามืออีกข้างมาปิดไว้ มันอาจติดเชื้อได้นะ…”
ซูฮั่นหยวนมั่นใจแล้วว่ามันอย่างที่เธอคิดไว้ มือของเธอมีความสามารถในการรักษาและลดความเจ็บปวดได้ นอกจากนี้ยังมีแค่เธอเพียงคนเดียวที่สามารถเห็นแสงสีน้ำเงินที่ส่องออกมาจากมือของเธอ
นี่ถือเป็นพรสวรรค์ทองคำหรือเปล่านะ?
แต่… ดูเหมือนว่าพรสวรรค์นี้จะไม่ค่อยมีประโยชน์กับเธอเท่าไหร่ บางทีอาจจะมีประโยชน์ในอนาคต ใครจะรู้ล่ะ
“ก็ได้ ฉันจะไปพันแผล ทิ้งที่นี่ให้เธอจัดการนะ” ซูฮั่นหยวนยิ้มหวานและลุกขึ้นไปยังห้องพยาบาลชั้นล่าง
…
สามวันต่อมา ซูต้าจียงพ้นช่วงวิกฤตและเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการฟื้นตัว
มีคนคอยดูแลพ่อแล้ว ซูฮั่นหยวนจึงกลับไปทำงานโดยไม่กังวล เธอไปพบหัวหน้าหนิ่วหงเซี่ย เพื่อยกเลิกการลางานก่อนจะไปที่ห้องทำงานของเธอ
ทันทีที่ซูฮั่นหยวนเข้ามา เธอเห็นเจียงกัวและหลินชิงอี้นั่งคุยกันอยู่ใกล้เตาไฟ เปลวไฟลุกโชนอย่างสว่างไสว และมีมันเทศไม่กี่หัวกำลังย่างอยู่บนไฟ กลิ่นหอมหวานของมันเทศที่ใกล้จะสุกฟุ้งไปทั่ว
“ฮั่นหยวน เธอกลับมาแล้วเหรอ?” หลินชิงอี้ทักทายเธออย่างกระตือรือร้น “มาเร็ว ๆ พวกเรากำลังหารายการแสดงกันอยู่!”
“ตกลงกันได้แล้วเหรอ?” เธอถาม
“ยังเลย พวกเรากำลังคุยกันอยู่” เพื่อนร่วมงานสาวหยิบมันเทศที่เผาสุกแล้วยื่นให้เธอ “ลองดูสิ อร่อยมากเลยนะ”
หลินชิงอี้เป็นคนแปลกประหลาด และท่าทีของหล่อนต่อซูฮั่นหยวนก็ไม่ค่อยดีนักในยามปกติ
ซูฮั่นหยวนไม่รู้ว่าทำไมวันนี้เธอถึงเป็นมิตรขนาดนี้ มีการสลับวิญญาณกันเกิดขึ้นหรืออย่างไร?
ซูฮั่นหยวนโบกมือปฏิเสธและพูดว่า “ฉันมีปัญหากระเพาะอาหารน่ะ ถ้ากินมันเทศเดี๋ยวจะแสบร้อนที่อก”
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้” หลินชิงอี้ดันรายการแสดงใส่มือของเธอ “ดูนี่สิ ตามการคำนวณของเรา ในงานเลี้ยงปีใหม่จะมีการแสดงได้สูงสุดสี่สิบรายการเท่านั้น แต่ความกระตือรือร้นจากแต่ละฝ่ายสูงมาก ทุกคนส่งรายการแสดงเข้ามามากมาย ซึ่งเกินจำนวนที่เราควรมีไปแล้ว ฉันกับเจียงกัวกำลังคุยกันว่าจะตัดรายการไหนออกบ้าง”
ซูฮั่นหยวนเหลือบมองผ่าน ๆ และพูดว่า “รายการเยอะจริงแหละ พวกเธอได้ข้อสรุปหรือยัง?”
“ยัง เธอคิดว่าเราควรจะตัดรายการของสหภาพหรือรายการของฝ่ายโรงงานออกดี?” หลินชิงอี้ถาม
ซูฮั่นหยวนมองดูรายการแสดง สหภาพมีสามรายการ หนึ่งในนั้นเป็นการร้องประสานเสียง ส่วนอีกสองรายการเป็นการร้องเดี่ยว ในสองรายการนี้ หนึ่งมีการเล่นแอคคอร์เดียนประกอบ ส่วนอีกหนึ่งเป็นการร้องเดี่ยวล้วน ๆ
ดูจากสองรายการนี้แล้ว มันค่อนข้างซ้ำซ้อน ร้องเดี่ยวรายการเดียวก็พอแล้ว ดังนั้นควรเก็บการแสดงเต้นรำของฝ่ายโรงงานไว้
“งั้นตัดรายการนี้ออกไป” ซูฮั่นหยวนอธิบายเหตุผลของเธอก่อนจะถามต่อ “พวกเธอคิดว่าไงบ้าง?”
“เอาตามที่เธอว่าแล้วกัน” หลินชิงอี้ตัดสินใจลบรายการนั้นออกไปและลุกขึ้น “ฉันจะส่งรายการแสดงนี้ให้ผู้นำโรงงานดูก่อน หลังจากนั้นเราจะได้แจ้งแต่ละแผนกเพื่อให้พวกเขาเตรียมตัวฝึกซ้อม”
“ผมไปด้วย” เจียงกัวลุกขึ้นและตามหลินชิงอี้ออกไป เมื่อเขาเดินไปถึงประตู เขาก็หันมาบอกซูฮั่นหยวนว่า “วันนี้เป็นวันที่ต้องเปลี่ยนบอร์ดรายงานนะ เป็นตาของเธอ อย่าลืมล่ะ!”
อากาศข้างนอกหนาวเย็น การทำบอร์ดรายงานในสภาพแบบนี้เป็นเรื่องทรมานมากทีเดียว แต่นี่ก็เป็นงานของเธอเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงต้องทำมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลังจากวางแผนคร่าว ๆ เกี่ยวกับเนื้อหาแล้ว เธอก็เริ่มวาดบนบอร์ดและเขียนเกี่ยวกับการส่งเสริมความปลอดภัย รวมถึงเน้นความสำคัญของคุณภาพการผลิต
เธอทำงานยุ่งอยู่ครึ่งเช้า จนขาของเธอเริ่มปวดจากการยืน เมื่อตั้งใจจะพัก เธอก็เห็นเฉียวซาซ่า พนักงานหญิงของสหภาพเดินมาอย่างรวดเร็ว
“ซูฮั่นหยวน เธอคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่!”