อสูรวานรที่กำลังจะผ่านทัณฑ์สวรรค์เพื่อจะกลายเป็นเซียนอสูร เขามิอาจผ่านทัณฑ์สวรรค์ไปได้ แต่ก็เกิดข้อผิดพลาดขึ้น ร่างกายของเขากลับกลายเป็นร่างของมนุษย์ เขาต้องการจะหวนคืนกลับเป็นอสูรวานรอีกครั้ง
อสูรวานรที่กำลังจะผ่านทัณฑ์สวรรค์เพื่อจะกลายเป็นเซียนอสูร เขามิอาจผ่านทัณฑ์สวรรค์ไปได้ แต่ก็เกิดข้อผิดพลาดขึ้น ร่างกายของเขากลับกลายเป็นร่างของมนุษย์ เขาต้องการจะหวนคืนกลับเป็นอสูรวานรอีกครั้ง
แล้วเช้าวันที่ 3 ในการฝึกเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณก็มาถึง
เช้านี้ก็ยังคงเกิดความวุ่นวายของ 1 ลิง กับ 2 จิ้งจอก อยู่เช่นเดิม แต่เทียนปิงก็ยังมีความสุขกับรสชาติอาหารของพวกมนุษย์ ที่จิ้งจอกอันเหมยปรุงมาให้กิน
เมื่อมาถึงช่วงบ่ายเทียนปิง ก็เข้าไปหาท่านอาจารย์เสือของเขา ท่านอาจารย์เสือก็ถึงกับต้องปากอ้าตาโต
เสียงระเบิดในสมองดังตูมตามไปหมด
"นี่ๆๆๆ.. เจ้าๆๆๆ.. เดินเคล็ดดูดฅับพลังปราณจนถึงขั้นเริ่มแทรกพลังปราณฟ้าดินเข้าสู่เส้นเลือดได้แล้วอย่างนั้นหรือ"
"ข้าต้องใช้เวลาฝึกถึง 10 ปีเซียวนะ กว่าจะฝึกให้ได้เท่ากับเจ้าในตอนนี้"
"โห.. ท่านอาจารย์เสือ ท่านเสียเวลาไปกับเคล็ดดูดซับพลังปราณฟ้าดินสั่วๆของพวกมนุษย์ไปตั้ง 10 ปีเชียวหรือขอรับ"
"อ้อ.. ท่านอาจารย์เสือคงเสียเวลาไปกับการลองผิดลองถูกเสียมากกว่า เพราะยังไงพวกเราก็ไม่มีเส้นลมปราณเหมือนกับพวกมนุษย์อัปลักษณ์พวกนั้น"
ท่านอาจารย์เสือนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ อันที่จริงท่านอาจารย์เสือใช้เวลาในการลองผิดลองถูกไป 3 ปี และหลังจากนั้นอีก 7 ปี เขาถึงสามารถเริ่มแทรกพลังปราณฟ้าดินเข้าสู่เส้นเลือด แบบที่เทียนปิงทำได้
"เจ้าเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณอย่างไร ไหนลองแสดงให้ข้าดูทีสิ"
แล้วมหกรรมบันเทิง ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เทียนปิงนั่งขัดสมาธิเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณได้ไม่ถึง 1 ชั่วยาม จากนั้นการเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณแบบลิงๆก็เริ่มต้นขึ้น
เทียนปิงทั้งเดินไปเดินมา นั่งๆนอนๆ ตลอดจนถึงกระโดดโลดเต้นไปมาในการเดินเคล็ดดูดซับพลังปราฯ
"เอาละ.. พอๆๆ ไม่ต้องกระโดดไปมาแล้ว ข้าเวียนหัว" ท่านอาจารย์เสือกล่าวกับเทียนปิง
"จากนี้ไปให้เจ้าเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณกลืนนภานี้ เพื่อนำเอาพลังปราณฟ้าดินผ่านเส้นเลือดแดงไปยังเท้าทั้ง 2 ข้างของเจ้า"
"แล้วนำพลังปราณฟ้าดินส่วนที่เกินกลับมายังปอดของเจ้า ผ่านทางเส้นเลือดดำ จึงจะถือได้ว่าเจ้าเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณกลืนนภานี้ได้ 1 รอบ"
"แล้วไอ้เส้นเลือดแดง กับเส้นเลือดดำนี่มันอยู่ตรงไหน ต่างกันยังไงขอรับท่านอาจารย์เต่า"
"มันก็เส้นเลือดเหมือนๆกัน มิใช่หรือขอรับ"
จากนั้นวิชาชีวะวิทยาสัตว์อสูรแบบเร่งรัดก็เริ่มต้นขึ้น
ท่านอาจารย์เสือสอนชีวะวิทยาสัตว์อสูรไป กุมขมับไป ให้กับเทียนปิงอีกถึง 3 วัน 3 คืน นอกจากเวลากินกับนอนแล้ว เทียนปิงต้องเรียนกับท่านอาจารย์เสืออยู่ตลอดเวลา
เวลานี้เทียนปิงรู้สึกว่าสมองลิงน้อยๆของเขา มันบวมจนจะล้นออกมาจากกระโหลกแล้ว
แล้วเวลาแห่งความทรมานสมองของเทียนปิงก็สิ้นสุดลง
เขาเข้าใจแล้วว่าพลังปราณฟ้าดินก็คือสินค้าที่บรรทุกไว้บนรถม้า ส่วนเส้นเลือดแดงคือถนนในขาไป เมื่อนำเอาสินค้าไปส่งยังโกดังแล้ว ก็ใช้เส้นเลือดดำเป็นถนนในขากลับ
จากนั้นก็เริ่มกระบวนการขนส่งสินค้านี้ไปยังโกดังในอีกครั้ง และอีกครั้ง จนกว่าโกดังนั้นจะเต็ม
ในเวลา 3 วัน 3 คืน แห่งความทรมานของเทียนปิง 2 จิ้งจอก อันจงและอันเหมย กลับมีความสุขเป็นที่สุด เพราะได้มีเวลาพัก ไม่ต้องสอนการใช้วิถีชีวิตของมนุษย์ ให้แก่เทียนปิง จนแทบจะฆ่ากันตายไปตั้ง 3 วัน
หลังจากนั้นเทียนปิงก็กลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมๆ นั่นคือช่วงเช้าเรียนวิถีการใช้ชีวิตแบบมนุษย์ ส่วนช่วงบ่ายจนถึงกลางคืน เขาก็ฝึกการเดินเคล็ดวิชาแบบลิงๆ ของเขาต่อไป
วงจรชีวิตของเทียนปิงก็ดำเนินต่อไปเช่นนี้ จนเวลาผ่านไปอีก 3 เดือน
"ท่านอาจารย....ยย์ ท่านอาจารย์เสือขอรับ ข้าเติมพลังปราณฟ้าดินจนเต็มกล้ามเนื้อเท้าทั้ง 2 ข้างแล้วขอรับ" เทียนปิงรีบวิ่งแจ้นไปบอกข่าวดีกับท่านอาจารย์เสือ
คราวนี้ท่านอาจารย์เสือ มิได้ตกอกตกใจแต่อย่างไร เพราะสำหรับท่านอาจารย์เสือ ลิงน้อยเทียนปิงก็ได้กลายเป็นอสูรสัตว์ประหลาดไปแล้วสำหรับเขา
"เอาละเจ้าลองวิ่งและกระโดด ไปมาอย่างเต็มที่สิ"
เทียนปิงทำตามอย่างว่าง่าย ถ้าให้เขาอยู่นิ่งๆเฉยๆ นั่นมันนรกสำหรับเขา แต่ถ้าจะให้วิ่งให้กระโดด นี่มันสวรรค์ชัดๆเลย
แล้วเทียนปิงก็วิ่งไปพลางกระโดดโลดเต้นไปพลาง เขารู้สึกได้ว่าเท้าของเขามีพละกำลังจากกล้ามเนื้อที่ดีมากๆ
ต้องไม่ลืมว่า เมื่อเทียนปิงถูกทัณฑ์สวรรค์สายฟ้าสีทองฟาดเข้าใส่ ร่างกายของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นร่างเเปลงของมนุษย์
โดยที่ทั้งพลังกายาอสูร และพลังเวทย์ฤทธิ์ของอสูร ได้สูญสลายหายไปจากตัวเทียนปิงจนหมดสิ้น
"เอาละ.. ตอนนี้เจ้ากระโดดได้สูง 3 จั้ง โดยปรกติแล้วพวกมนุษย์หากฝึกเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณนี้ จนพลังปราณฟ้าดินเต็มกล้ามเนื้อเท้าทั้ง 2 ข้างเหมือนๆกันกับเจ้า"
"พวกมนุษย์จะสามารถกระโดดได้สูงเพียง 1 จั้งเท่านั้น"
"เป็นเพราะอย่างไรเจ้าก็คืออสูร ร่ายกายของเจ้าถึงแม้จะอยู่ในรูปแบบร่างแปลงมนุษย์ แต่ร่างกายของเจ้าก็ต้องย่อมแข็งแกร่ง และทรงพลังกว่าร่างกายพวกมนุษย์โดยธรรมชาติอยู่แล้ว"
"จึงถือได้ว่าในด้านพลังกายา เจ้ามีพลังมากกว่าพวกมนุษย์ที่ฝึกฝนอยู่ในระดับเดียวกันถึง 3 เท่า"
( 1 จั้ง = 3.33 เมตร )
"แล้วท่านอาจารย์เสือ ตอนที่ท่านฝึกเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณถึงขั้นนี้ ท่านอาจารย์เสือกระโดดได้กี่จั้ง ขอรับ"
"ถามอะไรไร้สาระ ข้าเป็นถึงเทพอสูร ในตอนนั้นข้าย่อมต้องกระโดดได้สูงถึง 5 จั้งสิ"
"โอ้โห.. ท่านอาจารย์เสือท่านช่างทรงพลังเหลือเกินขอรับ" เทียนปิงกล่าวกับท่านอาจารย์เสือของเขาด้วยความชื่นชม
"จากนี้ไปให้เจ้าเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณไปยังเท้าทั้ง 2 ข้างเหมือนเช่นเดิม แต่ให้เจ้าเพิ่มการถ่ายทอดพลังปราณฟ้าดินผ่านเส้นเลือดแดง ไปยังกล้ามเนื้อบริเวณปลายขาและน่องของเจ้า ทั้ง 2 ข้าง"
"ขอรับ ท่านอาจารย์เสือ" เทียนปิงรับคำอย่างหนักแน่น
เขาเข้าใกล้การหวนคืนสู่ร่างอสูรวานรอันงามสง่าของเขาไปอีกขั้นแล้ว
ส่วนท่านเทพอสูรพยัคฆ์เมฆา เมื่อเเยกตัวออกมาจากเทียนปิงแล้ว ก็บ่นพึมพำกับตัวเองขึ้นมาเบาๆ
"ไอ้เจ้าลิงน้อยเทียนปิงนี่มันตัวอะไรกัน ตอนนั้นที่ข้าฝึกได้ระดับเดียวกันกับเจ้าลิงน้อยนี่"
"ข้ากระโดดได้สูงแค่ 2 จั้ง แต่ไอ้เจ้านี่ดันกระโดดได้สูงตั้ง 3 จั้ง"
"เจ้าลิงน้อยนี่มันอสูรสัตว์ประหลาดชัดๆ"