Your Wishlist

เซียนวานรหวนคืน (บทที่ 10 กระโดดสูง)

Author: geesan

อสูรวานรที่กำลังจะผ่านทัณฑ์สวรรค์เพื่อจะกลายเป็นเซียนอสูร เขามิอาจผ่านทัณฑ์สวรรค์ไปได้ แต่ก็เกิดข้อผิดพลาดขึ้น ร่างกายของเขากลับกลายเป็นร่างของมนุษย์ เขาต้องการจะหวนคืนกลับเป็นอสูรวานรอีกครั้ง

จำนวนตอน :

บทที่ 10 กระโดดสูง

  • 05/02/2567

      แล้วเช้าวันที่ 3 ในการฝึกเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณก็มาถึง

 

 

 

    เช้านี้ก็ยังคงเกิดความวุ่นวายของ 1 ลิง กับ 2 จิ้งจอก อยู่เช่นเดิม แต่เทียนปิงก็ยังมีความสุขกับรสชาติอาหารของพวกมนุษย์ ที่จิ้งจอกอันเหมยปรุงมาให้กิน

 

 

 

      เมื่อมาถึงช่วงบ่ายเทียนปิง ก็เข้าไปหาท่านอาจารย์เสือของเขา ท่านอาจารย์เสือก็ถึงกับต้องปากอ้าตาโต

 

      เสียงระเบิดในสมองดังตูมตามไปหมด

 

 

 

      "นี่ๆๆๆ.. เจ้าๆๆๆ.. เดินเคล็ดดูดฅับพลังปราณจนถึงขั้นเริ่มแทรกพลังปราณฟ้าดินเข้าสู่เส้นเลือดได้แล้วอย่างนั้นหรือ"

 

      "ข้าต้องใช้เวลาฝึกถึง 10 ปีเซียวนะ กว่าจะฝึกให้ได้เท่ากับเจ้าในตอนนี้"

 

 

 

      "โห.. ท่านอาจารย์เสือ ท่านเสียเวลาไปกับเคล็ดดูดซับพลังปราณฟ้าดินสั่วๆของพวกมนุษย์ไปตั้ง 10 ปีเชียวหรือขอรับ"

 

 

 

      "อ้อ.. ท่านอาจารย์เสือคงเสียเวลาไปกับการลองผิดลองถูกเสียมากกว่า เพราะยังไงพวกเราก็ไม่มีเส้นลมปราณเหมือนกับพวกมนุษย์อัปลักษณ์พวกนั้น"

 

 

 

      ท่านอาจารย์เสือนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ อันที่จริงท่านอาจารย์เสือใช้เวลาในการลองผิดลองถูกไป 3 ปี และหลังจากนั้นอีก 7 ปี เขาถึงสามารถเริ่มแทรกพลังปราณฟ้าดินเข้าสู่เส้นเลือด แบบที่เทียนปิงทำได้

 

 

 

      "เจ้าเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณอย่างไร ไหนลองแสดงให้ข้าดูทีสิ"

 

 

 

      แล้วมหกรรมบันเทิง ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เทียนปิงนั่งขัดสมาธิเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณได้ไม่ถึง 1 ชั่วยาม จากนั้นการเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณแบบลิงๆก็เริ่มต้นขึ้น

 

 

 

      เทียนปิงทั้งเดินไปเดินมา นั่งๆนอนๆ ตลอดจนถึงกระโดดโลดเต้นไปมาในการเดินเคล็ดดูดซับพลังปราฯ

 

 

 

      "เอาละ.. พอๆๆ ไม่ต้องกระโดดไปมาแล้ว ข้าเวียนหัว" ท่านอาจารย์เสือกล่าวกับเทียนปิง

 

      "จากนี้ไปให้เจ้าเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณกลืนนภานี้ เพื่อนำเอาพลังปราณฟ้าดินผ่านเส้นเลือดแดงไปยังเท้าทั้ง 2 ข้างของเจ้า"

 

      "แล้วนำพลังปราณฟ้าดินส่วนที่เกินกลับมายังปอดของเจ้า ผ่านทางเส้นเลือดดำ จึงจะถือได้ว่าเจ้าเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณกลืนนภานี้ได้ 1 รอบ"

 

 

 

      "แล้วไอ้เส้นเลือดแดง กับเส้นเลือดดำนี่มันอยู่ตรงไหน ต่างกันยังไงขอรับท่านอาจารย์เต่า"

 

      "มันก็เส้นเลือดเหมือนๆกัน มิใช่หรือขอรับ"

 

 

 

      จากนั้นวิชาชีวะวิทยาสัตว์อสูรแบบเร่งรัดก็เริ่มต้นขึ้น

 

 

 

      ท่านอาจารย์เสือสอนชีวะวิทยาสัตว์อสูรไป กุมขมับไป ให้กับเทียนปิงอีกถึง 3 วัน 3 คืน นอกจากเวลากินกับนอนแล้ว เทียนปิงต้องเรียนกับท่านอาจารย์เสืออยู่ตลอดเวลา

 

 

 

      เวลานี้เทียนปิงรู้สึกว่าสมองลิงน้อยๆของเขา มันบวมจนจะล้นออกมาจากกระโหลกแล้ว

 

 

 

      แล้วเวลาแห่งความทรมานสมองของเทียนปิงก็สิ้นสุดลง

 

      เขาเข้าใจแล้วว่าพลังปราณฟ้าดินก็คือสินค้าที่บรรทุกไว้บนรถม้า ส่วนเส้นเลือดแดงคือถนนในขาไป เมื่อนำเอาสินค้าไปส่งยังโกดังแล้ว ก็ใช้เส้นเลือดดำเป็นถนนในขากลับ

 

      จากนั้นก็เริ่มกระบวนการขนส่งสินค้านี้ไปยังโกดังในอีกครั้ง และอีกครั้ง จนกว่าโกดังนั้นจะเต็ม

 

 

 

      ในเวลา 3 วัน 3 คืน แห่งความทรมานของเทียนปิง 2 จิ้งจอก อันจงและอันเหมย กลับมีความสุขเป็นที่สุด เพราะได้มีเวลาพัก ไม่ต้องสอนการใช้วิถีชีวิตของมนุษย์ ให้แก่เทียนปิง จนแทบจะฆ่ากันตายไปตั้ง 3 วัน

 

 

 

      หลังจากนั้นเทียนปิงก็กลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมๆ นั่นคือช่วงเช้าเรียนวิถีการใช้ชีวิตแบบมนุษย์ ส่วนช่วงบ่ายจนถึงกลางคืน เขาก็ฝึกการเดินเคล็ดวิชาแบบลิงๆ ของเขาต่อไป

 

 

 

      วงจรชีวิตของเทียนปิงก็ดำเนินต่อไปเช่นนี้ จนเวลาผ่านไปอีก 3 เดือน

 

 

 

     "ท่านอาจารย....ยย์ ท่านอาจารย์เสือขอรับ ข้าเติมพลังปราณฟ้าดินจนเต็มกล้ามเนื้อเท้าทั้ง 2 ข้างแล้วขอรับ" เทียนปิงรีบวิ่งแจ้นไปบอกข่าวดีกับท่านอาจารย์เสือ

 

 

 

      คราวนี้ท่านอาจารย์เสือ มิได้ตกอกตกใจแต่อย่างไร เพราะสำหรับท่านอาจารย์เสือ ลิงน้อยเทียนปิงก็ได้กลายเป็นอสูรสัตว์ประหลาดไปแล้วสำหรับเขา

 

 

 

      "เอาละเจ้าลองวิ่งและกระโดด ไปมาอย่างเต็มที่สิ"

 

      เทียนปิงทำตามอย่างว่าง่าย ถ้าให้เขาอยู่นิ่งๆเฉยๆ นั่นมันนรกสำหรับเขา แต่ถ้าจะให้วิ่งให้กระโดด นี่มันสวรรค์ชัดๆเลย

 

 

 

      แล้วเทียนปิงก็วิ่งไปพลางกระโดดโลดเต้นไปพลาง เขารู้สึกได้ว่าเท้าของเขามีพละกำลังจากกล้ามเนื้อที่ดีมากๆ

 

      ต้องไม่ลืมว่า เมื่อเทียนปิงถูกทัณฑ์สวรรค์สายฟ้าสีทองฟาดเข้าใส่ ร่างกายของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นร่างเเปลงของมนุษย์

 

 

 

 

 

 

 

      โดยที่ทั้งพลังกายาอสูร และพลังเวทย์ฤทธิ์ของอสูร ได้สูญสลายหายไปจากตัวเทียนปิงจนหมดสิ้น

 

 

 

      "เอาละ.. ตอนนี้เจ้ากระโดดได้สูง 3 จั้ง โดยปรกติแล้วพวกมนุษย์หากฝึกเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณนี้ จนพลังปราณฟ้าดินเต็มกล้ามเนื้อเท้าทั้ง 2 ข้างเหมือนๆกันกับเจ้า"

 

 

 

      "พวกมนุษย์จะสามารถกระโดดได้สูงเพียง 1 จั้งเท่านั้น"

 

 

 

      "เป็นเพราะอย่างไรเจ้าก็คืออสูร ร่ายกายของเจ้าถึงแม้จะอยู่ในรูปแบบร่างแปลงมนุษย์ แต่ร่างกายของเจ้าก็ต้องย่อมแข็งแกร่ง และทรงพลังกว่าร่างกายพวกมนุษย์โดยธรรมชาติอยู่แล้ว"

 

 

 

      "จึงถือได้ว่าในด้านพลังกายา เจ้ามีพลังมากกว่าพวกมนุษย์ที่ฝึกฝนอยู่ในระดับเดียวกันถึง 3 เท่า"

 

 

 

      ( 1 จั้ง = 3.33 เมตร )

 

 

 

      "แล้วท่านอาจารย์เสือ ตอนที่ท่านฝึกเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณถึงขั้นนี้ ท่านอาจารย์เสือกระโดดได้กี่จั้ง ขอรับ"

 

 

 

       "ถามอะไรไร้สาระ ข้าเป็นถึงเทพอสูร ในตอนนั้นข้าย่อมต้องกระโดดได้สูงถึง 5 จั้งสิ"

 

 

 

      "โอ้โห.. ท่านอาจารย์เสือท่านช่างทรงพลังเหลือเกินขอรับ" เทียนปิงกล่าวกับท่านอาจารย์เสือของเขาด้วยความชื่นชม

 

 

 

      "จากนี้ไปให้เจ้าเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณไปยังเท้าทั้ง 2 ข้างเหมือนเช่นเดิม แต่ให้เจ้าเพิ่มการถ่ายทอดพลังปราณฟ้าดินผ่านเส้นเลือดแดง ไปยังกล้ามเนื้อบริเวณปลายขาและน่องของเจ้า ทั้ง 2 ข้าง"

 

      "ขอรับ ท่านอาจารย์เสือ" เทียนปิงรับคำอย่างหนักแน่น

 

 

 

      เขาเข้าใกล้การหวนคืนสู่ร่างอสูรวานรอันงามสง่าของเขาไปอีกขั้นแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

      ส่วนท่านเทพอสูรพยัคฆ์เมฆา เมื่อเเยกตัวออกมาจากเทียนปิงแล้ว ก็บ่นพึมพำกับตัวเองขึ้นมาเบาๆ

 

 

 

      "ไอ้เจ้าลิงน้อยเทียนปิงนี่มันตัวอะไรกัน ตอนนั้นที่ข้าฝึกได้ระดับเดียวกันกับเจ้าลิงน้อยนี่"

 

 

 

      "ข้ากระโดดได้สูงแค่ 2 จั้ง แต่ไอ้เจ้านี่ดันกระโดดได้สูงตั้ง 3 จั้ง"

 

 

 

      "เจ้าลิงน้อยนี่มันอสูรสัตว์ประหลาดชัดๆ"

 

 

 

 

 

 

 

 

 

    

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป