อสูรวานรที่กำลังจะผ่านทัณฑ์สวรรค์เพื่อจะกลายเป็นเซียนอสูร เขามิอาจผ่านทัณฑ์สวรรค์ไปได้ แต่ก็เกิดข้อผิดพลาดขึ้น ร่างกายของเขากลับกลายเป็นร่างของมนุษย์ เขาต้องการจะหวนคืนกลับเป็นอสูรวานรอีกครั้ง
อสูรวานรที่กำลังจะผ่านทัณฑ์สวรรค์เพื่อจะกลายเป็นเซียนอสูร เขามิอาจผ่านทัณฑ์สวรรค์ไปได้ แต่ก็เกิดข้อผิดพลาดขึ้น ร่างกายของเขากลับกลายเป็นร่างของมนุษย์ เขาต้องการจะหวนคืนกลับเป็นอสูรวานรอีกครั้ง
เช้าวันที่ 2 ของการฝึกเดินเคล็ดวิชาดูดซับพลังปราณฟ้าดินของเทียนปิง
ช่วงเช้าเทียนปิง ก็ยังคงต้องเรียนรู้วิถีการดำเนินชีวิตของพวกมนุษย์ กับสองอสูรจิ้งจอก อันจงและอันเหมย
ยังคงเป็นเช้าที่วุ่นวาย กว่าอสูรจิ้งจอกทั้ง 2 ตน จะจับเทียนปิงใส่เสื้อผ้าของมนุษย์ได้ ก็ต้องใช้เวลาไปถึง 1 ชั่วยาม
( 1 ชั่วยาม = 2 ชั่วโมง )
แล้วมหกรรมแห่งความเละเทะก็บังเกิดขึ้น คราวนี้จิ้งจอกทั้ง 2 ต้องสอนให้ลิงน้อยในร่างมนุษย์ ใช้ตะเกียบในการคีบอาหารกิน
จึงเกิดการโกลาหลอย่างยกใหญ่ เทียนปิงถึงจะพยายามใช้นิ้วจับตะเกียบเลียนแบบวิธีจับของอันจงและอันเหมยเพียงใด ก็มิเคยทำได้สำเร็จ
จนเทียนปิงมีน้ำโห กระทั่งเกิดเกิดการใช้ตะเกียบเป็นอาวุธ แทบจะเอามาจิ้มตากันระหว่าง 1 ลิง กับ 2 จิ้งจอก
แล้วเหตุการณ์นี้ก็ดำเนินต่อไป จน 2 จิ้งจอกต้องยอมแพ้ ให้เทียนปิงใช้มือหยิบกินอาหารของพวกมนุษย์เข้าปากได้
อันที่จริงเทียนปิงนั้น ก็รู้สึกติดใจในรสชาติอาหารของพวกมนุษย์ ที่อันเหมยปรุงมาให้เทียนปิงกินหลายต่อหลายอย่าง
เทียนปิงได้รับรู้ถึงรสชาติที่แปลกใหม่ ไม่ซ้ำซากจำเจแบบที่เทียนปิงเคยกินมาตอนเป็นอสูร
เทียนปิงจึงกินด้วยความมูมมาม และรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
ผลก็คือ บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเศษอาหารเละเทะ เป็นที่น่าเอน็จอนาถอย่างยิ่ง
แล้วช่วงยามบ่ายที่เทียนปิงต้องฝึกเดินเคล็ดก็มาถึง
บ่ายวันนี้ท่านอาจารย์เสือ มิได้สอนอะไรเพิ่มเติมให้กับเทียนปิง
ท่านอาจารย์แค่สอบถามความคืบหน้าในการฝึก แล้วให้เทียนปิงกลับไปฝึกเดินเคล็ดวิชาที่ถ้ำของเทียนปิงเอาด้วยตัวเอง
เทียนปิง เมื่อกลับมาเริ่มฝึกเดินเคล็ดวิชากลืนนภาที่ถ้ำ เขานั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิตามที่ท่านอาจารย์เสือสอนมา แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่ครึ่งชั่วยาม
จากนั้นด้วยความเป็นลิง ที่อยู่นิ่งๆได้ไม่นานนัก เขาจึงลุกขึ้นเดินไปมาแล้วเดินเคล็ดวิชาไปด้วย
บางทีก็นั่งยองๆเดินเคล็ดวิชา บางทีก็นอนเดินเคล็ดวิชา บางทีก็ถึงกับกระโดดโลดเต้นไปแล้วเดินเคล็ดวิชาไปด้วย
นี่คือการฝึกเดินเคล็ดวิชาดูดซับพลังฟ้าดินแบบลิงๆ ของเทียนปิง
เทียนปิงฝึกเดินเคล็ดวิชาแบบลิงๆนี้ มาจนถึงช่วงกลางคืน เขาเริ่มรู้สึกได้ว่า เขาควบคุมลมหายใจได้ดียิ่งขึ้น พลังปราณฟ้าดินจากอากาศภายในปอดของเขาเสถียรมากขึ้น
จนเขารับรู้ถึงการแทรกตัวของพลังปราณฟ้าดินที่ค่อยๆแทรกตัวเข้าไปยังเส้นเลือดภายในปอดของเขา
แม้จะเพียงน้อยนิด แต่เทียนปิงก็รับรู้ได้
เขาดีใจมาก กล่าวกับตัวเองอย่างมีความสุขว่า
"ฮ่าๆๆๆๆ... ข้าอสูรวานรเทียนปิงผู้นี้ ช่างเป็นอสูรที่เป็นอัจฉริยะและเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์เสียจริงๆ เคล็ดวิชาของพวกมนุษย์อัปลักษณ์วิชานี้ ช่างฝึกฝนได้อย่างง่ายดายเสียจริง ฮ่าๆๆๆๆ..."
ถ้าท่านเทพอสูรพยัคฆ์เมฆา ได้รู้ถึงความคืบหน้าในการฝึกเดินเคล็ดวิชาของเทียนปิงแล้ว
เขาคงต้องตกอกตกใจเป็นอย่างมากแน่นอน เพราะกว่าเขาจะเดินเคล็ดวิชากลืนนภาจนถึงขั้นเดียวกับเทียนปิงได้นั้น เขาต้องใช้เวลาไปถึง 10 ปี
ถึงเเม้ว่าท่านเทพอสูรเต่าทมิฬ จะต้องเสียเวลาในการลองผิดลองถูก เพื่อที่จะปรับเคล็ดวิชาของมนุษย์ให้เข้ากับอสูร
แต่ระยะเวลาที่เทียนปิงใช้ในการรับรู้ถึงพลังปราณที่เริ่มแทรกเข้าสู่เส้นเลือดนี้ ก็รวดเร็วเกินไป
เทียนปิงเพิ่งฝึกเคล็ดวิชากลืนนภานี้เป็นวันที่ 2 เท่านั้นเอง