หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
เมื่อใกล้ถึงเวลาที่กองพลาธิการคำนวนคาดการณ์ไว้ ว่าน้ำในธารน้ำจะเอ่อขึ้นเต็มสันเขื่อนชั่วคราว เพื่อที่จะให้น้ำในธารน้ำใจกลางหุบเขา เอ่อขึ้นท่วมตลิ่งอย่างน้อยฝั่งละ 25 เมตา ตามที่ชุน 1 สั่งการเอาไว้
( 25 เมตา = 25 เมตร )
จนเปลี่ยนจากธารน้ำขนาดเล็ก ให้กลายเป็นลำธารกว้าง ที่สะดวกต่อการใช้เรือเร็วลาดตระเวณขนาดเล็ก ของทางกองพลทหาร จำนวน 50 ลำ เข้าจู่โจม
แล้วชุน 1 ก็ได้รับรายงานจากทหารหน่วยพลรบพิเศษย่อย ผ่านเครื่องกลไกสื่อสารเข้ามาว่า
--รายงานกองบัญชาการ ขณะนี้คนงานที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ได้ถูกนำขึ้นไปมัดไว้บนกำแพงค่ายใหญ่ของพวกหุบเขาเถื่อนขอรับ--
--จำนวนเท่าไร-- ชุน 1 กล่าวถาม
--ทั้งหมด 102 คนขอรับ--
--แล้วพวกป้อมค่ายเล็กๆละ พวกมันจับตัวประกันไปมัดไว้หรือไม่-- ชุน 1 กล่าวถามต่อ
--ไม่ขอรับ ตามป้อมค่ายเล็กๆ พวกมันมิได้นำตัวประกันไปมัดไว้ขอรับ--
แสดงว่าพวกศัตรูมีกำลังพลรบประมาณ 400 คน
อืม.. พวกมันไม่คิดที่จะรักษาป้อมค่ายเล็กๆเอาไว้ คงจะใช้เป็นเพียงที่กำบังชั่วคราวในการโจมตีกองทหารของเรา
พวกมันคงสู้ไปพลางถอยไปพลาง แล้วจึงไปรวมกำลังกันที่ค่ายใหญ่ของพวกมัน
เพราะกำลังคนของพวกมันน้อยกว่าทางเรามาก พวกมันจึงใช้คนแบบกระจายกำลังไม่ได้ ต้องเอาไปรวมไว้ที่จุดเดียว หรืออย่างมากก็ 2 จุด
แต่กว่าจะบุกถึงค่ายใหญ่ของพวกมัน กับดับระเบิดพลังปราณคงถูกวางไว้เยอะแยะมากมายแน่ เพราะพวกมันผลิตได้เอง
ชุน 1 คิดวิเคราะห์ในใจ
รายงานเรื่องตัวประกันจากทหารหน่วยพลรบพิเศษย่อยนี้ ทางท่านขุนพลอี้ ที่อยู่ในกระโจมบัญชาการหลัก บริเวณป่าโปร่งปากทางเข้าหุบเขาเถื่อน ทางด้านทิศใต้ก็ได้รับทราบข้อมูลไปพร้อมๆกับชุน 1
เพราะทหารทุกหน่วยเมื่อจะรายงานเรื่องใดเข้าสู่กองบัญชาการ ก็จะตั้งช่องสัญญาณเครื่องกลไกสื่อสาร ให้รายงานไปพร้อมๆกันทั้ง 2 ที่ ทั้งในกระโจมของท่านขุนพลอี้ และบนเรือรบของชุน 1
จากนั้นชุน 1 ก็ติดต่อไปยังท่านขุนพลอี้ ผ่านช่องสัญญาณส่วนตัวพิเศษ
หลังจากทั้ง 2 ปรึกษากันสักครู่หนึ่ง
ท่านขุนพลอี้จึงสั่งการเป็นการเฉพาะไปยังทหารหน่วยพลรบพิเศษย่อยทั้ง 10 หน่วยว่า
--ให้พวกเจ้าทั้ง 10 หน่วยย่อย มิต้องเข้ามาช่วยข้ารบ ยามเมื่อข้านำกำลังพลขึ้นเรือเร็วลาดตะเวณขนาดเล็ก เข้าโจมตีไปตามธารน้ำกลางหุบเขาเถื่อน--
--แต่ให้พวกเจ้า รอคอยหน่วยทหารสรรพาวุธ 40 นาย และหัวหมู่คุ้มกันอีก 20 นาย--
--ที่จะนำยุทโธปกรณ์ ในการช่วยเหลือตัวประกันบนที่สูง ไปส่งให้แก่พวกเจ้า จำเอาไว้ ห้ามพวกเจ้าเปิดเผยตำแหน่งให้ศัตรูรู้โดยเด็ดขาด--
--รับทราบขอรับ ท่านขุนพล-- ทหารหน่วยรบพิเศษตอบกลับท่านขุนพลอี้
--แจ้งศูนย์บัญชาการขอรับ หัวหน้าที่คอยสั่งการควบคุมการรบ ของพวกหุบเขาเถื่อน--
--มีความเป็นไปได้ว่า จะเป็นผู้หญิง อายุประมาณ 30 - 35 ปี ขอรับ--
ทหารหน่วยพลรบพิเศษย่อยส่งข้อมูลมายังกองบัญชาการทั้ง 2 แห่ง
--ได้บันทึกภาพถ่ายระยะไกลไว้หรือไม่-- ชุน 1 ถามออกไป
--บันทึกไว้แล้วขอรับ ท่านว่าที่นักกลยุทธ์--
--ให้คนของเจ้า นำส่งรูปภาพนั้นมาให้ข้าโดยเร็ว--
--ขอรับ ท่านว่าที่นักกลยุทธ์--
ชุน 1 คิดในใจว่า ผู้หญิงคนนี้จะต้องเป็นกุญแจสำคัญ ที่จะทำให้เขารู้ถึง ผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังการผลิตอาวุธทางการทหารเถื่อน ของหุบเขาแห่งนี้ได้อย่างแน่นอน
เพราะผู้หญิงที่จะออกคำสั่งในหุบเขาเถื่อนได้ ต้องเป็นบุคลสำคัญของพวกมันอย่างมิต้องสงสัย
ต้องสืบหาตัวผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ให้จงได้
ทำสงครามแล้วขาดทุน จะทำไปทำไม สงครามคือการปล้น
กิจการที่ร่ำรวยเร็วที่สุดคือการทำสงคราม
ชนะแล้วต้องร่ำรวยขึ้น มิใช่ชนะแล้วขาดทุน
ข้าจักต้องตามไปขุดเอาทรัพย์สมบัติของเจ้าตัวบงการมาให้ได้
ชุน 1 คิดในใจอย่างคาดหวัง
อนึ่ง ตำแหน่งนักกลยุทธ์ แม้จะเทียบเท่าตำแหน่งขุนพล
ทั้ง 2 คน ต่างมียศฐานะเทียบเท่ากัน
แต่ผู้บัญชาการสูงสุดของกองพลทหารยังคงเป็นท่านขุนพล
ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นหรือรีบร้อนจริงๆ ชุน 1 ก็ต้องให้ท่านขุนพลอี้ เป็นผู้สั่งการกองพลทหารแห่งเมืองอันชุยทั้งหมด
--รายงานกองบัญชาการขอรับ ขณะนี้ทางกองทหารปืนใหญ่และหน้าไม้ยักษ์ ได้ทำลายฐานปืนใหญ่และฐานหน้าไม้ยักษ์ ของพวกหุบเขาเถื่อนลงได้หมดทุกฐานแล้วขอรับ--
ทางกองบัญชาการทั้ง 2 แห่งเงียบไปสักครู่หนึ่ง
ก็มีเสียงสั่งการมาจากท่านขุนพลอี้ว่า
--ทหารทุกนายจงฟัง บุกเข้าโจมตีหุบเขาเถื่อนจากทั้ง 4 ทิศ เดี๋ยวนี้...!!!--