หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
เมื่อมีคำสั่งให้เข้าโจมตีพร้อมกันทั้ง 4 ทิศ จากท่านขุนพลอี้แล้ว
ทหารทุกหน่วยก็เริ่มปฏิบัติการบุกเข้าโจมตีหุบเขาเถื่อนในทันที
ด้านทิศใต้ ท่านขุนพลอี้นำกำลังพล 500 นาย ลงเรือเร็วลาดตระเวณขนาดเล็ก 50 ลำ บุกทวนกระแสน้ำของลำธารเข้าสู่ใจกลางหุบเขา
โดยตามข้างลำธารจะมีป้อมค่ายขนาดเล็กอีกหลายป้อม ที่ท่านขุนพลอี้ จะต้องทำการโจมตี เพื่อเปิดทางบุกเข้าสู่ค่ายใหญ่ของพวกหุบเขาเถื่อน
หากไม่โจมตีป้อมค่ายขนาดเล็กเหล่านี้ก่อน เมื่อถึงเวลาที่จะเข้าโจมตีค่ายใหญ่ของพวกหุบเขาเถื่อน ก็จะถูกกำลังพลของป้อมค่ายขนาดเล็กเหล่านี้ ตีตลบหลังเอาได้
ทางด้านทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ซึ่งเป็นเชิงแนวเทือกเขาด้านนอกหุบเขา ขุนศึกอีก 2 นายก็นำกำลังพลบุกขึ้นเขา ทิศละ 500 นาย เพื่อทำการยึดพื้นที่ยอดสันเขาตลอดแนวทั้ง 2 ฝั่งของหุบเขา
โดยมีหน่วยทหารปืนใหญ่พลังปราณและหน้าไม้ยักษ์ ทำการยิงสนับสนุน
คอยกดหัวของพวกกำลังพลจากหุบเขาเถื่อน ที่คอยซุ่มอยู่ตามแนวยอดสันเทือกเขา ไม่ให้ยิงธนูและหน้าไม้ โจมตีลงมาสู่กำลังพลทหาร ที่บุกขึ้นไปได้
ส่วนทางด้านทิศเหนือ ชุน 2 ในฐานะว่าที่นักกลยุทธ์ ก็นำเรือรบทั้ง 5 ลำ โดยมีเรือรบโจมตี 3 ลำ และเรือรบคุ้มกันอีก 2 ลำ
มุ่งหน้าเข้ายึดท่าเรือของพวกหุบเขาเถื่อน โดยใช้ท่าน้ำบริเวณนั้นทำการยิงปืนใหญ่บนเรือเพื่อสนับสนุนการบุกของอีกทั้ง 3 ทิศ
ส่วนกำลังพลที่เหลืออีก 400 นายเช่นกองทหารปืนใหญ่พลังปราณและหน้าไม้ยักษ์ กองสรรพาวุธ และกองพลาธิการ จะทำหน้าที่เป็นหน่วยสนับสนุนการรบ และเป็นกำลังพลสำรองไปในตัว
ไม่นับรวมทหารหน่วยพลรบพิเศษอีก 100 นาย ซึ่งได้รับมอบหมายภารกิจในการช่วยตัวประกัน เป็นการเฉพาะอยู่แล้ว
--ทหารทุกหน่วยจงรับคำสั่ง จากนี้ไป ท่านว่าที่นักกลยุทธ์หลิว จะเป็นผู้บัญชาการรบครั้งนี้ในภาพรวม ให้ทหารทุกหน่วย ทุกนาย รับฟังคำสั่งของท่านว่าที่นักกลยุทธ์หลิว และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด--
ท่านขุนพลอี้สั่งการออกมา เพราะตัวท่านขุนพลอี้ ต้องนำกำลังพลบุกเข้าโจมตีค่ายใหญ่ของพวกหุบเขาเถื่อน จึงมิอาจจะมีสมาธิในการบัญชาการรบในภาพรวมได้อย่างเต็มที่
--รับทราบขอรับท่านขุนพล-- ทหารทุกหน่วยรวมถึงชุน 1 ตอบกลับท่านขุนพลอี้พร้อมๆกัน
เมื่อการบุกเข้าหุบเขาเถื่อนเรื่มต้นขึ้น ชุน 1 ก็เอ่ยกับ ท่านอารองในฐานะผู้พิทักษ์ของเขา เฉินเป่าในฐานะพลสื่อสารประจำตัว รวมถึงผู้พิทักษ์ระดับนายกองอีก 5 นาย และหน่วยทหารสื่อสารประจำกองบัญชาการอีก 5 นาย ที่ติดตามเขามาว่า
"ข้ามีความเป็นห่วง เรื่องการช่วยเหลือตัวประกันเป็นอย่างมาก หากเรารบชนะแต่สูญเสียชีวิตของตัวประกันไป ก็เท่ากับเราพ่ายแพ้"
"ดังนั้นข้าจึงจะทำการย้ายกองบัญชาการแห่งที่ 2 ของเรานี้ ไปยังจุดที่จะสามารถควบคุมดูแลการช่วยเหลือตัวประกันได้อย่างใกล้ชิด"
"พวกเราจะย้ายจากเรือลำนี้ ไปยังเทือกเขาด้านใน ฝั่งที่อยู่ใกล้กับค่ายใหญ่ของพวกหุบเขาเถื่อน"
"ขอรับ ท่านว่าที่นักกลยุทธ์" ทหารทุกนาย รวมทั้งท่านอารองและเฉินเป่า ตอบออกมาพร้อมๆกัน มิได้ลังเลใดๆ ในการแทรกซึมเข้าไปยังแดนของศัตรู
เมื่อชุน 1 กำหนดจุดที่จะตั้งกองบัญชาการในดินแดนของศัตรูได้แล้ว ทั้งหมดจำนวน 13 นาย ก็ออกเดินทางในทันที
"นี่ข้าจะได้ลุยเข้าช่วยตัวประกันแล้วใช่ไหมชุน 1" ชุน 2 สื่อจิตถามชุน 1
"ข้าหวังว่าเจ้าจะมิได้ลงมือ" ชุน 1 ตอบกลับชุน 2
"ทำไมละ ถึงข้าจะเป็นนักยุทธ์ขั้นผสานลมปราณขั้นกลาง ระดับที่ 5 แต่ข้าก็สามารถต่อสู้ข้ามระดับ จนสู้ได้สูสีกับขั้นผสานลมปราณขั้นกลางระดับที่ 6 ทั่วไปได้นะ"
"อ้อ.. แต่นั่นไม่นับท่านอารอง ที่มีพรสวรรค์ในการฝึกวรยุทธ์สูงส่งมาตั้งแต่ยังเด็ก"
"เรื่องนั้นข้าย่อมรู้ดี แต่หากการที่เจ้า ท่านอารอง และบรรดาผู้พิทักษ์ระดับนายกองอีก 5 นาย ได้เข้าไปช่วยตัวประกัน"
"ก็แสดงว่าการปฏิบัติการเข้าช่วยตัวประกันของทหารหน่วยพลรบพิเศษทั้ง 100 นาย เกิดข้อผิดพลาดหรืออาจจะถึงขั้นล้มเหลว ดังนั้นหากเจ้ามิได้ลงมือ จึงจะเป็นการดีที่สุด"
ชุน 2 นิ่งไปสักครู่ จึงตอบออกมาว่า
"มันก็จริงของเจ้า"
"เฮ้อ.. เป็นนักกลยุทธ์นี่ไม่ดีเลยจริงๆ นี่ถ้าพวกเราเป็นแค่พลทหาร ป่านนี้ข้าคงได้เข้าลุยกับพวกศัตรูสมใจอยากไปแล้ว"
"เฮ้อ.. น่าเบื่อ.. น่าเบื่อ.. "
ขณะที่ชุน 1 กำลังเดินทางแทรกซึมเข้าไปยังบริเวณค่ายใหญ่ของศัตรูนั้น
ทางด้านท่านขุนพลอี้ ผู้ซึ่งเป็นนักยุทธ์ขั้นปราณวารีขั้นต้น ระดับที่ 1 ก็นำกำลังทหารทั้ง 500 นาย ลงเรือเร็วลาดตระเวณ มุ่งหน้าเข้าสู่ลำธารกลางหุบเขา
ซึ่งชุน 1 ได้สั่งให้หน่วยพลาธิการสร้างเขื่อนเพื่อทำให้น้ำล้นขึ้นตลิ่ง ฝั่งละ 25 เมตา และมีความลึกเฉลี่ยอยู่ที่ 2 เมตา
( 1 เมตา = 1 เมตร )
อันจะทำให้กองเรือลาดตระเวณของท่านขุนพลอี้ มีพื้นที่ในการปฏิบัติการรบทั้งโจมตีและหลบหลีกมากยิ่งขึ้น มิได้รวมตัวกันเป็นกระจุก ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการโจมตีของพวกศัตรู
แล้วยังเป็นการลดพื้นที่ในการปฏิบัติการรบของพวกศัตรูให้เหลือน้อยลงด้วย
ที่สำคัญที่สุดก็คือ เรือลาดตระเวณสามารถนำทหารราบบนเรือ ลอยข้ามกับดักระเบิดพลังปราณ ที่ถูกฝังไว้ตามแนวริมตลิ่งแล้วถูกเข้าน้ำท่วม ไปได้อย่างปลอดภัย
--รายงานท่านขุนพลขอรับ ตอนนี้เรือลาดตระเวนลำที่ 1 , 2 และ 3--
--ได้ทำการยิงศรหน้าไม้ระเบิดพลังปราณพิสัยกลาง ที่ติดตั้งอยู่บนเรือเข้าทำลายป้อมค่ายขนาดเล็ก ป้อมแรกของพวกศัตรูลงได้แล้วขอรับ-- ทหารประจำเรือลาดตระเวณรายงานท่านขุนพลอี้
--ดีมาก ให้ทหารราบที่อยู่บนเรือทั้ง 3 ลำของพวกเจ้า ทำการเข้ายึดพื้นที่ในทันที--
--โดยให้ระวังกับดักระเบิดพลังปราณ และพวกศัตรูที่อาจจะคอยซุ่มโจมตีเอาไว้ให้ดี--
--รับทราบขอรับ ท่านขุนพล--
ทหารราบกองหน้าทุกนาย จะมีอุปกรณ์ตรวจหาระเบิดพลังปราณขนาดเล็กพกติดตัวกันอยู่แล้ว
เมื่อตรวจเจอกับดักระเบิดพลังปราณที่ถูกฝังอยู่ในดิน ก็จะทำลายกับดักนั้น โดยวิธีง่ายๆ นั่นก็คือ ทำให้กับดักนั้นระเบิดขึ้น
อาจจะเสียเวลาไปบ้างในการเข้ายึดพื้นที่ แต่ก็จำเป็นที่จะต้องทำเพื่อรักษาชีวิตของพลทหาร
แต่ก็ยังคงจะเกิดข้อผิดพลาดได้เสมอ ดังนั้นการรบไม่ว่าจะในยุทธการไหนๆ จำนวนทหารที่เสียชีวิตจากกับดักระเบิดพลังปราณ ก็จะมีอยู่เสมอๆ
ตู๊ม.. ตู๊มๆๆ.. !!!!!! เสียงกับดักระเบิดพลังปราณที่ถูกตรวจพบเเละถูกทำลายก็ดังขึ้น กระจายไปตามจุดต่างๆหลายๆจุด
แล้วการโจมตีของพวกหุบเขาเถื่อนที่คอยดักซุ่มอยู่ก็เรื่มต้นขึ้น พวกมันยิงลูกธนูขึ้นสู่ฟ้า อันเป็นการยิงธนูในวิถีโค้งเพื่อเพิ่มระยะการยิงให้กับธนู
ฟิ้วๆๆๆ...!!! ลูกธนูกว่า 30 ดอก ก็ตกลงมาจากท้องฟ้า เข้าสู่กลุ่มทหารราบกองหน้าทั้ง 30 นายในทันที
ทหารราบกองหน้า ก็ได้ใช้โล่ของพวกเขายกขึ้นมาป้องกันลูกธนูเอาไว้ ในเบื้องต้นนี้ยังไม่มีทหารราบกองหน้านายใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
"พลธนูทั้งหมด ยิงตอบโต้พวกมันกลับไป" หัวหมู่หัวหน้าหน่วยย่อยผู้หนึ่ง จากกองทหารราบทั้ง 3 ชุดนี้ สั่งการออกไป
อนึ่งหน่วยย่อยทหาร ไม่ว่าจะเป็น ทหารราบ ทหารปืนใหญ่ ทหารสรรพาวุธ ทหารพลาธิการ ทหารลาดตระเวณสอดแนม
จะมีจำนวนกำลังพลในหน่วยย่อย หน่วยละ 10 นาย
เช่นในส่วนของทหารราบ จะประกอบไปด้วย
-หัวหมู่ ผู้เป็นนักยุทธ์ขั้นผสานลมปราณขั้นต้น จำนวน 1 นาย
-พลหอก จำนวน 4 นาย
-พลธนูและหน้าไม้ จำนวน 4 นาย
-พลทหารสื่อสาร ที่จะคอยสะพายเครื่องกลไกสื่อสารทางการทหาร ติดตามหัวหมู่ ไปยังทุกที่ในสนามรบ อีก 1 นาย
รวมเป็น 10 นาย ต่อ 1 หน่วยย่อย
ส่วนพลทหารพยาบาลนั้น ไม่จำเป็นต้องมีแยกไว้ต่างหาก เพราะพลทหารทุกนายจะได้รับการฝึกการพยาบาล ในระดับที่นำไปใช้ในการปฐมพยาบาลในสนามรบได้ทุกนายอยู่แล้ว
และที่ไม่มีตำแหน่งที่เรียกว่าพลดาบกับพลโล่ก็เพราะ ชุดเกราะ ดาบ โล่ และกระเป๋าสะพายสนาม
เป็นยุทโธปกรณ์มาตราฐาน ที่ทหารทุกนายของกองพลทหาร ต้องมีติดตัวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะสังกัดหน่วยไหน กองใด