หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
เมื่อนายทหารทุกนายที่เกี่ยวข้อง มาประชุมยังห้องประชุมยุทธการ ด้วยความรวดเร็วและพร้อมเพรียงกันเรียบร้อยแล้ว
ท่านขุนพลอี้ จึงกล่าวขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า
"เมื่อประมาณ 1 ยามที่แล้ว เรือบินสอดแนมทางอากาศขนาดเล็กของเรา ถูกค้นพบโดยศัตรู และถูกโจมตีจากลูกศรขนาดใหญ่ของฐานยิงหน้าไม้ยักษ์"
"แต่ก็ยังดี ที่เรือบินสอดแนมทางอากาศขนาดเล็กของเรา ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ จากการโจมตีจากพื้นสู่อากาศของศัตรู จึงนำภาพถ่ายทางอากาศกลับมาได้"
"รูปที่ได้จากการถ่ายภาพทางอากาศในครั้งนี้ อยู่ในเอกสารที่แจกให้ไปแล้ว"
ชุน 1 และนายทหารทุกนาย ต่างก็รีบนำเอกสารรูปภาพขึ้นมาศึกษาดูในทันที เมื่อศึกษาดูกันเรียบร้อยแล้ว
ชุน 1 ก็กล่าวขึ้นว่า
"นายทหารทุกท่านขอรับ หลังจากการประชุมครั้งนี้จบลง เราจะต้องรีบทำการเคลื่อนกำลังพลรบโดยเร็วที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ขอรับ"
"เพื่อมิให้พวกมันมีโอกาศหลบหนี หรือโยกย้ายทรัพย์สมบัติ ออกไปได้"
"ครานี้มาทำความเข้าใจข้อมูลการศึกในครั้งนี้ให้ตรงกันขอรับ"
"พวกผลิตอาวุธทางการทหารเถื่อน ที่อยู่ในหุบเขาไร้ชื่อแห่งนี้ ข้าจะให้ระหัสเรียกขานว่า พวกหุบเขาเถื่อน เพื่อให้สั้นและง่ายต่อการสื่อสารของกองพลของเรา"
"ขั้นที่ 1 ให้นำเรือรบเข้าโอบล้อม หุบเขาเถื่อน ด้านที่ติดกับทะเลสาบ เป็นจำนวน 5 ลำ โดยให้ 3 ลำแรก ทำการโอบล้อมเพื่อเตรียมโจมตี ส่วนอีก 2 ลำหลัง ทำการคุ้มกันเรือรบ 3 ลำแรก"
"และเตรียมการป้องกันหากพวกหุบเขาเถื่อน มีเรือรบของพวกมันเข้ามาเสริมกำลังเพิ่มจาก 3 ลำ ที่พวกเราเห็นอยู่ในบริเวณท่าเรือ"
"ในขั้นที่ 1 นี้ ผู้ใดมีคำถามหรือไม่ขอรับ" ชุน 1 กล่าวถามออกมา
ทหารทุกนายในที่ประชุม มิได้มีข้อสงสัยใดๆ ในขั้นที่ 1 นี้
"ขั้นที่ 2 จากการประเมินเบื้องต้น ว่ากำลังพลรบของพวกหุบเขาเถื่อน มีอยู่ประมาณ 500 คน ข้าจะขอให้ท่านขุนพล ส่งทหารของเราออกไปปฎิบัติการศึกครั้งนี้ 2 กองพัน"
"นั่นก็คือ เราจะใช้ทหาร 2,000 นาย ในการศึกครั้งนี้"
"ในขั้นที่ 2 นี้ ผู้ใดมีคำถามหรือไม่ขอรับ" ชุน 1 กล่าวถามออกไปเหมือนกับที่เคยกล่าวถามในขั้นตอนที่ 1 ตามระเบียบแบบแผนของการประชุมทางการกลยุทธ์
"ท่านว่าที่นักกลยุทธ์หลิวขอรับ เราจะไม่ใช้กำลังพลมากเกินไปหรือขอรับ"
"จากข้อมูลของหน่วยข่าวกรอง กำลังรบของหุบเขาเถื่อน มีเพียง 200 คน ส่วนอีก 300 คน เป็นคนงาน ที่เราต้องคิดเอาไว้ก่อนว่าเป็นพวกเดียวกับหุบเขาเถื่อน"
"แต่กำลังพลรบจริงของหุบเขาเถื่อน มิน่าจะถึง 500 คนนะขอรับ" นายทหารผู้หนึ่งกล่าวถามออกมา
"ให้ใช้กำลังพล 2 กองพัน กำลังพลขนาดนี้เหมาะสมแล้ว คำถามนี้เป็นอันตกไป"
ท่านขุนพลอี้ กล่าวตัดบทออกมา เพื่อสนับสนุนชุน 1
แต่ท่านขุนพลอี้ ก็มิได้ตำหนินายทหารที่ถามคำถามนี้ออกมา เพราะยศทางทหารนั้นเลื่อนขึ้นตามขั้นวรยุทธ์
นายทหารแทบทุกนายก็มิได้ศึกษายุทธพิชัยสงครามมาอย่างจริงจัง เหมือนกับนักกลยุทธ์
ท่านขุนพลอี้ ย่อมมองจุดประสงค์ของชุน 1 ออก เขาเป็นทหารมานานแล้ว ย่อมรู้ว่าทหารต้องการประสบการณ์ในการรบจริง
โดยเฉพาะการรบเต็มรูปแบบ ที่มีการใช้เรือรบ ใช้ปืนใหญ่พลังปราณใช้หน้าไม้ยักษ์ ตลอดจนถึงกับดักชนิดต่างๆ
ทั้งจากทางของฝั่งเรา และฝั่งศัตรู
และศึกหุบเขาเถื่อนนี้ จึงเป็นทั้งสนามรบ และสนามฝึกที่ดี ในการให้ทหารได้รบจริง ในศึกที่ต้องมีการประสานงานทางกลยุทธ์อย่างจริงจัง
โดยในปรกติ กองพลทหารแห่งเมืองอันซุยนี้ ทำภารกิจเพียงปราบกลุ่มโจรป่า หรือกลุ่มอิทธิพลใหญ่ๆ ที่ทางมือปราบรับมือไม่ไหว
มิได้ออกรบอย่างจริงจังมานานมากแล้ว
อย่าว่าแต่ปืนใหญ่พลังปราณเลย แม้แต่หน้าไม้ยักษ์ ก็ยังมิเคยได้เอาออกไปใช้ปฏิบัติภารกิจก่อนหน้านี้
เพราะเนื่องด้วยทำเลที่ตั้งของเมืองอันซุย อยู่ในมณฑลภาคเหนือตอนล่างใกล้ๆกับมณฑลภาคกลางตอนบน
และยังอยู่ในบริเวณกลางๆของราชอาณาจักรต้าเหมิง จึงมิได้มีกองทัพศัตรูจากอาณาจักรข้างเคียงบุกมาให้รบด้วยแต่อย่างไร
ท่านขุนพลอี้ และหลิวชุน เคยคุยกันในเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวกันมาแล้ว ในตอนที่ชุน 1 สอบเป็นนักกลยุทธ์ทางการทหารมาได้ใหม่ๆ
พวกเขาเคยคิดแม้กระทั่งจะส่ง กองพัน บางกองพันไปปฏิบัติงาน ร่วมกับกองพลอื่นๆ ยังเขตชายแดนของอาณาจักรต้าเหมิง
พวกเขามีแนวคิดที่เหมือนๆกัน นั่นก็คือ ทหารต้องรบจริงถึงจะแกร่งขึ้น
ท่านขุนพลอี้ จึงมองออกได้อย่างง่ายดายว่า หลิวชุนต้องการใช้การศึกในครั้งนี้ เป็นการฝึกทหารไปในตัว
หลิวชุนถึงได้ โกงจำนวนทหารที่ต้องใช้ในการศึกครั้งนี้ แบบตรงๆ ไม่อ้อมค้อม
มันชัดเจนขนาดที่ว่า มีนายทหารถามออกมาว่า ใช้กำลังพลของทหารมากเกินไปหรือไม่ นายทหารผู้นั้นยังรู้ แล้วหลิวชุนจะมิรู้ได้อย่างไร
"ขั้นที่ 3 จากภาพถ่ายทางอากาศ ฐานยิงปืนใหญ่ ฐานยิงหน้าไม้ยักษ์ ที่พวกหุบเขาเถื่อนมี ทางเราต้องเตรียมปืนใหญ่ และหน้าไม้ยักษ์ ไปให้มากกว่าพวกมัน 3 เท่า"
"และยังต้องยิงได้ไกลกว่าที่พวกหุบเขาเถื่อนมีด้วย พวกมันยิงจากบนลงล่าง ส่วนพวกเรายิงจากล่างขึ้นบน พวกมันย่อมได้เปรียบเราอยู่มากโข"
"ขอให้ทางหน่วยทหารปืนใหญ่ ทำการคำนวนระยะพิสัยการยิง แล้วจัดเตรียมปืนใหญ่รวมถึงหน้าไม้ยักษ์ ไปให้เหมาะสมกับศึกนี้ด้วยขอรับ"
"ขั้นที่ 3 นี้ ผู้ใดมีคำถามหรือไม่ขอรับ" ในขั้นนี้มิมีผู้ใดกล่าวถามอะไรออกมา
"ขั้นที่ 4 ให้ทางหน่วยสรรพาวุธ เตรียมเครื่องกลไกในการปลดและทำลายกับดักระเบิดพลังปราณ รวมถึงกับดักชนิดอื่นๆไปให้มากที่สุด"
"ทั้งชนิดที่ใช้ในพื้นที่ราบ บริเวณหน้าทางเข้าหุบเขาเถื่อนในทางทิศใต้"
"และชนิดที่จะใช้เพื่อบุกขึ้นยึด แนวเทือกเขาบริเวณทิศตะวันออกและทิศตะวันตก"
"พร้อมทั้งให้เตรียมเชื้อเพลิง ที่จะใช้เผาป่าเชิงเขา เพื่อเปิดทางบุกขึ้นสู่แนวยอดของเทือกเขา ทั้ง 2 ฝั่ง"
"ขั้นที่ 4 นี้ มีผู้ใดมีคำถามหรือไม่ขอรับ" เงียบ..
"ขั้นที่ 5 ให้หน่วยพลาธิการ เมื่อไปถึงยังสนามรบแล้ว จงทำการสำรวจพื้นที่ของธารน้ำ หาจุดที่เหมาะสมในการถมหิน เพื่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำขนาดเล็ก จะถมสร้างเขื่อน กี่เขื่อนก็แล้วแต่สภาพพื้นที่"
"ข้าต้องการให้เกิดน้ำล้นขึ้นท่วมตลิ่งทั้ง 2 ฝั่งของธารน้ำ ภายในหุบเขาเถื่อน อย่างน้อยฝั่งละ 25 เมตา
( 25 เมตา = 25 เมตร )
"ขั้นที่ 5 นี้ มีผู้ใดมีคำถามหรือไม่ขอรับ" เงียบ..
"ขั้นที่ 6 ให้หน่วยลาดตะเวณทางลำน้ำ นำเรือเร็วลาดตระเวนลำน้ำขนาดเล็กไปด้วย 50 ลำ"
"เพื่อใช้ในการบรรทุกทหารของเรา ในการเข้าโจมตีสู่ใจกลางหุบเขาเถื่อน เมื่อเรายึดฐานยิงปืนใหญ่ และฐานยิงหน้าไม้ยักษ์ ทั้งหมดทุกฐาน บนแนวสันเขาได้แล้ว"
"ขั้นที่ 6 นี้ มีผู้ใดมีคำถามหรือไม่ขอรับ" เงียบ..
"ขั้นที่ 7 ให้ทหารหน่วยจู่โจมพิเศษ เตรียมกำลังพลหน่วยย่อย เพื่อบุกเข้ายึดโรงเครื่องกลไกของระบบทดน้ำ"
"ที่พวกมันจะใช้ในการทดน้ำขึ้นมาดับไฟ จากการที่เราจะเผาป่าเชิงเขา เพื่อเปิดทางบุกขึ้นไปยึดพื้นที่บนสันเทือกเขาทั้ง 2 ฝั่ง"
"ขั้นที่ 8 นี้ มีผู้ใดมีคำถามหรือไม่ขอรับ" เงียบ.. อีกเช่นเคย
"ส่วนเรื่องตัวประกัน ให้นายทหารทุกท่าน พิจารณาเอาเอง ว่าผู้ใดคือศัตรู ผู้ใดคือตัวประกัน"
"หากสั่งให้นอนหมอบลงแล้ว มีผู้ใดไม่ปฏิบัติตาม ภายในเวลา 3 ชั่วลมหายใจ"
"พวกท่านก็ปลิดชีพ คนผู้นั้นได้เลย"
ชุน 1 ยังคงความเหี้ยมโหดของเขาเอาไว้
ถ้าชุน 2 เป็นผู้กำกับการรบ เขาคงจะสั่งให้ หน่วยจู่โจมพิเศษ เข้าช่วยตัวประกันออกมาก่อน แล้วค่อยบุกเข้าหุบเขาเถื่อน
แต่นั่นต้องแลกมาด้วย การสูญเสียชีวิตของทหารหน่วยจู่โจมพิเศษ เป็นจำนวนมากมายหลายศพ
"นี่เป็นการปฎิบัติเบื้องต้น ขอให้นายทหารทุกท่านไปเตรียมการให้พร้อม"
"ส่วนกลยุทธ์ในการรบจริง ก็จะเดินไปตามที่พวกท่านเตรียมการเอาไว้เหล่านี้ แต่จะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์การรบที่เกิดขึ้นจริงขอรับ" ชุน 1 กล่าว
"ท่านขุนพลอี้ ท่านมีสิ่งใดจะกล่าวเสนอแนะเพิ่มเติมหรือไม่ขอรับ"
"ไม่มีขอรับ ท่านว่าที่นักกลยุทธ์หลิว แนวทางครบถ้วนรัดกุมดีแล้ว เราใช้ทั้งไฟและน้ำ จำนวนคน และอาวุธที่เหนือกว่า ในการเข้าทำลายหุบเขาเถื่อนแห่งนี้ พวกมันคงมิอาจรอดไปได้เป็นแน่"
"เอาละ.. พวกเจ้าทุกคนจงไปเตรียมการตามแนวทางปฏิบัตินี้ หากศึกครั้งนี้ พวกเราพ่ายแพ้ตกตายไป ก็คงต้องได้แต่โทษตัวเองแล้ว ว่าพวกเรายังฝึกมาไม่ดีพอ"
"เรามีทั้งแผนกลยุทธ์ในการรบที่ดี มีทั้งกำลังพลรบที่มากกว่า มีทั้งยุทโธปกรณ์การรบที่เหนือกว่า"
"หากพวกเรายังคงพ่ายแพ้ ก็ควรปลิดชีพตัวเองตายในสนามรบเสียเถิด"
"ส่วนข้า พร้อมตกตายในสนามรบ จะได้มิต้องมาเสียเวลาในการปลิดชีพตัวเองในภายหลัง"
"รีบแยกย้ายกันไปสั่งเตรียมการได้แล้ว เราจะเคลื่อนกำลังพล 2,000 นาย พร้อมทั้งยุทโธปกรณ์ ออกจากค่ายทหาร ในอีก 1 ยามข้างหน้า" ท่านขุนพลกล่าวด้วยเสียงอันดัง
( 1 ยาม = 1 ชั่วโมง )
"ฮ่าๆๆๆ.. ศิษย์น้องชุน 1 เจ้านี่ เวลาจะล้างพลาญ ก็ล้างพลาญได้มากกว่าศิษย์น้องชุน 2 มากมายนักนะ"
"เจ้ารู้ไหมการเคลื่อนพลกำลังรบ 2 กองพัน พร้อมด้วยยุทโธปกรณ์อีกมากมาย มันต้องใช้งบประมาณทางการทหารเท่าไร"
ศิษย์พี่เตีย ท่านอ๋องน้อยแห่งมณฑลภาคเหนือ ส่งข้อความอักษรผ่านเครื่องกลไกสื่อสารมายังชุน 1
แล้วยังมีข้อความเพิ่มต่อมาอีกว่า
"ศิษย์น้องทั้ง 2 ชุน พวกเจ้าลุยได้เต็มที่เลย ท่านบิดาข้าทราบเรื่องแผนการในการเข้าทำลายหุบเขาเถื่อน ของเจ้าแล้ว"
"ท่านบิดาของข้ายังชื่นชมเลยว่า เจ้าเตรียมการรบได้ดี ทั้งไฟและน้ำ ทั้งๆที่หุบเขาเถื่อนนี้ อยู่ในชัยภูมิที่เข้าตีทำลายล้างได้ยากมาก"
"อีกไม่กี่วันข้าจะเดินทางไปเมืองหลวง อย่างไรก็ต้องผ่านเมืองอันซุย แล้วข้าจะเเวะไปเล่นกับพวกเจ้า ฮ่าๆๆ"
ทั้ง 2 ชุน ต่างงุนงง พวกเขาเพิ่งก้าวออกมาจากห้องประชุมยุทธการ ได้เพียงแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น
เขายังมิทันขึ้นม้าเดินทางไปยังเรือนรับรองของกองพล เพื่อเก็บข้าวของในการเดินทางไปรบเลย
"เฮ้อ.. หน่วยข่าวกรองแห่งมณฑลภาคเหนือ"
"ที่มีท่านอาจารย์ ของพวกเรา เป็นผู้บัญชาการชั่วคราวนี้ น่ากลัวมากจริงๆ"
ชุน 1 สื่อจิตถึง ชุน 2
แต่ชุน 2 ก็มิได้ตอบอะไรออกมาสักคำ
คือชุน 2 ขณะนี้อยู่ในขั้น พูดไม่ออกบอกไม่ถูกไปแล้ว
ศิษย์พี่เตีย รู้เรื่องได้เร็วขนาดนี้ได้อย่างไร เหมือนมานั่งประชุมอยู่ด้วยกันเลย แล้วท่านเป่ยอ๋องก็รู้เรื่องด้วยอีก
การประชุมทางยุทธการ มันเพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่อึดใจนี้เอง
ชุน 2 งง...
แล้วชุน 1 ก็ส่งข้อความอักษรไปถึงศิษย์พี่เตียว่า
"อันที่จริง หากจะยึดหุบเขาเถื่อนแห่งนี้ โดยมิต้องใช้กำลังพลในการรบนั้น ง่ายดายมากขอรับ"
"ข้าจะใช้ก็เพียงปลาตัวเล็กๆ สัก 1 ฝูง และยาพิษอีกนิดหน่อย ในการยึดหุบเขาเถื่อนแห่งนี้"
"แต่ที่ข้าต้องการก็คือ กองทหารที่รบเป็น ดังนั้นข้าจึงให้ใช้การรบทางทหาร เพื่อบุกหุบเขาแห่งนี่ขอรับ ศิษย์พี่เตีย"
"ลุยไปเลยศิษย์น้อง ครั้งนี้งบประมาณ ในการเคลื่อนกำลังพลทางทหาร 2 กองพัน"
"รวมถึงพวกยุทโธปกรณ์และเสบียงของเจ้า มันก็แค่ 200,000 เหรียญเงินเท่านั้น"
"แล้วใน 1 วัน ที่กองพันทั้ง 2 ของพวกเจ้า ยังคงรบอยู่"
"โดยปรกติแล้ว 2 กองพัน ที่รบ 1 วัน ใช้งบประมาณทางการทหาร วันละ 30,000 เหรียญเงิน"
"แต่ถ้าเพื่อแลกกับกำลังพลรบ ที่มีคุณภาพที่ดีขึ้นแล้ว"
"แค่นี้ ยังจิ๊บๆ"
"เอาความจริง ศิษย์พี่เตีย เอาความจริงขอรับ" ชุน 1 ส่งข้อความไป ประชด ศิษย์พี่เตียของเขา
"ฮ่าๆๆๆๆ.. ท่านบิดาของข้ากล่าวกับข้าว่า ท่านชมชอบที่สุด คือตอนที่ศิษย์น้อง กล่าวในที่ประชุมว่า"
"ต้องรีบเคลื่อนกำลังพล หลังจากประชุมเสร็จ เพื่อไม่ให้พวกมันหลบหนี และเพื่อไม่ให้พวกมันขนทรัพย์สมบัติออกไปได้ทัน"
"ไม่ต้องห่วงขอรับ ศิษย์พี่เตีย หลังจากที่ข้า และทหารในกองพล แบ่งสินสงคราม ที่รบชนะยึดมากันได้ลงตัวแล้ว เงินส่วนใหญ่จะส่งไปให้ทางราชสำนัก โดยผ่านทางท่านเป่ยอ๋อง ขอรับ"
"ฮ่าๆๆๆ... ศิษย์น้อง เงินอะไร ที่ไหนมี ทางจวนเป่ยอ๋อง มิได้ปล้นใครสักหน่อย เงินที่ไหน มาได้อย่างไร"
"ว่าแต่ ท่านบิดาของข้า ก็บอกให้หน่วยข่าวด้านความมั่นคงของตระกูลหลิวของเจ้า หาศัตรูที่มั่งคั่งแบบนี้มาอีกเยอะๆ"
"ฮ่าๆๆๆ..."
ศิษย์พี่เตีย ส่งข้อความอักษรเขียนมาครบแม้กระทั่ง คำว่า
"ฮ่าๆๆ.. "