หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
เมื่อชุน 1 จัดการตัวน่ารำคาญที่ร้านขายตำราจบไปแล้ว เขาจึงกลับไปยังบ้านตระกูลหลิว
เขารับทราบจากบ่าวรับใช้ว่า ท่านประมุขตระกูลรุ่นที่ 2 หลิวเทียนหมิง และบิดาของเขาผู้อาวุโสลำดับที่ 1 หลิวหยวน กลับจากเหมืองแห่งใหม่มาถึงยังตระกูลหลิวแล้ว
เขาจึงเข้าไปพบประมุขรุ่นที่ 2 และบิดา ที่โถงรับรองใหญ่ของบ้านตระกูลหลิวในทันที เมื่อชุน 1 เข้าไปยังโถงรับรอง เขาก็พบกับผู้หลักผู้ใหญ่ของตระกูลอีกหลายคนกำลังปรึกษากันในเรื่องเหมืองแห่งใหม่
เมื่อทุกคนเห็นชุน 1 เข้ามาพวกเขาก็พากันดีใจ เข้ามาทักทายสอบถามสารทุกข์สุกดิบของทั้งชุน 1 และชุน 2
เมื่อทักทายกันครบถ้วนแล้ว ท่านประมุขรุ่นที่ 2 ก็เอ่ยกับชุน 1 ว่า
"หลิวชุนเจ้าทั้ง 2 บัดนี้คือผู้ตรวจราชการแห่งมณฑลภาคเหนือจริงหรือ"
"แล้วเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไร เจ้าช่วยเล่ารายละเอียดให้พวกเราฟังจะได้หรือไม่"
"ได้สิขอรับท่านประมุขรุ่นที่ 2 แต่ก่อนอื่นข้าขอให้ช่วยไปตาม สมาชิกตระกูลรุ่นที่ 2 และรุ่นที่ 3 เข้ามารับฟังให้หมดพร้อมกันด้วยขอรับ"
"ตกลง.." แล้วท่านประมุขตระกูลก็ให้บ่าวรับใช้ไปทำตามคำบอกของชุน 1
ส่วนชุน 1 ก็ให้บ่าวรับใช้อีกคนหนึ่ง ไปนำแผนที่ราชอาณาจักรต้าเหมิง ที่เขาเขียนขึ้นด้วยตัวเอง จากความรู้และการร่ำเรียนศึกษากับท่านอาจารย์จ้าว
พร้อมทั้งการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆเป็นระยะเวลา 5 ปี มาส่งให้แก่เขา
เมื่อทุกคนมาพร้อมกันแล้ว ชุน 1 ก็กางแผนที่ออก แล้วเล่า
ประสบการณ์ในการเดินทางของเขาโดยเน้นที่เรื่องของภูมิศาสตร์ของมณฑลภาคเหนือ เรื่องเศรษฐกิจของแต่ละเมือง แต่ละอำเภอ
จนคุณชายหลิวกวน บุตรชายคนโตของประมุขรุ่นที่ 2 ซึ่งเป็นผู้มอบหน้าไม้ รุ่นนกเหยี่ยว 30 ให้กับหลิวชุน ถึงกับอดรนทนไม่ไหว กล่าวถามขึ้นว่า
"ชุน 1 เจ้ามิต้องอ้อมค้อมขนาดนั้น พวกเราอยากรู้ว่า เจ้าได้ตำแหน่งผู้ตรวจราชการแห่งมณฑลภาคเหนือมาได้อย่างไรกัน" ทุกคนที่มารอฟังจึงพยักหน้าเห็นด้วย กันเป็นแถว
ชุน 1 หัวเราะหึๆ แล้วจึงเล่าถึงเรื่องราวที่เขาและศิษย์พี่เตีย ช่วยกันคลี่คลายคดีสำคัญหลายๆคดี ของสำนักมือปราบและกรมการอาญา
ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากบรรดาเจ้าเมืองและนายอำเภอเป็นจำนวนมาก
"ท่านอาจารย์จ้าวฟูหยาง จึงทำหนังสือถึงท่านเป่ยอ๋อง ให้แต่งตั้งข้าเป็นผู้ตรวจราชการแห่งมณฑลภาคเหนือขอรับ"
"ทั้งยังมีศิษย์พี่เตีย ท่านอ๋องน้อย บุตรชายของท่านเป่ยอ๋อง ออกหน้าออกตาพลักดันข้าเข้าสู่ตำแหน่งนี้"
"ท่านอาจารย์จ้าวนั้นกระทำการเสนอชื่อข้าเป็นผู้ตรวจราชการ ก็เพราะต้องการให้ข้ามีตำแหน่งเป็นเกราะคุ้มตัว ในยามที่ข้าแยกจากท่านอาจารย์มา"
"และตำแหน่งผู้ตรวจราชการนี้ ก็หาได้เป็นตำแหน่งบริหารของทางการไม่"
"ข้าทำได้แค่ตรวจสอบไถ่ถาม ผลการทำงานของขุนนางต่างๆของทางการ แล้วรายงานไปยังท่านเป่ยอ๋อง เพื่อให้ท่านเป่ยอ๋องพิจารณาอีกทีขอรับ"
"ดังนั้น พวกท่านก็อย่าเที่ยวเอาตำแหน่งของข้าไปข่มเหงชาวบ้านและขุนนางทางการละ มิเช่นนั้นข้าอาจถูกปลดจากตำแหน่งได้อย่างง่ายดาย"
หลิวกวนคิดในใจ แล้วไอ้ที่เจ้าชุน 2
ไปยัดเยียดข้อหาขโมยชามข้าว 1 ใบให้เย่ชิว จนต้องติดคุกละ มิใช่การข่มเหงอย่างนั้นหรือ
หลิวกวนคิด แต่ก็มิได้พูดออกมา
เมื่อทุกคนได้รับรู้แล้วว่าหลิวชุน อาศัยเส้นสายของอาจารย์ และศิษย์พี่ ในการดำรงค์ตำแหน่งผู้ตรวจราชการ ก็พากันแยกย้ายกันไปทางใครทางมัน
หลิวชุนยังมิได้ออกจากโถงรับรองไป เขาขอให้ท่านประมุขรุ่นที่ 2 และบิดา
พร้อมด้วยบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ของตระกูล เข้าไปปรึกษาหารือกันยังห้องประชุมใหญ่ ซึ่งมีความมิดชิดมากกว่าโถงรับรอง
ซึ่งทุกคนก็มิได้ปฏิเสธ เพราะพวกเขารู้มาเสมอว่าชุน 1 มิเคยคิดอะไรเพียงชั้นเดียว
เมื่อทุกคนนั่งลงรอบโต๊ะประชุมเรียบร้อยแล้ว ชุน 1 ก็เอ่ยขึ้นว่า
"ข้าจะทำการเข้าประมูล รับสัมปทานการบริหารจัดการท่าเรือ และโกดัง ทั้งในท่าเรือระดับเมืองและท่าเรือระดับอำเภอ"
"ทุกท่าเรือ จากทะเลสาปอันซุย ไป จนถึงทะเลสาปจิวไห่ ตั้งแต่เหนือจรดใต้ ไม่เว้นแม้แต่ท่าเรือเดียวขอรับ"
เงียบ..!! บรรยากาศเงียบเชียบ.. เงียบสนิท..