หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
เมื่อชุน 2 ทำการสั่งสอนคุณชายของตระกูลเย่ เย่ชิวไปแล้ว เขาก็มิได้สนใจอีกเลยว่าเย่ชิวจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร จะถูกขังคุกกี่วันกี่คืน
เขาแค่อยากบอกตระกูลเย่ว่า อย่ามายุ่งกับร้านอาหารของเฉินเป่าสหายของเขาอีกเป็นอันขาด
ชุน 2 เมื่อกินข้าวเสร็จก็เอ่ยลาบิดาของเฉินเป่า จากนั้นเขาจึงไปยังสำนักยุทธ์หมัดทลายฟ้า
ก่อนที่เขาจะออกเดินทางกับท่านอาจารย์จ้าว เขาร่ำเรียนวิชาเพลงหมัดทลายฟ้าได้เพียง 7 กระบวนท่า จากทั้งหมด 12 กระบวนท่าเท่านั้น
แม้ตอนนี้เขาจะได้รับการถ่ายทอดสุดยอดวิชายุทธ์เพลงกระบี่ปลายนภา และท่าเท้าเยียบสายลม มาจากท่านอาจารย์จ้าวแล้ว
เขาก็ยังคงต้องการเรียนรู้วิชายุทธ์เพลงหมัด เพื่อเอาไว้ใช้ในการต่อสู้ระยะประชิดเพิ่มอีกอยู่ดี
ดังที่ท่านอาจารย์จ้าวเคยกล่าวกับเขาไว้ว่า "อันวิชายุทธ์นั้น มิมีวิชาไหนสูง มิมีวิชาไหนต่ำ อยู่ที่การเลือกใช้แต่ละวิชา ให้เหมาะสมกับสถานการณ์การต่อสู้ในขณะนั้น"
ชุน 2 จึงกลับไปลงทะเบียนเข้าเป็นศิษย์สำนักยุทธ์หมัดทลายฟ้าอีกครั้ง หลังจากที่หายไป 5 ปี
ตอนนี้เขาเป็นนักยุทธ์ขั้นผสานลมปราณขั้นต้น ระดับที่ 3 แล้ว เขาจึงสามารถเรียนวิชายุทธ์ของสำนักได้ทุกวิชา โดยไม่มีข้อจำกัดทางด้านร่างกายหรือพลังปราณใดๆอีกต่อไป
และตอนนี้ชุน 2 สามารถที่จะสมัครเป็นอาจารย์ยุทธ์ของสำนักแห่งนี้ได้ หากเขาต้องการ
ขั้นวรยุทธ์ของดาวจื่อหมิงสีแดงนี้ มี 5 ขั้น แต่ละขั้นแบ่งเป็น 9 ระดับ
1.นักยุทธ์ขั้นผสานกายา เป็นการดูดซับพลังปราณเพื่อนำพลังปราณผสานเข้ากับร่างกาย ให้ร่างกายเเข็งแกร่งเหนือคนธรรมดาทั่วไปและสามารถเริ่มฝึกวรยุทธ์ได้ แบ่งเป็นระดับที่ 1 ถึง 9
2.นักยุทธ์ขั้นผสานลมปราณ เป็นการดูดซับพลังปราณเข้าไปรวบรวมเอาไว้ที่จุดตันเถียน ขั้นนี้จะสามารถเริ่มใช้พลังปราณโจมตีออกจากร่างกายได้ แบ่งเป็นระดับที่ 1 ถึง 9
3.นักยุทธ์ขั้นปราณวารี เป็นการกลั่นพลังปราณในจุดตันเถียนให้กลายเป็นหยดของเหลว แบ่งเป็นระดับที่ 1 ถึง 9
4.นักยุทธ์ขั้นปราณปฐพี เป็นการควบแน่นหยดน้ำพลังปราณในจุดตันเถียน ให้กลายเป็นผลึกแข็ง แบ่งเป็นระดับที่ 1 ถึง 9
5.นักยุทธ์ขั้นปราณนภา เป็นการส่งพลังปราณจากผลึกปราณในจุดตันเถียน ไปทะลวงจุดลมปราณต่างๆ ในร่างกายทั้ง 108 จุด แบ่งเป็นระดับที่ 1 ถึง 9
ระดับที่ 1 ถึง 3 คือขั้นต้น
ระดับที่ 4 ถึง 6 คือขั้นกลาง
ระดับที่ 7 ถึง 9 คือขั้นสูง
ส่วนระดับขั้นที่สูงกว่านักยุทธ์ขั้นปราณนภาก็คือขั้นเซียน
ซึ่งเมื่อบรรลุกลายเป็นเซียนแล้ว จะถูกกฏแห่งสวรรค์ส่งไปยังดินแดนเซียนในอีกมิติ มิสามารถข้ามกลับมายังมิติแห่งนี้ได้อีก
เมื่อจัดการเรื่องลงทะเบียน ในสำนักยุทธ์แล้วเสร็จ ชุน 2 ก็เดินทางไปยังร้านขายหินพลังปราณ
เมื่อทั้ง 2 ชุน เป็นนักยุทธ์ขั้นผสานลมปราณแล้ว เขาสามารถใช้เคล็ดรวบรวมพลังปราณกลืนเมฆา ทำการดูดซับพลังปราณจากหินพลังปราณได้โดยตรง
หรือถ้าไม่มีหินพลังปราณให้ดูดซับเขาก็ยังคงใช้เคล็ดกลืนเมฆา ดูดซับพลังปราณจากอณูในอากาศรอบตัวเขาได้ตามปรกติ
แม้จะได้ผลน้อยกว่าการดูดซับพลังปราณจากหินพลังปราณโดยตรง แต่อากาศก็มีอยู่ทุกที่ ที่มนุษย์สามารถดำรงค์ชีวิตอยู่ได้
จากการเดินทางกับท่านอาจารย์จ้าว ทำให้หลิวชุนพอมีเงินเก็บจำนวนหนึ่ง จากเบี้ยเลี้ยงรายเดือนและเงินรางวัลในการไขคดี
ตอนนี้หลิวชุนมีเงินเก็บอยู่ถึง 1,600 เหรียญเงิน
โดยส่วนใหญ่จะเป็นเงินรางวัลที่หลิวชุน ได้จากการช่วยสำนักมือปราบในแต่ละที่ไขคดีความต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเงินที่เยอะมากสำหรับเขา
เพราะกรรมกรท่าเรือจะมีรายได้ที่ประมาณ 8 - 10 เหรียญเงินเท่านั้นในแต่ละเดือน ทำให้หลิวชุนหมดห่วงเรื่องเงินไปได้พักใหญ่
เมื่อมาถึงร้านขายหินพลังปราณแล้ว ชุน 2 ก็ตรงเข้าไปขอซื้อหินพลังปราณระดับต่ำจำนวน 100 ก้อน
รูปทรงมาตราฐานของหินพลังปราณที่มีขายให้ชาวบ้านทั่วไปใช้ เป็นพลังงานในการขับเคลื่อนเครื่องกลไกต่างๆนั้น
มีลักษณะเป็นลูกเต๋า ขนาดกว้าง 1 เซตา ยาว 1 เซตา สูง 1 เซตา
( 1 เซตา = 1 เซ็นติเมตร )
ราคาก้อนละ 50 เหรียญทองแดง 2 ก้อนก็ราคา 1 เหรียญเงิน
100 เหรียญทองแดง = 1 เหรียญเงิน
100 เหรียญเงิน = 1 เหรียญทอง
เมื่อชุน 2 จ่ายเงินจำนวน 50 เหรียญเงินเพื่อซี้อหินพลังปราณ 100 ก้อนแล้ว
เขาก็ไปยังร้านขายอาวุธของตระกูลจิน ที่เขาเคยมาซื้อหน้าไม้รุ่นนกเหยี่ยว 30 กับท่านพี่หลิวกวน ในราคา 5 เหรียญเงิน
คราวนี้เขาซื้อหน้าไม้รุ่นที่ใหญ่ขึ้น และมีกลไกพลังปราณที่สลับซับซ้อนมากขึ้น ในราคา 25 เหรียญเงิน เพื่อให้ชุน 1 นำไปศึกษาหาความรู้ในเรื่องของอาวุธ
ชุน 1 ยังมิคิดที่จะเปลี่ยนรุ่นหน้าไม้ เขาถนัดการใช้หน้าไม้รุ่นนกเหยี่ยว 30 ของเขาเป็นอย่างดีแล้ว
ตอนนี้ข่าวที่ว่าหลิวชุน คือผู้ตรวจราชการแห่งมณฑลภาคเหนือ เริ่มแพร่มาถึงบ้านตระกูลหลิวแล้ว ผู้คนในบ้านตระกูลหลิวจึงพากันมาสอบถาม เขาจึงกล่าวว่า
"ญาติพี่น้องทุกท่านขอรับ เรื่องมันยาวมากเอาเป็นว่า ข้าจะเล่าให้พวกท่านฟังตอนที่ท่านประมุขตระกูลรุ่นที่ 2 กับบิดาของข้ากลับมาจากเหมือง ในวันพรุ่งนี้พร้อมๆกันนะขอรับ"
"จะได้เล่าครั้งเดียวจบนะขอรับ" บรรดาญาติพี่น้องถึงจะอยากรู้มากแค่ไหนก็ต้องแยกย้ายกันไป ใครจะกล้าทำท่านผู้ตรวจราชการไม่พอใจได้กันเล่า
เมื่อทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว ชุน 2 ก็ทำการฝึกเพลงกระบี่ปลายนภา ท่าเท้าเหยียบสายลม และเพลงหมัดทลายฟ้าทั้ง 7 กระบวนท่า อย่างเอาจริงเอาจังจนถึงพลบค่ำ จึงไปอาบน้ำชำระร่างกายแล้วเดินเข้าห้องนอนของเขา
ในยามค่ำ ชุน 2 ทำการเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณกลืนเมฆา เพื่อดูดซับพลังปราณจากหินพลังปราณระดับต่ำ ที่เขาซื้อมา เข้าสู่ร่างกายของตน
โดยชุน 2 ทำการกุมหินพลังปราณก้อนหนึ่งไว้ในมือ แล้วเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณกลืนเมฆาไปด้วย
เพื่อเป็นการสะสมพลังปราณ และเพิ่มระดับขั้นอย่างต่อเนื่องต่อไป
เช้าวันต่อมาชุน 1 ตื่นมาตั้งแต่เช้าตรู่ เขายังคงทำตามตารางเวลาของท่านอาจารย์จ้าว
นั่นก็คือ ช่วงเช้า เขาจะฝึกยุทธ์เพื่อใช้ปกป้องตัวเองเป็นเวลา 2 ยาม
( 2 ยาม = 2 ชั่วโมง )
จากนั้นเขาถึงจะไปศึกษาตำหรับตำราของเขา
พอฝึกยุทธ์เสร็จ ชุน 1 ก็ไปยังร้านขายตำราในตัวอำเถอ เพื่อซื้อหาตำราที่เขาสนใจมาศึกษา
ส่วนตำราชั้นสูงนั้น ท่านอาจารย์จ้าวจะส่งตำราเล่มใหม่ๆมาให้เขาศึกษาในทุกๆเดือน โดยส่งผ่านสำนักขนส่งและสื่อสารของทางราชสำนักต้าเหมิง
เมื่อมาถึงร้านขายตำราแล้ว ชุน 1 ก็เข้าไปเลือกตำรายังชั้นวางตำรา ซึ่งมีตำราวางอยู่มากมายหลายเล่ม
ทางราชสำนักต้าเหมิง ให้ความสำคัญกับการศึกษาหาความรู้ของราษฎรมาก
ตำราที่มีขายอยู่ในอาณาจักรจึงมีราคาที่ไม่แพงมากนัก ราษฎรทั่วไปสามารถซื้อหาไปศึกษาได้โดยไม่ลำบากอันใด
แล้วชายหนุ่มผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาในร้าน เมื่อชายหนุ่มผู้นี้มองเห็นชุน 1 เขาก็กระหยิ่มยิ้มย่องขึ้นมาในทันที ชายหนุ่มผู้นี้คือ จินซีซวน บุตรชายคนรองของบ้านตระกูลจิน ซึ่งโดนชุน 1 วางแผนทำสัญญาไม่ยุ่งเกี่ยวไปเมื่อ 5 ปีที่แล้วนั่นเอง
จินซีซวนนั้นอายุมากกว่าชุน 1 อยู่ 4 ปี จึงทำให้จินซีซวนในขณะนี้ อายุเกือบจะ 20 ปีแล้ว
จินซีซวนมาพร้อมกับลูกน้องนักยุทธ์อีก 2 คน เขากล่าวกับชุน 1 ว่า
"นึกว่าผู้ใดมาเลือกซื้อตำราที่แท้ก็สุนัขพลัดหลง ที่หายออกจากบ้านไป 5 ปี หาทางกลับบ้านเจอแล้วหรือ หลงไปยังที่ใดมาบ้างเล่า ฮ่าๆๆๆ.."
ชุน 1 ได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยว่า "จินซีซวน เจ้ายังคงจำสัญญาไม่ยุ่งเกี่ยวได้หรือไม่ ข้ายังเก็บเอาไว้อยู่ เจ้าจะให้ข้านำไปมอบให้ท่านอาจารย์จางดีหรือไม่"
"ฮ่าๆๆๆ.. ขำ ข้านั้นหาได้เกรงกลัวอาจารย์จางอีกต่อไปแล้ว"
"ตัวข้านั้นเป็นผู้ที่มีการศึกษาที่โดดเด่น มีความรู้ความสามารถ จึงได้รับคัดเลือกเข้าศึกษายังสำนักศึกษาใหญ่ของเมืองอันซุย ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว หาได้ศึกษาอยู่ยังสำนักศึกษาของอาจารย์จางแล้วไม่"
"อาจารย์จางมิอาจลงโทษอะไรข้าได้อีกแล้ว ฮ่าๆๆ"
"ชุน 1 เจ้ายังมีหนี้แค้นกับข้าเจ้าด่าว่าตระกูลข้าเป็นสุนัขทั้งตระกูล หยามเกียรติ์ของข้า บังอาจมากล่าวหาว่าข้าขี้ขลาด ข้ายังคงจำได้มิมีลืมเลือน"
"วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้รู้สำนึก แน่จริงเจ้าก็ออกมานอกร้านขายตำราสิ แล้วข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่ามิควรมาดูหมิ่นตระกูลจิน และตัวข้า"
"ได้สิ.." ชุน 1 กล่าวสั้นๆง่ายๆ แล้วเดินออกไปรออยู่กลางถนน
จินซีซวน แม้จะแปลกใจอยู่บ้างแต่เขาก็มีความมั่นใจในลูกน้องนักยุทธ์ทั้ง 2 ของเขา ซึ่งเป็นนักยุทธ์ขั้นผสานกายาขั้นสูง ระดับที่ 9 ทั้งคู่ โดยบิดาของเขาจ้างมาคุ้มกันเขาเป็นการเฉพาะ
จินซีซวนจึงพาลูกน้องนักยุทธ์ทั้ง 2 ออกมาประจันหน้ากับชุน 1 แล้วสั่งลูกน้องให้โจมตีชุน 1 ในทันที
นักยุทธ์ขั้นผสานกายาขั้นสูง ระดับที่ 9 ทั้ง 2 คน รีบพุ่งเข้าโจมตีชุน 1 กันคนละด้าน ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
ยังมิทันที่ผู้ฝึกยุทธ์ทั้ง 2 จะถึงตัวชุน 1 เท้าขวาของชุน 1 ก็เตะไปยังก้านคอของคนที่พุ่งมาทางขวา
แล้วเท้าซ้ายก็เตะไปยังก้านคอของคนที่พุ่งมาทางซ้าย สลบเหมือดลงในทันใดทั้ง 2 คน
จากนั้นชุน 1 ก็ปล่อยหมัดเข้าปลายคางของจินซีซวน สลบเหมือดตามไปอีกคน
จบการต่อสู้ไปในเวลาอันรวดเร็ว โดยชาวบ้านยังมิทันได้มามุงดูเลย
ชุน 1 บ่นออกมาเบาๆกับตัวเองว่า
"นี่ถ้าข้าพกหน้าไม้มาด้วยละก็ ข้าจะยิงให้ขาลากทั้ง 3 คนเลย คอยดูสิ"