Your Wishlist

เทพเซียนไร้ลักษณ์ (ตระกูลหลิว รุ่นที่ 3) (บทที่ 43 เงินเก็บ)

Author: geesan

หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน

จำนวนตอน :

บทที่ 43 เงินเก็บ

  • 13/02/2567

   เมื่อชุน 2 ทำการสั่งสอนคุณชายของตระกูลเย่ เย่ชิวไปแล้ว เขาก็มิได้สนใจอีกเลยว่าเย่ชิวจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร จะถูกขังคุกกี่วันกี่คืน

 

 

 

   เขาแค่อยากบอกตระกูลเย่ว่า อย่ามายุ่งกับร้านอาหารของเฉินเป่าสหายของเขาอีกเป็นอันขาด

 

 

 

   ชุน 2 เมื่อกินข้าวเสร็จก็เอ่ยลาบิดาของเฉินเป่า จากนั้นเขาจึงไปยังสำนักยุทธ์หมัดทลายฟ้า

 

 

 

   ก่อนที่เขาจะออกเดินทางกับท่านอาจารย์จ้าว เขาร่ำเรียนวิชาเพลงหมัดทลายฟ้าได้เพียง 7 กระบวนท่า จากทั้งหมด 12 กระบวนท่าเท่านั้น

 

 

 

   แม้ตอนนี้เขาจะได้รับการถ่ายทอดสุดยอดวิชายุทธ์เพลงกระบี่ปลายนภา และท่าเท้าเยียบสายลม มาจากท่านอาจารย์จ้าวแล้ว

 

 

 

   เขาก็ยังคงต้องการเรียนรู้วิชายุทธ์เพลงหมัด เพื่อเอาไว้ใช้ในการต่อสู้ระยะประชิดเพิ่มอีกอยู่ดี

 

 

 

   ดังที่ท่านอาจารย์จ้าวเคยกล่าวกับเขาไว้ว่า "อันวิชายุทธ์นั้น มิมีวิชาไหนสูง มิมีวิชาไหนต่ำ อยู่ที่การเลือกใช้แต่ละวิชา ให้เหมาะสมกับสถานการณ์การต่อสู้ในขณะนั้น"

 

 

 

   ชุน 2 จึงกลับไปลงทะเบียนเข้าเป็นศิษย์สำนักยุทธ์หมัดทลายฟ้าอีกครั้ง หลังจากที่หายไป 5 ปี

 

 

 

 

 

   ตอนนี้เขาเป็นนักยุทธ์ขั้นผสานลมปราณขั้นต้น ระดับที่ 3 แล้ว เขาจึงสามารถเรียนวิชายุทธ์ของสำนักได้ทุกวิชา โดยไม่มีข้อจำกัดทางด้านร่างกายหรือพลังปราณใดๆอีกต่อไป

 

 

 

   และตอนนี้ชุน 2 สามารถที่จะสมัครเป็นอาจารย์ยุทธ์ของสำนักแห่งนี้ได้ หากเขาต้องการ

 

         

 

 

 

   ขั้นวรยุทธ์ของดาวจื่อหมิงสีแดงนี้ มี 5 ขั้น แต่ละขั้นแบ่งเป็น 9 ระดับ

 

  

 

 

 

  

 

 

 

    1.นักยุทธ์ขั้นผสานกายา เป็นการดูดซับพลังปราณเพื่อนำพลังปราณผสานเข้ากับร่างกาย ให้ร่างกายเเข็งแกร่งเหนือคนธรรมดาทั่วไปและสามารถเริ่มฝึกวรยุทธ์ได้ แบ่งเป็นระดับที่ 1 ถึง 9

 

 

 

 

 

 

 

    2.นักยุทธ์ขั้นผสานลมปราณ เป็นการดูดซับพลังปราณเข้าไปรวบรวมเอาไว้ที่จุดตันเถียน ขั้นนี้จะสามารถเริ่มใช้พลังปราณโจมตีออกจากร่างกายได้ แบ่งเป็นระดับที่ 1 ถึง 9

 

 

 

 

 

 

 

    3.นักยุทธ์ขั้นปราณวารี เป็นการกลั่นพลังปราณในจุดตันเถียนให้กลายเป็นหยดของเหลว แบ่งเป็นระดับที่ 1 ถึง 9

 

 

 

 

 

 

 

    4.นักยุทธ์ขั้นปราณปฐพี เป็นการควบแน่นหยดน้ำพลังปราณในจุดตันเถียน ให้กลายเป็นผลึกแข็ง แบ่งเป็นระดับที่ 1 ถึง 9

 

 

 

 

 

 

 

    5.นักยุทธ์ขั้นปราณนภา เป็นการส่งพลังปราณจากผลึกปราณในจุดตันเถียน ไปทะลวงจุดลมปราณต่างๆ ในร่างกายทั้ง 108 จุด แบ่งเป็นระดับที่ 1 ถึง 9

 

 

 

 

 

 

 

    ระดับที่ 1 ถึง 3 คือขั้นต้น

 

 

 

    ระดับที่ 4 ถึง 6 คือขั้นกลาง

 

 

 

    ระดับที่ 7 ถึง 9 คือขั้นสูง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

    ส่วนระดับขั้นที่สูงกว่านักยุทธ์ขั้นปราณนภาก็คือขั้นเซียน

 

 

 

 

 

 

 

    ซึ่งเมื่อบรรลุกลายเป็นเซียนแล้ว จะถูกกฏแห่งสวรรค์ส่งไปยังดินแดนเซียนในอีกมิติ มิสามารถข้ามกลับมายังมิติแห่งนี้ได้อีก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

   เมื่อจัดการเรื่องลงทะเบียน ในสำนักยุทธ์แล้วเสร็จ ชุน 2 ก็เดินทางไปยังร้านขายหินพลังปราณ

 

 

 

   เมื่อทั้ง 2 ชุน เป็นนักยุทธ์ขั้นผสานลมปราณแล้ว เขาสามารถใช้เคล็ดรวบรวมพลังปราณกลืนเมฆา ทำการดูดซับพลังปราณจากหินพลังปราณได้โดยตรง

 

 

 

   หรือถ้าไม่มีหินพลังปราณให้ดูดซับเขาก็ยังคงใช้เคล็ดกลืนเมฆา ดูดซับพลังปราณจากอณูในอากาศรอบตัวเขาได้ตามปรกติ

 

 

 

   แม้จะได้ผลน้อยกว่าการดูดซับพลังปราณจากหินพลังปราณโดยตรง แต่อากาศก็มีอยู่ทุกที่ ที่มนุษย์สามารถดำรงค์ชีวิตอยู่ได้

 

 

 

   จากการเดินทางกับท่านอาจารย์จ้าว ทำให้หลิวชุนพอมีเงินเก็บจำนวนหนึ่ง จากเบี้ยเลี้ยงรายเดือนและเงินรางวัลในการไขคดี

 

 

 

   ตอนนี้หลิวชุนมีเงินเก็บอยู่ถึง 1,600 เหรียญเงิน

 

 

 

   โดยส่วนใหญ่จะเป็นเงินรางวัลที่หลิวชุน ได้จากการช่วยสำนักมือปราบในแต่ละที่ไขคดีความต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเงินที่เยอะมากสำหรับเขา

 

 

 

   เพราะกรรมกรท่าเรือจะมีรายได้ที่ประมาณ 8 - 10 เหรียญเงินเท่านั้นในแต่ละเดือน ทำให้หลิวชุนหมดห่วงเรื่องเงินไปได้พักใหญ่

 

 

 

   เมื่อมาถึงร้านขายหินพลังปราณแล้ว ชุน 2 ก็ตรงเข้าไปขอซื้อหินพลังปราณระดับต่ำจำนวน 100 ก้อน

 

 

 

   รูปทรงมาตราฐานของหินพลังปราณที่มีขายให้ชาวบ้านทั่วไปใช้ เป็นพลังงานในการขับเคลื่อนเครื่องกลไกต่างๆนั้น

 

 

 

   มีลักษณะเป็นลูกเต๋า ขนาดกว้าง 1 เซตา ยาว 1 เซตา สูง 1 เซตา

 

   ( 1 เซตา = 1 เซ็นติเมตร )

 

 

 

   ราคาก้อนละ 50 เหรียญทองแดง 2 ก้อนก็ราคา 1 เหรียญเงิน

 

 

 

   100 เหรียญทองแดง = 1 เหรียญเงิน

 

   100 เหรียญเงิน = 1 เหรียญทอง

 

 

 

    เมื่อชุน 2 จ่ายเงินจำนวน 50 เหรียญเงินเพื่อซี้อหินพลังปราณ 100 ก้อนแล้ว

 

 

 

 

 

   เขาก็ไปยังร้านขายอาวุธของตระกูลจิน ที่เขาเคยมาซื้อหน้าไม้รุ่นนกเหยี่ยว 30 กับท่านพี่หลิวกวน ในราคา 5 เหรียญเงิน

 

 

 

   คราวนี้เขาซื้อหน้าไม้รุ่นที่ใหญ่ขึ้น และมีกลไกพลังปราณที่สลับซับซ้อนมากขึ้น ในราคา 25 เหรียญเงิน เพื่อให้ชุน 1 นำไปศึกษาหาความรู้ในเรื่องของอาวุธ

 

 

 

   ชุน 1 ยังมิคิดที่จะเปลี่ยนรุ่นหน้าไม้ เขาถนัดการใช้หน้าไม้รุ่นนกเหยี่ยว 30 ของเขาเป็นอย่างดีแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

   ตอนนี้ข่าวที่ว่าหลิวชุน คือผู้ตรวจราชการแห่งมณฑลภาคเหนือ เริ่มแพร่มาถึงบ้านตระกูลหลิวแล้ว ผู้คนในบ้านตระกูลหลิวจึงพากันมาสอบถาม เขาจึงกล่าวว่า

 

 

 

   "ญาติพี่น้องทุกท่านขอรับ เรื่องมันยาวมากเอาเป็นว่า ข้าจะเล่าให้พวกท่านฟังตอนที่ท่านประมุขตระกูลรุ่นที่ 2 กับบิดาของข้ากลับมาจากเหมือง ในวันพรุ่งนี้พร้อมๆกันนะขอรับ"

 

 

 

   "จะได้เล่าครั้งเดียวจบนะขอรับ" บรรดาญาติพี่น้องถึงจะอยากรู้มากแค่ไหนก็ต้องแยกย้ายกันไป ใครจะกล้าทำท่านผู้ตรวจราชการไม่พอใจได้กันเล่า

 

 

 

   เมื่อทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว ชุน 2 ก็ทำการฝึกเพลงกระบี่ปลายนภา ท่าเท้าเหยียบสายลม และเพลงหมัดทลายฟ้าทั้ง 7 กระบวนท่า อย่างเอาจริงเอาจังจนถึงพลบค่ำ จึงไปอาบน้ำชำระร่างกายแล้วเดินเข้าห้องนอนของเขา

 

 

 

 

 

 

 

   ในยามค่ำ ชุน 2 ทำการเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณกลืนเมฆา เพื่อดูดซับพลังปราณจากหินพลังปราณระดับต่ำ ที่เขาซื้อมา เข้าสู่ร่างกายของตน

 

 

 

   โดยชุน 2 ทำการกุมหินพลังปราณก้อนหนึ่งไว้ในมือ แล้วเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณกลืนเมฆาไปด้วย

 

 

 

   เพื่อเป็นการสะสมพลังปราณ และเพิ่มระดับขั้นอย่างต่อเนื่องต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

   เช้าวันต่อมาชุน 1 ตื่นมาตั้งแต่เช้าตรู่ เขายังคงทำตามตารางเวลาของท่านอาจารย์จ้าว

 

   นั่นก็คือ ช่วงเช้า เขาจะฝึกยุทธ์เพื่อใช้ปกป้องตัวเองเป็นเวลา 2 ยาม  

 

    ( 2 ยาม = 2 ชั่วโมง )

 

 

 

    จากนั้นเขาถึงจะไปศึกษาตำหรับตำราของเขา

 

 

 

   พอฝึกยุทธ์เสร็จ ชุน 1 ก็ไปยังร้านขายตำราในตัวอำเถอ เพื่อซื้อหาตำราที่เขาสนใจมาศึกษา

 

   ส่วนตำราชั้นสูงนั้น ท่านอาจารย์จ้าวจะส่งตำราเล่มใหม่ๆมาให้เขาศึกษาในทุกๆเดือน โดยส่งผ่านสำนักขนส่งและสื่อสารของทางราชสำนักต้าเหมิง

 

 

 

 

 

   เมื่อมาถึงร้านขายตำราแล้ว ชุน 1 ก็เข้าไปเลือกตำรายังชั้นวางตำรา ซึ่งมีตำราวางอยู่มากมายหลายเล่ม

 

 

 

   ทางราชสำนักต้าเหมิง ให้ความสำคัญกับการศึกษาหาความรู้ของราษฎรมาก

 

   ตำราที่มีขายอยู่ในอาณาจักรจึงมีราคาที่ไม่แพงมากนัก ราษฎรทั่วไปสามารถซื้อหาไปศึกษาได้โดยไม่ลำบากอันใด

 

 

 

   แล้วชายหนุ่มผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาในร้าน เมื่อชายหนุ่มผู้นี้มองเห็นชุน 1 เขาก็กระหยิ่มยิ้มย่องขึ้นมาในทันที ชายหนุ่มผู้นี้คือ จินซีซวน บุตรชายคนรองของบ้านตระกูลจิน ซึ่งโดนชุน 1 วางแผนทำสัญญาไม่ยุ่งเกี่ยวไปเมื่อ 5 ปีที่แล้วนั่นเอง

 

 

 

   จินซีซวนนั้นอายุมากกว่าชุน 1 อยู่ 4 ปี จึงทำให้จินซีซวนในขณะนี้ อายุเกือบจะ 20 ปีแล้ว

 

 

 

   จินซีซวนมาพร้อมกับลูกน้องนักยุทธ์อีก 2 คน เขากล่าวกับชุน 1 ว่า

 

 

 

   "นึกว่าผู้ใดมาเลือกซื้อตำราที่แท้ก็สุนัขพลัดหลง ที่หายออกจากบ้านไป 5 ปี หาทางกลับบ้านเจอแล้วหรือ หลงไปยังที่ใดมาบ้างเล่า ฮ่าๆๆๆ.."

 

 

 

   ชุน 1 ได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยว่า "จินซีซวน เจ้ายังคงจำสัญญาไม่ยุ่งเกี่ยวได้หรือไม่ ข้ายังเก็บเอาไว้อยู่ เจ้าจะให้ข้านำไปมอบให้ท่านอาจารย์จางดีหรือไม่"

 

 

 

   "ฮ่าๆๆๆ.. ขำ ข้านั้นหาได้เกรงกลัวอาจารย์จางอีกต่อไปแล้ว"

 

   "ตัวข้านั้นเป็นผู้ที่มีการศึกษาที่โดดเด่น มีความรู้ความสามารถ จึงได้รับคัดเลือกเข้าศึกษายังสำนักศึกษาใหญ่ของเมืองอันซุย ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว หาได้ศึกษาอยู่ยังสำนักศึกษาของอาจารย์จางแล้วไม่"

 

 

 

   "อาจารย์จางมิอาจลงโทษอะไรข้าได้อีกแล้ว ฮ่าๆๆ"

 

 

 

   "ชุน 1 เจ้ายังมีหนี้แค้นกับข้าเจ้าด่าว่าตระกูลข้าเป็นสุนัขทั้งตระกูล หยามเกียรติ์ของข้า บังอาจมากล่าวหาว่าข้าขี้ขลาด ข้ายังคงจำได้มิมีลืมเลือน"

 

 

 

   "วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้รู้สำนึก แน่จริงเจ้าก็ออกมานอกร้านขายตำราสิ แล้วข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่ามิควรมาดูหมิ่นตระกูลจิน และตัวข้า"

 

 

 

   "ได้สิ.." ชุน 1 กล่าวสั้นๆง่ายๆ แล้วเดินออกไปรออยู่กลางถนน

 

 

 

   จินซีซวน แม้จะแปลกใจอยู่บ้างแต่เขาก็มีความมั่นใจในลูกน้องนักยุทธ์ทั้ง 2 ของเขา ซึ่งเป็นนักยุทธ์ขั้นผสานกายาขั้นสูง ระดับที่ 9 ทั้งคู่ โดยบิดาของเขาจ้างมาคุ้มกันเขาเป็นการเฉพาะ

 

 

 

   จินซีซวนจึงพาลูกน้องนักยุทธ์ทั้ง 2 ออกมาประจันหน้ากับชุน 1 แล้วสั่งลูกน้องให้โจมตีชุน 1 ในทันที

 

 

 

   นักยุทธ์ขั้นผสานกายาขั้นสูง ระดับที่ 9 ทั้ง 2 คน รีบพุ่งเข้าโจมตีชุน 1 กันคนละด้าน ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา

 

 

 

   ยังมิทันที่ผู้ฝึกยุทธ์ทั้ง 2 จะถึงตัวชุน 1 เท้าขวาของชุน 1 ก็เตะไปยังก้านคอของคนที่พุ่งมาทางขวา

 

 

 

   แล้วเท้าซ้ายก็เตะไปยังก้านคอของคนที่พุ่งมาทางซ้าย สลบเหมือดลงในทันใดทั้ง 2 คน

 

 

 

   จากนั้นชุน 1 ก็ปล่อยหมัดเข้าปลายคางของจินซีซวน สลบเหมือดตามไปอีกคน

 

 

 

   จบการต่อสู้ไปในเวลาอันรวดเร็ว โดยชาวบ้านยังมิทันได้มามุงดูเลย

 

 

 

 

 

 

 

    ชุน 1 บ่นออกมาเบาๆกับตัวเองว่า

 

 

 

   "นี่ถ้าข้าพกหน้าไม้มาด้วยละก็ ข้าจะยิงให้ขาลากทั้ง 3 คนเลย คอยดูสิ"

 

         

 

 

 

 

 

         

 

         

 

 

 

 

 

 

 

         

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

         

 

 

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป