หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
แม่น้ำอันซุย-จิวไห่ มีต้นกำเนิดมาจากทะเลสาปอันซุย ไหลจากเหนือลงใต้ผ่านเมือง 2 เมือง และอำเภออีก 7 อำเภอ มีความยาวลำน้ำทั้งสิ้น 560 กีลา
( 1กีลา = 1 กิโลเมตร )
แม่น้ำสายนี้ ไหลจากทะเลสาปอันซุย แล้วจึงไหลลงสู่ทะเลสาปจิวไห่ อันเป็นจุดสิ้นสุดของแม่น้ำสายนี้
ซึ่งหมายความว่า หากหลิวชุนจะทำการประมูลเข้ารับสัมปทานการบริหารจัดการท่าเรือและโกดัง ทั้งในระดับเมืองและระดับอำเภอตลอดลำแม่น้ำอันซุย-จิวไห่
หลิวชุนต้องเข้าประมูลท่าเรืออีก 8 ท่าเรือที่เหลือ
นอกเหนือจากท่าเรือของอำเภออันจง ที่ตระกูลหลิวได้รับการสัมปทานมาบริหารจัดการอยู่แล้ว จึงเหลืออีก 8 ใน 9 ท่าเรือ ที่จะต้องประมูล
ระยะเวลาการสัมปทานท่าเรือจากทางการนั้นมีระยะเวลาการให้สัมปทาน 20 ปี
ซึ่งท่าเรืออำเภออันจง ของตระกูลหลิว ยังคงเหลือระยะเวลาอีก 4 ปี จึงจะครบกำหนดเวลาสัมปทาน 20 ปี
แล้วจึงจะเริ่มเปิดการประมูลแข่งขันเข้ารับสัมปทานใหม่อีกรอบ
เมื่อท่านประมุขตระกูลหลิวรุ่นที่ 2 ผู้อาวุโสลำดับที่ 1 บิดาของหลิวชุน และบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ของตระกูลหลิวได้รับรู้
แผนการในอนาคตของหลิวชุนแล้ว ต่างพากันตื่นตกใจ กว่าจะตั้งสติกันได้ ก็ใช้เวลาไปครู่ใหญ่ๆ
หลิวหยวน บิดาของหลิวชุน ในฐานะผู้อาวุโสลำดับที่ 1 ที่ดูแลเรื่องเงินๆทองๆของตระกูล จึงกล่าวขึ้นว่า
"ชุน 1 แผนการของเจ้ามันก็ยิ่งใหญ่ดีมิใช่น้อย แต่เราเป็นตระกูลทั่วไปธรรมดาๆ ในอำเภอเล็กๆ"
"ไม่มีทุนรอนมากพอที่จะไปแข่งประมูลท่าเรืออีก 8 ท่าเรือ หรือแม้กระทั่ง 1 ท่าเรือในระดับอำเภอ ตลอดลำแม่น้ำอันซุย-จิวไห่ นี้ได้หรอก"
"ท่านพ่อ ท่านมิต้องเป็นห่วงเรื่องเงินทุนขอรับ"
"ข้าตกลงร่วมมือกับศิษย์พี่เตีย ท่านอ๋องน้อยแห่งมณฑลภาคเหนือไว้แล้วขอรับ"
"ศิษย์พี่เตียจะเป็นผู้ออกทุนให้ทั้งหมด พวกเราจะเป็นผู้บริหารจัดการ ทั้งงานท่าเรือและงานโกดังสินค้าขอรับ"
"ข้าจะกล่าวกับพวกท่านตรงๆ นะขอรับ"
"ศิษย์พี่เตีย และท่านเป่ยอ๋อง เป็นผู้ที่ชาญฉลาด"
"การลงทุนในท่าเรือครานี้ พวกเขามิได้กังวลเรื่องกำไรหรือขาดทุนเลยแม้แต่น้อย"
"เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของอาณาจักรต้าเหมิง และมณฑลภาคเหนือแห่งนี้ด้วยขอรับ"
"ความมั่นคงเช่นไรหรือ" ท่านประมุขตระกูลหลิว รุ่นที่ 2 สอบถามขึ้นบ้าง
"บริเวณท่าเรือนั้นมีบรรดาพ่อค้าและนักเดินทางผ่านไปมามากมาย"
"ข้อมูลข่าวสาร ก็ย่อมต้องสะพัดมากกว่าในโรงเตี้ยมเสียอีกขอรับ"
"เพราะพ่อค้าบางคน เมื่อทำการขนถ่ายสินค้าเข้าโกดังเสร็จแล้ว ก็รีบออกเรือเดินทางต่อ โดยมิได้เข้าพักยังโรงเตี้ยม แต่อย่างไรขอรับ"
"ศิษย์พี่เตีย จึงอยากจะให้ข้ารวบรวมข่าวสารด้านความมั่นคง ส่งให้กับศิษย์พี่ และท่านเป่ยอ๋องขอรับ"
"ซึ่งอันที่จริง นี่ก็คือหนึ่งในหน้าที่ ของผู้ตรวจราชการมณฑลแห่งภาคเหนือของข้าขอรับ"
"อืม..เข้าใจแล้ว" ทุกคนในที่ประชุมพยักหน้าพึมพำออกมา
"แล้วท่าเรือใดที่จะครบกำหนดสัมปทาน 20 ปี เป็นอันดับแรกขอรับท่านพ่อ" ชุน 1 เอ่ยถามบิดา
"มีท่าเรือเมืองอันซุยจะครบกำหนดสัมปทานในอีก 1 ปี ข้างหน้า เป็นท่าเรือแรก และท่าเรืออำเภอซืออยู่ ของเมืองจิวไห่ จะครบสัมปทานในอีก 2 ปีจากนี้" บิดาของชุน 1 กล่าว
"เรื่องสัมปทานท่าเรือคงต้องดำเนินการเป็นแผนการในระยะยาว ส่วนแผนการระยะสั้นและระยะกลางก็คือ"
"เราจะต้องกว้านซื้อที่ดินตามท่าเรือต่างๆ เพิ่อสร้างโกดังให้เช่าเก็บสินค้าของตระกูลหลิว ให้ครบทุกท่าเรือขอรับ"
"เป็นทั้งการทำกำไร และการรวบรวมข่าวสารในเบื้องต้นก่อนขอรับ" ชุน 1 บอกกล่าวกับทุกคน
"โดยเงินลงทุนทั้งหมดจะมาจากศิษย์พี่เตีย ท่านอ๋องน้อยขอรับ"
"ส่วนทางเรา ก็ทำการบริหารจัดการ และรวบรวมข้อมูลข่าวสารขอรับ"
"เมื่อกิจการมีกำไร ก็ค่อยๆทะยอยจ่ายเงินลงทุน กลับคืนให้ศิษย์พี่เตียขอรับ"
"จนเมื่อหมดหนี้ ก็จะกลายเป็นกิจการของตระกูลหลิว โดยแท้จริงขอรับ"
"ตกลงเราจะทำตามแผนการของเจ้าชุน 1 "
หลังจากที่ท่านประมุขรุ่นที่ 2 ของตระกูลหลิว คิดวิเคราะห์อยู่สักครู่ เขาจึงตอบออกมา
"การได้สานสัมพันธ์กับทางจวนของท่านเป่ยอ๋อง ย่อมเป็นผลดีกับตระกูลหลิวของเรา" ท่านประมุขรุ่นที่ 2 กล่าวเพื่มเติม
"ท่านประมุขตระกูลหลิว รุ่นที่ 1 ท่านยังเสี่ยงชีวิต เริ่มมาจากกิจการรับคุ้มกันสินค้าเล็กๆ ที่มีจำนวนคนแค่ 4 คน จนกระทั่งพวกเรามีตระกูลหลิว อยู่ในทุกวันนี้"
"พวกเราจะขี้ขลาดมิได้" ท่านประมุขรุ่นที่ 2 กล่าวออกมา
จากนั้นชุน 1 จึงกล่าวอีกว่า
"ต่อจากนี้ทั้งตระกูลหลิว รุ่นที่ 2 และรุ่นที่ 3 ทุกๆคน ต้องเข้ามาเรียนวิชาแผนที่ภูมิศาสตร์และเศรษฐกิจกับข้า"
"ให้เข้าใจถึงอาณาจักรต้าเหมิง ให้มากที่สุด"
"เพื่อสะดวกในการรวบรวมข้อมูลข่าวสาร และเป็นความรู้ติดตัวเมื่อพวกเราจะขยายตระกูล"
"ส่วนในด้านวรยุทธ์ ก็ต้องมาเรียน กับชุน 2 เช่นเดียวกัน"
"เอาละ.. ทางตระกูลจะดำเนินการให้กับเจ้า หลิวชุน"
"แต่ในเมื่อทุกคนมาอยู่ยังที่ประชุมแห่งนี้แล้ว"
"ข้าจะขอกล่าวถึงเรื่องของเหมืองแร่เหล็กสีชาด อันเป็นเหมืองแร่แห่งใหม่ของเรา" ท่านประมุขรุ่นที่ 2 กล่าว
"เหมืองแร่เหล็กสีชาดแห่งใหม่ ของตระกูลหลิวเรานั้น ช่วงแรกนี้เรายังมิสามารถขุดแร่ออกมาได้มากนัก เพราะเราถูกก่อกวนจากพวกโจรปล้นแร่อยู่ตลอดเวลา"
"ข้ามีความสงสัยว่าตระกูลลั่วและตระกูลเย่ จะร่วมมือกันเพื่อปั่นป่วนการขุดแร่ของพวกเรา"
"เพราะทั้ง 2 ตระกูลนี้ต่างก็มีเหมืองแร่เหล็กสีชาดอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน"
"แต่ข้าก็ยังมิสามารถหาหลักฐานใดๆที่จะบอกได้ว่า 2 ตระกูลนี้อยู่เบื้องหลังพวกโจรปล้นแร่"
ประมุขตระกูลหลิว รุ่นที่ 2 กล่าวออกมาด้วยความหนักใจ
"แล้วขุมกำลังของพวกโจรปล้นแร่เป็นอย่างไรบ้างขอรับ ท่านประมุข" ชุน 1 กล่าวถามออกไป
"จากการปะทะกันหลายต่อหลายครั้งในขณะลำเรียงเเร่ พบว่ามีโจรอยู่ 2 กลุ่ม"
"กลุ่มแรกมีขั้นผสานลมปราณขั้นกลาง อยู่ 1 คน ขั้นผสานกายาขั้นสูงอยู่ 3 คน และกำลังคนลูกสมุนอีกประมาณ 20 คน"
"กลุ่มที่ 2 มีขั้นผสานลมปราณขั้นต้นอยู่ 1 คน และขั้นผสานกายาขั้นสูงอยู่ 6 คน กำลังลูกสมุนอีกประมาณ 40 คน"
"ส่วนบรรดาสมุนโจรก็มีทั้งที่เป็นนักยุทธ์ และนักสู้ทั่วไป"
ท่านประมุขตระกูลหลิวรุ่นที่ 2 ให้รายละเอียด
บิดาของชุน 1 จึงกล่าวเสริมว่า
"ส่วนทางเรา มีท่านปู่ของเจ้าประมุขตระกูลหลิวรุ่นที่ 1 เป็นขั้นผสานลมปราณขั้นกลาง ระดับที่ 6"
"ท่านประมุขรุ่นที่ 2 ขั้นผสานลมปราณขั้นกลาง ระดับที่ 5 และก็ข้าขั้นผสานลมปราณขั้นกลาง ระดับที่ 4"
แล้วยังมีผู้อาวุโสในตระกูลอีก 2 คน ที่อยู่ในขั้นผสานลมปราณขั้นกลาง"
"ดังนั้นที่จริงแล้ว ทางตระกูลหลิวของเรา น่าจะเอาชนะโจรปล้นแร่ทั้ง 2 กลุ่มนี้ได้ไม่ยาก"
"แต่โจรทั้ง 2 กลุ่ม ก็เหมือนจะปล้นเพื่อก่อกวนเสียมากกว่า เมื่อปล้นไม่ได้พวกมันก็หนีเข้าป่าไป พวกเราจับไม่ได้ไล่ไม่ทันเสียที" บิดาของชุน 1 กล่าวออกมา
"ตระกูลเรา มิได้มีขั้นผสานลมปราณเพียง 5 คนขอรับท่านพ่อ"
"ข้าคือคนที่ 6 ขณะนี้ข้าอยู่ในขั้นผสานลมปราณขั้นต้น ระดับที่ 3"
"และในอีกไม่กี่วันข้าก็จะเลื่อนขึ้นเป็นขั้นผสานลมปราณขั้นกลาง ระดับที่ 4 แล้วขอรับ"
"ว่าอย่างไรนะ.. เจ้าบอกว่าเจ้าอยู่ในขั้นผสานลมปราณแล้วอย่างนั้นหรือ"
"ทำไมถึงรวดเร็วอย่างนี้ เจ้าเพิ่งจะอายุ เพียง 15 หรือ 16 ปี เองมิใช่หรือ" บิดาของชุน 1 กล่าวออกมาอย่างตื่นเต้นและดีใจ
เนื่องจากบิดาของชุน 1 ยังมิได้กลับไปเรือนของตน เขาจึงยังมิได้ทราบเรื่องนี้จากมารดาของหลิวชุน
"ใช่เเล้วขอรับท่านพ่อ และข้ายังได้รับการถ่ายทอดสุดยอดวิชายุทธ์เพลงกระบี่ปลายนภา และท่าเท้าเหยียบสายลม มาจากท่านอาจารย์จ้าวด้วยขอรับ"
"ข้าสามารถต่อสู้ข้ามระดับได้ จากการใช้วิชายุทธ์ทั้ง 2 วิชานี้ ขอรับ"
"และข้าจะจัดการกับโจรปล้นแร่ทั้ง 2 กลุ่ม ให้ลงนรกกันไปให้หมด"
"โดยมิให้เหลือแม้แต่คนเดียว"
ชุน 1 กล่าวด้วยความเหี้ยมโหดและมั่นใจ
ชุน 1 มั่นคงและเด็ดขาดขึ้นมาก