หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
จากการพูดเตือนสติของศิษย์พี่เตีย ที่ให้ชุน 1 พิจารณาว่าชื่อเสียงและบารมีของท่านอาจารย์จ้าว มีผลอย่างไรกับคดีนี้
ช่วงบ่ายก็มีป้ายขนาดใหญ่แขวนไว้ข้างลำเรือ มีใจความว่า
นี่คือเรือของท่านจ้าวฟูหยาง อดีตรองเสนาบดีกรมตุลาการ โจรที่ลักพาตัวบุตรชายท่านตุลาการเฉินจิงซาน มีข้อร้องเรียนอันใด เหตุผลกลใด ขอให้ติดต่อมาพูดคุยกัน
ท่านอาจารย์จ้าวเมื่อทราบเรื่องก็มิได้เอ่ยคำใดๆออกมา ส่วนศิษย์พี่เตียนั้น ถึงกับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างพึงพอใจ
ชุน 1 วิเคราะห์ได้แล้วว่า ชื่อเสียงและบารมีของท่านอาจารย์จ้าวนั้นเป็นไปในทางที่ดี
ท่านอาจารย์ของเขานั้น มีความสามารถทั้งการสืบสวนและการตัดสินคดีความ
เนื่องจากท่านอาจารย์จ้าว เดิมเป็นจอหงวนบู๊ จึงได้บรรจุเข้าเป็นขุนนางในตำแหน่ง มือปราบแห่งราชสำนักต้าเหมิงก่อน
แล้วจึงเปลี่ยนสายมาเป็นตุลาการ จนกระทั่งขึ้นเป็นรองเสนาบดีกรมตุลาการ พร้อมเป็นขุนนางตงฉิน ที่มีชื่อเสียงอันดีงาม
คดีที่มีความยากสลับซับซ้อน ตลอดจนคดีความของผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย ท่านอาจารย์จ้าว ก็ได้ทำการสะสางมาแล้วมากมายนัก
ชุน 1 เข้ามาพบท่านอาจารย์ แล้วกล่าวว่า "ท่านอาจารย์ขอรับ ข้าต้องขออภัยที่ต้องนำชื่อเสียงของท่านอาจารย์ มาใช้ในการสืบคดี"
"มิเป็นไร มิเป็นไร เจ้าเห็นสมควรทำเช่นไรก็ลงมือกระทำไปเถิด การช่วยคนย่อมสำคัญที่สุด"
ชุน 1 จึงขอตัวลาท่านอาจารย์ แล้วชักชวนศิษย์พี่เตีย ออกเดินทางในทันที
สถานที่ๆเขาจะไปนั้นคือ เรือนจำของเมืองจิวไห่ ชุน 1 ต้องการเข้าพบกับนักโทษเหยาเซียว ที่ถูกกักขังมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว
เมื่อชุน 1 ศิษย์พี่เตียและผู้พิทักษ์อ๋องน้อยอีก 4 คน เดินทางมาถึงยังเรือนจำ
พวกเขาได้ผ่านกระบวนการตรวจค้นและลงบันทึกการขอเข้าพบนักโทษของทางเรือนจำอย่างถูกต้องครบถ้วนแล้ว
จึงได้รับอนุญาตให้เข้าพบนักโทษเหยาเซียวได้
เมื่อได้พบนักโทษเหยาเซียว ยังห้องเข้าพบนักโทษ ชุน 1 จึงเอ่ยถึงที่มาที่ไปของตน แล้วกล่าวถึงคดีลักพาตัวที่เกิดขึ้น จากนั้นจึงสอบถามขึ้นว่า
"นักโทษเหยาเซียว เจ้ารู้จักผู้ใดที่จะช่วยเหลือเจ้า ออกจากคุกหรือไม่"
เหยาเซียวเมื่อตั้งสติได้ ก็กล่าวกับหลิวชุนว่า "ข้าน้อยนั้นหาได้รู้จักผู้ใดที่จะมีความเก่งกล้าสามารถ เอาชนะผู้พิทักษ์ของคุณชายเฉิน"
"แล้วยังมีจุดประสงค์ที่จะช่วยเหลือข้าน้อยออกจากคุกแห่งนี้ด้วย ข้าน้อย นึกไม่ออกจริงๆขอรับ"
"จากข้อมูลทะเบียนสัมนโนครัวและบันทึกการเสียชีวิตของหมู่บ้านของเจ้า ตัวเจ้านั้นพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแต่เพียงลำพัง"
"ภรรยาและบุตรชายคนเดียวของเจ้าเสียชีวิตจากเหตุเรือล่ม ขณะขนผักไปขาย ยังตลาดในเมือง ถูกต้องหรือไม่"
"ถูกต้องแล้วขอรับ"
"แล้วเจ้าเคยอุปการะผู้ใดเป็นบุตรบุญธรรมหรือไม่" ชุน 1 ยังคงถามต่อ
"ข้าน้อยมิเคยรับบุตรบุญธรรมขอรับนายน้อยหลิว"
"แล้วลูกจ้างที่ช่วยเจ้าปลูกผักละ เจ้าเคยมีบุญคุณกับพวกเขา จนถึงกับต้องช่วยเหลือเจ้าออกจากคุกหรือไม่"
"ลูกจ้างที่ข้าน้อยจ้างมานั้นส่วนใหญ่ก็เป็นเด็กๆในหมู่บ้าน แล้วก็เป็นเพียงลูกจ้างรายวัน มิได้เป็นลูกจ้างถาวรแต่ประการใด จึงมิน่ามีลูกจ้างผู้ใดคิดช่วยเหลือข้าน้อยขอรับ"
ทราบดังนั้นชุน 1 จึงเงียบไปสักครู่ แต่มิทันที่ชุน 1 จะกล่าวถามสิ่งใดต่อไป นักโทษเหยาเซียวก็กล่าวขึ้นว่า
"ตัวข้าน้อยนั้นตลอด 2 ปี ที่อยู่ในคุกแห่งนี้ ก็มิเคยมีผู้ใดเข้ามาเยี่ยมพบแม้แต่ครั้งเดียว แล้วคดีลักพาตัวนี้ ข้าน้อยก็เพิ่งได้รับรู้จากนายน้อยหลิวเป็นครั้งแรกขอรับ"
"มิเคยได้ล่วงรู้มาก่อนว่ามีคนจะช่วยเหลือข้าน้อยออกไป"
หลิวชุนจึงถามอีกว่า "ที่เจ้าบอกว่า มิเคยมีผู้ใดเข้าเยี่ยมพบเจ้าตลอด 2 ปีมานี้"
"เจ้าหมายถึงแม้แต่เจ้าหน้าที่มือปราบ ก็มิเคยได้มาสอบถามข้อมูลใดๆ ในคดีลักพาตัวจากเจ้าเลยหรือ"
"ใช่แล้วขอรับนายน้อย ข้าน้อยมิเคยได้ติดต่อผู้ใดจากภายนอกคุกเลยขอรับ"
"นายน้อยหลิว ท่านได้โปรดช่วยเหลือข้าน้อยด้วยนะขอรับ ข้าน้อยนั้นถูกใส่ความ ข้าน้อยหาได้กระทำการข่มขืนหญิงชาวบ้านไม่ ข้าน้อยมิได้กระทำจริงๆ"
"แล้วเจ้าถูกจำคุกได้อย่างไรกัน ชุน 1 ถามต่อ"
"ข้าน้อยนั้นถูกบังคับให้รับสารภาพ ถูกทรมานอยู่ถึง 4 วัน 4 คืน จนข้าน้อยทนต่อไปไม่ไหว จึงลงนามรับสารภาพไปขอรับ"
"หลังจากนั้นข้าน้อยก็มิได้พบผู้ใดจากภายนอกคุกอีกเลย"
"นายน้อย ท่านต้องช่วยข้าน้อยด้วยนะขอรับ ข้าน้อยมิได้กระทำความผิดจริงๆ นักโทษเหยาเซียวยังคงอ้อนวอนต่อไปอย่างน่าเวทนา"
"เอาละ.. ข้าจะทำการสืบหาความจริงของเรื่องราวทั้งหมด แต่ข้ามิอาจรับปากเจ้าได้ว่า ผลจะออกมาเป็นเช่นไร"
"เท่านี้ก็เป็นพระคุณกับข้าน้อยอย่างเหลือล้นแล้วขอรับนายน้อยหลิว ข้าน้อยอยู่ในคุกอย่างหมดความหวังมาถึง 2 ปีแล้ว หากอยู่จนถึง 15 ปี ข้าน้อยคงตรอมใจตายในคุกเป็นแน่แท้"
หลังจากสอบถามข้อมูลจากนักโทษเหยาเซียวแล้วเสร็จ เขาก็พาคณะสืบคดี ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านของนักโทษเหยาเซียว
เขาคิดว่า หากคำพูดของเหยาเซียวเป็นความจริง ที่ว่าเหยาเซียวถูกบังคับทรมาน ให้รับสารภาพจนถูกจำคุก
มันจะต้องมีอะไรที่เกี่ยวกับหมู่บ้านหรือที่ดินของเหยาเซียวเป็นแน่ ที่ทำให้เหยาเซียวต้องไปอยู่ในคุก
เพราะที่สุดนอกจากตัวเหยาเซียวเองแล้ว ก็เหลือแค่ที่ดินในหมู่บ้านเท่านั้น ที่พอจะเป็นชนวนทำให้เขาต้องติดคุกสูญเสียอิสรภาพไป
แม้กระทั้งเจ้าหน้าที่มือปราบ ก็ยังไม่มาทำการสอบปากคำใดๆกับนักโทษเหยาเซียว
ทั้งๆที่นักโทษเหยาเซียวน่าจะเป็นบุคคลที่รู้ดีที่สุดว่า ผู้ใดจะเป็นผู้ที่ช่วยตนออกจากคุก
ตลอดจนคดีข่มขืนหญิงชาวบ้านของเหยาเซียว หากเป็นการจัดฉากเพื่อจับเหยาเซียวเข้าคุก
เรื่องทั้งหมดนี้จะชี้ไปยังคนกลุ่มหนึ่ง
นั่นคือ *เจ้าหน้าที่มือปราบ* แห่งเมืองจิวไห่
ชุน 1 ครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียดตลอดทางที่จะไปยังหมู่บ้านของเหยาเซียว