Your Wishlist

เทพเซียนไร้ลักษณ์ (ตระกูลหลิว รุ่นที่ 3) (บทที่ 35 เจ้าหน้าที่มือปราบ)

Author: geesan

หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน

จำนวนตอน :

บทที่ 35 เจ้าหน้าที่มือปราบ

  • 08/02/2567

   จากการพูดเตือนสติของศิษย์พี่เตีย ที่ให้ชุน 1 พิจารณาว่าชื่อเสียงและบารมีของท่านอาจารย์จ้าว มีผลอย่างไรกับคดีนี้

 

 

   ช่วงบ่ายก็มีป้ายขนาดใหญ่แขวนไว้ข้างลำเรือ มีใจความว่า

 

 

 

   นี่คือเรือของท่านจ้าวฟูหยาง อดีตรองเสนาบดีกรมตุลาการ โจรที่ลักพาตัวบุตรชายท่านตุลาการเฉินจิงซาน มีข้อร้องเรียนอันใด เหตุผลกลใด ขอให้ติดต่อมาพูดคุยกัน

 

 

 

   ท่านอาจารย์จ้าวเมื่อทราบเรื่องก็มิได้เอ่ยคำใดๆออกมา ส่วนศิษย์พี่เตียนั้น ถึงกับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างพึงพอใจ

 

 

 

   ชุน 1 วิเคราะห์ได้แล้วว่า ชื่อเสียงและบารมีของท่านอาจารย์จ้าวนั้นเป็นไปในทางที่ดี

 

   ท่านอาจารย์ของเขานั้น มีความสามารถทั้งการสืบสวนและการตัดสินคดีความ

 

 

 

   เนื่องจากท่านอาจารย์จ้าว เดิมเป็นจอหงวนบู๊ จึงได้บรรจุเข้าเป็นขุนนางในตำแหน่ง มือปราบแห่งราชสำนักต้าเหมิงก่อน

 

   แล้วจึงเปลี่ยนสายมาเป็นตุลาการ จนกระทั่งขึ้นเป็นรองเสนาบดีกรมตุลาการ พร้อมเป็นขุนนางตงฉิน ที่มีชื่อเสียงอันดีงาม

 

 

 

   คดีที่มีความยากสลับซับซ้อน ตลอดจนคดีความของผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย ท่านอาจารย์จ้าว ก็ได้ทำการสะสางมาแล้วมากมายนัก

 

 

 

   ชุน 1 เข้ามาพบท่านอาจารย์ แล้วกล่าวว่า "ท่านอาจารย์ขอรับ ข้าต้องขออภัยที่ต้องนำชื่อเสียงของท่านอาจารย์ มาใช้ในการสืบคดี"

 

   "มิเป็นไร มิเป็นไร เจ้าเห็นสมควรทำเช่นไรก็ลงมือกระทำไปเถิด การช่วยคนย่อมสำคัญที่สุด"

 

 

 

   ชุน 1 จึงขอตัวลาท่านอาจารย์ แล้วชักชวนศิษย์พี่เตีย ออกเดินทางในทันที

 

   สถานที่ๆเขาจะไปนั้นคือ เรือนจำของเมืองจิวไห่ ชุน 1 ต้องการเข้าพบกับนักโทษเหยาเซียว ที่ถูกกักขังมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว

 

 

 

   เมื่อชุน 1 ศิษย์พี่เตียและผู้พิทักษ์อ๋องน้อยอีก 4 คน เดินทางมาถึงยังเรือนจำ

 

    พวกเขาได้ผ่านกระบวนการตรวจค้นและลงบันทึกการขอเข้าพบนักโทษของทางเรือนจำอย่างถูกต้องครบถ้วนแล้ว

 

   จึงได้รับอนุญาตให้เข้าพบนักโทษเหยาเซียวได้

 

 

 

   เมื่อได้พบนักโทษเหยาเซียว ยังห้องเข้าพบนักโทษ ชุน 1 จึงเอ่ยถึงที่มาที่ไปของตน แล้วกล่าวถึงคดีลักพาตัวที่เกิดขึ้น จากนั้นจึงสอบถามขึ้นว่า

 

 

 

   "นักโทษเหยาเซียว เจ้ารู้จักผู้ใดที่จะช่วยเหลือเจ้า ออกจากคุกหรือไม่"

 

 

 

   เหยาเซียวเมื่อตั้งสติได้ ก็กล่าวกับหลิวชุนว่า "ข้าน้อยนั้นหาได้รู้จักผู้ใดที่จะมีความเก่งกล้าสามารถ เอาชนะผู้พิทักษ์ของคุณชายเฉิน"

 

   "แล้วยังมีจุดประสงค์ที่จะช่วยเหลือข้าน้อยออกจากคุกแห่งนี้ด้วย ข้าน้อย นึกไม่ออกจริงๆขอรับ"

 

 

 

   "จากข้อมูลทะเบียนสัมนโนครัวและบันทึกการเสียชีวิตของหมู่บ้านของเจ้า ตัวเจ้านั้นพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแต่เพียงลำพัง"

 

    "ภรรยาและบุตรชายคนเดียวของเจ้าเสียชีวิตจากเหตุเรือล่ม ขณะขนผักไปขาย ยังตลาดในเมือง ถูกต้องหรือไม่"

 

   "ถูกต้องแล้วขอรับ"

 

 

 

   "แล้วเจ้าเคยอุปการะผู้ใดเป็นบุตรบุญธรรมหรือไม่" ชุน 1 ยังคงถามต่อ

 

   "ข้าน้อยมิเคยรับบุตรบุญธรรมขอรับนายน้อยหลิว"

 

 

 

   "แล้วลูกจ้างที่ช่วยเจ้าปลูกผักละ เจ้าเคยมีบุญคุณกับพวกเขา จนถึงกับต้องช่วยเหลือเจ้าออกจากคุกหรือไม่"

 

   "ลูกจ้างที่ข้าน้อยจ้างมานั้นส่วนใหญ่ก็เป็นเด็กๆในหมู่บ้าน แล้วก็เป็นเพียงลูกจ้างรายวัน มิได้เป็นลูกจ้างถาวรแต่ประการใด จึงมิน่ามีลูกจ้างผู้ใดคิดช่วยเหลือข้าน้อยขอรับ"

 

 

 

    ทราบดังนั้นชุน 1 จึงเงียบไปสักครู่ แต่มิทันที่ชุน 1 จะกล่าวถามสิ่งใดต่อไป นักโทษเหยาเซียวก็กล่าวขึ้นว่า

 

 

 

    "ตัวข้าน้อยนั้นตลอด 2 ปี ที่อยู่ในคุกแห่งนี้ ก็มิเคยมีผู้ใดเข้ามาเยี่ยมพบแม้แต่ครั้งเดียว แล้วคดีลักพาตัวนี้ ข้าน้อยก็เพิ่งได้รับรู้จากนายน้อยหลิวเป็นครั้งแรกขอรับ"

 

    "มิเคยได้ล่วงรู้มาก่อนว่ามีคนจะช่วยเหลือข้าน้อยออกไป"

 

 

 

   หลิวชุนจึงถามอีกว่า "ที่เจ้าบอกว่า มิเคยมีผู้ใดเข้าเยี่ยมพบเจ้าตลอด 2 ปีมานี้"

 

 

 

   "เจ้าหมายถึงแม้แต่เจ้าหน้าที่มือปราบ ก็มิเคยได้มาสอบถามข้อมูลใดๆ ในคดีลักพาตัวจากเจ้าเลยหรือ"

 

 

 

   "ใช่แล้วขอรับนายน้อย ข้าน้อยมิเคยได้ติดต่อผู้ใดจากภายนอกคุกเลยขอรับ"

 

 

 

   "นายน้อยหลิว ท่านได้โปรดช่วยเหลือข้าน้อยด้วยนะขอรับ ข้าน้อยนั้นถูกใส่ความ ข้าน้อยหาได้กระทำการข่มขืนหญิงชาวบ้านไม่ ข้าน้อยมิได้กระทำจริงๆ"

 

 

 

   "แล้วเจ้าถูกจำคุกได้อย่างไรกัน ชุน 1 ถามต่อ"

 

 

 

   "ข้าน้อยนั้นถูกบังคับให้รับสารภาพ ถูกทรมานอยู่ถึง 4 วัน 4 คืน จนข้าน้อยทนต่อไปไม่ไหว จึงลงนามรับสารภาพไปขอรับ"

 

 

 

   "หลังจากนั้นข้าน้อยก็มิได้พบผู้ใดจากภายนอกคุกอีกเลย"

 

 

 

   "นายน้อย ท่านต้องช่วยข้าน้อยด้วยนะขอรับ ข้าน้อยมิได้กระทำความผิดจริงๆ นักโทษเหยาเซียวยังคงอ้อนวอนต่อไปอย่างน่าเวทนา"

 

 

 

   "เอาละ.. ข้าจะทำการสืบหาความจริงของเรื่องราวทั้งหมด แต่ข้ามิอาจรับปากเจ้าได้ว่า ผลจะออกมาเป็นเช่นไร"

 

   "เท่านี้ก็เป็นพระคุณกับข้าน้อยอย่างเหลือล้นแล้วขอรับนายน้อยหลิว ข้าน้อยอยู่ในคุกอย่างหมดความหวังมาถึง 2 ปีแล้ว หากอยู่จนถึง 15 ปี ข้าน้อยคงตรอมใจตายในคุกเป็นแน่แท้"

 

 

 

   หลังจากสอบถามข้อมูลจากนักโทษเหยาเซียวแล้วเสร็จ เขาก็พาคณะสืบคดี ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านของนักโทษเหยาเซียว

 

 

 

   เขาคิดว่า หากคำพูดของเหยาเซียวเป็นความจริง ที่ว่าเหยาเซียวถูกบังคับทรมาน ให้รับสารภาพจนถูกจำคุก

 

 

 

   มันจะต้องมีอะไรที่เกี่ยวกับหมู่บ้านหรือที่ดินของเหยาเซียวเป็นแน่ ที่ทำให้เหยาเซียวต้องไปอยู่ในคุก

 

 

 

    เพราะที่สุดนอกจากตัวเหยาเซียวเองแล้ว ก็เหลือแค่ที่ดินในหมู่บ้านเท่านั้น ที่พอจะเป็นชนวนทำให้เขาต้องติดคุกสูญเสียอิสรภาพไป

 

 

 

   แม้กระทั้งเจ้าหน้าที่มือปราบ ก็ยังไม่มาทำการสอบปากคำใดๆกับนักโทษเหยาเซียว

 

 

 

   ทั้งๆที่นักโทษเหยาเซียวน่าจะเป็นบุคคลที่รู้ดีที่สุดว่า ผู้ใดจะเป็นผู้ที่ช่วยตนออกจากคุก

 

 

 

   ตลอดจนคดีข่มขืนหญิงชาวบ้านของเหยาเซียว หากเป็นการจัดฉากเพื่อจับเหยาเซียวเข้าคุก

 

 

 

   เรื่องทั้งหมดนี้จะชี้ไปยังคนกลุ่มหนึ่ง

 

 

 

   นั่นคือ *เจ้าหน้าที่มือปราบ* แห่งเมืองจิวไห่

 

 

 

   ชุน 1 ครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียดตลอดทางที่จะไปยังหมู่บ้านของเหยาเซียว

 

        

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

        

 

 

 

 

 

 

 

        

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป