หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
วันนี้เข้าสู่วันที่ 4 แล้ว จากเส้นตายของโจรลักพาตัว ที่ให้เวลาในการปล่อยตัวนักโทษเหยาเซียว 15 วัน ก่อนจะทำการสังหารบุตรชายท่านตุลาการเฉิน
บนชั้นที่ 4 ของอาคารสำนักมือปราบของเมืองอัยซุย นายกองมือปราบหลี่ และหัวหมู่มือปราบหม่าจาง รีบรุดเข้าพบท่านผู้กำกับการมือปราบหม่า ซึ่งเป็นญาติผู้พี่ของหัวหมู่มือปราบหม่าจางอย่างร้อนรน
เมื่อมาถึงยังห้องทำงาน นายกองมือปราบหลี่ ทำการรายงานผู้กำกับการมือปราบหม่า อย่างเคร่งเครียดว่า
"ท่านผู้กำกับการมือปราบหม่า ขอรับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ เรือรุ่นแม่น้ำ 48 ที่จอดเทียบท่าอยู่ยังท่าเรือของเมืองจิวไห่ แท้จริงแล้วเป็นเรือของท่านอดีตใต้เท้ารองเสนาบดีกรมตุลาการ จ้าวฟูหยาง ขอรับ"
"แล้วมันเป็นอันใด ?" ผู้กำกับการมือปราบกล่าวถามกลับอย่างสงสัย
"ท่านจ้าวฟูหยาง ก็คือท่านอาจารย์จ้าว ที่ท่านตุลาการเฉินแนะนำตัวว่าเป็นอาจารย์ ที่สอนตัวบทกฏหมายให้กับท่านตุลาการเฉิน เมื่อตอนเข้าประชุมบรรยายผลการติดตามคดีลักพาตัวขอรับ"
ผู้กำกับการมือปราบหม่า เริ่มใจคอไม่ดี เนื่องจากเขาเคยได้ยินกิตติศักดิ์ของท่านอดีตรองเสนาบดีกรมตุลาการผู้นี้มาก่อน จึงถามต่ออีกว่า
"แล้วท่านอดีตรองเสนาบดีจ้าว มีอะไรเป็นพิเศษ จึงทำให้พวกเจ้าร้อนรนปานนี้"
"มีการขึ้นป้ายขนาดใหญ่ข้างลำเรือของท่านจ้าวฟูหยางไว้ว่า ขอให้โจรลักพาตัว ติดต่อไปยังเขาเพื่อสะสางคดีลักพาตัวนี้ขอรับ"
"มิได้การแล้ว..!" ผู้กำกับการหม่า ทะลึ่งลุกพรวดจากโต๊ะทำงาน อย่างตกใจ
"พวกเราจะทำอย่างไรกันดีขอรับ" หัวหน้าชุดมือปราบหม่าจางกล่าวถามขึ้นบ้าง
ผู้กำกับการมือปราบหม่าครุ่นคิดสักครู่ แล้วจึงกล่าวออกมาว่า
"พวกเจ้าทั้งสอง ไปสั่งการให้เจ้าหน้าที่เรือนจำ ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าพบนักโทษเหยาเซียว บอกว่าเป็นพยานสำคัญ ห้ามผู้ใดเข้าพบโดยเด็ดขาด"
"และจงไปข่มขู่เหยาเซียวไว้ด้วยว่าห้ามพูดอะไร กับผู้ใดทั้งนั้น ทั้งเรื่องลักพาตัวและเรื่องคดีข่มขืนหญิงชาวบ้าน มิเช่นนั้นแล้วตัวมันจะมิได้ตายดี"
ทั้งนายกองมือปราบหลี่ และหัวหมู่มือปราบหม่าจาง รับคำสั่งแล้วรีบตรงไปยังเรือนจำอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงเรือนจำพวกเขาก็พบว่า หลิวชุนศิษย์ของจ้าวฟูหยางและคณะ ได้ทำการขอเข้าพบนักโทษเหยาเซียวไปตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว
พวกเขาจึงไปคาดคั้นเอาจากเหยาเซียวว่า หลิวชุนสอบถามอะไรเหยาเซียวไปบ้าง
หลังจากถามไปซ้อมไปอยู่นาน นายกองมือปราบหลี่และหัวมู่มือปราบหม่าจาง ก็ได้รับคำตอบทั้งหมดจากเหยาเซียว
พวกเขาถึงกับเสียวสันหลังวาบ แล้วจึงพากันกลับไปพบผู้กำกับการมือปราบหม่าอีกครั้ง ด้วยความเร็วกว่าตอนมาหลายเท่า
"แย่แล้วขอรับท่านผู้กำกับการหม่า" แล้วพวกเขาก็รีบรายงานเรื่องราวอย่างร้อนรน เมื่อผู้กำกับการหม่าได้รับรู้เรื่องของหลิวชุนแล้ว เขาก็นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่
"พวกเรามิมีทางให้ถอย จะสังหารเหยาเซียวปิดปากก็สายเกินไปเสียแล้ว และหากเหยาเซียวตายตอนนี้ พวกเรายิ่งต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยเข้าไปใหญ่"
"พวกเจ้าทั้ง 2 จงไปสั่งพวกลูกน้อง ให้หยุดขนหินพลังงานปราณเถื่อนสักพักหนึ่งก่อน เพื่อรอดูทิศทางลม"
"แต่เรายังมีสัญญาที่จะต้องส่งหินพลังงานปราณ ให้กับผู้ยิ่งใหญ่ของมณฑลภาคกลางค้างอยู่นะขอรับ"
"แล้วมันต้องใช้เวลาอีกเท่าไร จึงจะขนส่งหินพลังปราณเถื่อนรอบนี้แล้วเสร็จ"
"เหลืออีก 2 วัน ก็จะครบตามจำนวนที่ตกลงกันไว้แล้วขอรับ" หัวหมู่มือปราบกล่าวตอบ
"งั้นเจ้าหม่าจาง รีบไปขนให้แล้วเสร็จ ส่วนเจ้านายกองหลี่ เจ้าจงเข้าค้นเรือของจ้าวฟูหยาง อ้างว่าค้นเพื่อหาตัวโจรลักพาตัว"
"แล้วจงสืบเสาะข้อมูลทุกอย่างของจ้าวฟูหยางมาให้หมด มีกำลังคนกี่คน มีอาวุธอะไร มีความลับอันใดเจ้าจงสืบค้นมาทั้งหมด"
"พวกเราถอยมิได้ ถึงจะเป็นอดีตรองเสนาบดี แต่อดีตก็คืออดีต บัดนี้จ้าวฟูหยางก็คือสามัญชนคนธรรมดา"
"ส่วนพวกเราถืออำนาจทางการไว้ในมือ จักต้องหยุดยั้งจ้าวฟูหยางเอาไว้ให้ได้"
"ขอรับ" ลูกน้องทั้ง 2 รับคำขึ้นพร้อมกัน
"แต่เดี๋ยวก่อน.. วันนี้อย่าเพิ่งเข้าค้นจะน่าสงสัยเกินไป ให้เข้าค้นวันพรุ่งนี้ตอนเช้า" ผู้กำกับการมือปราบหม่ากล่าวสำทับออกไปอีกที
ลูกน้องทั้ง 2 จึงออกไปเร่งรัดการขนหินพลังงานปราณเถื่อนในทันที
ในช่วงบ่าย เมื่อชุน 1 มาถึงยังหมู่บ้านของเหยาเซียว เขาสำรวจหมู่บ้านอีกครา เขาพยายามสอบถามเรื่องของเหยาเซียวจากชาวบ้านในหมู่บ้าน
แต่ก็มิได้รับความร่วมมือใดๆ สอบถามไปก็ได้รับคำตอบบ้างไม่ได้รับคำตอบบ้าง มีถึงขั้นไล่ชุน 1 ออกจากบ้านไป เพราะชุน 1 และคณะหาได้เป็นคนของทางการไม่
จึงมิมีใครเกรงใจชุน 1 ต่อให้ศิษย์พี่เตียบอกว่าเป็นท่านอ๋องน้อย ก็มิมีผู้ใดเชื่อ
แล้วชุน 1 ก็มายังที่ดินสวนผักของเหยาเซียว แต่ยังมิทันจะได้เข้าไปยังที่ดินลึกมากนัก
ก็ถูกชายร่างใหญ่ผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นผู้เช่าที่ดินของเหยาเซียว ในการใช้ปลูกผักจากทางการ ออกมาขับไล่หลิวชุน และคณะให้ออกจากที่ดินไป
เมื่อมิสามารถทำการใดๆในหมู่บ้านนี้ได้อีกแล้ว ชุน 1 และคณะ ก็เดินทางกลับไปยังเรือแม่น้ำสวรรค์
กลับมาถึงเรือแม่น้ำสวรรค์ ชุน 1 และศิษย์พี่เตีย ก็พากันเข้าไปรายงานเรื่องราว และข้อมูลต่างๆของวันนี้ ให้กับท่านอาจารย์จ้าวได้รับทราบ
เมื่อเล่าทุกสิ่งจบลงแล้ว ชุน 1 จึงถามท่านอาจารย์จ้าวว่า "ท่านอาจารย์ขอรับ ข้าจะพอมีวิธีใด ที่จะเป็นผู้สืบสวนคดีลักพาตัวนี้ อย่างเป็นทางการได้บ้างขอรับ"
"เจ้าเป็นสามัญชนคนธรรมดามิใช่เจ้าหน้าที่สำนักมือปราบ หรือเจ้าหน้าที่กรมอาญา เจ้ามิอาจมีอำนาจใดๆ ในการสืบสวนคดีอย่างเป็นทางการได้"
"แต่ก็พอมีช่องทางโดยให้ท่านตุลาการเฉิน ตั้งพวกเจ้าทั้งสองเป็นตัวแทนผู้ติดตามคดี ของท่านตุลาการเฉินเอง"
"แต่ถึงกระนั้นเจ้าก็ทำได้เพียง ติดตามสอบถามความคืบหน้าของคดีเท่านั้น เจ้ามิได้มีอำนาจสั่งการใดๆกับคนของสำนักมือปราบและกรมอาญา"
"เท่านั้นก็เพียงพอแล้วขอรับท่านอาจารย์" ชุน 1 กล่าวออกไป
แล้วท่านอาจารย์จ้าวก็ให้บ่าวไปเชิญท่านตุลาการเฉินมาทำหนังสือแต่งตั้ง หลิวชุนกับศิษย์พี่เตีย เป็นตัวแทนผู้ติดตามคดีลักพาตัวในครั้งนี้
"หมู่บ้านนี้น่าสงสัยมาก แต่จะด้วยเหตุใดกันแน่ แล้วเกี่ยวข้องอันใดกับนักโทษเหยาเซียว" ชุน 1 ครุ่นคิด แต่ก็ยังหาคำตอบมิได้