หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
หลังจากการประชุมบรรยายความคืบหน้าคดีลักพาตัวของสำนักมือมือปราบเมืองจิวไห่ จบลงแบบไม่มีอะไรเป็นเเก่นสาร
ชุน 1 ในฐานะหัวเรือใหญ่ในการติดตามค้นหาตัวของคุณชายเฉินที่ถูกลักพาตัว วิเคราะห์ว่าหากเขาจะหาตัวคุณชานเฉินกลับมา เขาต้องหาตัวโจรลักพาตัวให้ได้เสียก่อน
ดังนั้นเขาจึงพาทุกคนไปยังห้องสมุดของที่ว่าการเมืองจิวไห่ เขาอาศัยบารมีของท่านตุลาการเฉิน ยืมหนังสือบันทึกประวัติของหมู่บ้านที่นักโทษเหยาเซียวเคยอยู่อาศัย ก่อนเข้าคุก
ตลอดจนเอกสารที่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับคดี อีกมากมายหลากหลายฉบับ
เขาทำแม้กระทั่งขอคัดลอกทะเบียนสัมโนครัวของคนทั้งหมู่บ้านที่นักโทษเหยาเซียวอาศัยอยู่ ตลอดจนถึงคัดลอกโฉนดที่ดินของทั้งหมู่บ้านเช่นเดียวกัน
ชุน 1 ไม่รอจนเจ้าหน้าที่คัดลอกเสร็จ เขาขอให้ท่านตุลาการเฉินส่งคนมารอรับเอกสารทั้งหมดที่เขาต้องการ เมื่อเอกสารครบแล้วก็ให้ส่งไปให้เขาที่เรือแม่น้ำสวรรค์
ที่เขาค้นสัมโนครัวทั้งหมู่บ้านเช่นนี้ก็เพราะเขาสงสัยว่าโจรลักพาตัวจะเป็นญาติพี่น้อง หรือแม้กระทั่งเพื่อนสนิทชนิดที่ตายแทนกันได้ของนักโทษเหยาเซียว
แต่คนผู้นั้นคงจะได้ออกจากหมู่บ้านไปนานแล้ว พอกลับหมู่บ้านอีกครั้งพบว่าเหยาเซียวติดคุกไปแล้ว 2 ปี จึงเพิ่งมาหาทางช่วยเอาตอนนี้
ตอนนี้ชุน 1 เสมือนเหวี่ยงแห ยังไม่รู้ว่าจะได้ปลาหรือไม่ แต่เขาก็ต้องทำ ส่วนท่านอาจารย์จ้าวก็คอยเฝ้ามองดูชุน 1 อย่างเงียบๆ
จากนั้นเขาจึงไปยังหมู่บ้านของนักโทษเหยาเซียว เขาสำรวจรอบหมู่บ้านซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ มี ประมาณ 30 ครัวเรือน และมีประชากรประมาณ 80 คน
ที่ดินของนักโทษเหยาเซียว ก็มีชาวบ้านในหมู่บ้านมาเช่าที่กับทางการ เพื่อทำการปลูกผักไปขาย สภาพที่ดินก็เป็นเพียงสวนผักธรรมดา
อนึ่งที่ดินของนักโทษ หากไม่มีทายาทดูแลต่อ ก็จะอยู่ในความดูแลของทางการ ซึ่งทางการก็จะปล่อยให้เช่า นักโทษจะได้ที่ดินคืนก็ต่อเมื่อพ้นโทษออกมาแล้วเท่านั้น
เมื่อใกล้ถึงเวลายามเย็น ชุน 1 และคณะ จึงพากันนั่งรถม้ากลับไปยังตัวเมืองจิวไห่ แล้วแยกย้ายกันไป
ชุน 1 กลับมาถึงเรือในเวลาใกล้ค่ำพอดี
เมื่อขึ้นไปบนเรือ ชุน 1 ก็ตรงไปยังหัองที่ท่านพ่อบ้านฟางจัดไว้ให้โดยเฉพาะ ตามคำสั่งของท่านอาจารย์จ้าว เพื่อใช้ในการทำคดีลักพาตัว จะได้ไม่ต้องใช้ห้องหนังสือของท่านอาจารย์จ้าวในการทำคดี
ชุน 1 นั้นรีบเดินไปยังห้องทำคดีลักพาตัว จนไม่ทันได้สังเกตุว่าในโถงรับแขก มีเด็กชายแปลกหน้าคนหนึ่ง กำลังนั่งยิ้มเผล่ อยู่บนเก้าอี้รับรอง อย่างมีความสุข
ชุน 1 ขลุกอยู่แต่ในห้องทำคดี จากนั้นจึงไปกินข้าว แล้วกลับไปยังห้องทำคดีอีกครั้ง เขาศึกษาข้อมูลจากห้องสมุดที่ยืมและคัดลอกมาอยู่จนดึกดื่น แล้วเผลอหลับไปในห้องทำคดีนี้เอง
เช้าวันต่อมาชุน 2 ตื่นขึ้นมาช่วงเช้าๆ อย่างจิตใจสดชื่น เพราะเขาปล่อยให้ชุน 1 ศึกษาข้อมูลคดีไปเพียงผู้เดียวจนดึกดื่น ส่วนเขานั้นปิดจิตวิญญาณหลับพักผ่อน ไปตั้งแต่หัวค่ำของเมื่อวานนี้แล้ว
ยังมิทันที่ชุน 2 จะได้กลับห้องพักเพื่อไปทำธุระส่วนตัว ประตูห้องทำคดีก็เปิดออก เด็กชายอายุประมาญ 15 ปี รูปร่างจ้ำม่ำแต่ยังไม่ถึงขั้นอ้วน ผิวพรรณขาวผ่อง ดูมีสง่าราศีผู้หนึ่ง
ก็ก้าวเขามาภายในห้องทำคดี พร้อมกล่าวทักทายชุน 2 ว่า
"ศิษย์น้องที่รัก เช้านี้เจ้าหิวหรือยัง ถ้าหิวข้าจะพาไปกินอาหารยังร้านอาหารชื่อดังในตัวเมืองจิวไห่"
ชุน 2 งงงวยไปครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า
"ท่านคือผู้ใด ?"
"นามข้าคือ เตียเจียวจิ้น ผู้เป็นอ๋องน้อยแห่งมณฑลภาคเหนือ แต่ช่างมันเถิด เรื่องพวกนี้มิสำคัญอันใด"
"ที่สำคัญที่สุดคือ ข้าเป็นศิษย์พี่ของเจ้า"
ท่านอ๋องน้อยแห่งมณฑลภาคเหนือตอบชุน 2 แต่ก็เหมือนเขาพูดกับตัวเองไปด้วย
"ข้าคือศิษย์คนที่ 2 ของท่านอาจารย์จ้าว ส่วนเจ้าเป็นศิษย์คนที่ 3"
"ฮ่าๆๆๆๆ.. ในที่สุดข้าก็มีศิษย์น้องเป็นของตัวเอง ข้าถูกเรียกว่าศิษย์น้องมา 4 ปีแล้ว"
"ครานี้ถึงคราวข้าเรียกผู้อื่นว่า ศิษย์น้อง บ้างแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ.."
ท่านอ๋องน้อยยังคงตอบไปพลางพูดกับตัวเองไปพลางอย่างอารมณ์ดี
ชุน 2 ยืนทำตาปริบๆสักครู่ เมื่อได้สติจึงเอ่ยขึ้นว่า
"ยินดีรู้จักขอรับศิษย์พี่"
"เอ่อ.. แล้วจะให้ข้าเรียกขานท่านว่าศิษย์พี่ หรือท่านอ๋องน้อยขอรับ"
"ย่อมต้องเป็นศิษย์พี่สิ ข้าอยากถูกเรียกว่าศิษย์พี่มานานแล้ว แต่ท่านอาจารย์ก็ไม่หาศิษย์น้องมาให้ข้าเล่นด้วยเสียที"
"เจ้าก็รู้บนเรือลำนี้มีแต่ผู้ใหญ่ จะไปเล่นกับใครก็มิมีใครเล่นด้วย น่าเบื่อจะตายชัก"
แล้วหลิวชุนก็มี *ศิษย์พี่เตีย* เข้ามาในชีวิตของเขา แบบงงๆด้วยประการฉะนี้