Your Wishlist

เทพเซียนไร้ลักษณ์ (ตระกูลหลิว รุ่นที่ 3) (บทที่ 25 งูเหลือมพิษยักษ์)

Author: geesan

หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน

จำนวนตอน :

บทที่ 25 งูเหลือมพิษยักษ์

  • 07/02/2567

    คณะล่าสัตว์ป่าดุร้ายเดินทางเข้าป่าจันทราดำ โดยมีนายพรานประจำเรือแม่น้ำสวรรค์เป็นผู้นำทาง

 

 

 

    นายพรานประจำเรือผู้นี้เป็นนักยุทธ์ขั้นผสานลมปราณขั้นต้น หรือถ้าเทียบกับยศทางทหาร นายพรานผู้นี้ก็จะอยู่ในยศ หัวหมู่

 

    ส่วนผู้พิทักษ์ของท่านอาจารย์จ้าวนั้น ทุกคนเป็นนักยุทธ์ขั้นผสานลมปราณขั้นสูง หรือถ้าจะเทียบกับยศทางทหาร ก็จะอยู่ในยศ ขุนศึก

 

    

 

    อนึ่งยศทางทหารแบ่งเป็นยศดังนี้

 

 

 

1.พลทหาร อยู่ในขั้นผสานกายาทุกขั้น ทั้งข้นต้น ขั้นกลาง และขั้นสูง ปัจจุบันหลิวชุนก็อยู่ในขั้นนี้

 

2.หัวหมู่ อยู่ในขั้นผสานลมปราณขั้นต้น

 

3.นายกอง อยู่ในขั้นผสานลมปราณขั้นกลาง

 

4.ขุนศึก อยู่ในขั้นผสานลมปราณขั้นสูง

 

5.ขุนพล อยู่ในขั้นปราณวารีขั้นต้น

 

6.แม่ทัพ อยู่ในขั้นปราณวารีขั้นกลาง

 

7.แม่ทัพใหญ่ อยู่ในขั้นปราณวารีขั้นสูง

 

8.จอมพล อยู่ในขั้นปราณปฐพีขั้นต้นจนถึงขั้นสูง

 

 

 

    สำหรับขั้นปราณนภา ทุกอาณาจักรบนดาวหงหมิงได้ทำข้อตกลงห้ามมิให้ผู้ที่อยู่ในขั้นปราณนภานี้ เข้าร่วมกับการทำสงครามของกองทัพ

 

    เนื่องจากผู้ที่อยู่ในขั้นปราณนภา มีพลังอำนาจในการทำลายล้างที่สูงเกินไป

 

    ขั้นปราณนภาเพียงผู้เดียวก็สามารถทำลายกองทัพนับหมื่น ลงได้อย่างง่ายดาย

 

 

 

 

 

    บนเรือแม่น้ำสวรรค์บรรดาลูกเรือต่างก็มีวรยุทธ์กันทุกคน มิให้เสียชื่ออดีตท่านรองเสนาบดีกรมตุลาการ และอดีตจอหงวนบู๊ อันดับ 1 แห่งอาณาจักรต้าเหมิง

 

 

 

    การที่เรือแม่น้ำสวรรค์มีนายพรานประจำอยู่ก็เป็นเพราะว่า ยามเมื่อเรือออกเดินทางจะผ่านป่าเขาลำเนาไพรมากมายหลายแห่ง

 

    เมื่อเรือจอดพักเป็นการชั่วคราว นายพรานก็จะนำเหล่า กลาสีออกไปล่าสัตว์มาทำเป็นอาหาร ทั้งในป่าและในแม่น้ำ เพราะถึงอย่างไรอาหารสดๆ ก็รสชาติดีกว่าอาหารแห้งที่เรือแม่น้ำสวรรค์ตุนเอาไว้ในคลังเสบียงหลายเท่านัก

 

 

 

    นายพรานกล่าวกับชุน 1 ขณะเดินทางว่า

 

    "นายน้อยหลิว ข้าได้ทำการตรวจสอบข้อมูลของป่าจันทราดำแห่งนี้มาแล้ว ป่าแห่งนี้มีอาณาเขตที่กว้างใหญ่พอสมควร ตั้งอยู่ระหว่างรอยต่อของเมืองอันซุยกับเมืองจิวไห่"

 

 

 

    "บริเวณป่ารอบนอกจะมีสัตว์ป่าดุร้ายที่ไม่แข็งแกร่งมากนัก ส่วนที่ลึกเข้าไปในป่าก็จะมีสัตว์ป่าดุร้ายที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น"

 

    "ยี่งลึกเข้าไปในป่าเท่าไร ก็จะพบเจอกับสัตว์ป่าดุร้าย ตลอดจนสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งยิ่งๆขึ้นไปอีก"

 

 

 

    "ส่วนใจกลางป่าจันทราดำแห่งนี้ เป็นภูเขาไฟขนาดกลางๆ โดยมีฝูงอสูรหมาป่าเพลิง เป็นผู้ปกครองทั่วทั้งอาณาเขตของป่าจันทราดำแห่งนี้"

 

 

 

    "ผู้ที่รอดชีวิตจากการโจมตีของฝูงอสูรหมาป่าเพลิงมาได้ ต่างก็บอกว่า จ่าฝูงของอสูรหมาป่าเพลิง น่าจะอยู่ในขั้นผสานลมปราณขั้นกลาง เมื่อเทียบกับมนุษย์"

 

 

 

    "แต่ที่ทำให้มันอันตรายและสามารถปกครองอาณาเขตทั่วทั้งป่าจันทราดำแห่งนี้ได้ ก็คือพวกมันอยู่รวมกันเป็นฝูง และร่วมกันล่าเป็นฝูงขอรับ"

 

 

 

    "ข้าเข้าใจแล้ว ขอบใจท่านลุงนายพรานมากที่ให้ข้อมูลแก่ข้า"

 

 

 

    "ท่านอาจารย์มอบภารกิจให้ข้าล่าสัตว์ป่าดุร้ายให้ได้ 4 ชนิด โดยที่มิได้กำหนดชนิดและระยะเวลา แต่ข้าก็มิอาจให้ท่านอาจารย์เทียบเรือรอข้าให้นานเกินไป"

 

    "ดังนั้นจึงต้องขอให้ท่านลุงนายพรานเร่งแกะรอยไล่ล่าสัตว์ป่าดุร้ายด้วยเถิด"

 

 

 

    "ได้ขอรับ นายน้อยหลิว" นายพรานรับคำของหลิวชุน

 

 

 

    การเดินทางผ่านไปได้ครึ่งวัน นายพรานก็พบกับร่องรอยของงูเหลือมพิษยักษ์ เขาจึงรีบแกะรอยตามไปในทันที

 

 

 

    ตามรอยงูเหลือมพิษยักษ์มาอีกเป็นเวลา 1 ยาม คณะล่าสัตว์ดุร้ายก็พบกับงูเหลือมพิษ

 

ขนาดมหึมา นอนขวางลำธารเล็กๆอยู่ เพื่อจับปลากินเป็นอาหาร

 

    งูเหลือมพิษยักษ์ตัวนี้ มีขนาดความยาวถึง 14 เมตา และส่วนหัวกว้างถึง 1 เมตา

 

    ( 1 เมตา = 1 เมตร )

 

 

 

 

 

    ถึงเวลาลงมือของชุน 1 แล้ว

 

 

 

    ชุน 1 ปลดหน้าไม้รุ่นนกเหยี่ยว 30 ของเขาออกมาจากเอวข้างขวา เขาใช้มือซ้ายถือหน้าไม้ไว้มั่น

 

    หน้าไม้ได้บรรจุแผงลูกดอก ที่มีลูกดอกอยู่ 8 ลูก เตรียมพร้อมเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว

 

 

 

    ชุน 1 เริ่มลงมือทันที เขาใช้วิชายุทธ์ท่าเท้าเหยียบสายลม พุ่งเข้าใส่งูเหลือมพิษยักษ์ในทันที

 

    ขณะนี้งูเหลือมพิษยักษ์ยังไม่รู้ตัวว่าชุน 1 ได้พุ่งเข้ามาหามันแล้ว เนื่องจากท่าเท้าเหยียบสายลม นอกจากจะมีความรวดเร็วพลิ้วไหวแล้ว ยังมีความเงียบเชียบอีกด้วย

 

 

 

    เมื่อเข้าสู่ระยะยิงของหน้าไม้ ชุน 1 ก็ทำการยิงลูกดอกออกไป 2 ดอก เขาเล็งยิงไปยังเป้าใหญ่ นั่นคือกลางลำตัวของงูเหลือมพิษยักษ์

 

    ผลก็คือ ลูกดอกทั้ง 2 ดอกถึงแม้จะถูกเข้ากลางลำตัวของงูเหลือมพิษยักษ์ แต่ก็ปักทะลุเกล็ดของมันไปได้เพียงแค่เล็กน้อย มิสามารถทำอันตรายร้ายแรงกับมันได้

 

 

 

    "แย่ละ.. เกล็ดของมันหนามาก ลูกดอกทะลุไปได้แค่เพียงเล็กน้อย ต้องโจมตีไปที่จุดอ่อนของมัน" ชุน 1 คิดในใจ

 

 

 

    แต่ลูกดอกทั้ง 2 ดอกนั้นก็ทำให้งูเหลือมพิษยักษ์รู้ตัวเสียแล้ว ว่ามีศัตรูมาจู่โจมมัน

 

    มันหันหัวอันใหญ่โตมาทางชุน 1 แล้วเลื้อยเข้ามาหาด้วยความรวดเร็ว

 

 

 

    ชุน 1 มิได้หลบหลีกหรือถอยหนี เขาใช้ท่าเท้าเหยียบสายลม พุ่งเข้าหางูเหลือมพิษยักษ์เช่นเดียวกัน

 

 

 

    เมื่อทั้งคู่อยู่ในระยะที่ใกล้จะปะทะกันแล้ว งูเหลือมพิษยักษ์จึงอ้าปากของมันที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวพิษ เตรียมเข้าขย้ำชุน 1 อย่างเต็มที่

 

 

 

    ชุน 1 หยุดเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างกระทันหัน แล้วจึงเคลื่อนตัวเฉียงไปทางด้านช้ายของหัวงูเหลือมพิษยักษ์ตัวนี้

 

    ทำให้งูเหลือมพิษยักษ์งับได้แต่อากาศที่ว่างเปล่า ในระยะแค่นี้ชุน 1 มั่นใจว่าเขายิงลูกดอกไม่พลาดเป้าแน่

 

    แต่เพื่อความมั่นใจ ชุน 1 ได้ทำการยิงลูกดอกเข้าสู่ตาข้างซ้ายของมันไป 2 ดอก

 

   ลูกดอกทั้ง 2 พุ่งเข้าสู่ตาข้างซ้ายของมันอย่างแม่นยำ

 

 

 

    มันคำรามส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แล้วชูหัวของมันขึ้นส่ายไปมา

 

    ชุน 1 จึงรีบเคลื่อนตัวไปยังด้านขวาของงูเหลือมพิษยักษ์ แล้วเล็งยิงตาข้างขวาของมันที่ยังเหลืออยู่อีก 1 ข้าง

 

    คราวนี้เนื่องจากมันชูหัวขึ้นและส่ายไปมาด้วยความเจ็บปวด จึงทำให้ระยะยิงไกลขึ้น และเล็งยิงให้เข้าเป้าได้ยากขึ้น

 

    

 

    ฟุ๊บๆๆๆ....!!!! ครั้งนี้ ชุน 1 ยิงลูกดอกออกไปถึง 4 ดอก จนหมดแผง มีลูกดอกที่ยิงถูกตาข้างขวาของมันเพียง 1 ดอก

 

 

 

    แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ตาของมันบอดสนิททั้ง 2 ข้าง

 

 

 

    ชุน 1 ไม่รอช้า เขารีบฉวยโอกาศนี้ ใช้ท่าเท้าเหยียบสายลมผสานกับพลังปราณที่ถ่ายทอดสู่กล้ามเนื้อและกระดูก กระโจนขึ้นไปพร้อมกับใช้มือขวาชักกระบี่ออกมาจากฝักที่แขวนอยู่ที่เอวข้างซ้ายของเขา

 

 

 

    เมื่อชุน 1 กระโจนขึ้นมาถึงตำแหน่งลำคอของงูเหลือมพิษยักษ์แล้ว

 

    ชุน 1 ก็ฟันกระบี่เข้าที่ลำคอของงูเหลือมยักษ์พิษถึง 3 ครั้งติดๆกัน ด้วยความรวดเร็ว

 

 

 

    หัวของงูเหลือมพิษยักษ์ จึงขาดกระเด็นออกจากลำตัวพร้อมกับเลือดที่พุ่งกระฉูดออกมาในทันที

 

 

 

    เมื่อสังหารงูเหลือมพิษยักษ์ไปได้แล้ว ชุน 2 ก็สื่อจิตถึงชุน 1 ว่า

 

 

 

    "ไอ้อ่อนชุน 1 ถ้าเป็นข้า ข้ามิต้องเสียเวลาไปยิงดวงตาของมันให้บอดเสียก่อนหรอก"

 

 

 

    "ข้าแค่ใช้กระบวนหมัดทะลายปฐพี ต่อยเข้าที่หัวของมัน แล้วใช้กระบี่ฟันทีเดียว คอมันก็ขาดแล้ว"

 

 

 

    "แต่นี่เจ้าต้องฟันถึง 3 ที ฮ่าๆๆ.. ไอ้อ่อนก็ยังคือไอ้อ่อนอยู่ดี ฮ่าๆๆ.." ชุน 2 กล่าวทับถมชุน 1

 

 

 

 

 

    "ไอ้บ้าชุน 1 ข้าเป็นผู้ใช้สมอง ข้าจะทำอะไรมันต้องมีขั้นมีตอน มิได้ใช้แต่กำลังเป็นวัวเป็นม้าแบบเจ้า เหอๆๆ.." ชุน 1 กล่าวทับถมกลับไป

 

 

 

    อนึ่งต้องรู้ว่า ร่างกายของหลิวชุนมีร่างกายเดียว พละกำลัง พลังปราณ ร่างกายนี้ก็มีให้ทั้งชุน 1 และชุน 2 เท่าๆกัน

 

 

 

    แต่ถ้านับในเรื่องวรยุทธ์ ชุน 2 ใช้ร่างกายนี้ได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่าชุน 1

 

 

 

    แล้วหากนับในเรื่องการใช้มันสมอง ชุน 1 ย่อมใช้ร่างกายนี้ได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่าชุน 2

 

 

 

    พวกเขาจึงคือทั้งคนเดียวกัน และคนละคนกันในร่างเดียว

 

 

 

 

 

 

 

    เมื่อพวกเขาทับถมกันพอหอมคอแล้ว ชุน 1 ก็ขอให้นายพรานเก็บชิ้นส่วนที่มีค่ามีราคาของงูเหลือมพิษยักษ์ตัวนี้ เช่นดีงู ถุงน้ำพิษงู เขี้ยวงู ตลอดเกล็ดงู เท่าที่จะเก็บเอาไปได้

 

    เนื่องจากงูเหลือมพิษยักษ์นี้มีขนาดตัวที่ใหญ่มากพวกเขาจึงขนเอาไปได้ไม่หมด พวกเขาต้องการที่จะนำชิ้นส่วนเหล่านี้ไปขายต่อไป

 

 

 

    ส่วนเนื้องูนั้น พวกเขาก็นำไปปรุงเป็นอาหารมื้อเย็น โดยในวันนี้พวกเขาทำเพิงพักชั่วคราว ห่างออกไปจากซากงูเหลือมยักษ์ประมาณ 3 กีลา

 

    ( 3 กีลา = 3 กิโลเมตร )

 

 

 

    

 

 

 

    

 

   

 

 

 

 

 

 

 

    

 

  

 

 

 

 

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป