Your Wishlist

เทพเซียนไร้ลักษณ์ (ตระกูลหลิว รุ่นที่ 3) (บทที่ 24 ป่าจันทราดำ)

Author: geesan

หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน

จำนวนตอน :

บทที่ 24 ป่าจันทราดำ

  • 07/02/2567

    ในช่วงเวลา 1 เดือนขณะที่ทั้ง 2 ชุนกำลังฝึกเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณกลืนเมฆาอยู่นั้น

 

    เรือแม่น้ำสวรรค์ก็ได้ล่องมาตามแม่น้ำเพื่อที่จะเดินทางไปยังเมืองจิวไห่

 

    เรือเเม่น้ำสวรรค์ได้แวะเข้าเทียบท่ายังท่าเรือระดับอำเภอของเมืองอันซุยอีก 2 ท่าเรือ

 

 

 

    ขณะนี้เรือแม่น้ำสวรรค์ได้ออกจากเขตปกครองของเมืองอันซุย เพื่อจะเข้าสู่เขตปกครองของเมืองจิวไห่

 

 

 

    ช่วงรอยต่อระหว่างเมืองอันซุยและเมืองจิวไห่ มีป่าขนาดใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง ชื่อว่าป่าจันทราดำ

 

 

 

    ป่าจันทราดำนี้เต็มไปด้วยสัตว์ป่าดุร้ายและสัตว์อสูร อาศัยอยู่มากมายหลากหลายชนิด

 

    บรรดา นายพราน นักล่าสัตว์อสูร ในละแวกใกล้เคียงต่างพากันมุ่งเข้าสู่ป่าแห่งนี้ เพื่อล่าสัตว์ป่า ล่าสัตว์อสูร เเล้วนำไปขายแลกเงินยังชีพ

 

 

 

    แต่ผู้ล่าก็กลับกลายเป็นผู้ถูกล่าได้เช่นกัน หากโชคร้ายหรือมีวรยุทธ์ไม่แข็งแกร่งพอ มนุษย์ผู้ล่าก็จะกลายเป็นอาหารของสัตว์ป่าดุร้าย หรือสัตว์อสูรในป่าจันทราดำแห่งนี้ไป

 

 

 

    ธรรมชาติย่อมยุติธรรมเสมอ

 

 

 

    เช้าวันนี้เรือแม่น้ำสวรรค์เข้าเทียบท่ายังท่าเรือไร้ชื่อ ซึ่งเป็นท่าเรือขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ในบริเวณริมแม่น้ำที่ติดกับป่าจันทราดำ

 

    ท่าเรือไร้ชื่อแห่งนี้ เป็นท่าเรือที่นักล่าทั้งหลายใช้เดินทางมา เพื่อที่จะเข้าไปล่าสัตว์ป่าและสัตว์อสูรในป่าจันทราดำ

 

 

 

    จนถึงตอนนี้ ทั้ง 2 ชุน ฝึกวิชายุทธ์ ท่าเท้าเหยียบสายลมมาได้ 8 วันแล้ว แต่ยังมีความคืบหน้าไปได้ไม่มากนัก

 

    ท่านอาจารย์จ้าว จึงได้ให้เวลาทั้ง 2 ชุนฝึกวิชาท่าเท้านี้อยู่บนเรืออีกเป็นเวลา 22 วัน

 

 

 

    ก่อนที่จะส่งหลิวชุน เข้าไปล่าสัตว์ป่าดุร้ายภายในป่าจันทราดำ เพื่อเป็นการฝึกฝนตนเอง

 

 

 

    สัตว์ป่าดุร้ายอย่างไรก็เป็นสิ่งมีชีวิต ถึงแม้ยังมิได้กลายเป็นสัตว์อสูร แต่สิ่งมีชีวิตทุกชนิด ย่อมได้รับการบำรุงจากพลังปราณที่มีอยู่บนดาวหงหมิงดวงนี้

 

 

 

    ทำให้สัตว์ป่าดุร้าย มีร่างกายที่แข็งแรงใหญ่โต และมีพละกำลังที่มากกว่ามนุษย์เป็นปรกติอยู่แล้ว

 

 

 

    ทั้ง 2 ชุนเมื่อได้รับรู้ว่าจะได้เข้าไปฝึกวรยุทธ์ในป่า โดยการล่าสัตว์ป่าดุร้ายในอีก 22 วัน พวกเขาก็ตั้งใจฝึกวรยุทธ์มากขึ้น

 

 

 

    โดยทั้ง 2 ชุนนอกจากจะมุ่งมั่นในการฝึกวิชายุทธ์ท่าเท้าเหยียบสายลมแล้ว

 

 

 

    ชุน 2 ยังแบ่งเวลาเพื่อฝึกวิชายุทธ์เพลงหมัดทลายฟ้าทั้ง 7 กระบวนท่าของเขา

 

 

 

    ส่วนชุน 1 เขาแบ่งเวลาหลังจากฝึกวรยุทธ์และร่ำเรียนวิชาภูมิศาสตร์แผนที่กับท่านอาจารย์จ้าว ไปในการฝึกยิงหน้าไม้อย่างตั้งอกตั้งใจ

 

 

 

    พวกเขาต้องเอาตัวรอดในป่าจันทราดำแห่งนี้ให้ได้

 

 

 

 

 

    เมื่อวันเวลาผันผ่านไป แล้วก็ถึงกำหนดครบ 22 วันของท่านอาจารย์จ้าว

 

 

 

    เมื่อคืนวานนี้ หลิวชุนได้ใช้เคล็ดดูดซับพลังปราณกลืนเมฆา ทำการดูดซับพลังปราณอย่างบ้าคลั่ง จนเขาบรรลุเข้าสู่ขั้นผสานกายาขั้นกลาง ระดับที่ 6 อันเป็นระดับที่สูงที่สุด ในขั้นผสานกายาขั้นกลางนี้แล้ว

 

 

 

    วันนี้ชุน 1 เป็นผู้ใช้ร่าง ส่วนความลับของทั้ง 2 ชุน ที่พวกเขาสามารถสลับกันใช้ร่างได้วันละไม่เกิน 2 ยามนั้น ทั้ง 2 ชุนได้บอกเล่าให้ท่านอาจารย์จ้าวของเขารับรู้ไปตั้งนานแล้ว

 

    ( 2 ยาม = 2 ชั่วโมง )

 

 

 

    การเข้าป่าเพื่อฝึกวรยุทธ์ในครั้งนี้ ท่านอาจารย์จ้าวได้ให้ผู้พิทักษ์คอยติดตามไปด้วย 2 คน และนายพรานประจำเรือแม่น้ำสวรรค์ ตามไปเพื่อคอยแกะรอยไล่ล่าสัตว์ป่าดุร้ายอีก 1 คน

 

 

 

    รวมคณะเดินทางครั้งนี้ของหลิวชุน จึงมีอยู่ด้วยกัน 4 คน

 

 

 

    แต่ผู้พิทักษ์จะไม่ทำการให้ความช่วยเหลือใดๆกับหลิวชุน ในการไล่ล่าสัตว์ป่าดุร้าย พวกเขาจะคอยช่วยเหลือหลิวชุนก็ต่อเมื่อหลิวชุนเฉียดเข้าใกล้ความตายจริงๆเท่านั้น

 

 

 

    เพราะถึงอย่างไร หลิวชุนก็เป็นเพียงเด็กชายอายุ 10 ปี เขายังคงไม่แข็งแกร่งเพียงพอ ที่จะเข้าป่าไปตามลำพัง

 

 

 

    วันนี้ชุน 1 แขวนหน้าไม้รุ่นนกเหยี่ยว 30 ของเขาเอาไว้ที่เอวข้างขวา พร้อมด้วยแผงลูกดอกอีก 6 แผง แผงละ 8 ดอก รวมเป็นลูกดอกทั้งหมด 48 ดอก

 

 

 

    ส่วนชุน 2 เขาสวมเกราะปลายแขน และเกราะหน้าอก ซึ่งทำจากโลหะเหล็กเงิน จากคลังอาวุธภายในเรือแม่น้ำสวรรค์ พร้อมทั้งเลือกอาวุธเป็นกระบี่

 

    เหตุผลที่เขาเลือกกระบี่ก็ง่ายๆ เพราะท่านอาจารย์จ้าวของเขาเป็นมือกระบี่ เขาจึงเลือกใช้กระบี่เหมือนท่านอาจารย์ของเขา

 

 

 

    เมื่อคณะทั้ง 4 คน บรรจุเสบียงอาหารและสิ่งของจำเป็นลงในกระเป๋าสะพายหลังของแต่ละคนเรียบร้อยแล้ว

 

 

 

    ชุน 1 ก็กล่าวอำลากับท่านอาจารย์จ้าวและท่านพ่อบ้านฟาง ที่มาส่งพวกเขายังท่าเรือไร้ชื่อแห่งนี้

 

 

 

 

 

 

 

    "ไอ้อ่อนชุน 1 ถ้าเจอสัตว์ป่าดุร้ายเจ้าอย่าขี้ขลาดจนวิ่งหนีหางจุกตูดไปเสียละ ข้าคงขายหน้าแย่ ฮ่าๆๆ.." ชุน 2 สื่อจิตกล่าวหยอกล้อชุน 1

 

 

 

    "ไอ้บ้าชุน 1 ถึงข้าจะเป็นบัณฑิต แต่ข้าก็มิใช่คนขี้ขลาด ว่าแต่เจ้าเถอะ ถ้าเจอสัตว์ป่าดุร้ายตัวโตๆ อย่าโดนมันตบคว่ำเสียละ เหอๆๆ.." ชุน 1 กล่าวตอบโต้กลับไป

 

 

 

    แล้วพวกเขาทั้ง 4 ก็พากันเดินเข้าป่าจันทราดำไป โดยมีนายพรานประจำเรือเป็นผู้นำทาง

 

 

 

 

 

 

 

    

 

 

 

    

 

 

 

 

 

    

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป