หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
หลังจากที่ท่านอาจารย์จ้าวทำการถ่ายทอดเคล็ดดูดซับพลังปราณกลืนเมฆา ให้กับทั้ง 2 ชุนเสร็จแล้ว
วิถีชีวิตของคนบนเรือแม่น้ำสวรรค์ก็กลับเข้าสู่วิถีเดิม
ท่านอาจารย์จ้าวก็แข่งพนันเดินกลหมากรุกในช่วงเช้า ช่วงบ่ายก็ออกท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ ของเมืองอันซุย
จะมีที่แตกต่างก็คือ ทั้ง 2 ชุน มิได้ติดตามไปด้วย ทั้ง 2 ชุน ทำการเก็บตัวเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณทั้งวันทั้งคืน จะเว้นว่างก็เพียงแค่ช่วงกินข้าว อาบน้ำ และนอนหลับพักผ่อนเพียงเท่านั้น
เมื่อถึงกำหนดเวลา 10 วันเรือแม่น้ำสวรรค์ ก็ได้ทำการเคลื่อนตัวออกจากท่าเรือของเมืองอันซุย
โดยวันก่อนที่เรือแม่น้ำสวรรค์จะออกจากท่าเรือนั้น มีเหตุการณ์เล็กๆเกิดขึ้น
ท่านเจ้าเมืองสือคงอี้ ได้พาตัวประมุขเย่ ที่เคยมีเรื่องกันที่ภัตตาคาร มาคุกเข่าขออภัยต่อท่านจ้าวฟูหยาง และหลิวชุน
ประมุขเย่หน้าซีดปากสั่น กล่าวขออภัยเสียยืดยาว ซึ่งท่านจ้าวฟูหยางก็มิได้ให้ความสนใจในเรื่องเล็กน้อยนี้แต่อย่างใร
ส่วนชุน 2 เขาลืมเรื่องนี้ไปนานแล้ว มิเคยได้เก็บเอามาคิดแม้แต่น้อย
แล้วการเดินทางของเรือแม่น้ำสวรรค์ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เรือแม่น้ำสวรรค์ยังคงล่องตามแม่น้ำไปยังทางทิศใต้ เพื่อมุ่งสู่เมืองจิวไห่
การเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณกลืนเมฆา ของทั้ง 2 ชุนนั้น ในช่วงแรกการกำหนดลมหายใจก็ติดๆขัดๆเป็นอย่างมาก แต่เมื่อฝึกฝนบ่อยๆเข้า ทั้ง 2 ชุน ก็เริ่มคุ้นชิน จนทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
โดยทั้ง 2 ชุน ได้ทำการเริ่มต้นถ่ายพลังปราณไปสะสมยังกล้ามเนื้อร่างกายก่อน ยังไม่รีบถ่ายพลังปราณไปสะสมยังกระดูก ตามที่ท่านอาจารย์จ้าวได้บอกเอาไว้
เพื่อให้กล้ามเนื้อพื้นฐานกายาธาตุลมของเขาสมบูรณ์แบบ เต็ม 10 ส่วน
ชดเชยพลังปราณให้กับกล้ามเนื้อ ที่เขาใช้เคล็ดดูดซับพลังปราณธาตุดิน ในการดูดซับพลังปราณเมื่อในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งไม่เหมาะสมกับกายาธาตุลมของเขา
ทั้ง 2 ชุน หมั่นเพียรในการฝึกเคล็ดดูดซับพลังปราณ จนครบ 1 เดือน ตามที่ท่านอาจารย์จ้าวกำหนดเอาไว้
ในยามเช้า ท่านอาจารย์จ้าวจึงเรียกชุน 2 เข้ามาพบยังโถงฝึกยุทธ์ บนเรือแม่น้ำสวรรค์
บัดนี้ทั้งพลังกาย และพลังปราณของหลิวชุนนั้น สมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก ต้องไม่ลืมว่า หลิวชุนเพิ่งจะบรรลุเป็นขั้นผสานกายาขั้นกลาง ระดับที่ 5 เมื่อประมาณ 4 เดือนก่อนที่จะพบกับท่านอาจารย์จ้าว
และอีก 1 เดือนในการเดินเคล็ดดูดซับพลังปราณกลืนเมฆา
ดังนั้นในเวลาประมาณ 5 เดือนนี้ หลิวชุน พัฒนาขึ้นมาก ขณะนี้เขาอยู่ในขั้นผสานกายา ระดับที่ 5 ขั้นสูงสุด พร้อมที่จะบรรลุเข้าสู่ขั้นผสานกายา ระดับที่ 6 ได้ตลอดเวลา
ทำให้ทั้ง 2 ชุน ดีอกดีใจเป็นอันมาก โดยเฉพาะชุน 2 เขาเที่ยวอวดขั้นพลังปราณของเขากับทุกๆคน ไปทั่วทั้งลำเรือ
ท่านอาจารย์จ้าวกล่าวกับทั้ง 2 ชุนว่า "ตอนนี้ทั้งสภาพร่างกาย และสภาพพลังปราณของเจ้า พร้อมที่จะร่ำเรียนวิชายุทธ์การต่อสู้แล้ว"
"อันวิชายุทธ์นั้น มิได้มีวิชาไหนสูง วิชาไหนต่ำ อยู่ที่เจ้าจะสามารถนำวิชายุทธ์ใด มาใช้ให้เหมาะสมกับสถานะการณ์การต่อสู้ในขณะนั้น"
"รุกต้องเด็ดขาด รับต้องมั่นคง"
"กายาธาตุลมนี้ มีข้อดีก็คือรวดเร็วพริ้วไหวดุจดั่งสายลม รุนแรงทรงพลังดุจดั่งพายุ"
"ดังนั้นหากผู้ใดคิดว่ากายาธาตุลม มีแต่ความรวดเร็วพริ้วไหว ขาดความรุนแรงทรงพลังนั้น ก็เป็นความคิดที่ผิดมหันต์"
"ตัวข้านั้น มีวิชายุทธ์หลักอยู่ 2 วิชา"
"คือวิชายุทธ์เพลงกระบี่คลื่นวายุ และวิชายุทธ์ท่าร่างการเคลื่อนไหว ท่าเท้าเหยียบสายลม"
"พวกเจ้าสนใจที่จะร่ำเรียนหรือไม่"
"ข้าทั้ง 2 พร้อมร่ำเรียนขอรับ ท่านอาจารย์" หลิวชุนกล่าวตอบกลับไปอย่างตื่นเต้น
"วิชายุทธ์เพลงหมัดทลายฟ้าของเจ้าที่ฝึกมาจากสำนักยุทธ์ของอำเภออันจงนั้น เจ้าก็จงอย่าได้ละทิ้ง ดังที่ข้ากล่าวไว้ วิชายุทธ์ มิมีวิชาไหนสูงวิชาไหนต่ำ"
"เอาละ.. พื้นฐานของการต่อสู้ทั้งหมดก็คือ ท่าร่างการเคลื่อนไหว ดั้งนั้นข้าจะสอนวิชายุทธ์ท่าเท้าเหยียบสายลมให้กับเจ้าทั้ง 2 ก่อนเป็นวิชาแรก"
"ขอรับ ท่านอาจารย์" หลิวชุนกล่าวตอบ
"วิชายุทธ์ ท่าเท้าเหยียบสายลมนี้ ข้าดัดแปลงเพิ่มเติมมาจากวิชายุทธ์ท่าร่าง 8 ทิศ มีหลักการดังนี้"
แล้วท่านอาจารย์จ้าวก็ออกไปยืนยังกลางห้องโถง พร้อมกับอธิบายให้ทั้ง 2 ชุนฟังว่า
ให้สมมุติว่าตนเองคือภาคกลาง ทิศเหนืออยู่ด้านหน้า ทิศใต้อยู่ด้านหลัง ทิศตะวันออกอยู่ด้านขวา และทิศตะวันตกอยู่ด้านซ้าย
แล้วให้เคลื่อนที่ไปยังทั้ง 4 ทิศนี้ คือเดินหน้า แล้วกลับมาอยู่ตรงกลาง ถอยหลังแล้วกลับมาอยู่ตรงกลาง ไปด้านขวาแล้วกลับมาอยู่ตรงกลาง ไปด้านซ้ายแล้วกลับมาอยู่ตรงกลาง
เมื่อฝึกจนคล่องแล้ว ให้เคลื่อนตัวเพิ่มเติมในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และทิศตะวันตกเฉียงใต้ เพิ่มเข้าไปอีก 4 ทิศ รวมเป็น 8 ทิศ
โดยใช้แต่ร่างกาย ยังมิต้องใช้พลังปราณ
เมื่อเคลื่อนตัวทั้ง 8 ทิศได้คล่องแคล่วแล้ว ให้เปลี่ยนการเคลื่อนตัวที่เป็นรูปแบบ 8 ทิศนี้ เป็นรูปแบบสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ห้าเหลี่ยม หกเหลี่ยม แล้วจึงเคลื่อนตัวเป็นรูปวงกลม
เริ่มจากวงกลม 1 วง เป็นวงกลม 2 วงชนต่อกัน วงกลม 3 วงชนต่อกัน
วงกลมหลายๆวงซ้อนกัน ตามจินตนาการของพวกเจ้า
หรือเจ้าจะเคลื่อนตัวเป็นรูปวงกลมเเห่งเต๋าหยินหยางก็ตามใจพวกเจ้า
เพราะวิชายุทธ์ท่าเท้าเหยียบสายลมนี้ มุ่งเน้นที่ความรวดเร็ว และพริ้วไหว ไร้ทิศทางให้ศัตรูจับได้ ดุจดั่งสายลม
เมื่อเจ้าฝึกฝนจนคล่องแคล่วดีแล้ว จึงจะใช้พลังปราณเข้าผสานกับพลังกายในการใช้วิชายุทธ์ท่าร่างนี้
แล้วท่านอาจารย์จ้าวก็สาธิตวิชายุทธ์ท่าร่างการเคลื่อนไหว ท่าเท้าเหยียบสายลมให้กับทั้ง 2 ชุน ดูเป็นตัวอย่างตั้งแต่เคลื่อนที่ระดับง่ายไปจนระดับยาก ทั้งแบบใช้แค่ร่างกาย และแบบใช้ร่างกายผสานกับพลังปราณ
"โอ้โห.. ท่านอาจารย์ วิชานี้ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก เคลื่อนไหวตามจิตนาการ มิต้องมีรูปลักษณ์แบบแผน เหนือล้ำจริงๆขอรับ"
ชุน 2 เอ่ยชื่นชมท่านอาจารย์ของเขาอย่างออกหน้าออกตา
"เอาละ วันนี้เป็นวันที่ชุน 2 ใช้ร่าง เจ้าก็เริ่มฝึกได้แล้ว แล้วช่วงบ่ายข้าจะมาดูความคืบหน้าในการฝึกของเจ้า"
แล้วท่านอาจารย์จ้าวก็ออกจากโถงฝึกยุทธ์ไป
"นี่ชุน 1 วิชายุทธ์ท่าเท้าเหยียบสายลมนี้ ถ้าเราฝึกสำเร็จ ไม่ว่าจะรุกหรือรับ เราก็นำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างสบายเลย"
"ข้าเห็นด้วย ข้าใช้วิชายุทธ์นี้หลบการโจมตีของศัตรูได้แน่ๆ เจ้ารีบๆฝึกเข้า แล้วพรุ่งนี้ก็สอนให้ข้าดีๆละ"
แล้วชุน 1 ก็เริ่มต้นฝึกด้วยท่าร่าง 8 ทิศในทันที