Your Wishlist

เทพเซียนไร้ลักษณ์ (ตระกูลหลิว รุ่นที่ 3) (บทที่ 18 หน้าไม้)

Author: geesan

หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน

จำนวนตอน :

บทที่ 18 หน้าไม้

  • 06/02/2567

    เรือแม่น้ำสวรรค์ ล่องลงมาทางใต้ของอำเถออันจง ขณะนี้เข้าสู่วันที่ 5 แล้ว

 

    วันนี้เรือจะเข้าเทียบท่ายังท่าเรือของเมืองอันซุย ซึ่งทางอำเภออันจง ก็เป็นอำเภอบริวารของเมืองอันซุยแห่งนี้

 

 

 

    ชุน 1 และชุน 2 ใช้เวลาไม่นาน ในการปรับตัวให้เข้ากับการใช้ชีวิตบนเรือแม่น้ำสวรรค์

 

    ตลอดจนปรับตัวให้เข้ากับระบบการสอนสั่งของท่านอาจารย์จ้าว จนคุ้นเคยดีแล้ว

 

 

 

    ท่านอดีตเสนาบดีจ้าวนั้น โดยปรกติแล้วจะเป็นผู้ที่มีรอยยิ้มอยู่เป็นนิจ อารมณ์เบิกบาน

 

 

 

    แต่เมื่อใดที่ปรับเปลี่ยนเป็น *ท่านอาจารย์จ้าว* แล้ว

 

    ก็จะกลายเป็นผู้เคร่งครัด จริงจัง กับการสอนสั่งทั้งกับชุน 1 และชุน 2

 

    ซึ่งชุน 1 และชุน 2 ก็มีความมุมานะพยายามในการร่ำเรียนสรรพวิชาจากท่านอาจารย์จ้าวของเขาเป็นอย่างดี มิได้ทำให้ท่านอาจารย์ต้องผิดหวังแต่อย่างไร

 

 

 

    วันนี้ชุน 1 ร่ำเรียนเพียงครึ่งวัน เนื่องจากท่านอาจารย์จ้าว จะลงจากเรือแม่น้ำสวรรค์ ไปยังตัวเมืองอันซุย เพื่อเยี่ยมชมเมือง พร้อมกับให้ชุน 1 ติดตามไปหาประสบการณ์ด้วย

 

    ชุน 1 ตื่นเต้นแบบเงียบๆ ตามแบบฉบับภาพลักษณ์ของเขา

 

 

 

    แม้เขาจะเคยมายังเมืองอันซุยกับบิดา 2 ถึง 3 ครั้ง แต่ก็มิได้พักอยู่นานนัก จึงทำให้เขาแทบไม่รู้จักเมืองอันซุยแห่งนี้เลย

 

    และก็เช่นเคย ท่านอาจารย์จ้าว ให้บ่าวออกประกาศเรื่องแข่งพนันเดินกลหมากรุกเป็นเวลา 6 วัน จากทั้งหมด 10 วัน ที่เรือแม่น้ำสวรรค์จะเทียบท่าอยู่ที่เมืองอันซุย โดยจะเริ่มแข่งพนันตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป

 

 

 

    เมื่อถึงยามบ่ายชุน 1 ก็ห้อยแขวนหน้าไม้รุ่นนกเหยี่ยว 30 ของเขา ไว้ที่เอวข้างขวา

 

    แล้วไปรอท่านอาจารย์จ้าว บริเวณโถงรับรอง พร้อมกับท่านพ่อบ้านฟาง และผู้พิทักษ์ของท่านอาจารย์จ้าว อีก 2 คน

 

 

 

    เมื่อท่านอาจารย์จ้าวมาถึง ก็เดินนำคนทั้งหมดลงจากเรือ ไปยังตัวเมืองอันซุย

 

    ท่านอาจารย์จ้าว เลือกผู้นำทางรับจ้างแถวบริเวณท่าเรือ เพื่อที่จะนำทางและแนะนำสถานที่ต่างๆในเมืองอันซุยมาผู้หนึ่ง

 

 

 

    เมืองอันซุยนี้มีทะเลสาปขนาดเล็กอยู่แห่งหนึ่ง ชื่อว่าทะเลสาปมรกต ภูมิทัศน์ของทะเลสาปแห่งนี้งดงามมาก มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งอาณาบริเวณนี้ และอยู่ไม่ห่างจากตัวเมืองมากนัก

 

    เมื่อผู้นำทางพาคณะชมเมืองทั้ง 5 ชมบรรยากาศและสถานที่ต่างๆในตัวเมืองแล้ว ก็แนะนำให้ทั้ง 5 ไปเยี่ยมชมทะเลสาปมรกต ซึ่งทั้งหมดก็ตกลง

 

 

 

    เมื่อทั้งหมดนั่งรถม้าเช่า เดินทางมาใกล้ถึงทะเลสาปมรกต

 

    รถม้าก็ถูกขวางไว้โดยชายขี่ม้า 9 คน ซึ่งอยู่ในชุดแต่งกายที่ต่างกัน แต่มีที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งนั่นคือ

 

 

 

    ทุกคนสวมผ้าปกปิดหน้าตา มิต้องบอกก็รู้ว่า นี่คือการดักปล้น

 

    โจรม้าทั้ง 9 มีรูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางขึงขัง

 

 

 

    ผู้นำทางจึงเอ่ยเสียงดังขึ้นว่า "พวกเจ้าคือผู้ใด ในเมืองอันซุยแห่งนี้ จะมีพวกโจรม้าอย่างพวกเจ้าอยู่ได้อย่างไรกัน"

 

    โจรม้าคนที่ยืนม้าอยู่ตรงกลาง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้า ก็เอ่ยสวนกลับมาว่า

 

    "อย่าพูดมากส่งทรัพย์สินมีค่ามาให้หมด มิฉะนั้นข้าผู้นี้จะสั่งให้สังหารพวกเจ้าลงเสีย แล้วค่อยค้นสมบัติเอาจากศพของพวกเจ้า"

 

 

 

    ยังมิทันที่ผู้นำทางจะกล่าวอันใดต่อไป

 

   โจรม้า 8 คน แบ่งเป็นฝั่งละ 4 คน ก็ทำการควบม้าเข้าหารถม้าโดยขนาบทั้งสองฝั่งของรถม้า

 

    แล้วใช้ดาบฟันผู้นำทางและคนขับรถม้า จนได้รับบาดเจ็บไปทั้งคู่

 

 

 

    เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ท่านอาจารย์จ้าวก็ยังคงสงบนิ่ง มิได้แสดงอาการตื่นตกใจอันใด

 

    ส่วนชุน 1 นั้น ตื่นตะลึง งงงัน หัวใจหล่นไปยังตาตุ่ม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

 

 

    ท่านพ่อบ้านฟาง จึงพยักหน้าให้กับผู้พิทักษ์ทั้ง 2 คน

 

     ผู้พิทักษ์จึงพากันแยกย้ายออกไปกันคนละฝั่งของรถม้า

 

 

 

     เป็นการประจันหน้ากันระหว่าง 2 ผู้พิทักษ์ กับ 8 โจรและม้าอีก 8 ตัว

 

     ส่วนโจรม้าอีกหนึ่งคนที่คาดว่าจะเป็นหัวหน้านั้น ยังคงยืนม้าขวางถนนอยู่ที่เดิม

 

 

 

    แล้วการรณยุทธ์ก็เกิดขึ้น โจรม้าฝั่งซ้ายควบม้าดาหน้าเข้ามาพร้อมๆกันทั้ง 4 ตัว

 

   มุ่งหมายจะใช้กีบเท้าม้าบดขยี้ผู้พิทักษ์ผู้อยู่ฝั่งซ้ายของรถม้า

 

 

 

    แต่เหตุการณ์กลับมิง่ายดายเช่นนั้น ผู้พิทักษ์ฝั่งซ้ายชักดาบของเขาออกมา แล้วใช้วิชาตัวเบาพุ่งร่างหลบฉากออกด้านข้าง ด้วยความรวดเร็ว จนพ้นระยะที่ม้าจะเข้ามาปะะทะเขา

 

 

 

    จากนั้นเขาจึงกระโจนอ้อมไปยังเบื้องหลังของโจรม้าทั้ง 4

 

    ผู้พิทักษ์ฝั่งซ้ายยังมิหยุดเพียงเท่านั้น เขาทำการรวบรวมพลังปราณ แล้วสำแดงวิชายุทธ์ประจำตัวของเขา

 

    เขาใช้ดาบฟันแทงเข้าใสลำคอจากด้านหลังของโจรม้าทั้ง 4 ทีละคน จนคอขาดกระเด็นตกตายหมดทั้งสิ้น

 

    ขณะที่เขากำลังจะย้ายตำแหน่งไปช่วยผู้พิทักษ์อีกคนทางฝั่งขวาของรถม้า

 

    ก็พบว่าผู้พิทักษ์ฝั่งขวา ได้ทำการสังหารโจรม้าอีก 4 คน หมดสิ้นไปแล้วเช่นกัน

 

 

 

    หัวหน้าโจรม้าเห็นดังนั้นก็ตาเหลือก เขาเตะโดนแผ่นเหล็กเข้าให้แล้ว สมองไม่ต้องคิด

 

   เขาหันหัวม้ากลับพร้อมกระโจนม้าออกไปในทันที

 

    ท่านพ่อบ้านฟางจึงเอ่ยกับนายท่านจ้าวว่า "ขออนุญาตนายท่าน โจรผู้นี้ข้าขอจัดการเอง"

 

 

 

    นายท่านจ้าว พยักหน้าให้เบาๆ

 

    ท่านพ่อบ้านฟาง สะบัดสิ่งของบางอย่างออกจากปลายแขนเสื้อ เข้าสู่ร่างของหัวหน้าโจรม้า ที่กำลังควบม้าหนีในทันที

 

    สิ่งนั้นคือมีดบินขนาดเล็ก จำนวน 5 เล่ม

 

 

 

    มีดบินพุ่งเข้าสู่หัวไหล่ด้านหลัง 2 เล่ม กลางเอวด้านหลัง 1 เล่ม และอีก 2 เล่ม ปักเข้าบริเวณน่องทั้ง 2 ข้างของหัวหน้าโจรม้าในทันที

 

    หัวหน้าโจรม้าตกลงมาจากม้าอย่างแรง นอนร้องโอดโอยเสียงดัง กลิ้งตัวไปมาอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผลมีดบิน

 

 

 

    ผู้พิทักษ์คนหนึ่ง จึงเข้าไปควบคุมตัวหัวหน้าโจรม้าไว้

 

    ท่านพ่อบ้านฟาง จึงบอกให้ผู้พิทักษ์อีกคน ใช้ม้าของโจรม้าที่ตาย ไปแจ้งเหตุกับทางการของเมืองอันซุย

 

 

 

    เหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ท่านอาจารย์จ้าวมิได้เอ่ยวาจาใดออกมาเลย 

 

    ชุน 1 ก็เช่นกัน แต่อยู่ในอารมณ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ชุน 1 นั้นตกใจ ตื่นตะลึงและทำตัวไม่ถูก

 

    ตั้งแต่เขาเกิดมา 10 ปี นี่คือการที่เขาเห็นการสังหารคนเป็นครั้งแรก และยังเป็นจำนวนถึง 8 ศพ

 

 

 

    เมื่อท่านพ่อบ้านฟาง จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

 

    เขาก็ขึ้นมานั่งยังตำแหน่งคนขับรถม้า แล้วเดินทางต่อไปยังทะเลสาปมรกต เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

 

    ส่วนผู้นำทางกับคนขับรถม้า ก็มีผู้พิทักษ์ที่คอยควบคุมตัวหัวหน้าโจร ทำการดูแลรักษาอาการบาดเจ็บให้เป็นอย่างดี

 

 

 

    พอรถม้ามาถึงยังทะเลสาปมรกต ที่มีภูมิทัศน์อันงดงามแล้ว

 

    ท่านอาจารย์จ้าวก็พาหลิวชุน ที่ยังมีอาการตื่นตะลึง ไปนั่งดูภูมิทัศน์ ณ.ริมทะเลสาป

 

 

 

    ผ่านไปครู่ใหญ่ เมื่อหลิวชุน ทั้งชุน 1 และชุน 2 เริ่มตั้งสติได้แล้ว

 

    ท่านอาจารย์จ้าว จึงเอ่ยกับชุน 1 เบาๆว่า

 

 

 

    "หน้าไม้อันนั้นเจ้าพกมาทำไม ?"

 

 

 

     ชุน 1 จึงก้มหน้างุดลงด้วยความอับอาย *พกมาก็ไม่ได้ใช้*

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป