หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
เรือแม่น้ำสวรรค์ ล่องลงมาทางใต้ของอำเถออันจง ขณะนี้เข้าสู่วันที่ 5 แล้ว
วันนี้เรือจะเข้าเทียบท่ายังท่าเรือของเมืองอันซุย ซึ่งทางอำเภออันจง ก็เป็นอำเภอบริวารของเมืองอันซุยแห่งนี้
ชุน 1 และชุน 2 ใช้เวลาไม่นาน ในการปรับตัวให้เข้ากับการใช้ชีวิตบนเรือแม่น้ำสวรรค์
ตลอดจนปรับตัวให้เข้ากับระบบการสอนสั่งของท่านอาจารย์จ้าว จนคุ้นเคยดีแล้ว
ท่านอดีตเสนาบดีจ้าวนั้น โดยปรกติแล้วจะเป็นผู้ที่มีรอยยิ้มอยู่เป็นนิจ อารมณ์เบิกบาน
แต่เมื่อใดที่ปรับเปลี่ยนเป็น *ท่านอาจารย์จ้าว* แล้ว
ก็จะกลายเป็นผู้เคร่งครัด จริงจัง กับการสอนสั่งทั้งกับชุน 1 และชุน 2
ซึ่งชุน 1 และชุน 2 ก็มีความมุมานะพยายามในการร่ำเรียนสรรพวิชาจากท่านอาจารย์จ้าวของเขาเป็นอย่างดี มิได้ทำให้ท่านอาจารย์ต้องผิดหวังแต่อย่างไร
วันนี้ชุน 1 ร่ำเรียนเพียงครึ่งวัน เนื่องจากท่านอาจารย์จ้าว จะลงจากเรือแม่น้ำสวรรค์ ไปยังตัวเมืองอันซุย เพื่อเยี่ยมชมเมือง พร้อมกับให้ชุน 1 ติดตามไปหาประสบการณ์ด้วย
ชุน 1 ตื่นเต้นแบบเงียบๆ ตามแบบฉบับภาพลักษณ์ของเขา
แม้เขาจะเคยมายังเมืองอันซุยกับบิดา 2 ถึง 3 ครั้ง แต่ก็มิได้พักอยู่นานนัก จึงทำให้เขาแทบไม่รู้จักเมืองอันซุยแห่งนี้เลย
และก็เช่นเคย ท่านอาจารย์จ้าว ให้บ่าวออกประกาศเรื่องแข่งพนันเดินกลหมากรุกเป็นเวลา 6 วัน จากทั้งหมด 10 วัน ที่เรือแม่น้ำสวรรค์จะเทียบท่าอยู่ที่เมืองอันซุย โดยจะเริ่มแข่งพนันตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป
เมื่อถึงยามบ่ายชุน 1 ก็ห้อยแขวนหน้าไม้รุ่นนกเหยี่ยว 30 ของเขา ไว้ที่เอวข้างขวา
แล้วไปรอท่านอาจารย์จ้าว บริเวณโถงรับรอง พร้อมกับท่านพ่อบ้านฟาง และผู้พิทักษ์ของท่านอาจารย์จ้าว อีก 2 คน
เมื่อท่านอาจารย์จ้าวมาถึง ก็เดินนำคนทั้งหมดลงจากเรือ ไปยังตัวเมืองอันซุย
ท่านอาจารย์จ้าว เลือกผู้นำทางรับจ้างแถวบริเวณท่าเรือ เพื่อที่จะนำทางและแนะนำสถานที่ต่างๆในเมืองอันซุยมาผู้หนึ่ง
เมืองอันซุยนี้มีทะเลสาปขนาดเล็กอยู่แห่งหนึ่ง ชื่อว่าทะเลสาปมรกต ภูมิทัศน์ของทะเลสาปแห่งนี้งดงามมาก มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งอาณาบริเวณนี้ และอยู่ไม่ห่างจากตัวเมืองมากนัก
เมื่อผู้นำทางพาคณะชมเมืองทั้ง 5 ชมบรรยากาศและสถานที่ต่างๆในตัวเมืองแล้ว ก็แนะนำให้ทั้ง 5 ไปเยี่ยมชมทะเลสาปมรกต ซึ่งทั้งหมดก็ตกลง
เมื่อทั้งหมดนั่งรถม้าเช่า เดินทางมาใกล้ถึงทะเลสาปมรกต
รถม้าก็ถูกขวางไว้โดยชายขี่ม้า 9 คน ซึ่งอยู่ในชุดแต่งกายที่ต่างกัน แต่มีที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งนั่นคือ
ทุกคนสวมผ้าปกปิดหน้าตา มิต้องบอกก็รู้ว่า นี่คือการดักปล้น
โจรม้าทั้ง 9 มีรูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางขึงขัง
ผู้นำทางจึงเอ่ยเสียงดังขึ้นว่า "พวกเจ้าคือผู้ใด ในเมืองอันซุยแห่งนี้ จะมีพวกโจรม้าอย่างพวกเจ้าอยู่ได้อย่างไรกัน"
โจรม้าคนที่ยืนม้าอยู่ตรงกลาง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้า ก็เอ่ยสวนกลับมาว่า
"อย่าพูดมากส่งทรัพย์สินมีค่ามาให้หมด มิฉะนั้นข้าผู้นี้จะสั่งให้สังหารพวกเจ้าลงเสีย แล้วค่อยค้นสมบัติเอาจากศพของพวกเจ้า"
ยังมิทันที่ผู้นำทางจะกล่าวอันใดต่อไป
โจรม้า 8 คน แบ่งเป็นฝั่งละ 4 คน ก็ทำการควบม้าเข้าหารถม้าโดยขนาบทั้งสองฝั่งของรถม้า
แล้วใช้ดาบฟันผู้นำทางและคนขับรถม้า จนได้รับบาดเจ็บไปทั้งคู่
เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ท่านอาจารย์จ้าวก็ยังคงสงบนิ่ง มิได้แสดงอาการตื่นตกใจอันใด
ส่วนชุน 1 นั้น ตื่นตะลึง งงงัน หัวใจหล่นไปยังตาตุ่ม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ท่านพ่อบ้านฟาง จึงพยักหน้าให้กับผู้พิทักษ์ทั้ง 2 คน
ผู้พิทักษ์จึงพากันแยกย้ายออกไปกันคนละฝั่งของรถม้า
เป็นการประจันหน้ากันระหว่าง 2 ผู้พิทักษ์ กับ 8 โจรและม้าอีก 8 ตัว
ส่วนโจรม้าอีกหนึ่งคนที่คาดว่าจะเป็นหัวหน้านั้น ยังคงยืนม้าขวางถนนอยู่ที่เดิม
แล้วการรณยุทธ์ก็เกิดขึ้น โจรม้าฝั่งซ้ายควบม้าดาหน้าเข้ามาพร้อมๆกันทั้ง 4 ตัว
มุ่งหมายจะใช้กีบเท้าม้าบดขยี้ผู้พิทักษ์ผู้อยู่ฝั่งซ้ายของรถม้า
แต่เหตุการณ์กลับมิง่ายดายเช่นนั้น ผู้พิทักษ์ฝั่งซ้ายชักดาบของเขาออกมา แล้วใช้วิชาตัวเบาพุ่งร่างหลบฉากออกด้านข้าง ด้วยความรวดเร็ว จนพ้นระยะที่ม้าจะเข้ามาปะะทะเขา
จากนั้นเขาจึงกระโจนอ้อมไปยังเบื้องหลังของโจรม้าทั้ง 4
ผู้พิทักษ์ฝั่งซ้ายยังมิหยุดเพียงเท่านั้น เขาทำการรวบรวมพลังปราณ แล้วสำแดงวิชายุทธ์ประจำตัวของเขา
เขาใช้ดาบฟันแทงเข้าใสลำคอจากด้านหลังของโจรม้าทั้ง 4 ทีละคน จนคอขาดกระเด็นตกตายหมดทั้งสิ้น
ขณะที่เขากำลังจะย้ายตำแหน่งไปช่วยผู้พิทักษ์อีกคนทางฝั่งขวาของรถม้า
ก็พบว่าผู้พิทักษ์ฝั่งขวา ได้ทำการสังหารโจรม้าอีก 4 คน หมดสิ้นไปแล้วเช่นกัน
หัวหน้าโจรม้าเห็นดังนั้นก็ตาเหลือก เขาเตะโดนแผ่นเหล็กเข้าให้แล้ว สมองไม่ต้องคิด
เขาหันหัวม้ากลับพร้อมกระโจนม้าออกไปในทันที
ท่านพ่อบ้านฟางจึงเอ่ยกับนายท่านจ้าวว่า "ขออนุญาตนายท่าน โจรผู้นี้ข้าขอจัดการเอง"
นายท่านจ้าว พยักหน้าให้เบาๆ
ท่านพ่อบ้านฟาง สะบัดสิ่งของบางอย่างออกจากปลายแขนเสื้อ เข้าสู่ร่างของหัวหน้าโจรม้า ที่กำลังควบม้าหนีในทันที
สิ่งนั้นคือมีดบินขนาดเล็ก จำนวน 5 เล่ม
มีดบินพุ่งเข้าสู่หัวไหล่ด้านหลัง 2 เล่ม กลางเอวด้านหลัง 1 เล่ม และอีก 2 เล่ม ปักเข้าบริเวณน่องทั้ง 2 ข้างของหัวหน้าโจรม้าในทันที
หัวหน้าโจรม้าตกลงมาจากม้าอย่างแรง นอนร้องโอดโอยเสียงดัง กลิ้งตัวไปมาอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผลมีดบิน
ผู้พิทักษ์คนหนึ่ง จึงเข้าไปควบคุมตัวหัวหน้าโจรม้าไว้
ท่านพ่อบ้านฟาง จึงบอกให้ผู้พิทักษ์อีกคน ใช้ม้าของโจรม้าที่ตาย ไปแจ้งเหตุกับทางการของเมืองอันซุย
เหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ท่านอาจารย์จ้าวมิได้เอ่ยวาจาใดออกมาเลย
ชุน 1 ก็เช่นกัน แต่อยู่ในอารมณ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ชุน 1 นั้นตกใจ ตื่นตะลึงและทำตัวไม่ถูก
ตั้งแต่เขาเกิดมา 10 ปี นี่คือการที่เขาเห็นการสังหารคนเป็นครั้งแรก และยังเป็นจำนวนถึง 8 ศพ
เมื่อท่านพ่อบ้านฟาง จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
เขาก็ขึ้นมานั่งยังตำแหน่งคนขับรถม้า แล้วเดินทางต่อไปยังทะเลสาปมรกต เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ส่วนผู้นำทางกับคนขับรถม้า ก็มีผู้พิทักษ์ที่คอยควบคุมตัวหัวหน้าโจร ทำการดูแลรักษาอาการบาดเจ็บให้เป็นอย่างดี
พอรถม้ามาถึงยังทะเลสาปมรกต ที่มีภูมิทัศน์อันงดงามแล้ว
ท่านอาจารย์จ้าวก็พาหลิวชุน ที่ยังมีอาการตื่นตะลึง ไปนั่งดูภูมิทัศน์ ณ.ริมทะเลสาป
ผ่านไปครู่ใหญ่ เมื่อหลิวชุน ทั้งชุน 1 และชุน 2 เริ่มตั้งสติได้แล้ว
ท่านอาจารย์จ้าว จึงเอ่ยกับชุน 1 เบาๆว่า
"หน้าไม้อันนั้นเจ้าพกมาทำไม ?"
ชุน 1 จึงก้มหน้างุดลงด้วยความอับอาย *พกมาก็ไม่ได้ใช้*