Your Wishlist

อวี้จื่อลู่ ณ หมู่บ้านม่านหมอก (ป้ามหาภัย)

Author: Ning Feng

เพียงแค่เงินสามสี่ร้อยบาท ทำให้เธอต้องถึงแก่ความตาย แต่ทำไม๊ ทำไม ต้องมาอยู่ในร่างของเด็กไม่มีหัวคิดแบบนี้ “มีอย่างที่ไหนหนีหมีขึ้นต้นไม้ ใครสั่งใครสอนกัน”

จำนวนตอน : 55

ป้ามหาภัย

  • 21/11/2566

อวี้หนิงซวงที่ได้ข่าวจากคนรู้จักในหมู่บ้านว่าอดีตหลานชายที่ตนวางแผนขับไล่และขับชื่อออกจากตระกูลอย่างอวี้เหิงเยว่ ล่าหมูป่ามาได้หนึ่งตัวก็บังเกิดโทสะ ความโลภเริ่มครอบงำใบหน้าอวบอ้วนเริ่มบิดเบี้ยวไปมาด้วยความโมโหและความไม่พอใจจึงรีบกลับบ้าน ในระหว่างที่กลับรถม้าของนางก็บังเอิญสวนกับเกวียนเทียมคันหนึ่ง หากสังเกตุสักนิดนางจะได้เห็นว่าคนที่นั่งอยู่บนเกวียนนั้น คือคนที่นางกำลังหมายหัวอยู่ ในใจของอวี้หนิงซวงตอนนี้เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา หากไม่เป็นเพราะแม่ของพวกมันป่านนี้นางคงจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่อยู่กับผัวที่โง่เง่าไม่เอาไหนอย่างเช่นอวี้หรงซ่าน

      เมื่อไปถึงนางก็ได้ชักชวนอวี้เจียวเมิ่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวนในวัยสิบห้าหนาวเดินทางไปยังท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นที่สามพี่น้องอาศัยอยู่ ระหว่างทางนางได้พูดคุยกับลูกชายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

      "อาเจียว เมื่อไปถึงบ้านของพวกเด็กนั่น หากมีอะไรที่มีค่าก็หยิบออกมาให้หมดเข้าใจที่แม่บอกหรือไม่? ลูกรัก"

      "ขอรับ ข้าหยิบออกมาไม่ให้เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวเลย"

      "ดีมากเลยจ้ะ หากเราได้เนื้อทั้งหมดกลับมาด้วยจะดีมากกว่านี้อีกนะ" นางหมายมาดไว้ในใจ

      ได้ฟังสิ่งที่มารดาบอกว่าจะได้เนื้อกลับบ้านไปด้วยนัยน์ตาเด็กหนุ่มก็ฉายแววยินดีอย่างปิดไม่มิด "ของทั้งหมดในบ้านพวกมันก็คือของของเรา เช่นนั้นพวกเรารีบไปเถอะท่านแม่ เผื่อจะมีสิ่งใดถูกใจข้าบ้าง"

      สองแม่ลูกยิ้มให้กันอย่างรู้ทันโดยที่ไม่ต้องพูดสิ่งใดให้มากความ ก็รีบเดินขึ้นมานั่งบนรถม้าเพื่อไปยังท้ายหมู่บ้านด้วยความสุขใจ หารู้ไม่ว่าบางทีการที่พวกเขาไม่ไปที่ท้ายหมู่บ้านมันอาจจะดีกว่า ทว่าความโลภของคนได้บดบังศีลธรรมอันดีงามไปจนหมดสิ้นหลงเหลือไว้เพียงมารร้ายที่ต้องการแย่งชิง โดยไม่สนว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด ควรกระทำหรือไม่ควร

      ไม่นานก็มีรถม้าวิ่งมาหยุดใกล้ ๆ ต้นไม้ใหญ่ข้างหน้าบ้าน เพียงจิบชาก็ปรากฏร่างสองแม่ลูกเดินเฉิดฉายเข้ามาด้วยท่าทางหยิ่งยโส พลันได้กลิ่นหอมของไก่ย่างคลุ้งไปทั่วบริเวณ ทำเอาอวี้หมิงซวงและอวี้เจียวเมิ่งถึงกับกลืนน้ำลายลงคอด้วยตาเป็นประกาย ก่อนจะเดินตามกลิ่นหอมนั่นไป ก็พบว่าเด็กคนที่นั่งย่างไก่อยู่นั้นคือคนคนเดียวกับที่นางไล่ออกจากตระกูลมา

      "แหม่!! มีเนื้อให้กินทั้งทีไม่คิดจะนำไปแบ่งให้ข้าที่บ้านใหญ่บ้างอย่างนั้นรึ? ช่างเป็นเด็กที่เนรคุณเสียจริง" แรกเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานทว่าช่วงหลังกับเต็มไปด้วยการตำหนิกึ่งบังคับ แล้วเดินเข้าไปแย่งไก่ที่อวี้เฉิ่งรุ่ยกำลังย่างไว้อย่างคนเหนือชั้น

      ทำเอาอวี้เฉิงรุ่ยถึงกับสะดุ้ง เพราะไม่คิดว่าป้าสะใภ้คนนี้จะมาเหยียบที่บ้าน ในใจก็พลันกระวนกระวาย ก่อนพึมพำออกมาเสียงเบาหวิว 'แย่แล้วหากอวี้หมิงซวงมาที่นี่แสดงว่า ของที่อยู่ด้านในตอนนี้มีหวังโดนนางขนกลับไปจนหมดบ้านแน่ ๆ ไก่ย่างก็โดนเอาไปแล้วด้วย'

      "ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือไง เจ้าเด็กเหลือขอ" น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ทว่ามืออีกข้างก็ฉีกไก่กินไปด้วยโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร

      'แย่แน่ ๆ พี่ใหญ่ก็ไม่อยู่ น้องเล็กก็ยิ่งไม่สู้คนเสียด้วย' อวี้เฉิงรุ่ยสับสนกระวนกระวายจนคิดอะไรไม่ออก "ดะ...ได้ยินขอรับท่านป้า"

      "หึ นึกว่าจะเป็นใบ้เสียแล้ว" ก่อนจะหันสั่งบุตรชายตนเอง "อาเจียว ไปค้นให้ทั่วเจออะไรก็เอามาให้หมด"

      "ได้เลยท่านแม่ ข้ารอคำนี้อยู่" อวี้เจียวเมิ่งพูดด้วยน้ำเสียงสะใจ มีแววเยาะเย้ยอยู่ในที

      "หยุดนะ พี่เจียวเมิ่งหากท่านเอาไปหมดแล้วพวกข้าจะเอาอะไรกิน" อวี้เฉิงรุ่ยรีบปรี่เข้าไปขวางทางญาติผู้พี่ทันที

      "นั่นมันเรื่องของพวกเจ้า หาไม่ใช่เรื่องของข้าไม่?" มือคนตัวโตกว่าผลักเขาจนเซไปด้านข้าง "ออกไป๊!! อย่ามาเกะกะขวางทางข้า"

      อวี้หมิงซวงยืนมองการกระทำของบุตรชายด้วยความภูมิใจ 'ช่างเก่งกาจเหลือเกินลูกชายข้า ช่างสั่งสอนเขามาได้ดีเหมือนข้ายิ่งนัก'

      อวี้เจียวเมิ่งใช้เวลาหนึ่งเค่อ รื้อค้นในบ้านจนข้าวของกระจัดกระจายไปทั่ว เขาหยิบทุกอย่างที่ใช้ได้ออกไปหมด ทว่าสามพี่น้องช่างโชคร้ายนักเมื่อเสียงของหล่นดังสนั่น ทำเอาไก่ที่อยู่ในโอ่งใบเก่าส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ สองแม่ลูกได้ยินเสียงก็หันไปมองอวี้เฉิงรุ่ยเป็นตาเดียวกัน ก่อนจะเดินไปหยิบท่อนไม้ที่รถม้ามารุมทุบตีอีกฝ่ายเต็มแรง ปากก็ก่นด่าเสียงดังลั่น

      "นี่แหนะ บังอาจเอาของไปแอบข้าคนนี้อย่างนั้นรึ? ช่างไม่กลัวตายกันเสียจริง" อวี้หนิงซวงทุบไปจนสุดแรง

      "ข้าจะทุบเจ้าให้ตายเสียเจ้าโง่" ด้านอวี้เจียวเมิ่งก็ไม่น้อยหน้า บันดาลโทสะทุบตีญาติผู้น้องอย่างบ้าคลั่ง

      อวี้จื่อลู่หลังกลับจากริมลำธารก็มุ่งหน้าเดินมาหาพี่รอง แต่กลับพบกับภาพที่สะเทือนใจเข้าอย่างจัง เมื่อเห็นพี่ชายโดนรุมทุบตีอย่างไม่ปราณี "หนอย อีแก่! ไอ้ขยะเน่า! อย่าอยู่เลย" นางตะโกนเสียงดังลั่น อารมณ์ครุกครุ่นเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ คล้ายว่าจะลืมตัวว่าตนเองพ่นวาจาใดออกมา พลางเหลือบตามองไปทางอวี้เฉิงรุ่ย กลับต้องยกยิ้มเย็นเมื่อเห็นสภาพพี่ชายมุมปากแตกเลือดซิบ แต่ก็ยังพยายามยกนิ้วชื่นชมให้นาง แม้ว่าตนเองจะโดนทุบตีจนบอบช้ำก็ตาม 'แบบนี้แปลว่าไฟเขียวแล้วสินะ ขอบคุณเจ้าค่ะพี่รอง แม่จะตบให้ยับเลยคอยดู' โดยลืมไปว่างตัวนางในตอนนี้ยังเป็นแค่เด็กน้อย พลางทำท่าส่งจูบไปให้ทำเอาอวี้เฉิงรุ่ยนิ่งงันไปชั่วขณะ

      ทว่ากลับมีเสียงของหญิงวัยกลางคนร้องแว๊ด ๆ ออกมาให้รำคาญใจ "นางเด็กไม่มียางอาย อายุเพียงแค่สิบหนาวแต่กระทำไม่ต่างจากหญิงสาวจากหอนางโลม"

      ไม่ทันที่นางจะได้อ้าปากสวนกลับผู้เป็นป้า ก็มีเสียงพี่รองแทรกขึ้นมาเสียก่อน ทำเอานางต้องรีบเก็บเสียงเก็บปากอย่างไว

      อวี้เฉิงรุ่ยถึงกับหน้ามืดครึ้ม เมื่อได้ยินวาจาของอดีตป้าสะใภ้กล่าวว่าน้องสาวของตน จึงได้ปล่อยแรงกดดันออกมาโดยไม่รู้ตัว "เชิญท่านไสหัวออกไปจากบ้านข้า ที่นี่ไม่ต้อนรับท่าน" เขาพูดออกมาโดยไม่รักษามารยาทอีกต่อไป น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาทำเอาคนฟังหนาวเหน็บเข้าไปถึงกระดูก ก่อนจะตวัดสายตาไปไล่มองอวี้เจียวเมิ่งผู้มีเป็นลูกผู้พี่ของตนด้วยสายตากดดัน แต่นั่นมันก็กลายเป็นอดีตไปแล้ว ตอนนี้ครอบครัวที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวของเขานั้นคือพี่ใหญ่และน้องเล็กหาใช่คนตรงหน้าทั้งสอง ว่าเขาตีเขาอย่างไรก็ได้ แต่น้องเล็กคือสิ่งต้องห้าม พวกเขายอมมามากพอแล้ว วันนี้เป็นไงเป็นกัน ตายเป็นตาย

      "มองหน้าข้าเช่นนี้อยากเจ็บตัวมากสินะเจ้าตัวขยะ"

      อวี้จื่อลู่ยืนฟังที่ทั้งสามโต้เถียงกันไปมา จากอารมณ์ที่สงบก่อนหน้านี้กลับปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เมื่ออวี้เจียวเมิ่งก่นด่าว่าพี่รองของนางเป็นขยะ พลังที่มองไม่เห็นค่อย ๆ ไหลรวมมาที่ร่างกายของนางอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะยกฝ่าเท้าน้อย ๆ ถีบเข้าให้กลางท้องของอีกฝ่าย ทำให้อวี้เจียวเมิ่งกระเด็นไปชนต้นไม้อย่างแรง

      "เจ้าสิขยะ หาใช่พี่ชายข้าไม่!" ใบหน้าของเด็กน้อยประเดี๋ยวดำประเดี๋ยวแดงเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธที่พุ่งสูง ก่อนจะเดินเข้าไปหานางอวี้หนิงซวงที่ยืนดูอยู่ด้านข้าง พลางเอื้อมไปหยิบเก้าอี้ติดมือมาด้วย จนมาหยุดตรงหน้าของอดีตป้าสะใภ้ จากนั้นก็วางเก้าอี้แล้วโยกดูว่ามั่นคงหรือไม่ เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วนางก็พาร่างน้อย ๆ ขึ้นไปยืนบนเก้าอี้แล้วลงมือตบลงไปบนหน้าของหญิงวัยกลางคนโดยไม่ออมแรงแม้แต่นิดเดียว

     อวี้หนิงซวงที่โดนเด็กน้อยวัยสิบหนาวตบหน้า ถึงกับใบ้และติดอ่างไปชั่วขณะ "นะ...นี่ เจ้ากล้าตบข้าเช่นนั้นรึ?"

      "ทำไมจะไม่กล้า" ก่อนจะลงมือตบไปที่ใบหน้าอีกครั้ง จากนั้นอวี้จื่อลู่ก็ลงมือตบระรัวโดยไม่มีการออมมือ นางเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจู่ ๆ ร่างกายถึงมีพละกำลังเช่นนี้ แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เอาคืนคนบ้านใหญ่ 'รู้สึกสะใจดีแท้ ถึงแม้ว่าพอนานไปจะเริ่มรู้สึกเจ็บมือแล้วก็เถอะ'

      อวี้เฉิงรุ่ยมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง ไม่คิดว่านางจะสู้คนและตอบโต้กลับได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้ 'นี่ใช่น้องสาวของเขาอย่างนั้นหรือ ข้ามิได้ตาฝาดไปใช่ไหม'

      "นางเด็กสารเลว" ฝ่ามือใหญ่กำลังฟาดลงไปกระทบบนใบหน้าเด็กสาวตัวน้อย ทว่า! กลับมีร่างของเด็กหนุ่มพุ่งเข้ามาเสียก่อน

      "อย่ามายุ่งกับลู่เอ๋อร์นะ" อวี้เฉิงรุ่ยไม่รอช้าก็พุ่งตัวเข้าไปผลักอวี้หนิงซวงจนล้มลงไปนั่งกับพื้น แตะอะไรก็แตะได้แต่อย่ามาแตะต้องน้องสาวของเขา

      อวี้หนิงซวงลุกลี้ลุกลน ล้มลุกคลุกคลานไปหาบุตรชาย ก่อนจะพยุงตัวขึ้นมาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ แม้ว่าจะเจ็บปวดบนใบหน้าหรือตามเนื้อตัวสักเพียงใดนางก็ต้องฝืนทน "อาเจียวลุกขึ้นไปเร็วเข้า" เมื่อเห็นท่าไม่ดีสองแม่ตั้งใจจะรีบวิ่งไปขึ้นรถม้าเพื่อกลับ แต่เด็กน้อยกลับไวกว่า

      อวี้จื่อลู่ยืนถือมีดเล่มใหญ่จ่อไปตรงหน้าอวี้หนิงซวงด้วยความเลือดเย็น 'ชาติก่อนเคยพลาดมาแล้ว มาชาตินี้อย่าหวังว่านางจะยอมอยู่เฉยให้รังแก' "จะไปข้าก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่อะไรที่เป็นของของข้าช่วยเอาออกมาวางคืนให้ครบเสีย ไม่อย่างนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนนะเจ้าคะ" นางยิ้มชวนสยองส่งไปให้สองแม่ลูกด้วยแววตาอำมหิตพร้อมที่จะฆ่าจริง ๆ หากอีกฝ่ายเกิดตุกติกไม่ยอมคืนของทั้งหมดมาให้

      สองแม่ลูกถึงกับร่างสั่นสะท้านตื่นกลัว พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเด็กน้อยเพียงแค่สิบหนาวจะมีบรรยากาศแผ่ออกมารอบตัวได้น่ากลัวเช่นนี้ นางจึงรีบนำทุกอย่างมาวางไว้ แล้วหันหลังกลับวิ่งขึ้นเกวียนไปโดยลืมความเจ็บปวดเสียสนิท สองพี่น้องยืนมองเกวียนวิ่งออกไปด้วยแววตาเย้ยหยัน

      "ไปเลย ชิ้ว! ชิ้ว! ยายป้ามหาภัยกับขยะเน่าตัวเหม็น" นางตะโกนไล่หลังสองแม่ลูกเสียงดัง แต่ทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อนางและพี่ชายพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน

      "สมน้ำหน้า / สมน้ำหน้า" ทั้งคู่ต่างมองหน้ากัน ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นบริเวณหน้าบ้าน

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป