เธอถูกเพื่อนร่วมทีมผลักเข้าฝูงซอมบี้ เมื่อมารู้ตัวอีกทีเธอก็ได้มาอยู่ในร่างของสาวน้อยอาภัพในยุค 80
เธอถูกเพื่อนร่วมทีมผลักเข้าฝูงซอมบี้ เมื่อมารู้ตัวอีกทีเธอก็ได้มาอยู่ในร่างของสาวน้อยอาภัพในยุค 80
ตอนที่ 7 ผู้ใช้มิติช่องว่าง
เมื่อเธอเดินไปที่โต๊ะเธอก็เห็นจดหมายบันทึกวางอยู่บนโต๊ะ อาจจะบอกได้ว่าจดหมายนั้นเขียนถึงเธอ ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกกำหนดไว้โดยโชคดี หลัวเฉียวได้เรียนรู้การประดิษฐ์ตัวอักษรในชีวิตก่อนของเธอดังนั้นเธอจึงปะติดปะต่อกันและในที่สุดก็เข้าใจเนื้อหาได้
ว่ากันว่าเจ้าของคนก่อนมาจากราชวงศ์ถัง ทันทีที่เขาได้ครอบครองพื้นที่แห่งนี้ เขาก็พูดความลับของพื้นที่โดยไม่คาดคิด ในที่สุดพื้นที่ที่ถูกเปิดเผย ทำให้ผู้คนโลภและในที่สุดเจ้าของคนก่อนก็ถูกฉีกร่างในสภาพไม่ตายดี
เขาแนะนำผู้ที่ถูกกำหนดให้เก็บพื้นที่แห่งนี้ไว้เป็นความลับ เรื่องนี้เธอเข้าใจ ต้องรู้ไว้ว่าคนธรรมดาไม่มีความผิดและผู้ที่ผิดคือผู้ที่มีหยกไว้ในครอบครอง หากมีผู้อื่นรู้นั่นอาจจะเป็นหายนะสำหรับเธอ
ต่อมาเธอได้เรียนรู้ในช่วงเวลาสั้นๆ เกี่ยวกับหน้าที่ของมิติ ที่ด้านหลังบ้านไม้ไผ่มีบ่อน้ำอยู่หากดื่มเป็นประจำจะช่วยให้ผิวสวยและร่างกายแข็งแรง เวลาในมิติเร็วกว่าสี่เท่าของโลกภายนอก เธอสามารถเก็บเกี่ยวทุ่งนาได้มากถึงแปดครั้งต่อปี
อาหารที่ปลูกในพื้นที่มีรสชาติดีกว่าอาหารข้างนอก นอกจากนี้ยังมีโกดังชั้นใต้ดินในอาคารไม้ไผ่ที่สามารถเก็บความสดไว้ได้ดังนั้นอาหารจะไม่เสียหลังจากใส่เข้าไป
เธอยื่นมือออกไปสัมผัสที่คอของเธอ แน่นอนว่าเธอแตะโดนแผ่นหยกรูปพระจันทร์เสี้ยว แผ่นหยกนี้ติดตัวเจ้าของเดิมตั้งแต่จำความได้ ไม่มีทางที่สิ่งนี้จะเป็นของตระกูลหลัว หลัวเฉียวพยายามนึกถึงเนื้อเรื่องแต่ก็นึกไม่ออก
ในเมื่อคิดไม่ออก ก็ไม่คิดอีกต่อไป เธอเพิ่งได้เรียนรู้จากจดหมายนี้ว่าพื้นที่นี้อาจได้มาเพราะเลือดของเจ้าของเดิมเปื้อนบนแผ่นหยกนี้เมื่อวานนี้ แต่ว่าแผ่นหยกนี้ก็ดูไม่โดดเด่นจริงๆ
แต่เมื่อคิดอีกทีก็ถูกแล้ว โชคดีที่ของสิ่งนี้ไม่เด่น ไม่เช่นนั้นมันก็จะถูกครอบครัวหลัวพรากไปนานแล้ว โชคดีที่เจ้าของเดิมได้รับการดูแลโดยคุณย่าของครอบครัวหลัวตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก คู่รักในครอบครัวหลัวก็ไม่สนใจเจ้าของเดิม
เมื่อเจ้าของเดิมอายุได้ 9 ขวบ คุณยายหลัวล้มป่วยหนักและเสียชีวิตในที่สุด เจ้าของเดิมอาศัยอยู่กับลูกสาวสองคนในบ้านหลักของตระกูลหลัว ดังนั้นคนจากตระกูลหลัวจึงไม่เคยค้นพบสิ่งนี้
ตอนนี้หลัวเฉียวมีความรู้สึกไม่จริงและเธอก็ตื่นเต้นเล็กน้อย เธอนั่งเงียบ ๆ ในการศึกษาเป็นเวลานานก่อนที่เธอจะสงบลงในที่สุด
หลังจากลงไปที่ชั้นหนึ่งเธอก็พบทางเข้าโกดัง เมื่อหลัวเฉียวลงไปเธอก็เห็นว่าโกดังไม่เล็กจริงๆ มีอาหารมากที่สุดผลไม้บางส่วนและผักอีกส่วนน้อย
ข้างในมีชั้นวางเรียงรายไปด้วยทองคำ เงิน หยก ภาพเขียนพู่กันโบราณ โถกระเบื้องจานชามที่ประดิษฐ์อย่างประณีต ชุดน้ำชา และเสื้อผ้ามากมายในปริมาณมาก และเข็มกับด้ายเย็บปักทุกชนิด
มีตู้หลายแถวที่มีลิ้นชักวางไว้ในส่วนในสุด เมื่อหลัวเฉียวเดินเข้ามา เธอพบว่าตู้เหล่านี้ล้วนมีฉลากระบุแยกประเภทเมล็ดธัญพืช ผัก ดอกไม้ และสมุนไพร
หลังจากมองไปรอบๆสักพัก เธอก็ออกจากอาคารไม้ไผ่ มีประตูเล็กๆอยู่ด้านหลังอาคารไม้ไผ่ เมื่อเดินผ่านไปก็เห็นป่าไผ่อยู่ด้านหลัง มีฟางแห้งจำนวนมากวางอย่างเรียบร้อยบนผนังด้านหลังอาคารไม้ไผ่
จากนั้นหลัวเฉียวก็จำได้ว่าห้องครัวมีเตาดินอยู่ เธอเดินกลับไปที่ห้องครัวและมองให้ละเอียดอีกครั้ง ข้างในมีเตาอยู่ 2 เตา เช่นเดียวกันมีมีด จาน ชาม และกะละมังทุกชนิดอยู่ในนี้
มีหม้อนึ่งขนาดใหญ่และขนาดเล็กรวมทั้งแผ่นไม้กระดานกลิ้งและไม้นวดแป้ง ที่สำคัญที่สุดคือมีที่โม่หินในครัวซึ่งสมบูรณ์มีทุกอย่างครบถ้วนจริงๆ
หลังจากที่หลัวเฉียวมองไปที่ห้องครัว เธอก็เดินไปที่ประตูหลังเพื่อค้นหาบ่อน้ำ หลังจากเดินออกจากประตูหลังไปไม่กี่ก้าว เธอก็มองเห็นบ่อน้ำในบันทึกที่ว่าดีต่อการบำรุงผิวและเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง
หลัวเฉียวต้องการลิ้มรสน้ำจากบ่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น เนื่องจากเธอไม่เคยตักน้ำจากบ่อมาก่อนในชีวิตที่แล้ว แม้เธอจะมีความทรงจำจากเจ้าของเดิม เธอก็ยังใช้เวลานานในการตักน้ำเพียงครึ่งถัง
เธอใช้กระบวยที่วางอยู่ด้านข้างตักน้ำขึ้นมาดื่ม มันให้ความสดชื่นและหวาน ทันใดนั้นเธอก็เริ่มหัวเราะคล้ายกับคนเมา
ข้างหน้าเป็นป่าไผ่ที่ไม่ใหญ่มากแต่ก็มีไผ่อยู่หลายชนิด เช่น ไผ่หมื่นลี้ ไผ่เซียงเฟย ไผ่ลูกศร ไผ่สีม่วง ไผ่โมโซ ไผ่หางฟีนิกซ์ รวมไปถึงอีกหลายชนิดที่เธอไม่รู้จัก
หลัวเฉียวไม่ได้ไปไกลกว่านั้น เพราะตอนที่เธอเข้ามาเธอไม่ได้สวมรองเท้า และอีกอย่างนี่เป็นช่วงเวลากลางวัน เธอไม่รู้ว่าหลู่อี้เฉินจะเข้ามาเมื่อใด
จบบทนี้