การที่รักใครสักคนมันช่างเป็นสิ่งที่งดงาม ไม่ขออะไรมากไปกว่า ขอแค่ได้มอง ขอแค่ได้กอด ขอแค่ได้เห็นรอยยิ้ม แม้ต้องแลกด้วยชีวิตหลาย ๆ คนยอมที่จะแลกกับมัน เพื่อให้ได้มีความสุขสักครั้งในชีวิต
การที่รักใครสักคนมันช่างเป็นสิ่งที่งดงาม ไม่ขออะไรมากไปกว่า ขอแค่ได้มอง ขอแค่ได้กอด ขอแค่ได้เห็นรอยยิ้ม แม้ต้องแลกด้วยชีวิตหลาย ๆ คนยอมที่จะแลกกับมัน เพื่อให้ได้มีความสุขสักครั้งในชีวิต
บทที่ 19
ตอน เพื่อนรักเพื่อนสนิท
ที่บริษัท
นักข่าวมากมายนั่งรอการแถลงข่าวของลู่เฟย เมื่อพวกเขามาถึง ทศยืนอยู่ด้านข้าง กับหมิง ท่านประธาน ลู่เฟย และวาวา นั่งที่โต๊ะแถลงข่าว แสงจากกล้องของนักข่าวถูกกดกันรั่ว ๆ ราวกับกำลังแย่งแข่งขันกันอย่างไรอย่างนั้นแหละ
หมิงพูดกับทศ “เป็นดาราดังก็ต้องระวังตัวมากหน่อย”
ท่านประธานกล่าวขึ้นถึงเรื่องทั้งหมดที่มีภาพหลุดของวาวากับลู่เฟย ทั้งภาพใหม่และเก่าที่เอามาโยงกันมั่วไปหมด
ท่านประธานพูด “ภาพเก่าที่ถูกรื้นมาลงให้เป็นข่าวในตอนนี้ ผมไม่ขออธิบายเพราะภาพเก่าก็คือภาพเก่าไม่ได้มีอะไรมากมายกว่าคำว่าผู้จัดการส่วนตัว ส่วนภาพใหม่ที่วาวาขึ้นคอนโดของลู่เฟย ก็เป็นเพราะเรื่องงาน ซึ่งตอนนั้นก็มีบริการ์ดอยู่ด้วย”
นักข่าวคนหนึ่งถามขึ้น “แบบนี้วาวาได้กลับมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของคุณหรือค่ะ”
ลู่เฟยตอบ “ครับ ตอนนี้วาวาได้เป็นผู้จัดการส่วนตัวผมครับ”
นักข่าวถาม “แล้วแบบนี้คุณคิดว่า คุณกับวาวาจะกลับมารักกันได้หรือเปล่าค่ะ”
ลู่เฟยตอบ “ผมคิดว่าตอนนี้ผมโฟกัสเรื่องงานก่อนครับ”
นักข่าวถาม “แล้วมีโอกาสมั้ยครับ”
ลู่เฟยตอบ “ผมตอบพวกคุณได้แค่ว่า ตอนนี้ผมกับวาวาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันครับ”
คำถามมากมายที่นักข่าวถาม ทำให้ทศรู้สึกหงุดหงิด เขาเดินออกไปจากที่แถลงข่าวทันที การแถลงข่าวผ่านไป 30 นาที ทุกอย่างก็จบลง แต่อย่างไร ดาราดังย่อมมีผู้สนใจมาก ข่าวนี้คงไม่เงียบง่าย ๆ
ทั้งหมดเดินออกมาจากที่แถลงข่าว ซึ่งทศนั่งรออยู่ด้านหน้า
วันพูด “ช่วงนี้พวกเธอก็ไปพักที่บ้านฉันก่อนแล้วกัน”
ลู่เฟยพูด “ฉันว่า.......”
วันพูดขัดทันที “ถ้านายกับวาวาไปอยู่ที่คอนโดเดียวกัน ทศคงต้องไปอยู่ที่นั้นจนกว่าเราจะแก้ปัญหาของเธอได้”
วาวาพูด “ขอโทษนะ ที่ทำให้พวกคุณเดือดร้อน วัน....ฉันขอโทษจริง ๆ”
วันพูด “ถ้าเธอกับชุนไม่ใช่เพื่อนรักฉัน ฉันคงตัดสินใจง่ายกว่านี้”
ทศคิด พวกเขาเป็นเพื่อนกันเหรอ แล้วทำไมเพื่อนถึงต้องทำร้ายเพื่อนละ ชีวิตนี้ช่าง
วันหันมาทางทศ เขาเรียก “ทศ ...ทศ..”เขาเน้นเสียง
เขาตื่นจากการเหม่อลอย สะดุ้งเล็กน้อย “ครับ”
วันพูด “คิดอะไรอยู่”
ทศพูด “เปล่าครับ”
“อย่างนั้นก็ไปทำงานกันได้แล้ว เจอกันที่บ้าน”
แฟนคลับนักข่าวตามติดลู่เฟยราวกับเป็นเงาตามตัวเขาหลายวันมานี้ ภาพถ่ายทุกภาพที่ลู่เฟยและวาวากระทำต่อกันทำให้เกิดข่าวหน้าหนึ่งของวันถัดไปได้อย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนลู่เฟยไม่ได้สนใจกับข่าวสักเท่าไร
เขาเว้นระยะห่างจากทศมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับทศที่ได้แต่ยืนมองลู่เฟยห่าง ๆ เขาไม่สามารถเขาถึงตัวลู่เฟยได้มากกว่านี้อีก ทุก ๆ วัน การทำงานไม่ได้ราบรื่นสักเท่าไร ความตึงเครียดของงาน ความวุ่นวายของนักข่าว มีให้วันและหมิง แก้ปัญหาตลอด
วันนี้เป็นอีกวันที่ลู่เฟยต้องค่อยตอบคำถามมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น งานบางตัวก็ถูกยกเลิกเพราะแรงกดดันที่แฟนคลับแอนตี้วาวาจนทำให้มีผลต่องานของลู่เฟยมาก แต่ดูท่าทีของลู่เฟยไม่ได้แคร์อะไรเลย ทำให้หมิงต้องคอยแก้ข่าวและวิ่งเรื่องงานของเขาทั้งวัน ส่วนวาวาก็ได้อยู่ข้างกายของลู่เฟยแทนทศ
จางพูด “ตั้งแต่มีคุณวาวา งานคุณทศน้อยลงนะครับ”
ทศพูด “พี่จางรู้จักวาวานานแล้วเหรอครับ”
จางพยักหน้าเล็กน้อย “ตอนผมเข้ามาทำงานแรก ๆ ช่วงนั้นคุณวาวาเป็นผู้จัดการ และคุณชุนก็เป็นบริการ์ดอยู่ครับ เห็นว่าคุณชุนเป็นเพื่อนรักของคุณลู่เฟยตั้งแต่เด็ก และคุณวาวาเป็นเพื่อนสนิทของท่านประธาน พวกเขาทั้งสี่คนตอนนั้นสนิทกันมาก จนเกิดเรื่องขึ้น คุณชุนและคุณวาวาก็หายตัวไป ผมจำได้ว่าคุณลู่เฟยกินเหล้าเมามายหนักมากจนถูกพักงานต้นสังกัดยกเลิกสัญญา แต่ก็นะคนรวยจะทำอะไรก็ได้ ท่านประธานเองก็รู้สึกแย่ที่เห็นคุณลู่เฟยเป็นแบบนั้น ท่านประธานต้องการให้คุณลู่เฟยเห็นคุณค่าของงานแสดงที่เขารัก ท่านเลยทุ้มทุนสร้างซีรีส์เรื่องหนึ่งขึ้นมา โดยให้คุณลู่เฟยเป็นนักแสดงนำ เกิดเสียงวิพากวิจารณ์ทั้งดีและไม่ดี จนทำให้หุ้นส่วนของท่านประธานถอนหุ้นไปหลายส่วน ตอนนั้นท่านประท่านไม่ยอมปล่อยมือคุณลู่เฟยท่านแบกภาระทั้งหนี้สินที่สร้างซีรีส์เรื่อง มนต์ตราแห่งจันทรา และเรื่องนี้ก็ทำให้คุณลู่เฟยดังและกลบข่าวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตั้งแต่นั้นคุณลู่เฟยก็ย้ายสังกัดมาอยู่กับท่านประธาน”
ทศพูด “นั่นซินะทำไมลู่เฟยและท่านประธานถึงแคร์วาวามาก ผมรู้จักเขาก็จากเรื่องนี้เช่นกัน”
จางพูด “ผมคิดว่าท่านประธานกลัวว่าถ่านไฟเก่าจะเกิดขึ้นอีก และนั่นอาจจะทำให้คุณลู่เฟยต้องเสียใจ”
ทศคิด คุณยังคงรักเธออยู่ซินะ ถ้าเธอเข้ามาทำให้คุณเจ็บปวดอีกละ คุณจะรับกับความรู้สึกนั้นได้หรือเปล่า สายตามองไปยังลู่เฟยที่กำลังทำงานอยู่
การทำงานของวันนี้ก็สิ้นสุดลง เที่ยงคืนแล้วจางรีบขับรถให้ถึงบ้านโดยเร็ว
ลู่เฟยพูด “จางนายจะรีบไปไหน”
จางหันมองหน้าทศที่นั่งอยู่ข้าง ด้วยสีหน้าที่เศร้า
วาวาพูด “นั้นซิ ขับเร็วแบบนี้เดี๋ยวก็เกินอุบัติเหตุหรอก”
ทศพูดขึ้น “ขับช้าหน่อยก็ได้ครับ เดี๋ยวคุณลู่เฟยกับคุณวาวาจะตกใจ”
จางพูด “แต่.....”
ทศพยักหน้าบอกจาง
ลู่เฟยพูด “ฉันไม่ได้กลัวตกใจ แต่การขับรถเร็วแบบนี้ มันอันตราย”
ทศพูด “ขอโทษครับ”
แล้วจางก็ลดความเร็วลงทั้งที่ถนนว่าง ไม่ค่อยมีรถสักเท่าไรในเวลาแบบนี้ เมื่อถึงบ้าน ทศลงเปิดประตูรถ ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป โดยไม่พูดอะไรเลย
ลู่เฟยมองหลังของทศก่อนจะหันมาทางวาวามีสีหน้าเศร้า
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
วาวาพูด “แค่เป็นห่วงชุนนะ”
ลู่เฟยพูด “ผมกับวันได้จ้างนักสืบตามหาชุนให้แล้ว รอหน่อยนะเราจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา”
วาวาจับมือลู่เฟย “ขอโทษนะ ขอโทษที่ทำให้นายกับวันต้องเจอเรื่องวุ่นวายแบบนี้ เพราะเราคนเดียวเลย”
ลู่เฟยยิ้ม “ไม่เป็นไร ก็เราเป็นเพื่อนกัน” วาวายิ้มทั้งน้ำตา ลู่เฟยใช้มือของเขาเช็คน้ำตาให้เธอ ซึ่งทศก็ได้ยืนมองพวกเขาอยู่ที่ระเบียง เขาน้ำตาไหล แล้วเสียงแตร่รถของวันก็ดังขึ้น ประตูบ้านเปิดออก วันเดินลงจากรถ
เขาถาม “เพิ่งกลับมาเหรอ”
วันมองหน้าจางที่ยืนอยู่ข้างรถ เขาก้มหน้า
วันพูด “ฉันอยากคุยกับนาย”
วาวารู้ตัวดีเธอจึงขอตัวกลับห้องก่อน ทิ้งให้ลู่เฟยและวันคุยกัน
ลู่เฟยพูด “ไว้คุยวันหลังไม่ได้เหรอ ฉันเหนื่อยวะ” แล้วเขาก็เดินหนีไป
ทิ้งให้วันยืนอยู่กับจางสองคน
วันถาม “วันนี้เป็นไงบ้าง”
จางรายงานเรื่องของทศให้วันฟังทั้งหมด วันพยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ
“ขอบใจนะ ที่นายคอยดูแลเขาแทนฉันนะ”
จางยิ้ม วันถามต่อ “นายยิ้มอะไรของนาย”
จางพูด “คุณวันไม่โกรธคุณทศแล้วเหรอครับ”
วันตอบ “ฉันจะโกรธก็ตอนที่นายถามนี่แหละ” แล้วเขาก็เดินเข้าบ้านไป
จางยืนบ่น “ไม่เข้าใจคนรวยเลยทำไมถึงแสดงความห่วงใยไม่ได้นะ”