การที่รักใครสักคนมันช่างเป็นสิ่งที่งดงาม ไม่ขออะไรมากไปกว่า ขอแค่ได้มอง ขอแค่ได้กอด ขอแค่ได้เห็นรอยยิ้ม แม้ต้องแลกด้วยชีวิตหลาย ๆ คนยอมที่จะแลกกับมัน เพื่อให้ได้มีความสุขสักครั้งในชีวิต
การที่รักใครสักคนมันช่างเป็นสิ่งที่งดงาม ไม่ขออะไรมากไปกว่า ขอแค่ได้มอง ขอแค่ได้กอด ขอแค่ได้เห็นรอยยิ้ม แม้ต้องแลกด้วยชีวิตหลาย ๆ คนยอมที่จะแลกกับมัน เพื่อให้ได้มีความสุขสักครั้งในชีวิต
บทที่ 11
ดีจังได้กอดคุณ
รุ่งเช้าทศ เดินออกไปทำงานปกติ วันยืนอยู่ที่รถเขาคุยกับคนขับรถ สั่งงานเขาไว้ เมื่อเขาเห็นทศเดินออกมาเขาก็เดินไปที่รถของตนเอง โดยไม่ทักทายทศเลย
ทศหันมองวันก่อนจะถามคนขับรถ “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
คนขับรถพูด “ไม่มีอะไรครับ”
วันนี้ทศแต่งตัวมิดชิดมากเพื่อปกติรอยแผลที่เกิดขึ้นจากเมื่อคืน เหมือนเดิมวันนี้เขาขึ้นไปรับลู่เฟยที่ห้อง
ลู่เฟยพูด “วันนี้ฉันมีคิวงานกี่งาน”
“วันนี้คุณมีถ่ายละครย้อนยุค แค่งานเดียว 3 วันติดครับ”
ลู่เฟยพูด “อืม”
เขายิ้ม เดินตามลู่เฟย
แฟน ๆ ต่างรอลู่เฟยกันอย่างเนื่องแน่น เช่นเคยลู่เฟยทักทายแฟนคลับของเขาโดยการโบกมือให้ก่อนที่รถจะออกตัวไป
ทศบอก “เวลาคุณยิ้มกับแฟนคลับน่ารักดีนะครับ”
ลู่เฟยหันมองหน้า
“อย่าคิดว่าฉันจะดีกับนายนะ ที่ฉันต้องทนมีบริการ์ดก็เพราะเพื่อนฉันขอไว้”
“ครับผมรู้ แต่ผมก็ชอบคุณอยู่ดี”
ลู่เฟยขมวดคิ้ว เขามีท่าทีที่รำคาญ ทศอมยิ้มไม่สนใจที่ลู่เฟยแสดงอาการต่อเขา เมื่อมาถึงสถานที่แต่งตัว ซึ่งตอนนี้แฟนคลับจำนวนมากยืนรอลู่เฟยอยู่ ทำให้รถจอดยากมาก
ทศมองออกไปรอบ ๆ “ทำไมไม่มีรั่วกั้นละ”
ลู่เฟยพูด “ฉันไม่ให้มีเองแหละ บางที่แฟนคลับเขาก็อยากใกล้ชิดฉันนะ”
ทศหันมอง เขาเปิดประตูรถลงมา เสียงกรีดก็ดังขึ้นทันที เจ้าหน้าที่พยายามกันไว้แต่แรงดันความคลั่งของดารานั้นมีแรงมหาศาล ลู่เฟยยิ้มและโบกมือให้แฟน ๆ ทุกคนร้องเรียน ลู่เฟย ฉันรักคุณ ลู่เฟย แต่งงานกับฉันนะ มากมายกับคำพูดที่ดังก้อง ทศใช้ตัวเองบังลู่เฟยจากแรงกระแทก ที่เข้ามาทุกด้าน เข้ากอดร่างลู่เฟย แล้วพยายามเดินฝ่าวงล้อมออกไปให้ถึงประตู ความวุ่นวายเกิดขึ้น นักข่าวก็ทำข่าว มีคลิปมากมายที่ถ่ายทอดสด ลู่เฟยยังคงโบกมือ จนเขาเดินเข้าตึกไป เมื่อประตูปิด
ลู่เฟยมองหน้าทศ “ปล่อยฉันได้หรือยัง”
ทศมองหน้าลู่เฟยแบบใกล้ชิดมากหัวใจเขาเต้นแรง เขายิ้มแต่มือก็ยังคงกอดอยู่
ทศพูด “ดีจังได้กอดคุณ”
แล้วทันใดนั้น หมิง ก็วิ่งเข้ามา “คุณลู่เฟยคะคิวคุณแต่งตัวคะ”
ลู่เฟยสบัดแขนของเขาออก แล้วรีบเดินตามหมิงไป
ทศเดินดูอยู่แถวนั้น กำลังมองการจัดฉากทุกอย่าง เขาคิดนี่เหรอวิธีทำก่อนที่จะออกมาให้เราเห็นว่าสวยแค่ไหน เขาทำกันแบบนี้เหรอ
หมิงเดินเข้ามา เธอพูด “เป็นอะไรคุณทศ”
“ไม่ต้องเรียกผมว่าคุณหรอกนะครับ”
หมิงพูด “น้องท่านประธานจะให้ฉันเรียกว่าอะไร”
“เรียกผมว่า ทศก็พอครับ”
หมิงพยักหน้า “เค วันนี้เหนื่อยหน่อยนะ”
“เขาทำแบบนี้บ่อยเหรอ”
หมิงพูด “คนล่าสุดเหนื่อยกว่านี้อีก จนต้องลาออก”
ทศยิ้มก่อนจะพูด “อยากรู้เขาจะทำอย่างไรให้ผมลาออก”
หมิงพูด “เดี๋ยวก็รู้...ไปละลู่เฟยแต่งตัวเสร็จแล้ว”
ทศหันมอง เขาอยู่ในชุดสีขาวจีนย้อนยุคหล่อมาก เขาจ้องมองด้วยความตะลึงไม่ยอมละสายตาแม้แต่ก้าวเดียว จนลู่เฟยเดินเข้าฉาก เขานั่งดูลู่เฟยทำงานอยู่ห่าง ๆ คนขับรถเดินเขามาหาเขา
“คุณทศครับน้ำ”
“ขอบคุณครับ”
คนขับรถนั่งลงข้าง ๆ เขา
ทศคิดได้เลยถามเขาไปว่า “พี่..”
“เรียกผมว่า จางก็ได้ครับ”
ทศยิ้ม “พี่จาง อยู่กันหลายวันแล้วผมลืมถามชื่อพี่เลย”
จางพูด “ไม่เป็นไรครับ”
“เมื่อเช้าท่านประธานพูดอะไรกับพี่เหรอ”
จางบอก “ท่านสั่งผมให้ดูแลคุณไม่ให้ละสายตา ไม่ให้คุณทานของต้องห้ามพวกนี้ครับ”เขายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ทศอ่าน
เขาหยิบขึ้นมาอ่านซึ่งเป็นภาษาจีน เขาอ่านถึงกับถอนหายใจ
เขาพูด “พี่จางไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้นะ”
จางพูด “ไม่ได้หรอกครับท่านสั่งมากำชับแบบสุด ๆ”
สีหน้าของทศบ่งบอกได้ชัดเหมือนตนเองต้องติดคุกอีกแล้ว เขาสูดลมหายใจเข้าด้วยความสุดทน
จางพูด “ผมว่าคุณทานผลไม้นี้ดีกว่า ถือว่าช่วยผมนะ”
เขายิ้ม ค่อย ๆ หยิบผลไม้ทานด้วยความผะอืดผะอมที่จะกลืน เขาคิด นายต้องขอประวัติจากพ่อมาแน่ ๆ
จางพูด “อร่อยมั้ยครับ”
เขากลืนมันลงไปด้วยความยากลำบากสุด “ครับ อร่อย”
เมื่อเขาเห็นลู่เฟยเดินออกจากฉาก เขาหยิบน้ำไปให้ลู่เฟยทันที ทิ้งจางไว้กับผลไม้
เขายื่นน้ำให้ลู่เฟย พร้อมกับยิ้ม “น้ำครับ”
ลู่เฟยรับน้ำมาดื่น โดยไม่สนใจ แล้วการทำงานก็ดำเนินการต่อไปจนเวลาผ่านไป 4 ทุ่ม ลู่เฟยเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกจากที่ทำงาน ไปยังที่รถ เช่นเดิม แฟนคลับยังคงรอเขาอยู่ไม่ยอมกลับบ้าน ทศกับหมิงเดินเข้าไปขวางแฟนคลับที่เข้ามาประชิดตัวลู่เฟยไว้ กันพวกเธอเหล่านั้นเพื่อให้ลู่เฟยเดินทางไปที่รถได้สะดวกขึ้น
เมื่อถึงคอนโดลู่เฟย ทศเดินไปส่งเขาที่ห้องเหมือนเคย
ลู่เฟยพูด “นายกลับไปได้แล้ว”
ทศพูด “ไม่ว่าคุณจะคิดวิธีอะไรที่จะกำจัดผมให้พ้นจากการเป็น บริการ์ดของคุณ ผมขอบอกคุณไว้เลย คุณเหนื่อยเปล่า เพราะผมชอบคุณ ไม่ว่าคุณจะทำอย่างไร ผมก็ไม่ไป” เขายื่นหน้าเข้าใกล้ลู่เฟย จนทำให้เขาต้องดันตัวทศออก แล้วเปิดประตูเข้าห้องไปทันที
“คนอะไรหน้าหนาขนาดนี้ พูดได้ทุกวัน ชอบ ๆ” ลู่เฟยมีทีท่าขนพอง
ทศเดินยิ้มลงมาจากตึก เขามองเห็นแฟนคลับยังคงนั่งปักหลักอยู่ เขาตัดสินใจเดินเข้าไปหาแฟนคลับของลู่เฟย
เขาพูด “พวกคุณชอบลู่เฟยมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
ทุกคนหันมองแล้วพูด”ใช่ ๆ”
เขาพูด “ถ้าชอบและรักลู่เฟยมากขนาดนี้เหตุใดทำให้ลู่เฟยเป็นห่วงละ”
หญิงคนหนึ่งพูด “ไม่ง่ายเลยนะที่เราจะเจอตัวดาราที่เราชอบ”
เขาพูด “แต่การที่พวกคุณไม่ยอมกลับบ้าน ปักหลักรอเขาทุกวันแบบนี้ ลู่เฟยเขาเป็นห่วงมากรู้มั้ย”
ทุกมองหน้ากัน “จริงเหรอค่ะ”
เขาพยักหน้า “ลู่เฟยฝากมาบอกว่าถ้าเขากลับดึกอย่ารอเขาเลย อากาศหนาวแบบนี้เขาเป็นห่วงมาก”
“จริงเหรอคะ”
“ครับ”
ทุกคนยิ้ม “อย่างนั้นพวกเรากลับบ้านก็ได้คะ”
ลู่เฟยยื่นมองจากตึกชั่น 15 เขาเห็นทศยืนคุยอยู่กับแฟนคลับแม้ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรแต่ก็ทำให้แฟนคลับสามารถกลับบ้านได้ เขายิ้มเล็กน้อยแล้วเดินกลับเข้าห้องไป
จางเดินเข้ามา “คุณทศ ผมว่าใกล้เที่ยงคืนแล้ว เรากลับบ้านเถอะ”
เขาหันมองแล้วเดินขึ้นรถไป “ท่านประธานบอกอะไรพี่”
จางมีท่าทีที่ไม่กล้าพูด “เอ๊ะ.....”
ทศพยายามถามเพื่อต้องการคำตอบ “เขาบอกอะไร”
จางพูด “แค่บอกว่าผมต้องพาคุณกลับถึงบ้านก่อนเที่ยงคืน”
“แล้ว..”
จางพูด “ถ้าคุณกลับมาไม่ทันให้ผมแวะพาคุณไปที่พักที่ใกล้ที่สุดที่เหลือคุณจัดการเองครับ”
เขาถอนหายใจ จางพูดเสร็จก็ขับรถออกไปทันที