การที่รักใครสักคนมันช่างเป็นสิ่งที่งดงาม ไม่ขออะไรมากไปกว่า ขอแค่ได้มอง ขอแค่ได้กอด ขอแค่ได้เห็นรอยยิ้ม แม้ต้องแลกด้วยชีวิตหลาย ๆ คนยอมที่จะแลกกับมัน เพื่อให้ได้มีความสุขสักครั้งในชีวิต
การที่รักใครสักคนมันช่างเป็นสิ่งที่งดงาม ไม่ขออะไรมากไปกว่า ขอแค่ได้มอง ขอแค่ได้กอด ขอแค่ได้เห็นรอยยิ้ม แม้ต้องแลกด้วยชีวิตหลาย ๆ คนยอมที่จะแลกกับมัน เพื่อให้ได้มีความสุขสักครั้งในชีวิต
บทที่ 5
ตอน เครื่องติดตาม
ที่ห้องประชุมของ ดร.กรณ์
เมื่อใกล้ค่ำ ดร.กรณ์ได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนมาพบ กรรมการทั้ง 5 คน เดินเข้ามาหา ดร.กรณ์ เพื่อประชุมกัน
หญิงวัย 50 ปีพูดขึ้น “ดร.คุณแน่ใจแล้วหรือ ที่จะปล่อยเขาไป”
ดร.กรณ์พูด “เขาอายุ 22 ปี แล้วนะเราจะรั้งเขาไว้ไม่ได้”
ชายวัย 40 ปี พูดขึ้น “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เราจะพังกันหมด”
ดร.กรณ์พูด “ผมได้บอกความจริงกับเขาทุกอย่างแล้ว ผมเชื่อเด็กคนนี้เขาเข้าใจทุกออย่างดี และที่สำคัญผมให้เขาไปอยู่ในการดูแลของลูกชายผม และจะมีคนจับตาดูเขาอยู่ ๆ เหมือนที่เราทำกับทุกคน อีกเดี๋ยวเมื่อเขาทานยา ในน้ำดื่มใส่ยานอนหลับให้เขาด้วย แล้วให้เจ้าหน้าฝังเครื่องติดตามไว้ที่ตัวเขา คืนนี้เราจะส่งเขาที่สนามบิน โดยมีลูกผมรอเขาอยู่ปลายทาง”
หญิงวัย 50 ปีพูดขึ้น “หวังว่าคุณจะทำถูกนะคะ”
ดร.กรณ์พูด “ผมไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่า แต่เด็กคนนี้ เขาไม่เคยมีชีวิตที่อิสระเลย ถึงเวลาที่เราต้องปล่อยเขา ผมเชื่อว่าเขาจะกลับมาเมื่อเราต้องการ และหวังอย่าให้เป็นอย่างนั้น”
ทุกคนเงียบ ก่อนจะเดินออกไปทำตามที่ ดร.พูดทันที่
ที่ห้องพัก ของเจ็ด
เขาหยิบสมุดปันทึกขึ้นมาเขียน
วันนี้เป็นวันที่ทุกอย่างและทุกคำถามที่ผมสงสัย ได้รับคำตอบแล้ว ผมเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่มีใครต้องการ แต่ที่นี่ผมสำคัญกับพวกเขามาก ผมคือวัคซีนที่มีชีวิต รอเวลาที่จะหมดอายุ ช่างหน้าเศร้า แต่ผมไม่โทษใครหรอกนะ ถ้าไม่มีพวกเขาเหล่านี้ ผมก็อาจไม่มีชีวิตรอดจนถึงทุกวันนี้
พรุ่งนี้แล้วที่ผมจะได้ออกไปตามหาคุณ ลู่เฟย อยากรู้จังตัวจริงคุณเป็นอย่างไร พ่อบอกว่าคุณเป็นซุปตาร์ที่ดังมาก อย่าคาดหวังกับความรักครั้งนี้ ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะเป็นแบบไหน ขอแค่ได้อยู่ ข้าง ๆ คุณ ดูแล ปกป้องคุณก็พอ
ช่วงเวลาอาหารและยาได้ถูกส่งมาที่ห้องของเจ็ดตามเวลา เขารับถาดอาหาร เมื่อเขาทานเสร็จ เขาก็กินยา พร้อมกับถอนหาย เพราะเรารู้ดีว่าความเจ็บปวดจะมาหาเขาแบบนี้ทุกวัน เขาทานยาและน้ำ เข้าไป เพียงแค่ไม่กี่นาที อาการเจ็บปวดก็เกิดขึ้น ระหว่างนั้นเขากลับรู้สึกมึน ตาลาย แล้วทุกอย่างก็ค่อย ๆ มืดลง
เจ้าหน้าเดินเข้ามาในห้องของเขาจัดการฝังเครื่องติดตามไว้ที่ไหลของเขา แล้วนำร่างและข้าวของที่จำเป็นให้เขาพาเขาออกทางที่นั้นทันที
รุ่งเช้า
เสียงดังอึกทึก ผู้คนมากมายเดินผ่านไปมา เขาที่กำลังหลับอยู่บนเก้าอี้ยาว
เจ็ดพูด “ทำไมหนวกหูจัง”
แต่เมื่อเขาตื่นขึ้น เขาต้องตกใจอย่างหนัก เขารีบลุกขึ้น มองไปรอบ ๆ “ทำไมเรามาอยู่ที่สนามบินได้ละ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”
แล้วอยู่ ๆ หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา ยื่นซองเอกสารให้
เธอพูด “เอกสารที่นายต้องใช้มันอยู่ไหนซองนี้ และนี้ตั๋วเครื่องบิน ในซองนี้มีเงินสดให้นายอยู่จำนวนหนึ่ง”
เจ็ดยืนมองเธอด้วยความแปลกใจ เขาถาม “คุณคือ”
เธอพูด “ฉันจะไปส่งนายขึ้นเครื่อง จะมีคนรอรับนายอยู่ที่นั่น อย่ามัวแต่สงสัย ถ้านายตกเครื่อง รับรองฉันพานายกลับไปยังที่นายจากมา”
เจ็ดตกใจ เขารีบสะพายกระเป๋า แล้วรีบตามเธอไปทันที เขากำลังจะเข้าประตูเพื่อไปขึ้นเครื่อง เขาหันมามองเธอ แต่เธอได้หายไปแล้ว เขามีแค่กระเป๋าเป้ เล็ก ๆ หนึ่งใบที่ติดตัวไป เท่านั้น เขาตกใจรีบเปิดกระเป๋าหาบางอย่าง และเขาก็ยิ้มออก เมื่อเห็นสมุดบันทึกของเขาในกระเป๋า