การที่รักใครสักคนมันช่างเป็นสิ่งที่งดงาม ไม่ขออะไรมากไปกว่า ขอแค่ได้มอง ขอแค่ได้กอด ขอแค่ได้เห็นรอยยิ้ม แม้ต้องแลกด้วยชีวิตหลาย ๆ คนยอมที่จะแลกกับมัน เพื่อให้ได้มีความสุขสักครั้งในชีวิต
การที่รักใครสักคนมันช่างเป็นสิ่งที่งดงาม ไม่ขออะไรมากไปกว่า ขอแค่ได้มอง ขอแค่ได้กอด ขอแค่ได้เห็นรอยยิ้ม แม้ต้องแลกด้วยชีวิตหลาย ๆ คนยอมที่จะแลกกับมัน เพื่อให้ได้มีความสุขสักครั้งในชีวิต
บทที่ 4
ใบสมัคร
ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ 18 เดือนก่อน
ในห้องทำงานของ ดร.กรณ์
ดร.กรณ์พูด เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้อง “ยังไม่กลับห้องนอนอีกหรือ 5 ทุ่มแล้วนะเจ้า เอ วันเจ็ด”
เจ็ดพูด “ครับ ผมกำลังจะไปครับ”
ดร.กรณ์ พูด “เป็นอะไร หน้าเศร้าจัง”
เจ็ดพูด “เปล่าครับ เดี๋ยวผมปิดคอมให้ครับ”
ดร.กรณ์พูด “ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวพ่อทำงานต่อ นายเองก็กลับไปนอนแล้วทานยาด้วย”
เจ็ดพูด “ครับ
ดร.กรณ์สงสัยว่าทำไมช่วงนี้เจ็ดถึงได้ดูเศร้าจัง เขาเลยเปิดคอมดูสิ่งที่เจ็ดดูอยู่ นั้นก็คือใบสมัครงานที่ถูกปฏิเสธถึง 10 ฉบับ ทุกฉบับถูกส่งมาจากที่เดียวกันทั้งหมด
ดร.กรณ์ “เจ้าเด็กนี่ อยากเข้าใกล้เขาขนาดนั้นเลยหรือ ซุปตาร์ใครเขาจะให้ผ่านกันง่าย ๆ” แล้ว ดร.กรณ์ ก็เห็นตราประทับด้านบน “นี่มัน”
รุ่งเช้า เสียงประกาศตามสายดังขึ้น
เสียงอันไพเราะของหญิงสวยที่ทุกคนคุ้นเคย เชิญ เอ วัน 7 พบ ดร.กรณ์ ที่ห้องทำงาน
ซึ่งตอนนั้น เจ็ดกำลังทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร ชายคนหนึ่งพูดขึ้น
“นี่ เอ วัน 7 ดร.เรียกหานายไม่ได้ยินเหรอ”
เจ็ดพูด “ห่า..ออ..ครับ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
เขาเดินเข้ามาในห้อง บนโต๊ะที่ ดร.นั่งมีเอกสารใบสมัครเขาวางอยู่
เจ็ดพูด “พ่อมีอะไรหรือเปล่าครับถึงเรียกผมมาพบ”
ดร.กรณ์พูด “นี่คือจดหมายที่เขาตอบกลับมาทางอินเตอร์เน็ต ที่ลูกถูกปฏิเสธถึง 10 ครั้ง ทำไมถึงยังส่งไปอีก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าจะถูกปฏิเสธ”
เจ็ดสีหน้าเศร้า เขาก้มหน้า “ผมแค่รู้สึกชอบเขา”
ดร.กรณ์พูด “การคลั่งดาราไม่ผิดหรอก แต่การจะเข้าหาเขามันยากมากลูกรู้มั้ย แถมสมัครเป็นบริการ์ดอีก คิดว่าพ่อจะให้ลูกไปอย่างนั้นเหรอ”
เจ็ดก้มหน้า “ถึงอย่างไรเขาก็ตอบปฏิเสธผมอยู่แล้ว พ่อจะกังวลทำไม ผมแค่อยากให้เขาเห็นความตั้งใจของผม ก็เท่านั้น”
ดร.กรณ์ พูด “พ่อสามารถทำให้ลูกเข้าไปเป็นบริการ์ดที่นั้นได้และสามารถอยู่กับเขาตลอดเวลาได้ แต่พ่อจะมั่นใจได้อย่างไรว่าลูกจะดูแลตัวเองได้”
เจ็ดมองหน้าพ่อ “จริงหรือครับ พ่อทำได้จริง ๆ หรือ”
ดร.กรณ์พูด “บริษัทที่ลูกจะเข้าไปนะ เป็นบริษัทของลูกชายพ่อ เป็นธรรมดาที่เขาจะคัดเลือกคนที่จะมาดูแลดาราดังอย่างเข็มงวดอยู่แล้ว ซึ่งลูกไม่ผ่านแน่นอน”
เจ็ดมองหน้าพ่ออีกครั้ง “ขอร้องละครับ พ่อช่วยผมหน่อย การที่ผมจะออกจากที่นี่ได้ มันต้องมีสิ่งรองรับเพื่อให้ผมออกไปได้ แค่เขารับผมเข้าทำงานผมก็ได้ออกไปแล้ว”
ดร.กรณ์พูด “ได้...แต่พ่อมีข้อแม้ และบางอย่างต้องบอกลูก”
เจ็ดสงสัย “อะไรครับ”
ดร. กรณ์พูดต่อ “ลูกต้องอยู่ในการดูแลของลูกชายพ่อ ในฐานะน้องชาย เขาจะเป็นคนให้ยาลูกทานทุกวัน เขาจะส่งรายงานเกี่ยวกับลูกให้พ่อรู้ตลอด ทุก ๆ หนึ่งเดือนจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจเลือดของลูก และที่สำคัญลูกต้องรู้อย่างหนึ่ง”
เจ็ดมองหน้าเขา ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “เรื่องอะไรหรือครับ”
ดร.กรณ์พูด “ในร่างกายของลูกมีเชื้อชนิดหนึ่งที่ต้านเชื้อโรคจากชีวภาพทุกชนิดได้ พูดง่าย ๆ ก็คือ ลูกคือยาวัคซีนที่มีชีวิต และเป็นหนึ่งเดียวของโลกใบนี้ที่ต้านทานวัคซีนตัวนี้ได้”
เจ็ดตกใจมากที่รู้ว่าเขาเป็นอะไร และเริ่มเข้าใจว่าทำไมเข้าถึงต้องทานยาทุกวัน ต้องตรวจเลือดทุกเดือน
เจ็ดพูด “นี่คือเหตุผลที่ผมต้องทานยาทุกวันและตรวจเลือดทุกเดือนอย่างนั้นเหรอ”
ดร.กรณ์พูด “ใช่..ตัวยาแต่ละตัวจะถูกปรับเปลี่ยนตามเลือดของลูกในแต่ละเดือน นั้นคือเหตุผลที่ลูกเจ็บปวดทุกครั้งที่ทานยา”
เจ็ดพูด “ถ้าผมไม่ทานยาละ”
ดร.กรณ์พูด “ลูกจะตาย แต่พ่อไม่รู้ว่าลูกจะหยุดยาได้นานแค่ไหน”
เจ็ดสูดลมหายใจเข้าปอด
ดร.กรณ์พูด “พ่อต้องบอกลูก ถ้าลูกจะออกจากที่นี่ ลูกต้องรู้ว่าลูกสำคัญมากแค่ไหน เมื่อออกไปแล้ว ลูกจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม ลูกจะออกจากที่นี่ไม่ได้ถ้าไม่มีคนดูแล เพราะลูกต้องรับยาทุกวัน”
เจ็ดยิ้ม เขาเริ่มเข้าใจทุกอย่างมากขึ้น “ถ้าผมตายแล้วยาที่อยู่ในร่างผมจะเป็นอย่างไร”
ดร.กรณ์พูดด้วยสีหน้าเศร้า “ร่างของลูกจะอยู่ได้ 24 ชม. พอที่จะให้เราสามารถนำเลือดของลูกออกมาได้ แต่ก็มีความเสียงที่มันจะกลายเป็นพิษ”
เจ็ดยิ้มเขารู้สึกแปลก ๆ กับสิ่งที่ได้ยินมาทั้งหมด “สรุปผมก็คือสิ่งของที่พ่อและคนที่นี่สร้างขึ้น และรอวันหมดอายุ พวกพี่ทั้ง 6 ด้วยหรือ”
ดร.กรณ์พูด “ใช่ แต่พวกเขาไม่เหมือนลูกพวกเขาไม่ต้องรับยาทุกวัน แค่เดือนละครั้งที่ต้องฉีดยา เป็นวัคซีนที่รักษาและท้านชีวภาพบางตัวเท่านั้น แต่ละคนมีเลือดที่เปลี่ยนแปลงไม่เหมือนกัน”
เจ็ดพูด “พวกเราทุกคนเป็นแค่สิ่งของที่รอวันถูกเรียกตัวกลับ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไม พี่หนึ่งถึงพูดกับผมแบบนั้น เพราะถ้าเราเจอกันอีกนั้นหมายถึงเราต้องกลับมาที่นี่และอาจจะไม่ได้กลับไป พวกพี่ ๆ รู้”
ดร.กรณ์พูด “รู้...เจ็ดฟังพ่อนะ..ทุก ๆ คนไม่ใช่สิ่งของที่รอวันอย่างที่ลูกคิด คนที่นี่รักพวกเขา ทุกครั้งที่เราทำงานให้ยาแต่ละคน พวกเราก็เจ็บปวดที่ต้องทนเห็นพวกลูกเจ็บปวด เด็กทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนแต่ถูกส่งมาจากทุกที่ เพื่อหวังให้พวกเรามอบชีวิตใหม่ให้เด็กเหล่านั้น หลาย ๆ คนที่เรารักษาไม่ได้ ช่วยเขาไม่ได้ พวกเราก็เสียใจ ลูกรู้มั้ย มีแค่ เด็ก 7 คนที่รอด พวกลูกเป็นทุกอย่างของที่นี่ เป็นรอยยิ้มของทุกคน ไม่มีใครมองพวกลูกเป็นสิ่งของ เราหวังเสมอว่าจะไม่มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น เจ็ด..”
เขาเดินเข้าไปหาเจ็ด ก่อนจะพูด “พ่ออนุญาตให้ลูกใช้ชีวิตข้างนอกและตามหาสิ่งที่หวังได้ แต่ลูกต้องสัญญากับพ่อว่าจะทำตามกฎทุกอย่าง ”
เจ็ดพยักหน้า “ครับ ผมจะเป็นน้องชายของลูกชายคุณ ผมจะทานยาทุกวัน ผมจะกลับมาเมื่อพวกคุณต้องการ ขอแค่ให้ผมได้ออกไปจากที่นี่ ได้ออกไปหาคนที่ผมรัก ผมยอมทำตามข้อตกลงทุกอย่าง”
ดร.กรณ์จับไหล่เขา “อย่าคาดหวังเพราะมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น ความรักที่ลูกมองเห็นอาจไม่มีอยู่จริง”
เจ็ดพูด “ผมรู้ครับ”
ดร.พยักหน้า “กลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ลูกจะได้ออกจากที่นี่