Your Wishlist

ทะลุมิติไปเป็นตัวเสี่ยงโชคของครอบครัวเกษตรกรรม (บทที่ 5 เเยกบ้าน)

Author: สรรหามาฟัง

“เด็กนั่นเป็นตัวโชคร้ายเจ้าต้องกำจัดนางทิ้งเสีย มิฉะนั้นเจ้าและครอบครัวของเจ้าจงออกไปจากตระกูลข้า” ซูเสี่ยวหลู่ทะลุมิติมายังโลกใบนี้ตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กทารก และทันทีที่เธอลืมตาขึ้น เธอก็ถูกย่าผู้ชั่วร้ายมองว่าเธอเป็นภาระและตัวโชคร้าย ซูซานหลางพ่อของเธอกัดฟันและพูดว่า “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น ท่านแยกพวกเราออกจากตระกูลเถอะเเล้วพวกเราจะออกไป” เพื่อรักษาชีวิตของเธอ พวกเขาถูกบังคับให้ออกจากตระกูลและเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อื่น พวกเธอต้องเสี่ยงกับอาชีพใหม่ ออกไปล่าสัตว์ และชีวิตของพวกเธอก็ค่อยๆ ดีขึ้น แม้จะถูกเรียกว่าตัวซวย แต่เธอก็กลายเป็นลูกศิษย์ของหมอเทวดาเมื่อเธออายุได้สามขวบ!! เเถมยังได้รับมรดกตกทอดของเขา และกลายเป็นที่รู้จักไปทั่ว เธอรักษาโรคทางสมองของพี่ชายเธอ และพี่ชายคนโตของเธอก็กลายเป็นจอมยุทธ์เลื่องชื่อ ในขณะที่พี่ชายคนที่สองของเธอก็กลายเป็นขุนนาง พวกเขาทั้งหมดนำเกียรติมาสู่ครอบครัว ปัจจุบันเธอเป็นแพทย์ฝีมือระดับเทพและมีความเชี่ยวชาญในสูตรอาหารยา เเถมเธอยังเป็นเจ้าของร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในราชวงศ์โจวและทำกำไลได้มหาศาลจนเธอไม่สามารถใช้จ่ายให้หมดภายในสิบชีวิตได้ ครอบครัวของเธอเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นและญาติที่น่ารังเกียจของพวกเธอก็ปรากฏตัวขึ้นและพยายามที่จะปัญหาให้ครอบครัวเธอ ซูเสี่ยวหลู่ยิ้มเยาะ “ปิดประตูแล้วปล่อยเสือ!”

จำนวนตอน :

บทที่ 5 เเยกบ้าน

  • 25/02/2566

ซูซานหลางไปถึงยังหน้าประตูและหยุดยืนสักพักก่อนจะเปิดประตูเข้าไป


เขาคุกเข่าลงต่อหน้าผู้เฒ่าซูและอธิบายว่า “ท่านพ่อ ข้าไม่ได้จงใจต่อต้านท่านแม่ เเต่ภรรยาข้านางกำลังตกอยู่ในอันตราย นางตกเลือดมากและนางก็กำลังจะตาย ดังนั้นข้าจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำอย่างนั้น นางให้กำเนิดลูกสี่คนเเก่ข้า ข้าไม่สามารถทำใจทิ้งให้นางรอความตายได้หรอกขอรับ”


“เจ้าลูกอกตัญญู ข้าเลี้ยงเจ้ามาเสียเปล่า ถ้าหากข้ารู้เเต่เเรกว่าเจ้าจะอกตัญญูถึงเพียงนี้ข้าคงกดเจ้าใส่โถปัสสาวะให้จมน้ำตายไปนานแล้ว เจ้ามันใจดำ ที่ทำกับข้าแบบนี้เพื่อนางแพศยา ถ้าข้าปล่อยให้เจ้าไม่เชื่อฟังข้าในวันนี้ พรุ่งนี้เจ้าคงจะกล้าเหยียบหัวข้าเเล้ว ในเมื่อเจ้าไม่มีข้าในใจ ข้าก็ไม่ต้องการลูกชายอย่างเจ้าที่ นำเเต่ขยะไร้ประโยชน์มาให้ครอบครัวของข้า!”

เเม่เฒ่าหวังชี้ไปที่ซูซานหลางและสาปแช่งเขาอย่างรุนแรง นางดูไม่ตื่นตระหนกเหมือนก่อนหน้านี้


ตอนนั้นนางอยู่คนเดียวในบ้าน และนางก็ไม่สามารถระงับซูซานหลางได้เมื่อเขาโกรธ ตอนนี้มันแตกต่างกัน หัวหน้าครอบครัวอยู่ที่นี่เเล้ว แม้ว่าซูซานหลางจะได้รับความกล้าเต็มร้อย เเต่เขาก็ไม่กล้าที่จะท้าทายบิดาผู้ให้กำเนิดของเขา!


“น้องสาม เจ้าโง่จริงเชียว เจ้ายังหาภรรยาได้อีก แต่เจ้ามีมารดาเเค่คนเดียวนะ”


สะใภ้หลี่เติมเชื้อไฟจากด้านข้าง ดูเหมือนว่านางจะลืมไปเสียสนิทว่านางเองก็เป็นลูกสะใภ้ที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลด้วย


สีหน้าของผู้เฒ่าซูมืดลงในขณะที่เขาถามว่า "ท่านหมอพูดว่าอย่างไร


ซูซานหลางขบกรามแน่น เส้นเลือดที่หน้าผากของเขาปูดโปน


เขาพูดด้วยความยากลำบาก “ท่านหมอหวู่บอกว่านางมีสุขภาพไม่ดีนักและไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้อีกในอนาคต นางจะต้องตายแน่ถ้าหากนางคลอดอีกครั้ง นางให้กำเนิดบุตรสี่คนเเก่ข้ามันก็เพียงพอเเล้ว มันเป็นความผิดของข้า ในอนาคตข้าจะไม่ปล่อยให้นางคลอดลูกอีก”

ด้วยเหตุนี้ ซูซานหลางจึงเงยหน้าขึ้นมองผู้เฒ่าซูด้วยสายตามุ่งมั่น


เขาเพียงต้องการเห็นความอบอุ่นในดวงตาของบิดาเขา แต่เขาก็พบเข้ากับความผิดหวัง มีเพียงความเย็นชาไม่รู้จบในดวงตาของผู้เฒ่าซู ในขณะนี้ ซูซานหลางเข้าใจเเล้วว่าบิดาของตนกำลังคิดจะแยกบ้านกับเขา


ก่อนที่บิดาเขาจะพูดจบ มารดาก็พูดอย่างเย็นชาว่า “นางเเพศยานั่นเป็นตัวซวย เจ้าต้องหย่ากับนางเสีย  เด็กเวรนั่นก็ซวยเช่นกัน 
นางเป็นตัวโชคร้ายในตอนที่นางเกิด เป็นการดีกว่าที่เจ้าจะกำจัดนางให้เร็วที่สุด หากเจ้าไม่เห็นด้วย ครอบครัวของเจ้าทั้งหมดก็จะประสบกับความหายนะ

ผู้เฒ่าซูสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนพูดกับซูซานหลางว่า “ซานหลางเอ้ย วันนี้เจ้าทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ข้ากับเเม่ของเจ้าทนไม่ได้หรอก  เจ้าได้ยินที่มารดาพูดหรือไม่? ถ้าเจ้าทำตามที่นางบอก เจ้าจะยังคงเป็นบุตรคนที่สามของข้า ถ้าหากเจ้าไม่เต็มใจ เจ้าก็พาครอบครัวของเจ้าออกไปจากบ้านตระกูลซูเสียเถิด


 ถ้านางจ้าวไม่สามารถให้กำเนิดได้อีก นางก็จะไร้ประโยชน์ บ้านสามมีบุตรถึงสี่คน แต่ก็ไม่มีใครสามารถเลี้ยงดูพวกเขาได้ เปรียบได้กับต้นกล้าที่เติบโตได้ไม่ดีในไร่นา ต้องถอนออกให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อต้นกล้าที่เติบโตได้ดี


หลังจากละทิ้งบ้านสาม ตนยังมีบุตรชายอีกสองคน ลูกชายคนโตมีลูกชายสามคนและลูกชายคนที่สองมีลูกชายสองคน สองครอบครัวนี้แต่ละคนกำลังจะส่งลูกชายไปเรียน ภาระอย่างบ้านสามจึงต้องถูกละทิ้งไป

บิดาดูเหมือนจะให้ทางเลือกแก่เขา แต่ในความเป็นจริงแล้วบิดาไม่เหลือทางรอดใดๆให้เเก่ตนเลย


บิดารู้ดีว่าเขาจะไม่หย่ากับนางจ้าวหรือทอดทิ้งบุตรที่เกิดมา


หัวใจของซูซานหลางเจ็บปวด เขาขบฟันอย่างหนักราวกับว่าเขาต้องการที่จะขบมันให้เเตก เขาไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งเขาได้ลิ้มรสเลือดในปาก

เขามองไปที่พ่อของเขาและพูดว่า "เอาล่ะถ้าท่านพ่อกับท่านแม่จะแยกข้าออกจากบ้าน ข้าก็จำใจ ข้าจะต้องอยู่ให้ได้ด้วยตนเอง”

หลังจากพูดเช่นนั้น ซูซานหลางก็ก้มศีรษะลงและก้มลงกราบผู้เฒ่าซูและเเม่เฒ่าหวัง


เขาหวังเพียงว่าสิ่งนี้จะทำให้บิดามารดาของเขารู้สึกเห็นอกเห็นใจและให้สิ่งต่างๆ แก่เขามากขึ้น


เเม่เฒ่าหวังหันกลับมาและเยาะเย้ยอย่างเย็นชา น่าสมเพช”


ผู้เฒ่าซูพูดอย่างใจเย็นว่า “ข้าจะให้เจ้า 200 ต้นใบเงิน ข้าว 50 ชั่ง เนื้อหมัก 10 จิน และไก่สองตัว  เจ้าพาครอบครัวไปอาศัยอยู่ในบ้านเก่าที่หลังภูเขาเถอะ แล้วข้าจะให้ที่ดินสี่หมู่แก่เจ้า แล้ว ข้าก็มีผักให้เจ้า 30 ชั่ง”

จากนั้น บิดาของเขาก็หยุดพูด ซูซานหลางรอสักพักก่อนเพื่อให้แน่ใจว่านี่คือทั้งหมดที่บิดาเเละมารดาของเขามอบให้


ตนมองไปยังบิดา ….
และเขาแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ ว่า“ท่านพ่อไม่มีที่นาให้ข้าบ้างเลยหรือ?”


ครอบครัวของเขามีที่ดินดี 10 หมู่และที่นาดีๆ 10 หมู่แต่พ่อของเขาไม่ต้องการยกที่นาให้เขาสักหมู่


ในบ้านมีไก่ยี่สิบตัว เป็ดห้าตัว และเนื้อหมักแปดหรือเก้าชิ้น แต่ละชิ้นมีน้ำหนักมากกว่าสิบจิน มีต้นใบเงินที่ให้ผลผลิตมากถึง 3000ชั่ง ทั้งยังมีข้าวกว่า 2000ชั่ง ถึงกระนั้น
พวกเขาให้ไก่สองตัว เนื้อสิบจิน ข้าวห้าสิบชั่ง ต้นใบเงิน 200 ชั่งและผัก30 ชั่ง


ซูซานหลางรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ไฉนพ่อแม่ลำเอียงเหลือเกิน


ผู้เฒ่าซู พูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้าไม่มีลูกชายมาสืบทอด พี่ชายคนโตและพี่ชายคนรองของเจ้ามีสมาชิกในครอบครัวมาก นอกจากนี้ ลูกๆของพวกเขา กำลังจะได้ไปเรียนในสำนักศึกษา ด้วยเหตุนี้เองครอบครัวของพวกเราคงต้องขายที่นาส่งพวกเขาเพื่อไปสอบ 
ข้ารู้สึกว่าข้าใจดีมากเเล้วที่ได้ปันสิ่งเหล่านี้ให้แก่เจ้า 

หากเจ้ายังมาสร้างแต่ปัญหา 
ข้าก็จะไปขอให้หัวหน้าหมู่บ้านเอาเจ้าออกจากทะเบียนครอบครัวและทำราวกับว่าข้าไม่เคยมีลูกชายอย่างเจ้ามาก่อน”


เมื่อพูดเช่นนั้น ผู้เฒ่าซูก็ชัดเจนเเล้วว่าเขาจะตัดขาดกับซูซานหลาง


พวกลูกๆของซานหลางเเละภรรยาทั้งหกคนคงไม่สามารถอยู่รอดได้ในฤดูหนาวนี้จนกว่าจะถึงฤดูเก็บเกี่ยวในปีหน้าด้วยของกินเพียงเท่านี้แน่นอน

เมื่อซานหลางได้ยินบิดาของเขาพูดเช่นนั้นแล้ว
มันจะยิ่งแย่ไปกว่าเดิมถ้าหากตนจะต่อรองอะไรอีก


ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยคราบน้ำตา แต่เขาจำต้องกัดฟัน แล้วตอบว่า ขอรับท่านพ่อ


เมื่อเห็น ซูซานหลาง  สีหน้าเศร้าหมอง

ผู้เฒ่าซู ก็เหมือนจะใจอ่อนลงเล็กน้อย 
“ข้าจะให้หม้อและกระทะอีกสองใบแก่เจ้า
ต่อให้ในอนาคตครอบครัวของเจ้าจะมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือไม่ก็ตามเจ้าก็ไม่ต้องมาตอบแทนข้า

หัวใจของซูซานหลางสั่นระรัว แต่เขาจำต้องอดทนต่อความเจ็บปวดและตอบกลับด้วยเสียงอันสั่นเครื่อว่า “ข้าทราบเเล้วขอรับท่านพ่อ”


ซูซานหลางลุกขึ้นและกำลังจะกลับไปที่เรือนหลังด้วยความงุนงง


สะใภ้หลี่เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น
นางก็อดที่จะยิ้มเยาะไม่ได้ 
นางสะกิด ซูต้าหลางเบา ๆ และพูดว่า
 “ต้าหลาง ครอบครัวของเจ้าสามกำลังจะออกไปใช้ชีวิตข้างนอกเเล้ว เจ้าไปช่วยเขาย้ายของสิ”


ซู่ต้าหลางไตร่ตรองและตระหนักว่าสถานการณ์นี้เป็นประโยชน์สำหรับเขา เขายิ้มและตอบตกลง 


ซูเอ้อหลางตอบว่า “นี่สิสิ่งที่ควรจะเป็น”


ซู่เอ้อหลางไม่ได้รู้สึกเศร้ามากนัก เขาได้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ พวกเขาก็ต่างเติบโตและมีครอบครัวของตนเอง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้แยกจากกัน แต่ครอบครัวของพวกเขาก็แตกต่างกัน


ครอบครัวของเจ้าสามเป็นภาระ มีบางอย่างผิดปกติกับสมองของ ซูฮั้ว และ ซูชง พวกเขาอาจสร้างปัญหาได้ในวันหนึ่ง ซานเม่ย และ ซีเม่ย ต่างก็เป็นเด็กผู้หญิง เมื่อโตขึ้นก็จะเป็นคนของบ้านอื่น อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์


ลูกชายของเอ้อหลางต้องไปสำนักศึกษาและนั่นจะต้องใช้เงิน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นการกำจัดภาระของครอบครัวนี้เป็นสิ่งที่ดี


ในนามของพี่น้อง ซูต้าหลาง และ ซูเอ้อหลาง ได้ย้ายของที่บิดาของพวกเขามอบให้กับซูซานหลางไปยังบ้านเก่าหลังภูเขา


อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่มีใครให้ความสนใจ สะใภ้หลี่ก็แอบย่องเข้าไปในเรือนด้านหลังอย่างเงียบๆ

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป