ซูซานหลางรับเงินและรีบวิ่งไปยังบ้านของหมอชราในหมู่บ้าน เขาพูดอย่างกระวนกระวายใจว่า
“ท่านหมอหวู่ ท่านไปที่บ้านของข้าเร็วๆ ช่วยไปดูภรรยาของข้าที หลังจากนางให้กำเนิด ซีเม่ย นางก็มีเลือดไหลออกไม่หยุด”
หมอหวู่เป็นชายชราอายุหกสิบกว่าปีเเล้วเขามายังหมู่บ้านเเห่งนี้เมื่อสามปีก่อน เขามีความรู้และทักษะทางการแพทย์
เขาจึงได้ตั้งรกรากอยู่ในหมู่บ้าน ฉะนั้นใครก็ตามที่ปวดหัวหรือเป็นไข้ก็จะต้องไปรักษากับเขา
ซูซานหลางยัดเหรียญทองแดงทั้งหมดไปที่มือของหมอหวู่
หมอหวู่ สังเกตเห็นได้ว่ามีเลือดแห้งติดอยู่บนเหรียญทองแดงเล็กน้อย เขาเหลือบมองไปที่ซูซานหลางแล้วพูดว่า
“แม้ว่าข้าจะตรวจโรคของสตรีไม่เก่ง แต่ข้าก็จะไปดูให้เจ้าละกัน”
หมอหวู่ หันไปหยิบล่วมยาแล้วเดินตาม ซูซานหลาง ออกไป
ซูซานหลางเดินอย่างรวดเร็ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขากระวนกระวายเพียงใด
หมอหวู่ อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมอง ซูซานหลาง อีกครั้ง เขาเป็นชายผิวคล้ำวัยสามสิบปี
เสื้อผ้าของเขาเต็มไปด้วยรอยปะชุน ส่วนรองเท้าก็มีรูขาด หลังของเขาก็ดูค่อมเล็กน้อย
เมื่อหมอหวู่กับซานหลางเดินไปถึงที่พัก ทั้งคู่ก็รีบวิ่งเข้าไปหา มารดาของซานหลางซึ่งกำลังทุบตีซูซานเม่ยอยู่
“ข้าจะตีแกให้ตาย ไอ้สารเลว ไอ้ขโมย. แกกล้าดียังไงมาขโมยของจากครอบครัวของข้า ห๊ะ…”
เสียงสาปแช่งของ เเม่เฒ่าหวัง เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท
ซูซานเม่ยดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดและร้องขอความเมตตา
“ท่านย่า ข้าผิดไปแล้ว อย่าตีข้าเลย…”
"ท่านแม่."
หัวใจของซูซานหลางรู้สึกเจ็บปวด เมื่อแม่ของตนตีซูซานเม่ย มันไม่ใช่การลงโทษที่เบา นางเหวี่ยงไม้อย่างแรง
จากนั้นก็จิกผมของซูซานเม่ยขณะที่นางพยายามจะวิ่งหนี นางหวังสาปแช่งพร้อมกับทุบตีซูซานเม่ยไม่หยุด
เเม่เฒ่าหวังรีบปล่อยมือออกเนื่องจากได้ยินเสียงของซูซานหลาง ซูซานเม่ยวิ่งไปที่ด้านข้างของซูซานหลางทันที
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยน้ำตา แต่นางไม่กล้าพูดอะไรที่ไม่ดีเกี่ยวกับเเม่เฒ่าหวัง
หัวใจของ ซูซานหลาง ปวดร้าว แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่กันซูซานเม่ยไว้ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
เขาพูดกับ หมอหวู่ว่า "หมอหวู่ ตามข้ามา"
หมอหวู่ พยักหน้าแล้วเดินตามซูซานหลางไปที่ห้องทางด้านหลัง
เขาผลักประตูเปิดออก ภายในมืดสนิททั้งยังมีกลิ่นเลือดที่รุนแรง
หมอหวู่ ก้มลงเพื่อเข้าไป ซูซานหลางจับมือซู่ซานเม่ยพร้อมเดินตามเข้าไปอย่างเป็นห่วง
นางจ้าว นอนหมดสติอยู่บนเตียง หมอหวู่ จับชีพจรของนางแล้วพูดว่า
"ร่างกายของนางอ่อนแรงเนื่องจากนางเสียเลือดมากเกินไป ข้าจะห้ามเลือดให้นางก่อน ถึงอย่างนั้นนางก็ต้องกินยา
เพื่อรักษาตัว และถ้านางต้องการมีชีวิตอยู่ นางต้องไม่ให้กำเนิดบุตรอีกในอนาคต ถ้านางฝืนทำนางตายแน่”
ชีพจรของนางจ้าวอ่อนแรงมาก ราวกับว่าชีวิตนางถูกแขวนไว้บนเส้นด้าย เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อที่นางสามารถอดทนอยู่ได้จนกระทั่งเขามาถึง
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ นางคงจะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ในอนาคตอย่างแน่นอน
เมื่อซูซานหลางได้ยินเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่สนใจว่านางจ้าวจะสามารถให้กำเนิดบุตรได้อีกหรือไม่....
เขากลับถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดว่า “ตราบใดที่นางยังมีชีวิตอยู่”
ถ้านางจะไม่สามารถมีลูกได้อีก ก็ช่างมันเถอะ
นางได้ให้กำเนิดลูกสี่คนสำหรับซูซานหลางแล้ว และไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีลูกชาย ฉะนั้นซูซานหลางไม่มีสิทธิ์ตำหนินาง
เพราะนี่คือชะตากรรมของเขา
เมื่อ หมอหวู่ ได้ยินเสียงถอนหายใจของซูซานหลาง เขาพูดในขณะที่เขาทำการฝังเข็มให้กับ นางจ้าว ว่า
“ภรรยาของเจ้าปลอดภัยและมีชีวิตรอดได้ หากช้ากว่านี้ แม้แต่หมอเทวดาก็ไม่สามารถช่วยนางได้
ซูซานหลางหลังจากนี้เจ้าต้องพบข้าอีกที จะได้เอายามาต้มให้นางดื่ม
ร่างกายของนางอ่อนแอมากและนางต้องนอนพักผ่อนบนเตียงประมาณสองเดือน”
ร่างกายของนางจ้าวอ่อนแอมาก นางตั้งครรภ์ แต่นางดูผอมแห้งเป็นอย่างมาก เมื่อหมอหวู่จับชีพจรของนาง
เขาก็รู้ทันทีว่านางไม่ค่อยได้กินอาหาร ใบหน้าของนางซีดเผือดและสุขภาพของนางก็ไม่ดี
ในสภาวะครอบครัวแบบนี้ เขาไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดีที่นางยังมีชีวิตรอดอยู่
เมื่อซู่ซานหลางได้ยินเช่นนั้น เขาก็กำหมัดแน่นและตอบว่า "ขอบคุณ หมอหวู่ ข้าเข้าใจ."
“ลูกสาวคนเล็กของเจ้าตื่นแล้ว”
เมื่อ หมอหวู่ กำลังเอาเข็มออก เขาก็พบว่า ซูเสี่ยวหลู่ ลืมตาตื่นขึ้นแล้ว ทารกแรกเกิดดูน่ารักน่าเอ็นดูเป็นอย่างมาก
เมื่อเธอตื่น เธอก็ไม่ได้ร้องไห้หรือเอะอะโวยวาย สายตาของเธอดูเหมือนจะมองมาที่หมอหวู่
เธอเชื่อฟังมากจน หมอหวู่ อดไม่ได้ที่จะยิ้ม เธอเป็นเด็กดี
ซู่ซานหลางมองดู และดวงตาของซูเสี่ยวหลู่ก็หันไปหาเขาทันที แม้ว่าการมองเห็นของนางจะพร่ามัวเล็กน้อย
แต่ซูเสี่ยวหลู่ก็ยังจำเขาได้
ผู้ชายคนนี้คือพ่อของเธอ
เธอรู้สึกตัวได้สักพักแล้วและได้ยินบทสนทนาระหว่างพ่อของเธอกับหมอ ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจตั้งแต่แรก
ตอนนี้ครอบครัวของเธออยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก แต่ถึงอย่างนั้นพ่อแม่ของเธอก็เป็นพ่อแม่ที่ดี
“ซีเม่ย ทำตัวดีๆ อย่าร้องไห้ เดี๋ยวพ่อจะทำน้ำหวานเชื่อมให้”
การเชื่อฟังของซูเสี่ยวหลู่ ทำให้ซูซานหลางสบายใจ ด้วยเหตุผลบางอย่าง
เขารู้สึกว่าลูกสาวแรกเกิดสามารถเข้าใจคำพูดของเขาได้
ซีเม่ยไม่ได้กินอะไรมาหลายชั่วโมงแล้วตั้งแต่ที่เธอเกิด แต่เธอก็ไม่ร้องไห้ เธอมองซานหลาง
หาว จากนั้นก็หลับตาลงอีกครั้งเพื่อเข้าสู่ห้วงนิทรา
ซูเสี่ยวหลู่ผล็อยหลับไปอีกครั้ง ส่วนใหญ่เป็นเพราะเธอรู้สึกหิว
แน่นอนว่าตอนนี้เธอก็ไม่มีอะไรจะกินเธอจึงตัดสินใจว่าควรนอน เพราะเวลานอนเธอจะได้ไม่หิว
อย่างไรก็ตาม เธอนอนไม่หลับจริงๆ
เธอปล่อยให้จิตใต้สำนึกของเธอเข้าไปในมิติเพื่อรับปราญของพลังงานทางวิญญาณ
เธอยอมรับความจริงที่ว่าเธอได้เกิดใหม่เป็นทารกในครรภ์
นอกจากนี้ เธอยังมีช่องว่างระหว่างมิติ มันไม่มีประโยชน์มากสำหรับเธอในตอนนี้ แต่เเมื่อเธอโตขึ้น
สามารถเดินและวิ่งได้ก็จะมีประโยชน์มาก
เมื่อเธอเข้าไปในมิติ มันเหมือนกับว่าวิญญาณของเธอมาที่นี่ในขณะที่ร่างกายของเธอกำลังหลับใหลอยู่นอกมิติ
เธอไม่ต้องกังวลว่าจะถูกล่วงรู้ และเธอยังสามารถทำความสะอาดตัวเองได้ภายในมิติขณะที่เธอหลับอยู่ข้างนอก มันรู้สึกดีมาก
“ลูกสาวของเจ้าเชื่อฟังเป็นอย่างมาก ในชีวิตหกสิบปีนี้ ข้าไม่เคยเห็นเด็กที่เชื่อฟังเช่นนี้มาก่อนเลย”
หมอหวู่คิดว่าถ้ามีคนพูดคุยทารกจะเริ่มร้องไห้ เเต่ไม่คาดคิดว่านางจะไม่ร้อง เขารู้สึกเเปลกใจเเละอดไม่ได้ที่จะมองอีกสักสองสามรอบ
ซูซานเม่ยพูดเบา ๆ ว่า “ท่านพ่อ ทำไมตอนนี้ซีเม่ยไม่ร้องไห้แล้วล่ะ”
ซูซานหลางรู้สึกกระวนกระวายใจในทันใด “หมอหวู่ ท่านดูลูกสาวข้าสิ มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
เมื่อนึกถึงลูกชายที่โง่เขลาทั้งสองของเขา หัวใจของซูซานหลางก็บีบรัดแน่น กลัวว่าจะมีบางอย่างผิดปกติกับลูกสาวคนที่สี่ของเขา
หมอหวู่ บรรจุเข็มเงินและยิ้ม “ลูกสาวของเจ้ามีสุขภาพดีมาก ผิวของนางมีเลือดฝาดและดวงตาของนางก็สดใส นางไม่สามารถมีสุขภาพที่ดีไปมากกว่านี้ได้เเล้วล่ะ”
ซูซานหลางค่อยๆผ่อนคลายลง เขาดีใจที่ลูกไม่เป็นไร
หมอหวู่เก็บกล่องยาและพูดกับ ซูซานหลางว่า "เอาล่ะ เลือดหยุดไหลแล้วต่อจากนี้ก็กินยาแล้วพักผ่อนให้เพียงพอ”
ซูซานหลางถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกำลังจะตามหมอหวู่กลับไปรับยาสักพักเขาก็ได้ยินเสียงผู้เฒ่าซูกลับบ้าน จากนั้นเขาก็ได้ยินเเม่เฒ่าหวังคร่ำครวญและบ่น
“ตาเฒ่า เจ้าต้องช่วยข้า ซานหลาง ไอ้ลูกชายอกตัญญูคนนี้ก่อกบฏ…”
ซูซานหลางขมวดคิ้ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ได้
หมอหวู่ถอนหายใจเบา ๆ และพูดว่า“ ถ้าเจ้าไม่ว่าง ก็ให้ลูกสาวของเจ้าไปรับยากับข้าเถอะ”
ซูซานหลางมองไปที่เฒ่าหวู่ด้วยความซาบซึ้งใจ จากนั้นเขาจึงพูดกับซูซานเม่ยว่า “ซานเม่ย กลับไปกับหมอหวู่เพื่อรับยาให้แม่ของเจ้า”
ซูซานเม่ยพยักหน้าอย่างเชื่อฟังและเดินตามหมอหวู่ออกไป
ซูซานหลางปิดประตูเบา ๆ และมุ่งหน้าไปยังห้องโถง เขารู้ว่ามีภัยพิบัติกำลังรอเขาอยู่ เเละเขาก็เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่ลึก ๆ แล้ว เขาก็ยังคงหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ ข้าเป็นลูกชายแท้ๆ ของท่านพ่อท่านแม่ พวกท่านคงจะไม่บังคับให้ครอบครัวของข้าต้องตายหรอกกระมัง