ใบหน้าของ ผู้เฒ่าซู เคร่งขรึม ในขณะที่เขาจ้องมองที่ ซูซานเม่ยเขม่ง นั่นจึงทำให้นางกลัว
ซูซานหลาง กลืนน้ำลายและซ่อนความขมขื่นไว้ในใจ เขาถามซูซานเม่ยเบา ๆ ว่า “ซานเม่ย แม่ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?
แล้วน้องคนเล็กของเจ้าล่ะ?”
ซูซานเม่ยนึกถึงนางจ้าวผู้อ่อนแอ นางเงยหน้าขึ้นมองพร้อมส่ายหน้าทั้งน้ำตา นางกระซิบ “น้องตัวน้อยของข้าร้องไห้
ส่วนท่านแม่ไม่มีแรงและยังไม่ได้กินอะไรเลย…”
ใจของ ซูซานหลาง รู้สึกเจ็บปวดเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขากัดฟันและหันไปเผชิญหน้ากับสีหน้าเคร่งขรึมของ ผู้เฒ่าซู
“ท่านพ่อ ข้าขอตัวกลับก่อน
ใบหน้าของ ผู้เฒ่าซู ขมึงในทันที
“นางจ้าว ให้กำเนิดลูกมามากแล้ว เจ้าจะไปดูอะไรอีก? ไม่ว่าเจ้าจะไปดูยังไงก็ผู้หญิงหาใช่ผู้ชาย”
ซูซานหลางแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เขารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงรีบเก็บต้นใบเงิน
ใส่ตะกร้า แล้วจึงรีบกลับบ้านพร้อมกับซูซานเม่ย
ก่อนที่จะกลับบ้าน ซูซานหลาง ก็ได้ยินเสียงแม่ของเขา ตะโกนด่าเขาอยู่
เพื่อนบ้านหลายคนนั่งฟังอยู่นอกบ้าน เมื่อพวกเขาเห็นซูซานหลาง พวกเขาทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีด้วย ซานหลาง เจ้าได้เป็นพ่อคนอีกครั้งแล้ว การมีลูกสาวมิใช่เรื่องผิด”
ซูซานหลางไม่มีเวลาที่จะมาเล่นตลกกับคนพวกนี้ เขารู้สึกขมขื่นในใจ เขาไม่สามารถรู้ได้ว่าคนเหล่านี้กำลังเยาะเย้ยเขาหรือไม่?
เด็กสี่คน สองคนพิการทางสมอง และอีกสองคนเป็นผู้หญิง คงไม่มีใครอยากรับเลี้ยงพวกเขา
หลังจากนั้นเขาวางตระกร้าต้นใบเงินลง ในห้องโถงกลางบ้าน ซูซานหลางก็เดินไปที่เรือนหด้านหลังอย่างร้อนรน
ขณะที่เขาเปิดประตู ซูซานหลางก็ได้กลิ่นคาวเลือด
กลิ่นเลือดนี้รุนแรงขึ้นกว่าเดิมสามเท่า
นางจ้าว นอนนิ่งอยู่บนเตียง สายตาของ ซูซานหลาง ดูเศร้าหมองทันที
“ภรรยาที่รักของข้า…”
ซูซานเม่ยวิ่งไปที่เตียง จากนั้นนางก็เขย่าตัวแม่ของนาง แล้วตะโกนว่า "ท่านแม่ ท่านแม่!"
นางจ้าว ตื่นขึ้นมาและพูดอย่างอ่อนแรงว่า “ซานเม่ย เจ้ากลับมาแล้วหรือ แล้วท่านพ่อของเจ้าล่ะ”
เมื่อ ซูซานหลางได้ยินเสียงของ นางจ้าว เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก เขารีบเช็ดหน้าแล้วเดินไปด้วยรอยยิ้ม "ข้าอยู่นี่
จากนั้นสายตาของเขาเริ่มปรับตัวกับความมืดสลัวของบ้านได้ ซูซานหลางก็เห็นลูกสาวตัวน้อยนอนหลับอย่างน่าเอ็นดู
ซูซานหลางรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก
เขาหันไปหาซูซานเม่ยแล้วพูดว่า “ซานเม่ย ไปที่ครัวแล้วต้มน้ำร้อน มาทำความสะอาดให้แม่ของเจ้าที”
“ซานหลาง…”
นางจ้าว น้ำตาไหล นางไม่ต้องการให้ ซูซานหลาง เปื้อนเลือด แต่นางก็ไม่สามารถขยับตัวได้
นางต้องการปฏิเสธซูซานหลางและปล่อยให้นางค่อยๆ ทำความสะอาดด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม ซูซานหลางจับมือนางจ้าวและพูดอย่างอ่อนโยนว่า
“ข้าเสียใจที่ทำให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมาน ให้ข้าช่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ดูแลเจ้าเถอะ”
ซูซานหลางโทษตัวเองตลอดเวลา ที่เขาไม่สามารถเป็นเสาหลักของบ้านได้
ภรรยาของเขาเพิ่งคลอดลูกเขาไม่สามารถแม้แต่จะป้อนข้าวร้อนร้อน ให้นางสักคำ
การทำความสะอาดให้นาง เป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้
นางจ้าว กลั้นเสียงสะอื้นของนาง
ซูซานเม่ยก็นำน้ำร้อนมาให้
ซูซานหลางยกผ้าห่มขึ้นและทำความสะอาดที่นอนให้นางจ้าว
เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ ทำไมเลือดภรรยาของข้าไหลไม่หยุดเลยล่ะ?
ร่างกายของนางจ้าว เริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ ถ้าเลือดยังไหลไม่หยุด นางจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร?
“ไม่นะ ข้าจะรีบพาเจ้าไปหาหมอเพื่อการนี้ข้าจะไปขอร้องท่านแม่”
ซูซานหลางวางผ้าเช็ดหน้าลงทันทีและลุกขึ้นรีบวิ่งไปที่ห้องหลักของบ้าน
แม่ของซูซานหลาง ยังคงสาปแช่งนางจ้าวอยู่
เมื่อซูซานหลางมาถึงหน้าประตู เขาก็เปิดเข้าไป เขาคุกเข่าลงต่อหน้าแม่ของเขา ซึ่งนั่งอยู่บนเตียง
จากนั้นเขาก็ พูดขึ้นอย่างกระวนกระวายว่า “ท่านแม่ ท่านแม่ ภรรยาของข้าเลือดไหลไม่หยุด ท่านเรียกหมอมาดูนางหน่อย”
เมื่อแม่ของเขาได้ยินดังนั้น ก็โกรธเป็นอย่างมาก นางชี้ไปที่ซูซานหลางและต่อว่าอย่างรุนแรง
“หมออะไร? คนอย่างเจ้าที่ให้กำเนิดแต่ตัวโชคร้าย
ทำไมเจ้า ไม่กลับไปทำงาน ห๊ะ?
ดูพวกไร้ประโยชน์ในครอบครัวของเจ้าสิ เจ้าต้องการให้ข้าเลี้ยงดูพวกเจ้าทั้งหมดโดยเปล่าประโยชน์งั้นรึ!”
น้ำเสียง แม่เฒ่าหวังเต็มไปด้วยความโกรธและขยะแขยง
นางผิดหวังกับลูกชายคนที่สามของนาง และนางก็เกลียดหลานชายโง่ๆสองคนของนางด้วย
มิหนำซ้ำนางยิ่งเกลียดหลานสาวที่ไร้ค่าทั้งสองของนาง เป็นอย่างมาก
หาหมองั้นรึ.? อย่าแม้แต่จะคิด ให้มันไปเกิดใหม่เสียเถอะ
คำพูดเย็นชาจากมารดาของเขา ทำให้รูสึกเหมือนมีดแทงเข้าไปในหัวใจของซูซานหลาง เขารู้สึกจุกอยู่ที่อก
เเต่เมื่อนึกถึงภรรยาของเขา ซูซานหลางก็กัดฟันแล้วพูดว่า
“ท่านแม่ !!
นางเป็นภรรยาของข้าและเป็นแม่ของลูก
ถ้าเกิดว่านางเป็นอะไรไป ลูกๆ ของข้าก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ ถ้าเป็นแบบนั้นข้าก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว
แล้วอย่ามา โทษข้าถ้าข้าคิดทำอะไรบ้าๆ ขึ้นมา”
ซูซานหลางกำหมัดแน่น เขาเชื่อฟังมารดาเสมอ แต่เมื่อเขาโกรธ เขาก็ไร้ความปรานีเช่นกัน
นางหวังมองไปที่ซูซานหลางและตกตะลึงกับคำพูดเขา
หลังจากนั้นนางก็หยิบเหรียญทองแดงออกมาและโยนไปที่ซูซานหลาง นางตะโกนเสียงดัง
“เจ้าลูกอกตัญญู ลูกอกตัญญู สะใภ้ใหญ่เจ้าไปที่ทุ่งหญ้าและเรียกพ่อตากลับมา ลูกอกตัญญูคนนี้กำลังจะก่อกบฏ มันกำลังจะฆ่ามารดาเเท้ๆของตนเอง”
ซู่ซานหลางไม่สนใจเสียงตะโกนจากแม่ของเขาเลย เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดจากเสียงสาปเเช่งเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเหรียญทองแดงหล่นลงตรงหน้าของเขา
เขารีบหยิบมันขึ้นมาและวิ่งออกไป
สะใภ้หลี่ที่ได้ยินเสียงวุ่นวายจึงเดินออกมาดู นางเห็นซูซานหลางวิ่งออกจากบ้านอย่างรีบร้อน
นางรู้สึกได้ถึงความเครียดที่ผิดปกติ นางซ่อนรอยยิ้มในดวงตาของนางทันที
จากนั้นนางก็แสร้งทำเป็นตกใจและวิ่งเข้าไปในห้องหลัก นางอุทานว่า “ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้น? เจ้าสามทำอะไร…”
นางหวังกัดฟันและพูดว่า “รีบไปที่สวนแล้วพาทั้งครอบครัวกลับมาเร็ว ข้าต้องตัดเจ้าสามออกจากครอบครัว ”
สะใภ้หลี่แสร้งทำเป็นตกใจและหวาดกลัว “ก็ได้ ก็ได้”
สะใภ้หลี่หันหลังกลับและเดินออกจากห้องหลัก เมื่อนางเห็นซูซานเม่ยผู้ขี้อายอยู่ไม่ไกล นางจ้องมองอย่างดุดันก่อนเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
นางมีลูกชายสามคน เเม่เฒ่าหวังและผู้เฒ่าซูก็อายุมากแล้ว ดังนั้นครอบครัวนี้จึงจะต้องเเยกบ้านไม่ช้าก็เร็ว
ครอบครัว ซูเอ้อหลางมีลูกชายสองคนและลูกสาวหนึ่งคน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องแก่งแย่งมรดกกับนางอย่างแน่นอน
ส่วนครอบครัวซูซานหลางจัดการได้ง่ายกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
เป็นเรื่องดีที่สามารถขับไล่ครอบครัวไร้ประโยชน์นี้ออกไปโดยเร็วที่สุด
เมื่อเช้าวานนี้ ตอนที่นางจ้าว คลอดบุตร นางกลัวมากว่าจะให้กำเนิดลูกชาย โชคดีที่นางไม่ได้ให้กำเนิดบุตรชาย
ตอนนี้ซูซานหลางไม่เชื่อฟังแม่เฒ่าหวังแล้ว สำหรับนางนี่เป็นโอกาสที่ดีจริงๆ
สะใภ้หลี่มีความสุขมาก แต่นางก็รีบเเสร้งแสดงสีหน้าที่หวาดกลัว ระหว่างทางนางทำผมให้ยุ่งเหยิงและเเสร้งร้องไห้ นางวิ่งเข้าไปในทุ่งหญ้าและ
ร้องเสียงดังจากที่ไกลๆ “ท่านพ่อ ต้าหลาง เอ้อหลาง พวกท่านรีบกลับเรือนเร็ว ซูซานหลางทำร้ายท่านแม่—”