Your Wishlist

ทะลุมิติไปเป็นตัวเสี่ยงโชคของครอบครัวเกษตรกรรม (บทที่ 2 อันตราย)

Author: สรรหามาฟัง

“เด็กนั่นเป็นตัวโชคร้ายเจ้าต้องกำจัดนางทิ้งเสีย มิฉะนั้นเจ้าและครอบครัวของเจ้าจงออกไปจากตระกูลข้า” ซูเสี่ยวหลู่ทะลุมิติมายังโลกใบนี้ตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กทารก และทันทีที่เธอลืมตาขึ้น เธอก็ถูกย่าผู้ชั่วร้ายมองว่าเธอเป็นภาระและตัวโชคร้าย ซูซานหลางพ่อของเธอกัดฟันและพูดว่า “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น ท่านแยกพวกเราออกจากตระกูลเถอะเเล้วพวกเราจะออกไป” เพื่อรักษาชีวิตของเธอ พวกเขาถูกบังคับให้ออกจากตระกูลและเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อื่น พวกเธอต้องเสี่ยงกับอาชีพใหม่ ออกไปล่าสัตว์ และชีวิตของพวกเธอก็ค่อยๆ ดีขึ้น แม้จะถูกเรียกว่าตัวซวย แต่เธอก็กลายเป็นลูกศิษย์ของหมอเทวดาเมื่อเธออายุได้สามขวบ!! เเถมยังได้รับมรดกตกทอดของเขา และกลายเป็นที่รู้จักไปทั่ว เธอรักษาโรคทางสมองของพี่ชายเธอ และพี่ชายคนโตของเธอก็กลายเป็นจอมยุทธ์เลื่องชื่อ ในขณะที่พี่ชายคนที่สองของเธอก็กลายเป็นขุนนาง พวกเขาทั้งหมดนำเกียรติมาสู่ครอบครัว ปัจจุบันเธอเป็นแพทย์ฝีมือระดับเทพและมีความเชี่ยวชาญในสูตรอาหารยา เเถมเธอยังเป็นเจ้าของร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในราชวงศ์โจวและทำกำไลได้มหาศาลจนเธอไม่สามารถใช้จ่ายให้หมดภายในสิบชีวิตได้ ครอบครัวของเธอเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นและญาติที่น่ารังเกียจของพวกเธอก็ปรากฏตัวขึ้นและพยายามที่จะปัญหาให้ครอบครัวเธอ ซูเสี่ยวหลู่ยิ้มเยาะ “ปิดประตูแล้วปล่อยเสือ!”

จำนวนตอน :

บทที่ 2 อันตราย

  • 25/02/2566

ขณะที่นางจ้าว ฟังคำสาปแช่ง น้ำตาของนางก็ไหลนองออกมา


ซูเสี่ยวหลู่ มองไปที่ นางจ้าว ที่น้ำตาไหลเพราะเสียงสาปแช่ง


เธอเป็นแพทย์แผนจีนที่อาศัยอยู่ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ระหว่างเดินทางไปรับประทานอาหารรอบดึก เธอถูกรถพุ่งเข้าชนบนทางเท้าจนสิ้นใจ

ทันใดนั้นเธอได้ฟื้นคืนสติ สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเธอได้กำเนิดเป็นทารก

เธอจุติในครรภ์ สมัยโบราณ.


สมัยก่อนนิยมให้กำเนิดผู้ชายมากกว่าผู้หญิง การกำเนิดของเธอไม่ใช่เรื่องที่ดี เธอรู้จากเสียงสาปแช่งของหญิงชราที่อยากให้เธอตายทันทีที่เธอเกิด


ซูเสี่ยวหลู่ รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับ นางจ้าว สัญชาตญาณที่แม่นยำของเธอบอกว่านางจ้าว กำลังตกอยู่ในสภาวะอันตราย


เมื่อพินิจถึงการกำเนิดของเธอ

ทันใดนั้นซูเสี่ยวหลู่นึกถึงการตกเลือดหลังคลอด!


อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอยังเด็กและไม่สามารถพูดได้  ซูเสี่ยวหลู่ จ้องมองไปที่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ข้างๆ นางจ้าว  
เธอได้ยินสาวน้อยคนนี้เรียกนางจ้าวว่าท่านแม่
และ
นางจ้าว เรียกเธอว่า ซานเม่ย นี่ต้องเป็นพี่สาวของเธอแน่ๆ


ไม่มีใครจะสามารถช่วยนางจ้าวได้ และพี่สาวอาจจะเป็นคนเดียวที่ทำได้ แต่เธอไม่สามารถพูดได้ 
เธอจะบอกพี่ของเธอได้อย่างไรว่าท่านแม่ของเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย? ซูเสี่ยวหลู่นึกไม่ออก เธอจึงทำได้เพียงกลั้นหายใจและร้องไห้


“แง”

ซูเสี่ยวหลู่แผดเสียงดังลั่น


สติของนางจ้าว ฟื้นคืนกลับมา สัญชาตญาณของความเป็นมารดาจึงยกมือขึ้นลูบลูกสาว 

“ซีเม่ย  อย่าร้อง…อย่าร้อง…”


ซูซานเม่ยฟื้นคืนสติและปีนขึ้นไปบนเตียงเพื่อช่วยนางจ้าวกล่อมน้องสาวของนาง


“ทำตัวดีๆ น้องสาว อย่าร้องข้าจะดูแลเจ้าเอง"

ซูซานเม่ยคุกเข่าที่ด้านในของเตียงและอุ้มซูเสี่ยวหลู่อย่างระมัดระวังเพื่อเกลี้ยกล่อมเธอ


ซูเสี่ยวหลู่ร้องไห้ไม่หยุด ใบหน้าของเธอแดงอันเนื่องมาจากการกลั้นหายใจ แม้ว่าเธอจะหายใจไม่ออก แต่เธอก็ไม่หยุด เสียงร้องของเธอดังมากจนกลบเสียงสาปแช่งของแม่เฒ่าหวัง


โชคดีที่เธอมีสุขภาพแข็งแรง


“แง—”


เสียงร้องของเธอทำให้หัวใจของนางจ้าวปวดร้าว นางกลัวว่าลูกสาวของนางอาจจะป่วย นางรู้ว่านางมิสามารถพึ่งพาแม่สามีและพี่สะใภ้ของนางได้ 
กระนั้น นางจึงดึงแขนเสื้อของซูซานเม่ยเบา ๆ และพูดอย่างอ่อนแรงว่า “ซานเม่ย วางซีเม่ยลงข้างแม่ ไปเรียกพ่อของเจ้าที่ทุ่งหญ้า”


ซานเม่ย วางซูเสี่ยวหลู่ ลงอย่างเชื่อฟังและลงจากเตียง ทันใดนั้นนางก็รีบเปิดประตูแล้ววิ่งออกไป

.

เมื่อเห็นว่าซูซานเม่ยไปขอความช่วยเหลือ ซูเสี่ยวหลู่ก็หยุดร้องไห้


นางหวังนั่งในห้องและสาปแช่งไม่หยุด


“นางตัวซวย แกจะร้องไห้จนกว่าจะตายเลยรึไง ถ้าเจ้าร้องไห้อีก ข้าจะเข้าไปจับเจ้า…”

“เจ้าขี้แพ้ ร้องไห้ให้ตัวเองตาย หุบปากแล้วไปตายเสีย ไอ้สารเลวอายุสั้น”


นางหวังสาปเเช่งอย่างไม่พอใจ 

นางจ้าวนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดเมื่อได้ยิน


ขณะที่นางสะอื้น นางตบก้น ซูเสี่ยวหลู่และกระซิบเบา ๆ ว่า “ซีเม่ยของข้าเป็นเด็กดี นางจะต้องมีสุขภาพแข็งแรงและมีชีวิตที่ยืนยาว…”


ซูเสี่ยวหลู่หยุดร้องไห้และตัวสั่น เธอรู้สึกแย่มาก เธอสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและความรักของนางจ้าว ไม่ว่าครอบครัวนี้จะต้อนรับเธอหรือไม่ 
เเต่แม่ของเธอก็ยินดีที่จะต้อนรับเธอ


แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน มันยากที่จะบอกว่าเธอจะมีชีวิตอยู่เพื่อเติบโตได้หรือไม่


การกลายเป็นทารกทำให้เธอหมดพลัง สถานการณ์ของนางจ้าวอันตรายเกินไป เธอรู้สึกได้ถึงชีวิตของเธอที่ค่อยๆ หลุดลอยไป


เธอโวยวายขึ้น ทันใดนั้น ทุกอย่างก็กลายเป็นสีดำ


ทันใดนั้นเธอก็พบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เธอนอนอยู่ข้างน้ำพุเล็กๆ โดยมีดินสีดำสองกองอยู่ข้างๆ เธอ เธอยังเป็นทารก แต่มีบางอย่างที่แตกต่างออกไป


เธอนึกถึงนิยายที่เธอเคยอ่าน นี่อาจจะเป็นมิติ?


ขณะที่เธอครุ่นคิด การมองเห็นของเธอก็มืดสนิดลงอีกครั้ง เมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง นางจ้าวก็อยู่ข้างๆ เธอ ตาของนางปิดอยู่และมือของนางยังคงตบเบา ๆ โดยที่นางไม่รู้ตัว


ซูเสี่ยวหลู่ นึกถึงการเข้าสู่มิติ เมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอนอนอยู่ริมน้ำพุ


เธอหายใจเข้าลึกๆ บรรยากาศรอบๆทั้งพื้นดิน ทั้งน้ำพุนั้นดูพิกลแปลกๆ ยังไงก็ตาม ถ้าเพียงเธอสามารถให้ นางจ้าว ดื่มน้ำแร่จิตแห่งวิญญาณนี้ได้


ซู่เสี่ยวหลู่เพ่งจิต และพยายามอย่างเงียบๆ


ในที่สุดเธอก็พยายามที่จะหลั่งน้ำพุจิตวิญญาณได้ นิ้วของเธอรู้สึกเปียกเธอพยายามดิ้น สะไภ้หลี่ไม่ได้ห่อเธอไว้เเน่นหนามากนัก ดังนั้นเธอจึงสามารถยกมือขึ้นได้อย่างปราดเปรียว เธอดูดนิ้วหัวแม่มือและชิมน้ำหวานจากน้ำพุ


เมื่อมองไปที่นางจ้าว ซึ่งตาปิดแน่น ซู่เสี่ยวหลู่เอื้อมมือไปยังปากของนางจ้าวด้วยความยากลำบาก


อาจเป็นเพราะตอนนี้เธออ่อนแอเกินไป น้ำพุจิตวิญญาณจึงหยดออกมาทีละหยดเท่านั้น


หลังจากทำให้ปากของนางจ้าวเปียกชื้นแล้ว นางจ้าวก็เลียริมฝีปากของนาง นางเหนื่อยจนลืมตาไม่ขึ้น ด้วยความงุนงง นางรู้สึกว่าริมฝีปากของนางเย็น นางเลียริมฝีปากโดยไม่รู้สึกตัว


มันเป็นน้ำ นางต้องการน้ำมาก


เมื่อนางดื่มเข้าไป นางรู้สึกได้ถึงพลังอันอบอุ่นที่หล่อเลี้ยงนาง ค่อยๆ ให้กำลังแก่นาง นางลืมตาขึ้นและพบมือของลูกสาวตัวน้อยมาที่ปากของนาง นางจ้าว ตกตะลึงและรีบผลักมือของ ซู่เสี่ยวหลู่ ออกไป


หลังจากตรวจสอบแล้วว่ามือของลูกสาวปลอดภัยดีแล้ว นางจ้าวก็ขอโทษด้วยความรู้สึกผิด “ซีเมย่ แม่ขอโทษ แม่หิวจนเกือบจะกินเจ้าแล้ว”

หลังจากให้นางจ้าวดื่มน้ำแร่จิตวิญญาณชามเล็ก ๆ ซูเสี่ยวหลู่รู้สึกเหนื่อยและง่วงนอนมาก เธอหลับตาลงและหลับไป


เธอหวังว่าน้ำพุวิญญาณจะมีประโยชน์และช่วยให้นางจ้าว อยู่ได้จนกว่า ซูซานเม่ย จะพบพ่อของเธอ เธอพยายามที่จะเปิดตาไม่ให้หลับ แต่เธอไม่สามารถทนมันได้และผล็อยหลับไป


นางจ้าว มองไปที่ ซูเสี่ยวหลู่ ที่หลับใหลด้วยสายตาที่อ่อนโยนและรู้สึกผิด เพราะว่า ตั้งแต่ลูกสาวคนเล็กของนางถือกำเนิดนางก็ยังไม่ได้ให้นมดื่มเลย


ตอนนี้นางฟื้นคืนสติแล้ว แต่นางก็ยังลุกขึ้นไม่ได้ พอคลอดออกมาก็ไม่มีใครมาช่วยทำความสะอาด นางแหงนมองหลังคาสลัวๆ แล้วถอนหายใจ


เสียงสาปแช่งยังคงดังอยู่!


นางจ้าวให้กำเนิดลูกสาว ซึ่งทำให้แม่สามีของนาง แม่เฒ่าหวังไม่พอใจมาก นางสาปแช่งครอบครัวของนางจ้าว ทั้งภายในและภายนอก รวมถึงลูกทั้งสี่คนด้วย


นางจ้าว ไม่สามารถสาปแช่งแม่สามีของนางกลับและทำได้เพียงร้องไห้อย่างเงียบๆ


ซูซานเม่ยวิ่งเข้าไปในทุ่งหญ้า พี่น้องทั้งสามของตระกูลซู ซูต้าหลาง ซูเอ้อหลาง และซูซานหลางกำลังเก็บต้นใบเงิน
ที่ทุ่งหญ้า ผู้เฒ่าซู เป็นผู้นำทางกับลูกชายของเขา

นอกจากนี้ ลูกชายโง่ๆ สองคนของซู่ซานหลางยังช่วยงานนี้อีกด้วย


เมื่อซูซานเม่ยมาถึง นางตะโกนว่า “ท่านพ่อ ท่านพ่อ ท่านกลับเรือนไปดูสักหน่อย ท่านแม่กับน้องสาวไม่สบาย”


ซูซานหลางออกมาจากทุ่งหญ้าพร้อมกับตะกร้าใบใหญ่บนหลังของเขา ใบหน้าสีแทนของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ในขณะนี้เขาดูกังวล “เกิดอันใดขึ้นกับแม่ของเจ้า”


ซูซานหลางไม่ได้สังเกตว่าซู่ซานเหม่ยบอกว่านางจ้าวให้กำเนิดลูกสาว เขาให้ความสนใจกับอาการของนางจ้าวแทน


ผู้เฒ่าซู ก็ออกมาเช่นกัน เขาพูดด้วยสีหน้ามืดมน “มีอะไรให้ดูรึ? นางให้กำเหนิดตัวล้างผลาญอีกคน ซานหลางเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ไป”


เมื่อได้ยินว่านางให้กำเนิดเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้เฒ่าซูก็สาปแช่งตัวโชคร้าย เจ้าสามของเขามีลูกสี่คนแล้ว แต่ก็เท่ากับไม่มีเลย ผู้เฒ่าซู รู้ดีว่าเจ้าสามให้กำเนิดตัวไร้ประโยชน์อีกแล้ว

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป