ขณะที่นางจ้าว ฟังคำสาปแช่ง น้ำตาของนางก็ไหลนองออกมา
ซูเสี่ยวหลู่ มองไปที่ นางจ้าว ที่น้ำตาไหลเพราะเสียงสาปแช่ง
เธอเป็นแพทย์แผนจีนที่อาศัยอยู่ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ระหว่างเดินทางไปรับประทานอาหารรอบดึก เธอถูกรถพุ่งเข้าชนบนทางเท้าจนสิ้นใจ
ทันใดนั้นเธอได้ฟื้นคืนสติ สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเธอได้กำเนิดเป็นทารก
เธอจุติในครรภ์ สมัยโบราณ.
สมัยก่อนนิยมให้กำเนิดผู้ชายมากกว่าผู้หญิง การกำเนิดของเธอไม่ใช่เรื่องที่ดี เธอรู้จากเสียงสาปแช่งของหญิงชราที่อยากให้เธอตายทันทีที่เธอเกิด
ซูเสี่ยวหลู่ รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับ นางจ้าว สัญชาตญาณที่แม่นยำของเธอบอกว่านางจ้าว กำลังตกอยู่ในสภาวะอันตราย
เมื่อพินิจถึงการกำเนิดของเธอ
ทันใดนั้นซูเสี่ยวหลู่นึกถึงการตกเลือดหลังคลอด!
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอยังเด็กและไม่สามารถพูดได้ ซูเสี่ยวหลู่ จ้องมองไปที่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ข้างๆ นางจ้าว
เธอได้ยินสาวน้อยคนนี้เรียกนางจ้าวว่าท่านแม่
และ
นางจ้าว เรียกเธอว่า ซานเม่ย นี่ต้องเป็นพี่สาวของเธอแน่ๆ
ไม่มีใครจะสามารถช่วยนางจ้าวได้ และพี่สาวอาจจะเป็นคนเดียวที่ทำได้ แต่เธอไม่สามารถพูดได้
เธอจะบอกพี่ของเธอได้อย่างไรว่าท่านแม่ของเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย? ซูเสี่ยวหลู่นึกไม่ออก เธอจึงทำได้เพียงกลั้นหายใจและร้องไห้
“แง”
ซูเสี่ยวหลู่แผดเสียงดังลั่น
สติของนางจ้าว ฟื้นคืนกลับมา สัญชาตญาณของความเป็นมารดาจึงยกมือขึ้นลูบลูกสาว
“ซีเม่ย อย่าร้อง…อย่าร้อง…”
ซูซานเม่ยฟื้นคืนสติและปีนขึ้นไปบนเตียงเพื่อช่วยนางจ้าวกล่อมน้องสาวของนาง
“ทำตัวดีๆ น้องสาว อย่าร้องข้าจะดูแลเจ้าเอง"
ซูซานเม่ยคุกเข่าที่ด้านในของเตียงและอุ้มซูเสี่ยวหลู่อย่างระมัดระวังเพื่อเกลี้ยกล่อมเธอ
ซูเสี่ยวหลู่ร้องไห้ไม่หยุด ใบหน้าของเธอแดงอันเนื่องมาจากการกลั้นหายใจ แม้ว่าเธอจะหายใจไม่ออก แต่เธอก็ไม่หยุด เสียงร้องของเธอดังมากจนกลบเสียงสาปแช่งของแม่เฒ่าหวัง
โชคดีที่เธอมีสุขภาพแข็งแรง
“แง—”
เสียงร้องของเธอทำให้หัวใจของนางจ้าวปวดร้าว นางกลัวว่าลูกสาวของนางอาจจะป่วย นางรู้ว่านางมิสามารถพึ่งพาแม่สามีและพี่สะใภ้ของนางได้
กระนั้น นางจึงดึงแขนเสื้อของซูซานเม่ยเบา ๆ และพูดอย่างอ่อนแรงว่า “ซานเม่ย วางซีเม่ยลงข้างแม่ ไปเรียกพ่อของเจ้าที่ทุ่งหญ้า”
ซานเม่ย วางซูเสี่ยวหลู่ ลงอย่างเชื่อฟังและลงจากเตียง ทันใดนั้นนางก็รีบเปิดประตูแล้ววิ่งออกไป
.
เมื่อเห็นว่าซูซานเม่ยไปขอความช่วยเหลือ ซูเสี่ยวหลู่ก็หยุดร้องไห้
นางหวังนั่งในห้องและสาปแช่งไม่หยุด
“นางตัวซวย แกจะร้องไห้จนกว่าจะตายเลยรึไง ถ้าเจ้าร้องไห้อีก ข้าจะเข้าไปจับเจ้า…”
“เจ้าขี้แพ้ ร้องไห้ให้ตัวเองตาย หุบปากแล้วไปตายเสีย ไอ้สารเลวอายุสั้น”
นางหวังสาปเเช่งอย่างไม่พอใจ
นางจ้าวนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดเมื่อได้ยิน
ขณะที่นางสะอื้น นางตบก้น ซูเสี่ยวหลู่และกระซิบเบา ๆ ว่า “ซีเม่ยของข้าเป็นเด็กดี นางจะต้องมีสุขภาพแข็งแรงและมีชีวิตที่ยืนยาว…”
ซูเสี่ยวหลู่หยุดร้องไห้และตัวสั่น เธอรู้สึกแย่มาก เธอสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและความรักของนางจ้าว ไม่ว่าครอบครัวนี้จะต้อนรับเธอหรือไม่
เเต่แม่ของเธอก็ยินดีที่จะต้อนรับเธอ
แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน มันยากที่จะบอกว่าเธอจะมีชีวิตอยู่เพื่อเติบโตได้หรือไม่
การกลายเป็นทารกทำให้เธอหมดพลัง สถานการณ์ของนางจ้าวอันตรายเกินไป เธอรู้สึกได้ถึงชีวิตของเธอที่ค่อยๆ หลุดลอยไป
เธอโวยวายขึ้น ทันใดนั้น ทุกอย่างก็กลายเป็นสีดำ
ทันใดนั้นเธอก็พบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เธอนอนอยู่ข้างน้ำพุเล็กๆ โดยมีดินสีดำสองกองอยู่ข้างๆ เธอ เธอยังเป็นทารก แต่มีบางอย่างที่แตกต่างออกไป
เธอนึกถึงนิยายที่เธอเคยอ่าน นี่อาจจะเป็นมิติ?
ขณะที่เธอครุ่นคิด การมองเห็นของเธอก็มืดสนิดลงอีกครั้ง เมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง นางจ้าวก็อยู่ข้างๆ เธอ ตาของนางปิดอยู่และมือของนางยังคงตบเบา ๆ โดยที่นางไม่รู้ตัว
ซูเสี่ยวหลู่ นึกถึงการเข้าสู่มิติ เมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอนอนอยู่ริมน้ำพุ
เธอหายใจเข้าลึกๆ บรรยากาศรอบๆทั้งพื้นดิน ทั้งน้ำพุนั้นดูพิกลแปลกๆ ยังไงก็ตาม ถ้าเพียงเธอสามารถให้ นางจ้าว ดื่มน้ำแร่จิตแห่งวิญญาณนี้ได้
ซู่เสี่ยวหลู่เพ่งจิต และพยายามอย่างเงียบๆ
ในที่สุดเธอก็พยายามที่จะหลั่งน้ำพุจิตวิญญาณได้ นิ้วของเธอรู้สึกเปียกเธอพยายามดิ้น สะไภ้หลี่ไม่ได้ห่อเธอไว้เเน่นหนามากนัก ดังนั้นเธอจึงสามารถยกมือขึ้นได้อย่างปราดเปรียว เธอดูดนิ้วหัวแม่มือและชิมน้ำหวานจากน้ำพุ
เมื่อมองไปที่นางจ้าว ซึ่งตาปิดแน่น ซู่เสี่ยวหลู่เอื้อมมือไปยังปากของนางจ้าวด้วยความยากลำบาก
อาจเป็นเพราะตอนนี้เธออ่อนแอเกินไป น้ำพุจิตวิญญาณจึงหยดออกมาทีละหยดเท่านั้น
หลังจากทำให้ปากของนางจ้าวเปียกชื้นแล้ว นางจ้าวก็เลียริมฝีปากของนาง นางเหนื่อยจนลืมตาไม่ขึ้น ด้วยความงุนงง นางรู้สึกว่าริมฝีปากของนางเย็น นางเลียริมฝีปากโดยไม่รู้สึกตัว
มันเป็นน้ำ นางต้องการน้ำมาก
เมื่อนางดื่มเข้าไป นางรู้สึกได้ถึงพลังอันอบอุ่นที่หล่อเลี้ยงนาง ค่อยๆ ให้กำลังแก่นาง นางลืมตาขึ้นและพบมือของลูกสาวตัวน้อยมาที่ปากของนาง นางจ้าว ตกตะลึงและรีบผลักมือของ ซู่เสี่ยวหลู่ ออกไป
หลังจากตรวจสอบแล้วว่ามือของลูกสาวปลอดภัยดีแล้ว นางจ้าวก็ขอโทษด้วยความรู้สึกผิด “ซีเมย่ แม่ขอโทษ แม่หิวจนเกือบจะกินเจ้าแล้ว”
หลังจากให้นางจ้าวดื่มน้ำแร่จิตวิญญาณชามเล็ก ๆ ซูเสี่ยวหลู่รู้สึกเหนื่อยและง่วงนอนมาก เธอหลับตาลงและหลับไป
เธอหวังว่าน้ำพุวิญญาณจะมีประโยชน์และช่วยให้นางจ้าว อยู่ได้จนกว่า ซูซานเม่ย จะพบพ่อของเธอ เธอพยายามที่จะเปิดตาไม่ให้หลับ แต่เธอไม่สามารถทนมันได้และผล็อยหลับไป
นางจ้าว มองไปที่ ซูเสี่ยวหลู่ ที่หลับใหลด้วยสายตาที่อ่อนโยนและรู้สึกผิด เพราะว่า ตั้งแต่ลูกสาวคนเล็กของนางถือกำเนิดนางก็ยังไม่ได้ให้นมดื่มเลย
ตอนนี้นางฟื้นคืนสติแล้ว แต่นางก็ยังลุกขึ้นไม่ได้ พอคลอดออกมาก็ไม่มีใครมาช่วยทำความสะอาด นางแหงนมองหลังคาสลัวๆ แล้วถอนหายใจ
เสียงสาปแช่งยังคงดังอยู่!
นางจ้าวให้กำเนิดลูกสาว ซึ่งทำให้แม่สามีของนาง แม่เฒ่าหวังไม่พอใจมาก นางสาปแช่งครอบครัวของนางจ้าว ทั้งภายในและภายนอก รวมถึงลูกทั้งสี่คนด้วย
นางจ้าว ไม่สามารถสาปแช่งแม่สามีของนางกลับและทำได้เพียงร้องไห้อย่างเงียบๆ
ซูซานเม่ยวิ่งเข้าไปในทุ่งหญ้า พี่น้องทั้งสามของตระกูลซู ซูต้าหลาง ซูเอ้อหลาง และซูซานหลางกำลังเก็บต้นใบเงิน
ที่ทุ่งหญ้า ผู้เฒ่าซู เป็นผู้นำทางกับลูกชายของเขา
นอกจากนี้ ลูกชายโง่ๆ สองคนของซู่ซานหลางยังช่วยงานนี้อีกด้วย
เมื่อซูซานเม่ยมาถึง นางตะโกนว่า “ท่านพ่อ ท่านพ่อ ท่านกลับเรือนไปดูสักหน่อย ท่านแม่กับน้องสาวไม่สบาย”
ซูซานหลางออกมาจากทุ่งหญ้าพร้อมกับตะกร้าใบใหญ่บนหลังของเขา ใบหน้าสีแทนของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ในขณะนี้เขาดูกังวล “เกิดอันใดขึ้นกับแม่ของเจ้า”
ซูซานหลางไม่ได้สังเกตว่าซู่ซานเหม่ยบอกว่านางจ้าวให้กำเนิดลูกสาว เขาให้ความสนใจกับอาการของนางจ้าวแทน
ผู้เฒ่าซู ก็ออกมาเช่นกัน เขาพูดด้วยสีหน้ามืดมน “มีอะไรให้ดูรึ? นางให้กำเหนิดตัวล้างผลาญอีกคน ซานหลางเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ไป”
เมื่อได้ยินว่านางให้กำเนิดเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้เฒ่าซูก็สาปแช่งตัวโชคร้าย เจ้าสามของเขามีลูกสี่คนแล้ว แต่ก็เท่ากับไม่มีเลย ผู้เฒ่าซู รู้ดีว่าเจ้าสามให้กำเนิดตัวไร้ประโยชน์อีกแล้ว